กระบี่จงมา 847.4 สองคนเคียงข้าง

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 847.4 สองคนเคียงข้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

คน​ที่​ปรากฏตัว​ก่อน​ใคร​คือ​ฉีถิงจี้ เซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ที่​มีใบหน้า​อ่อนเยาว์​ทั้ง​ยัง​หล่อเหลา​อย่างยิ่ง​ รวมไปถึง​ลู่​จือ​ที่​เรือน​กาย​สูงโปร่ง​แต่กลับ​มีโฉมหน้า​ธรรมดา​สามัญ

เฉิน​ผิง​อัน​ลืมตา​ขึ้น​

ฉีถิงจี้เหลือบตา​มอง​ผู้ฝึก​ตน​ที่​รู้สึก​เหมือน​วัวสันหลังหวะ​พวก​นั้น​ ยิ้ม​ถามว่า​ “เกิด​อะไร​ขึ้น​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “อยาก​จะเอา​เศษหิน​บน​หัว​กำแพงเมือง​กลับ​ไป​ ข้า​เลย​ขวาง​ไว้​แล้ว​สั่งสอน​ไป​รอบ​หนึ่ง​”

ฉีถิงจี้กับ​ลู่​จือ​มอง​ไป​ยัง​เว่ย​จิ้น​และ​เฉาจวิ้น​แทบจะ​เวลา​เดียวกัน​ ส่วน​เซียน​ซือ​ทำเนียบ​วงศ์ตระกูล​ที่​เส้นเอ็น​หัวใจ​ขึง​ตึง​ทั้งหลาย​เหล่านั้น​ คร้าน​จะมอง​แม้แต่​หาง​ตา​

เว่ย​จิ้น​ไม่รู้สึกรู้สา​ใดๆ​ ทั้งสิ้น​

เฉาจวิ้น​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ขอบเขต​ก่อกำเนิด​เล็ก​ๆ คน​หนึ่ง​กลับ​ไม่มีความกล้าหาญ​เช่นนี้​แล้ว​

ฉีถิงจี้ที่​เป็น​เจ้าประมุข​สกุล​ฉีของ​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ เวท​กระบี่​เป็น​อย่างไร​ ตัวอักษร​ที่​แกะสลัก​ไว้​บน​กำแพง​ตัว​นั้น​ยัง​ตั้ง​วาง​อยู่​ตรงนั้น​

ส่วน​ลู่​จือ​ นี่​คือ​สตรี​ที่​กล้า​ไล่ตาม​ไป​ดัก​สังหาร​หลิว​ชาไม่ให้​มุ่งหน้า​ไป​ยัง​ฝูเหยา​ทวีป​เพียงลำพัง​เชียว​นะ​

ฉีถิงจี้ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​เฉิน​ผิง​อัน​ เหลือบตา​มอง​แผ่น​หลัง​ของ​คน​กลุ่ม​นั้น​ ยิ้ม​เอ่ย​ว่า​ “คน​รุ่นเยาว์​นี่​นะ​ จะทำผิด​บ้าง​ก็​เป็นเรื่อง​ที่​หลีกเลี่ยง​ไม่ได้​ ชาติหน้า​ก็​สามารถ​ระมัดระวัง​ให้​มาก​อีกหน่อย​ได้​”

ลู่​จือ​ยิ่ง​ไม่พูดจา​เหลวไหล​ เงยหน้า​มอง​เฮ้อ​โซ่วอ​ริ​ยะ​ลัทธิ​ขงจื๊อ​ที่นั่ง​บัญชา​การณ์​ม่าน​ฟ้าโดยตรง​ ขอ​แค่​ฉีถิงจี้ลงมือ​ฟัน​คน​ นาง​ก็​จะรับผิดชอบ​ขัดขวาง​เฮ้อ​โซ่ว​ให้​เอง​

เจี่ย​เสวียน​และ​จู้ย่วน​ที่​ยัง​เดิน​จากไป​ได้​ไม่ไกล​รู้สึก​เหมือน​หล่น​ลง​ไป​ใน​หลุม​น้ำแข็ง​ ถึงกับ​ก้าว​ขา​ไม่ออก​แม้แต่​ก้าว​เดียว​

รู้สึก​เพียง​ว่า​หาก​ตน​เดิน​เพิ่ม​อีก​หนึ่ง​ก้าว​ก็​เท่ากับ​เป็นการ​ถามกระบี่​ต่อ​เซียน​กระบี่​สอง​ท่าน​นั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ ส่ายหน้า​ “ข้า​อธิบาย​เหตุผล​ไป​แล้ว​”

ฉีถิงจี้ยิ้ม​กล่าว​ “ถ้าอย่างนั้น​ก็​เอา​ตามที่​อิ่น​กวาน​ว่า​”

ลู่​จือ​รู้สึก​ไม่พอใจ​ใต้เท้า​อิ่น​กวาน​อยู่​บ้าง​ จึงแค่น​เสียง​เย็นชา​ “ก็​มีแต่​เจ้านี่แหละ​ที่​พูด​ง่าย​ที่สุด​ ฟัน​คนตาย​ไป​ เจ้าก็​อธิบาย​เหตุผล​ไม่ได้​แล้ว​หรือ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​เพียงแค่​โยน​เหล้า​หมัก​ร้อย​บุปผา​ไป​ให้​นาง​หนึ่ง​กา​

ลู่​จือ​รับ​เหล้า​ร้อย​บุปผา​มา นั่ง​ยอง​บน​หัว​กำแพง​ แหงนหน้า​กระดก​ดื่ม​สุรา​เลิศ​รส​

เฉาจวิ้น​ฟังด้วย​อาการ​ชาไป​ทั้ง​หนัง​หัว​

เซียน​กระบี่​อย่าง​ฉีถิงจี้ ลู่​จือ​นี้​ ดูแคลน​ที่จะ​จงใจพูดจา​อาฆาตมาดร้าย​ ใช้คำพูด​ปลุกปั่น​ให้​คน​หวาดกลัว​จริงๆ​

คาด​ว่า​ก่อน​จะฟัน​คน​ เอ่ย​เตือน​ไป​ก่อน​คำ​หนึ่ง​ก็​คง​ถือว่า​ไว้หน้า​มาก​พอแล้ว​?

เฉิน​ผิง​อัน​ใช้เสียง​ใน​ใจพูด​กับ​พวก​คน​ที่​ยืน​อึ้ง​อยู่กับที่​ไม่กล้า​ขยับเขยื้อน​ “อย่า​ยืน​บื้อ​อยู่เลย​ รีบ​กลับบ้าน​พวก​เจ้าไป​เถอะ​”

แต่ละคน​รู้สึก​เหมือน​ได้รับ​อภัยโทษ​ พา​กัน​ทะยาน​ลม​ออก​ไป​จาก​หัว​กำแพงเมือง​

เฉิน​ผิง​อัน​ชูแขน​ขึ้น​ส่งเหล้า​กา​หนึ่ง​ไป​ให้​ฉีถิงจี้ ถามชวน​คุย​ว่า​ “ทาง​ฝั่งของ​กุย​ซวี​รื่อ​จุ้ย​ กองทัพ​ชายแดน​ต้า​หลี​มีคน​มาถึงกี่​คน​แล้ว​?”

ฉีถิงจี้ค้อม​เอว​ลง​ไป​รับ​กา​เหล้า​มา คิด​แล้วก็​ทรุดตัว​ลง​ไป​นั่งขัดสมาธิ​เสีย​เลย​ ตอบ​ว่า​ “ตอนนี้​มีสามแสน​หก​หมื่น​นาย​ ใน​บรรดา​นั้น​มีทหารม้า​ติดอาวุธ​หนัก​สอง​หมื่น​นาย​ ทหารม้า​ติดอาวุธ​เบา​สอง​แสน​นาย​ พล​ทหารราบ​กลับ​มีไม่มาก​ ส่วน​จำนวน​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ติดตาม​กองทัพ​ ทาง​ฝั่งของ​ต้า​หลี​ไม่ได้​ป่าวประกาศ​ให้​คนนอก​รู้​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​อย่าง​ตกตะลึง​ “มีมาก​ขนาด​นี้​แล้ว​หรือ​?”

สนามรบ​ที่​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ยาก​ที่จะ​ใช้สงคราม​เลี้ยง​สงคราม​ได้​อีก​ ในอนาคต​หาก​แนว​เส้น​การ​สู้รบ​ถูกลาก​ยาว​ออก​ไป​ การเผาผลาญ​ทรัพยากร​ของ​เสบียง​ทัพ​ย่อ​มมาก​เกิน​กว่า​จะประมาณการณ์​ โชคดี​ที่​วัตถุ​ฟางชุ่น​และ​วัตถุ​จื่อ​ชื่อ​ของ​ผู้ฝึก​ตน​บน​ภูเขา​ล้วน​ถูก​ศาล​บุ๋น​และ​ราชวงศ์​ใหญ่​แห่ง​ต่างๆ​ ‘เช่ายืม​’ มาเป็น​จำนวนมาก​ เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​ได้มา​จำนวน​เท่าไร​

ฉีถิงจี้กล่าว​ “ได้ยิน​มาว่า​หลังจากนี้​จะมีคน​ทยอย​กัน​มาถึงอีก​ จำนวน​คน​ของ​กองทัพ​ชายแดน​ต้า​หลี​ใน​ทุกวันนี้​เป็นรอง​แค่​ราชวงศ์​เฉิงกวาน​ของ​แผ่นดิน​กลาง​เท่านั้น​แล้ว​ เพราะ​ต้า​หลี​ออกเดินทาง​เร็ว​สุด​ เรือ​กระบี่​ เรือข้ามฟาก​ขุนเขา​ เรือ​ข้าม​ทวีป​ สามารถ​เคลื่อน​ขบวน​กัน​ได้​อย่าง​ราบรื่น​มาก​ ใน​บรรดา​สิบ​ราชวงศ์​ใหญ่​ของ​ไพศาล​ มีอยู่​สอง​สามแห่ง​ที่​ต่อให้​จะร่ำร้อง​โอดครวญ​แค่​ไหน​ก็​ยัง​จำต้อง​เพิ่มจำนวน​กองทัพ​ให้​มากขึ้น​ ส่วน​จะมีสถานการณ์​ที่​เอา​คนไร้ความสามารถ​แทรก​เข้ามา​เพื่อให้​ครบ​จำนวน​หรือไม่​ ดู​จาก​ทหาร​ฝีมือดี​ที่​ถูก​ดึง​ตัว​มาจาก​แคว้น​ใต้​อาณัติ​ของ​แต่ละ​ฝ่าย​แล้ว​ ก็​มีเพียง​ศาล​บุ๋น​เท่านั้น​ที่​รู้​ชัดเจน​ดี​ที่สุด​”

เฉิน​ผิง​อัน​ถามอย่าง​ประหลาดใจ​ “ทุกวันนี้​เฉาสือ​อยู่​ที่ไหน​?”

ฉีถิงจี้ยิ้ม​กล่าว​ “เขา​ติดตาม​บุตรชาย​ที่รัก​ของ​เทพเจ้า​แห่ง​โชคลาภ​หลิว​ไป​ที่​ฉิงจีด้วยกัน​ แต่​ได้ยิน​มาว่า​เพียง​ไม่นาน​ก็​ติดตาม​พวก​สหาย​ออก​เดินทางไกล​ไป​แล้ว​ เฉาสือ​ ฟู่จิ้น​ หยวน​พาง​ ฉุน​ชิง อวี้เจวี้ยน​ฟู กู้​ช่าน​ ล้วน​เป็น​คนหนุ่มสาว​พวก​นี้​ หลิว​โย​ว​โจว​ไม่ได้​ตาม​ไป​ด้วย​ อยู่​ที่นั่น​ต่อ​กับ​ไหว​เฉียน​ คาด​ว่า​คง​ต้อง​เป็น​กุมาร​แจก​ทรัพย์​อี​กรอบ​แล้ว​”

บน​ภูเขา​มีคำพูด​ตลกขบขัน​อย่างหนึ่ง​แพร่หลาย​ออก​ไป​ หาก​ได้​เจอ​หลิว​โย​ว​โจว​ก็​อยาก​จะบอ​กว่า​ตัวเอง​คือ​พี่น้อง​แท้ๆ​ ที่​พลัด​พรากจากกัน​ไป​นาน​หลาย​ปี​ยิ่งนัก​ จากนั้น​จะได้​กลับบ้าน​ไป​พบ​หลิว​จวี้​เป่า​แล้ว​เรียก​เขา​ว่า​บิดา​ด้วยกัน​

ส่วน​ผู้ฝึก​ตน​หญิง​ ก็​แค่​ผูก​สมัคร​เป็น​คู่​บำเพ็ญ​เพียร​กับ​หลิว​โย​ว​โจว​ ก็​สามารถ​เรียก​บิดา​ได้​เหมือนกัน​แล้ว​

ฉีถิงจี้ยก​กา​เหล้า​ชน​กับ​กา​เหล้า​ของ​เฉิน​ผิง​อัน​เบา​ๆ “นอกจากนี้​คน​ที่​ช่วย​ปกป้อง​มรรคา​ให้​คนหนุ่มสาว​พวก​นี้​อย่าง​ลับ​ๆ เท่าที่​ข้า​รู้​มาก็​มีหัน​เชี่ยว​เซ่อ​แห่ง​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​กับ​เค่อ​ชิงของ​ถ้ำสวรรค์​จู๋ไห่​คน​หนึ่ง​ ประวัติ​ความเป็นมา​ไม่แน่ชัด​ มอง​ตื้น​ลึก​ไม่ออก​”

จากนั้น​ฉีถิงจี้ก็​ถือว่า​ได้​ให้​ความกระจ่าง​แก่​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​ “ก่อนหน้านี้​ที่​จั่ว​โย่วลง​ใต้​ไป​ ได้​เตือน​พวกเรา​ไว้​ว่า​ อย่า​ช่วย​ให้​เสีย​เรื่อง​”

บอก​ให้​ทั้ง​ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​อย่า​ช่วย​ให้​เสีย​เรื่อง​

คน​ที่​สามารถ​พูด​กับ​เซียน​กระบี่​ผู้อาวุโส​ที่​ได้​แกะสลัก​ตัวอักษร​ลง​บน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​เช่นนี้​ได้​ บน​โลก​มนุษย์​ใบ​นี้​ มีไม่มาก​จริงๆ​

เฉาจวิ้น​มอง​ด้วย​ความอิจฉา​สุดขีด​

เฉิน​ผิง​อัน​เจ้าเด็ก​นี่​ได้ดิบได้ดี​อยู่​ใน​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​จริงๆ​ เมื่อก่อน​มีแค่​ความเข้าใจ​อย่าง​พร่า​เลือน​ต่อ​อิ่น​กวาน​ เวลานี้​ได้​เห็น​เฉิน​ผิง​อัน​ตอน​อยู่​กับ​ฉีถิงจี้และ​ลู่​จือ​กับ​ตา​ตัวเอง​ ได้​สัมผัส​กับ​น้ำหนัก​ของ​สอง​คำ​ว่า​ ‘อิ่น​กวาน​’ กับ​ตัวเอง​แล้ว​

อยู่​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​แห่ง​นี้​ อย่า​ว่าแต่​เว่ย​จิ้น​ที่​เปลี่ยนไป​ไม่เหมือนเดิม​ได้​อย่าง​เป็นธรรมชาติ​เลย​ ที่แท้​พวก​คน​อย่าง​ฉีถิงจี้ ลู่​จือ​ ต่าง​ก็​มอง​เฉิน​ผิง​อันเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​เท่าเทียม​กับ​ตัวเอง​อย่าง​แท้จริง​แล้ว​

……

เฝิงเซวี่ย​เทา​ที่​ได้​ฉายา​ว่า​ชิงมี่ ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ที่​มีชาติกำเนิด​มาจาก​ผู้ฝึก​ตน​อิสระ​ผู้​นี้​ไม่ได้​หนี​ออกจาก​สนามรบ​แห่ง​นั้น​ไป​เป็น​เส้นตรง​ แต่​เลือก​จะอ้อม​เส้นทาง​กลับ​มายัง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ ระหว่างทาง​ที่มา​เยือน​เปลี่ยว​ร้าง​ เฝิงเซวี่ย​เทา​คอย​สังเกต​สภาพ​ภูมิศาสตร์​ของ​แต่ละ​สถานที่​ที่​ผ่าน​ ถึงขั้น​ยัง​วาดภาพ​แผนที่​อย่าง​ละเอียด​ขึ้น​มาด้วย​

ทำเอา​เหลียง​ที่​มองดู​อยู่​มีสีหน้า​เมตตา​ปราณี​ บอ​กว่า​พี่​ชิงมี่กับ​สหาย​ที่​เป็น​อิ่น​กวาน​ของ​ข้า​คน​นั้น​จะต้อง​พูดคุย​กัน​ถูกคอ​แน่​ วันหน้า​หาก​มีโอกาส​ได้​กลับ​ไป​ไพศาล​จะต้อง​ไป​เป็น​แขก​ที่​ภูเขา​ลั่วพั่ว​นะ​ ถึงเวลา​นั้น​เจ้าแค่​บอกชื่อ​ข้า​อา​เหลียง​ออก​ไป​ ไม่ว่า​จะเป็น​เฉิน​ผิง​อัน​หรือ​ซาน​จวิน​ใหญ่​เว่ย​แห่ง​ขุนเขา​เหนือ​ก็​ต้อง​เอา​สุรา​ดี​ๆ มารับรอง​พี่​ชิงมี่แน่นอน​

เฝิงเซวี่ย​เทา​คิด​ว่า​ระหว่าง​ที่​เดินทาง​กลับ​เหนือ​จะไป​เยือน​กุย​ซวี​ฉิงจีที่อยู่​ใกล้​ที่สุด​เพื่อ​นำ​ภาพ​แผนที่​เหล่านั้น​ไป​มอบให้​กับ​ยักษ์​ใหญ่​แห่ง​วิถี​มาร​ของ​นคร​จักรพรรดิ​ขาว​ท่าน​นั้น​ด้วย​

เขา​พลัน​หยุด​ร่าง​นิ่ง​

รอบกาย​มีผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​เก้า​คน​โผล่​มาก​ มองดู​แล้ว​ล้วน​อายุ​ไม่มาก​ ขอบเขต​ไม่ถือว่า​สูงมาก​นัก​ แต่กลับ​สามารถ​ทำให้​เฝิงเซวี่ย​เทา​รู้สึก​เหมือน​เจอ​กับ​ศัตรู​ตัวฉกาจ​ นี่​เป็น​ความรู้สึก​ถึงอันตราย​ที่​ไม่เคย​พบ​เจอ​มานาน​มาก​แล้ว​ ไม่ได้​มีความรู้สึก​เหมือน​หายใจไม่ออก​อย่าง​ยาม​ที่​เผชิญหน้า​อา​เหลียง​กับ​จั่ว​โย่ว​ แต่​เป็น​ความรู้สึก​ไม่สบาย​ที่​เล็ก​ละเอียด​อย่างหนึ่ง​

เฝิงเซวี่ย​เทา​รู้จัก​แค่​คน​หนึ่ง​ใน​นั้น​ จู๋เชี่ย​ สะพาย​ชั้น​วาง​กระบี่​ ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​หยก​ดิบ​ ว่า​กัน​ว่า​เป็น​ลูกศิษย์​ใหญ่​เปิด​ขุนเขา​ของ​หลิว​ชา

เด็กหนุ่ม​คน​หนึ่ง​ใน​มือถือ​หน้ากาก​ ใบหน้า​ประดับ​รอยยิ้ม​บาง​ๆ ชาย​แขน​เสื้อ​ใหญ่​สอง​ข้าง​ห้อย​ตกลง​ ทำให้​มองไม่เห็น​มือ​ทั้งสอง​

เขา​สวม​ชุด​คลุม​อาคม​สีขาว​หิมะ​ ลาย​เมฆเหมือน​สายน้ำ​ที่​ไหลริน​ไม่หยุดนิ่ง​ ตรง​เอว​พก​ดาบ​แคบ​เล่ม​หนึ่ง​ ฝัก​ดาบ​เล็ก​บาง​ทั้ง​ยัง​ยาว​มาก​

หญิงสาว​คน​หนึ่ง​สวม​ตุ้มหู​สีทอง​ชิ้น​หนึ่ง​ที่​เปล่งแสง​แวววาว​อ่อนโยน​ ขับ​ให้​ซีก​หน้า​สอง​ข้าง​ของ​นาง​แบ่ง​เป็นหนึ่ง​มืด​หนึ่ง​สว่าง​

มีชาย​ร่าง​กำยำ​ตรง​เอว​ห้อย​ขวาน​ใหญ่​คู่​หนึ่ง​ ใน​มือถือ​ตะเกียง​หนึ่ง​ดวง​

ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​ลักษณะ​คล้าย​พี่ชาย​น้องสาว​คู่​หนึ่ง​ ยืน​เคียงข้าง​กัน​ บุรุษ​แบก​ลำ​ไม้ไผ่​ลำ​หนึ่ง​ไว้​บน​บ่า​ ตรง​เอว​ห้อย​น้ำเต้า​หนึ่ง​ลูก​

สตรี​ใช้มือหนึ่ง​ควง​กริช​ ด้านหลัง​สะพาย​ธนู​คัน​ยักษ์​

เด็กชาย​รูปโฉม​อ่อนเยาว์​คน​หนึ่ง​ ตรง​เอว​ห้อย​ถุงผ้าฝ้าย​ไม่สะดุดตา​หนึ่ง​ใบ​

หญิงสาว​เรือน​กาย​อ้อนแอ้น​ มีส่วนเว้าส่วนโค้ง​น่ามอง​ ทว่า​บน​ใบหน้า​สวมหน้ากาก​ปิด​ทับ​จึงมองไม่เห็น​โฉมหน้า​ สะพาย​ถุงบรรจุ​พิณ​ไว้​เอียง​ๆ คาด​ว่า​คง​เป็น​เพราะ​สวมหน้ากาก​ ภาพ​บรรยากาศ​ด้านหลัง​จึงก่อเกิด​เป็น​ภาพ​ศพ​จำนวน​นับไม่ถ้วน​ที่​ถูก​แขวนคอ​ตาย​ลอย​อยู่​กลางอากาศ​

เด็กหนุ่ม​หล่อเหลา​พก​ดาบ​แคบ​เป็น​คน​เปิดปาก​พูด​ก่อน​ ถึงกับ​สามารถ​พูด​ภาษากลาง​ของ​แผ่นดิน​กลาง​ไพศาล​ได้​อย่าง​คล่องปาก​ “นี่​ เจ้ารู้จัก​อิ่น​กวาน​หรือไม่​?”

ฉวยโอกาส​ที่​สตรี​อย่าง​หลิว​ป๋า​ย​ไม่ได้​อยู่​ที่นี่​ด้วย​ ต้อง​รีบ​ถามเรื่อง​เกี่ยวกับ​อิ่น​กวาน​หนุ่ม​สัก​หลาย​ๆ ประโยค​หน่อย​

ไม่อย่างนั้น​สตรี​ผู้​นั้น​ที่​อารมณ์ร้าย​ แค่​ได้ยิน​ชื่อ​คน​ผู้​นี้​ก็​โกรธ​จน​ขน​ตั้งชัน​ แน่นอน​ว่า​ไม่ใช่ความ​อับอาย​ที่​พาน​เป็น​ความโกรธ​อย่าง​ที่​แสดง​ออกมา​ภายนอก​ แต่​เป็น​การแอบ​จด​บัญชี​ไว้​เงียบๆ​

เด็กชาย​คน​นั้น​ยื่นมือ​ไป​ตบ​ถุงตรง​เอว​เบา​ๆ หัวเราะ​ร่า​ยิ้ม​ถามว่า​ “เทพเจ้า​แห่ง​โชคลาภ​สกุล​หลิว​ธวัล​ทวีป​ ที่​บ้าน​เขา​มีเงิน​แค่​ไหน​กัน​แน่​? ถังข้าว​ถ้วย​ข้าวของ​คนรับใช้​ทุก​คนใน​ตระกูล​เขา​ต่าง​ก็​สร้าง​ขึ้น​มาจาก​เงิน​เกล็ด​หิมะ​จริงๆ​ หรือไม่​?”

เฝิงเซวี่ย​เทา​พอ​จะมอง​ขอบเขต​ของ​ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​กลุ่ม​นี้​ออก​คร่าวๆ​ แล้ว​ว่า​สูงสุด​ไม่เกินขอบเขต​หยก​ดิบ​ แต่​คิด​จะมาล้อม​ฆ่าขอบเขต​บิน​ทะยาน​คน​หนึ่ง​นี่​นะ​?

แต่​ไม่รู้​ว่า​เพราะเหตุใด​ ลางสังหรณ์​ของ​เฝิงเซวี่ย​เทา​ถึงบอก​กับ​ตัว​เขา​ว่า​ หาก​ไม่ทัน​ระวัง​ก็​มีความเป็นไปได้​อย่างยิ่ง​ว่า​อาจจะ​ต้อง​ทิ้ง​ชีวิต​ไว้​ที่นี่​

และ​เวลานี้​เอง​ เสียง​หนึ่ง​พลัน​ดัง​ขึ้น​ใน​หัวใจ​ “สหาย​ชิงมี่อย่า​ได้​กลัว​ มีเปิง​เลอะ​เจินจ​วิน​อย่าง​ข้า​อยู่​ด้วย​ รับรอง​ว่า​เจ้าไม่มีอันตราย​ถึงชีวิต​แน่​”

……

บน​ยอดเขา​ภูเขา​สุ้ย​ซาน​

อาจารย์​ผู้เฒ่า​ปิด​หนังสือ​ลง​ ยิ้ม​กล่าว​ “กาลเวลา​ไม่หยุดนิ่ง​ เหมือน​กระแสน้ำ​ที่​ไหลริน​ เวลา​หมื่น​ปี​เพียง​พริบตาเดียว​ก็​ผ่าน​ไป​ ซูจื่อ​กล่าว​ได้ดี​ยิ่งนัก​ เรือน​กาย​เหมือน​โรงเตี๊ยม​ที่​ถูก​คน​ผลัดเปลี่ยน​หมุนเวียน​มาเยือน​ สถานที่​แห่งใด​จึงจะถือว่า​เป็น​บ้านเกิด​ของ​ข้า​”

ใต้​หล้า​มืด​สลัว​

ลู่​เฉิน​ฟุบ​ตัว​อยู่​บน​ราว​ระเบียง​หยก​ขาว​ “พวกเรา​สอง​คน​ที่​เป็น​ศิษย์​น้อง​ ไม่ว่า​ด้าน​ใด​ก็​ล้วน​สู้ศิษย์​พี่​ที่​ใกล้ชิด​กับ​อาจารย์​ที่สุด​ไม่ได้​”

เต๋า​เหล่า​เอ้อ​พูด​ด้วย​สีหน้า​ไม่สบอารมณ์​ “สรุป​ว่า​เจ้าจะไป​ฟ้านอก​ฟ้าเมื่อไหร่​กัน​แน่​?!”

ลู่​เฉิน​ทอดถอนใจ​ พูด​บ่นว่า​ “ปัญหา​ยาก​ใหญ่​เทียมฟ้า​ก็​ให้​บุคคล​ใหญ่​เทียมฟ้า​ไป​แก้ไข​เอา​สิ”

คน​ผู้​หนึ่ง​ที่​ลักษณะ​คล้าย​นักพรต​เด็กหนุ่ม​โผล่​มาตรงจุด​ที่สูง​ที่สุด​ของ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงแห่ง​นี้​ เรียกชื่อ​ของ​คน​ทั้งสอง​ “อวี๋​โต้​ว​ ลู่​เฉิน”​

อวี๋​โต้​ว​ก้ม​กราบ​คารวะ​ “อาจารย์​”

ลู่​เฉิน​กระโดด​ลง​จากราว​ระเบียง​ เอาอย่าง​ศิษย์​พี่​ คารวะ​ตาม​ขนบ​ลัทธิ​เต๋า​อย่าง​ถูกต้อง​อย่าง​ที่​หา​ได้​ยาก​

นักพรต​เด็กหนุ่ม​ที่​น้อย​ครั้ง​จะเดิน​ออก​มาจาก​ถ้ำสวรรค์​เหลียน​ฮวา​ก็​ไม่ได้​เอ่ย​อะไร​ เพียงแค่​เงยหน้า​มอง​ม่าน​ฟ้า

ณ สถาน​ที่หนึ่ง​ที่อยู่​นอก​ฟ้า มีสตรี​ชุด​ขาว​คน​หนึ่ง​ใช้สอง​นิ้ว​คีบ​ลูก​กลม​สีแดงสด​ลูก​หนึ่ง​เอาไว้​

หาก​มอง​จาก​ที่​ห่างไกล​มาเห็นภาพ​เหตุการณ์​นี้​ก็​จะสังเกตเห็น​ว่า​นั่น​คือ​ดวงดาว​บรรพกาล​ดวง​หนึ่ง​

นักพรต​เด็กหนุ่ม​เอ่ย​ว่า​ “ข้า​จำเป็นต้อง​ขี่​วัว​เดินทาง​ไป​ยัง​ฟ้านอก​ฟ้ารอบ​หนึ่ง​ ลู่​เฉิน​เจ้าไม่ต้อง​ไป​แล้ว​”

ลู่​เฉิน​พยักหน้า​ “ศิษย์​น้อม​รับ​คำสั่ง​ของ​ท่าน​อาจารย์​”

กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​

เฉิน​ผิง​อัน​ไป​ยัง​หัว​กำแพงเมือง​ที่​ตัวเอง​ผสาน​มรรคา​เพียงลำพัง​ เพิ่งจะ​นั่งลง​ก็​เห็น​หัว​หนึ่ง​โผล่​ออกมา​ คลี่​ยิ้ม​เจิดจ้า​ “ฮ่าๆ แปลกใจ​หรือไม่​?”

เฉิน​ผิง​อัน​ยก​ฝ่ามือ​ข้าง​หนึ่ง​ขึ้น​มาโดยตรง​ ห้า​อสนี​มารวมตัวกัน​แล้ว​ขว้าง​เข้า​กระแทก​หน้า​ของ​นักพรต​ที่​สวม​กวาน​ดอกบัว​คน​นั้น​ ซัด​อีก​ฝ่าย​ให้​กระเด็น​ออก​ไป​จาก​หัว​กำแพงเมือง​โดยตรง​

สุดท้าย​เฉิน​ผิง​อัน​ที่​สอด​สอง​มือ​ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​นั่ง​อยู่​บน​หัว​กำแพง​ นักพรต​คน​นั้น​ทำท่า​ว่ายน้ำ​กลับมา​ที่​หัว​กำแพงเมือง​ สุดท้าย​พลิ้ว​กาย​ลง​ด้าน​ข้าง​ ใช้ชาย​แขน​เสื้อ​ของ​ชุด​นักพรต​เช็ดหน้า​

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “มาทำ​อะไร​ที่นี่​?”

ลู่​เฉิน​ยิ้ม​กล่าว​ “มาร่วมวง​เรื่อง​สนุก​”

มีภิกษุ​วัยกลางคน​คน​หนึ่ง​ร้อง​ภาษาพระธรรม​คำ​หนึ่ง​ห่าง​จาก​หัว​กำแพงเมือง​ไป​ไม่ไกล​

ลู่​เฉิน​รีบ​ลุกขึ้น​ยืน​ เผ่น​ก่อน​เพื่อ​ความปลอดภัย​

เฉิน​ผิง​อัน​หันหน้า​ไป​มอง​ ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความ​อึ้ง​ตะลึง​ ลุกขึ้น​ยืน​ช้าๆ สอง​มือ​พนม​สิบ​นิ้ว​ ก้มหัว​คารวะ​

ภิกษุ​วัยกลางคน​คารวะ​กลับคืน​ แล้วก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​ เพียง​ไม่นาน​ร่าง​ก็​หายวับ​ไป​

เมืองหลวง​ต้า​หลี​ เซียน​ซือ​ผู้เฒ่า​หลิว​เจีย​ยืน​อยู่​ตรง​ปากตรอก​ ขัด​ขวางทาง​ไป​ของ​อาจารย์​ผู้เฒ่า​อีก​คน​หนึ่ง​

บน​หัว​กำแพงเมือง​ เฉิน​ผิง​อัน​กับ​หนิง​เหยา​ยืน​เคียงข้าง​กัน​ เฉิน​ผิง​อัน​ลังเล​เล็กน้อย​ ก่อน​จะเอ่ย​เบา​ๆ ว่า​ “บรรพ​จารย์​ของ​สามลัทธิ​จะสลาย​มรรคา​แล้ว​”

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด