กระบี่จงมา 848.1 มังกรและงูผงาดจากดิน

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter 848.1 มังกรและงูผงาดจากดิน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เฉิน​ผิง​อัน​มอง​ไป​ยัง​ทิศทาง​ของ​ภูเขาใหญ่​แสน​ลี้​ ขุนเขา​สายน้ำ​ที่​ราวกับว่า​ถูก​เฒ่าตาบอด​ใช้ดาบ​ฟัน​แบ่ง​อาณาเขต​ออก​ไป​จาก​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​แห่ง​นั้น​ เหนือ​พื้นดิน​มีแสงสีทอง​ขมุกขมัว​ เกิด​จาก​การ​สาดส่อง​ของ​หุ่นเชิด​เกราะ​ทอง​ที่​รับหน้าที่​ขนย้าย​ภูเขา​ ตรงจุด​สูงยังมี​ก้อน​เมฆฤดูใบไม้ร่วง​ที่​มอง​แล้ว​เหมือน​ยอดเขา​ ดุจ​สายน้ำ​ที่​ไหล​นอง​เอ่อ​เต็ม​นภา​

เฉิน​ผิง​อัน​นึกถึง​การแย่งชิง​กัน​ข้าม​ฝั่งใน​พื้นที่​มงคล​ดอกบัว​ใน​อดีต​ขึ้น​มาได้​ มีความเป็นไป​ได้มา​กว่า​ ในอนาคต​อีก​ร้อย​ปี​ข้างหน้า​ ใต้​หล้า​ทั้งหลาย​จะมีภาพ​บรรยากาศ​ที่​ไม่เคย​มีปรากฏ​มาก่อน​นาน​นับ​หมื่น​ปี​ บน​มหา​มรรคา​ ทุกคน​พา​กัน​แย่งชิง​เพื่อ​ข้าม​ฝั่ง ร่วมกัน​ช่วงชิง​โชควาสนา​

นึก​อีก​เรื่อง​หนึ่ง​ขึ้น​มาได้​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​เอ่ย​เบา​ๆ “อาจารย์​เคย​พูด​กระทบกระเทียบ​ข้า​ บอ​กว่า​ใน​เรื่อง​บาง​เรื่อง​ ข้า​ค่อนข้าง​รู้สึกตัว​ช้า ไม่สมควร​เลย​จริงๆ​”

หนิง​เหยา​ถามอย่าง​ใคร่รู้​ “เรื่อง​อะไร​?”

อาจารย์​ผู้เฒ่า​เห​วิน​เซิ่งตัดใจ​พูด​กระทบกระเทียบ​ลูกศิษย์​ผู้​เป็นที่​ภาคภูมิใจ​อย่าง​เจ้าได้​ลง​ด้วย​หรือ​?

เฉิน​ผิง​อัน​ตอบ​ “อาจารย์​เตือน​ข้า​ว่า​ตอนที่​พวกเรา​สอง​คน​อยู่​ด้วยกัน​ ข้า​ไม่ควร​เอาแต่​ปล่อย​ให้​เจ้าเป็น​ฝ่าย​ชวน​คุย​ก่อน​”

คง​เป็น​เพราะ​ความเข้าใจผิด​หลายอย่าง​ระหว่าง​คน​กับ​คน​ บางที​ก็​มาจาก​คำพูด​ไร้​เจตนา​ที่​ไม่ควร​พูด​ คำพูด​ที่​พูด​อย่าง​ไม่ใส่ใจ หรือ​คำพูด​อย่าง​ตั้งใจ​ที่​สมควร​พูด​ กลับ​ขี้เหนียว​ไม่ยอม​พูด​ คำพูด​พึมพำ​ที่​ริมฝีปาก​บน​ล่าง​แทบ​ไม่ขยับ​ กลับ​เข้าใจผิด​คิด​ว่า​อีก​ฝ่าย​เข้าใจ​นาน​แล้ว​

หนิง​เหยา​มีสีหน้า​ปั้น​ยาก​

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “ไม่ใช่แบบนี้​หรือ​?”

หนิง​เหยา​ส่ายหน้า​ “แน่นอน​ว่า​ต้อง​ไม่ใช่”

คน​ทั้งสอง​อยู่​ด้วยกัน​ ไม่ว่า​จะอยู่​ใน​สถาน​ที่ใด​ ต่อให้​ไม่มีใคร​พูด​อะไร​ อันที่จริง​หนิง​เหยา​ก็​ไม่รู้สึก​อึดอัด​ อีก​อย่าง​นาง​ก็​ไม่ได้​พยายาม​หาเรื่อง​ชวน​คุย​จริงๆ​ พูดคุย​กับ​เขา​ เดิมที​ก็​ไม่รู้สึก​ว่า​น่าเบื่อ​อยู่แล้ว​

หนิง​เหยา​หลุด​หัวเราะ​อย่า​งอด​ไม่อยู่​ “อาจารย์​กับ​ลูกศิษย์​ คน​หนึ่ง​กล้า​สอน​ อีก​คน​หนึ่ง​ก็​กล้า​ฟังจริงๆ​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ก็​วางใจ​แล้ว​”

หนิง​เหยา​กำลังจะ​พูด​ เฉิน​ผิง​อัน​กลับเป็น​ฝ่าย​พูด​ขึ้น​มาก่อน​แล้ว​ “ต่อให้​เจ้าไม่คิด​อะไร​ แต่​ต่อจากนี้​ข้า​ก็​จะพูด​ให้​มาก​หน่อย​”

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​ต่อ​อี​กว่า​ “ก่อนหน้านี้​มีห​ลี่​เซิ่งอยู่​ข้าง​กาย​ เสียง​ใน​ใจของ​ข้า​พูด​ไป​ก็​ไม่มีอะไร​แตกต่าง​ ตอน​ที่อยู่​หน้า​ประตู​โรงเตี๊ยม​ อาจารย์​ห​ลี่​เซิ่งพูดตรงไปตรงมา​อย่าง​มาก​ สืบสาวราวเรื่อง​กัน​แล้วก็​เพราะ​เห็น​เจ้าเป็น​ผู้​แข็งแกร่ง​ที่​สามารถ​พูดคุย​ใน​ระดับ​ของ​คน​ที่​เท่าเทียมกัน​ได้​ ดังนั้น​ถึงได้​ฟังดู​แล้ว​ไม่เกรงใจ​ขนาด​นั้น​”

หนิง​เหยา​พยักหน้า​ “เข้าใจ​ เหตุผล​ก็​คือ​เหตุผล​เช่นนั้น​”

ดังนั้น​ตอนนั้น​นาง​ถึงไม่ได้​เอ่ย​อะไร​ นาง​เข้าใจ​ได้​ทั้งหมด​ แต่​ไม่แน่​เสมอไป​ว่า​จะยอม​รับได้​ทั้งหมด​ แต่​ใน​เมื่อ​อีก​ฝ่าย​คือ​ห​ลี่​เซิ่งผู้​มีคุณูปการ​ความ​เหนื่อยยาก​สูงส่ง นาง​จึงเงียบ​ไม่พูด​อะไร​ และ​นั่น​ก็​คือ​การ​ให้​ความเคารพ​ที่​ใหญ่​ที่สุด​แล้ว​

ห​ลี่​เซิ่งแห่ง​ศาล​บุ๋น​แผ่นดิน​กลาง​ เจ้าลัทธิ​ใหญ่​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง หนึ่ง​คือ​มารยาท​ หนึ่ง​คือ​คุณธรรม​ ทั้งสองฝ่าย​ต่าง​ก็​สามารถ​สยบ​ใจคน​ได้ดี​ที่สุด​

“การ​สลาย​มรรคา​ของ​บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​ ก็​คือ​สาเหตุ​ที่​พอ​เจ้ากลับ​ไป​ถึงบ้านเกิด​แล้ว​ต้อง​รีบ​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​โดยเร็ว​หรือ​?”

หนิง​เหยา​ถามคำถาม​ติดๆ​ กัน​สอง​ข้อ​อย่าง​ตรงไปตรงมา​ “ทาง​ฝั่งนั้น​จะทำ​อย่างไร​?”

สำหรับ​เรื่อง​การ​สลาย​มรรคา​ ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่​สำหรับ​หนิง​เหยา​ อันที่จริง​การสละ​ร่าง​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ก็​คล้าย​กับ​การ​สลาย​มรรคา​อย่างหนึ่ง​ แต่​นั่น​เป็น​การกระทำ​ด้วย​ความ​จนใจ​จาก​การ​ที่​ผู้ฝึก​ลมปราณ​พิสูจน์​มรรคา​แล้ว​ไร้ผล​ ไม่อาจ​ฝ่าทะลุ​ด่าน​เป็น​ตาย​ไป​ได้​ หลังจาก​สละ​ร่าง​ มรรค​กถา​ โชคชะตา​ของ​ทั้ง​ร่าง​จะโคจร​ไป​ไม่หยุดนิ่ง​ ทุกสิ่งทุกอย่าง​หวนคืน​สู่ฟ้าดิน​ มิอาจ​ควบคุม​ได้​ ตู้​เม่าผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ของ​สำนัก​ใบ​ถงเคย​ถูก​จั่ว​โย่ว​ฟัน​จน​ร่าง​แก้ว​ใสแตก​กระจัดกระจาย​ ก่อนที่​ตู้​เม่าจะตาย​ไป​ได้​พยายาม​นำ​ท่วงทำนอง​ของ​มรรคา​และ​ร่าง​ทอง​แก้ว​ใสส่วนหนึ่ง​ที่​เหลืออยู่​มอบให้​แก่​สำนัก​กุย​หยก​ จากนั้น​ก็​เป็น​อย่าง​บรรพบุรุษ​ใหญ่​ของ​ภูเขา​ทัว​เย​ว่​ใน​ภายหลัง​ที่​สามารถ​ควบคุม​โชคชะตา​บน​ร่าง​ สุดท้าย​นำ​กลับคืน​มาหล่อเลี้ยง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ เป็นเหตุให้​การ​ฝ่าทะลุ​ขอบเขต​ของ​ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​ใน​ใต้​หล้า​บ้านเกิด​คล้าย​กับ​หน่อไม้​ที่​ผุด​ขึ้น​หลัง​ฝนตก​ พวก​คน​อย่าง​เฝ่ย​หรา​น​ โซ่วเฉิน​ โจว​ชิงเกา​ ล้วน​เป็น​ดั่ง​มังกร​และ​งูที่​ผงาด​จาก​พื้นดิน​ เป็น​ลูก​รัก​แห่ง​สวรรค์​อย่าง​สมชื่อ​ได้​เหมือนกัน​หมด​โดย​ไม่มีข้อยกเว้น​

ส่วน​คำ​ว่า​ ‘ทาง​ฝั่งนั้น​’ ที่​หนิง​เหยา​พูดถึง​ แน่นอน​ว่า​หมายถึง​สรวงสวรรค์​เก่า​ที่​โจว​มี่ขึ้น​ฟ้าไป​อยู่อาศัย​

เฉิน​ผิง​อัน​ทรุดตัว​ลงนั่ง​ยอง​ ยื่น​ฝ่ามือ​มาค้ำ​ไว้​บน​หัว​กำแพงเมือง​แล้ว​ถูเบา​ๆ เงยหน้า​มอง​ม่าน​ฟ้าแวบ​หนึ่ง​ ตอบ​ว่า​ “ทาง​ฝั่งนั้น​จะทำ​อย่างไร​ บรรพ​จารย์​ของ​สามลัทธิ​น่าจะ​มีแผน​รับมือ​อยู่​กระมัง​ ข้า​ไม่มีทาง​ปล่อยไป​ไม่สน​ใจเด็ด​ขด​ ก่อนหน้านี้​ข้า​ไป​เข้าร่วม​การประชุม​ที่​แผ่นดิน​กลาง​ ระหว่าง​นั้น​มีการประชุม​ริม​ลำคลอง​ที่​ลึกลับ​มาก​ครั้งหนึ่ง​ นอกจาก​ข้า​ที่​ค่อนข้าง​เป็น​ข้อยกเว้น​แล้ว​ก็ได้​รวบรวม​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่ไว้​กลุ่ม​ใหญ่​ คน​ไม่น้อย​ข้า​ล้วน​เพิ่ง​เคย​เจอ​ครั้งแรก​ ห​ลี่​เซิ่งรับหน้าที่​เป็น​ผู้ดำเนินการ​ประชุม​ ก็​เหมือน​การ​…สอบ​ใหญ่​ครั้งหนึ่ง​ คน​ที่​ถูก​ทดสอบ​ก็​คือ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ของ​สามใต้​หล้า​ที่​ได้​ยืน​อยู่​บน​ยอดเขา​สูงสุด​แล้ว​ แต่กลับ​ไม่มีบรรพ​จารย์​ของ​สามลัทธิ​คนใด​ปราก​ฎตัว​ริม​ลำคลอง​ แต่​เนื้อหา​การ​ทดสอบ​อย่าง​เป็น​รูปธรรม​ รอ​จน​การประชุม​สิ้นสุดลง​แล้ว​ ก็​ราวกับว่า​ทุกคน​ล้วน​ลืม​กัน​ไป​หมด​แล้ว​ ตอนนั้น​ข้า​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ว่า​ไฉน​บรรพ​จารย์​สามลัทธิ​ต้อง​ทำให้​เป็น​เรื่องใหญ่​ขนาด​นั้น​ด้วย​ ภายหลัง​อาจารย์​พา​ข้า​ที่​ไป​ยอดเขา​ของ​ภูเขา​สุ้ย​ซาน​มารอบ​หนึ่ง​ ได้​เห็น​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​กับ​ตา​ตัวเอง​ ตอนนั้น​ข้า​ก็​สัมผัส​ได้​ถึงลาง​บางอย่าง​แล้ว​ อีก​ทั้ง​ปรมาจารย์​มหา​ปราชญ์​เอง​ก็​ไม่ได้​ปิดบัง​อำพราง​อะไร​ เขา​เอ่ย​ประโยค​หนึ่ง​กับ​ข้า​…พอ​จะถือว่า​เป็น​คำชม​อย่างหนึ่ง​ เท่ากับ​ว่า​ยอมรับ​เรื่อง​นี้​ไป​โดยปริยาย​”

เฉิน​ผิง​อัน​เดา​ว่า​กระดาษ​คำถาม​ที่​มีความเป็นความตาย​เป็น​หัวข้อ​ใน​การ​สอบ​ครั้งนั้น​ คำตอบ​ก็​คือ​ผลลัพธ์​จาก​การ​ถามใจตัวเอง​ของ​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​สิบ​สี่แต่ละคน​ ยกตัวอย่างเช่น​…ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่กลุ่ม​ใหญ่​จับมือ​กัน​เดินทาง​ไป​ยัง​สรวงสวรรค์​แห่ง​ใหม่​ กล้า​หรือไม่​ ยินดี​หรือไม่​ ยอม​สละ​ชีวิต​ลืม​รัก​ตัว​กลัว​ตาย​เพื่อ​ปวงประชา​ใน​โลก​มนุษย์​หรือไม่​

เฉิน​ผิง​อัน​เคย​ถามตอบ​กับ​คน​สี่คนใน​ภาพวาด​ครั้งหนึ่ง​ เกี่ยวกับ​การ​ช่วย​คน​ที่​จำเป็นต้อง​ฆ่า คำตอบ​ของ​จูเหลี่ยน​ใน​ปี​นั้น​คือ​ไม่ฆ่าและ​ไม่ช่วย​ เพราะ​กังวล​ว่า​ตัวเอง​ก็​คือ​ ‘หนึ่ง​ใน​หมื่น​’ นั้น​

ปี​นั้น​เฉิน​ผิง​อัน​เอง​ก็​ไม่ได้​พูด​อะไร​มาก​ อันที่จริง​ศิษย์​พี่​ชุย​ฉาน​ให้​คำตอบ​ที่​สุดโต่ง​ยิ่งกว่า​ ไม่เพียงแต่​ต้อง​ช่วย​คน​ อีก​ทั้ง​ตน​ต้อง​เป็น​ฝ่าย​เสนอตัว​กลาย​เป็นหนึ่ง​นั้น​ แน่นอน​ว่า​ศิษย์​พี่​ชุย​ฉาน​เน้นย้ำ​ใน​เรื่อง​คุณ​ความชอบ​และ​ลาภ​ยศอย่าง​มาก​ คน​ที่​ช่วย​จำเป็นต้อง​เป็น​คน​ของ​ทั่ว​ทั้ง​ใต้​หล้า​ เรื่อง​ที่​ทำ​คือ​เรื่อง​ที่​ต้อง​ค้ำ​ประคอง​แผ่น​ฟ้าซึ่งหาก​ไม่ใช่ข้า​ก็​ไม่มีใคร​ทำได้​อีก​ ศิษย์​พี่​ชุย​ฉาน​ถึงจะยินดี​กลาย​เป็นหนึ่ง​นั้น​

เฉิน​ผิง​อัน​เอ่ย​เตือน​ “ต้อง​ระวัง​ว่า​ลู่​เฉิน​จะแอบ​ฟัง”

เสียง​หนึ่ง​ดัง​ขึ้น​ใน​ใจทันที​ “จะเป็นไปได้​อย่างไร​? ผิน​เต้า​ไม่ใช่คน​แบบ​นั้น​สักหน่อย​!”

หนิง​เหยา​ไม่พูดพร่ำทำเพลง​ ดวงจิต​ขยับ​ไหว​เล็กน้อย​ แสงกระบี่​ก็​พุ่งตรง​ไป​ ไล่ตาม​จุดกำเนิด​ของ​เสียง​ใน​ใจ แหวก​ผ่า​ตรา​ผนึก​ขุนเขา​สายน้ำ​เป็นชั้นๆ​ เวท​อำ​พรางตา​หลาย​ขั้น​ ตรง​ไปหา​จุด​ที่ซ่อน​ร่าง​จริง​ของ​เจ้าลัทธิ​สามแห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง เห็น​เพียง​ว่า​นักพรต​หนุ่ม​ที่​สวม​กวาน​ดอกบัว​คน​หนึ่ง​รีบร้อน​ปราก​ฎตัวกลาง​ทะเล​เมฆเหนือ​หัว​กำแพงเมือง​ แล้ว​วิ่งหนี​อุตลุด​ แสงกระบี่​เส้น​หนึ่ง​ตามติด​ราวกับ​เงา ลู่​เฉินหด​ย่อ​พื้นที่​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ โบกสะบัด​ชาย​แขน​เสื้อ​ชุด​คลุม​เต๋า​อย่าง​แรง​ ปัด​ตบ​แสงกระบี่​เส้น​นั้น​ไป​หลายครั้ง​ ปาก​ก็​โหวกเหวก​ไป​ด้วยว่า​ “ดี​ๆๆ คู่รัก​เทพ​เซียน​ที่​ผิน​เต้า​ยอม​ลำบาก​เหนื่อยยาก​เป็น​เฒ่าจันทรา​ผูก​ด้าย​แดง​ให้​ตัวดี​ คน​หนึ่ง​แสงแห่ง​บุ๋น​สาด​สะท้อน​ดวงดาว​ คน​หนึ่ง​แสงกระบี่​พุ่ง​ทะยาน​ดุจ​รุ้ง​ยาว​! ช่างเป็น​คู่สร้างคู่สม​ที่​หมื่น​ปี​ก็​ไม่เคย​ปรากฏ​จริงๆ​!”

หนิง​เหยา​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​พลาง​โคลง​ศีรษะ​ “ช่างเถิด​”

หนิง​เหยา​จึงเก็บ​แสงกระบี่​เฉียบคม​ที่​รวมตัว​เป็นหนึ่ง​ไม่สลาย​หาย​ไป​เส้น​นั้น​มา

ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​ขอบเขต​สิบ​สี่มาเยือน​ใต้​หล้า​แห่ง​อื่น​มีกฎ​มากมาย​พันธนาการ​ ปี​นั้น​ลู่​เฉิน​ไปเที่ยว​เยือน​ถ้ำสวรรค์​หลี​จู ตั้ง​แผง​ดูดวง​ ก็​ต้อง​ทำตาม​กฎ​เดิม​ของ​ไพศาล​ กด​ขอบเขต​ไว้​ที่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​

ทุกวันนี้​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​แห่ง​นี้​ถือว่า​อยู่​ใน​อาณาเขต​ของ​ใต้​หล้า​ไพศาล​แล้ว​ ลู่​เฉิน​ได้​เดินทาง​จาก​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ ‘สวม​ชุด​แพร​กลับคืน​บ้านเกิด​’ อีกครั้ง​ แน่นอน​ว่า​ยัง​ต้อง​ทำตาม​กฎ​ที่​ห​ลี่​เซิ่งกำหนด​ไว้​

เพียงแต่ว่า​หาก​พูดตาม​คำกล่าว​บางอย่าง​ของ​นักพรต​ซุน​แห่ง​อาราม​เสวียน​ตู​ใหญ่​ที่​แพร่หลาย​อยู่​แค่​บน​ยอดเขา​แล้ว​ ขอบเขต​สิบ​สี่ของ​ลู่​เหล่า​ซาน​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ทั้ง​ไม่ว่า​ใคร​ก็​สู้ไม่ได้​ แล้ว​ยัง​ไม่ว่า​ใคร​ก็​สู้ไม่ได้​อีกด้วย​

นอกจาก​ลู่​เฉิน​ที่​พลิ้ว​กาย​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​แล้ว​ ห่าง​จาก​เฉิน​ผิง​อัน​ไป​แค่​ไม่กี่​ก้าว​ กลาง​ทะเล​เมฆยังมี​บุรุษ​วัยกลางคน​คน​หนึ่ง​เดิน​ออกมา​ ลักษณะ​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ สิงกวาน​หาว​ซู่

หาว​ซู่พลิ้ว​กาย​ลง​บน​หัว​กำแพงเมือง​ ยืน​อยู่​ข้าง​กาย​ลู่​เฉิน​ หรี่ตา​มอง​ไกล​ไป​ยัง​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ ปี​นั้น​รับหน้าที่​เป็น​สิงกวาน​ แต่​แท้จริง​แล้ว​กลับ​แค่​ตั้งใจ​ฝึก​บำเพ็ญตน​ฝึก​กระบี่​อยู่​ใน​คุก​ของ​เฒ่าหูหนวก​มาโดยตลอด​เท่านั้น​

หาว​ซู่สงสัย​ใคร่รู้​มานาน​แล้ว​ว่า​ เหตุใด​จนถึง​ท้ายที่สุด​ เซียน​กระบี่​ใหญ่​ผู้อาวุโส​ก็​ยัง​ไม่เคย​เรียกร้อง​สิ่งใด​จาก​เขา​

เฉินผ​งิอัน​ยังคง​นั่ง​ยอง​ กุม​หมัด​คารวะ​อีก​ฝ่าย​ หาว​ซู่ไม่ได้​หันหน้า​มา เพียงแค่​กุม​หมัด​เอน​ๆ มาทาง​เฉินผ​ิงอัน​ ถือ​เป็นการ​คารวะ​กลับคืน​ต่อ​อิ่น​กวาน​แห่ง​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​แล้ว​

อิ่น​กวาน​กับ​สิงกวาน​กลับมา​เจอกัน​อีกครั้ง​ที่​กำแพงเมือง​ปราณ​กระบี่​ มองดู​แล้ว​แต่ละคน​ต่าง​ผ่อนคลาย​สบายอารมณ์​กัน​อย่าง​มาก​

เฉิน​ผิง​อัน​ถาม “หนันกวง​จ้าว​ถูก​ผู้อาวุโส​สังหาร​หรือ​?”

หาว​ซู่พยักหน้า​ “รา​คาที่​ต้อง​จ่าย​น้อยกว่า​ที่​คาดการณ์​ไว้​มาก​นัก​ สรุป​ก็​คือ​ไม่ได้​ถูก​กักตัว​อยู่​ใน​สวน​กง​เต๋อ​คอย​ตกปลา​อยู่​เป็นเพื่อน​หลิว​ชาก็แล้วกัน​”

ความหมาย​ของ​ห​ลี่​เซิ่งก็​คือ​ หาว​ซู่สังหาร​หนันกวง​จ้าว​ผู้ฝึก​ตน​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ของ​แผ่นดิน​กลาง​ นี่​ถือเป็น​บุญคุณ​ความแค้น​บน​ภูเขา​ คือ​บัญชี​เก่า​นาน​ปี​ เดิมที​ศาล​บุ๋น​ไม่มีทาง​ขัดขวาง​ไม่ให้​หาว​ซู่เดินทาง​ไป​ยัง​ใต้​หล้า​มืด​สลัว​ เพียงแต่ว่า​เหตุการณ์​นี้​เกิดขึ้น​หลังจาก​การประชุม​ศาล​บุ๋น​จึงเท่ากับ​ว่า​ละเมิด​กฎ​ ศาล​บุ๋น​พิจารณา​ตามเหตุการณ์​แล้วก็​อนุญาต​ให้​หาว​ซู่มาสังหาร​ปีศาจ​ใหญ่​ขอบเขต​บิน​ทะยาน​ตน​หนึ่ง​ หรือไม่​ก็​ผู้ฝึก​ตน​เผ่า​ปีศาจ​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​สอง​คน​ที่นี่​

ดังนั้น​หาว​ซู่จึงอยู่​ที่​ใต้​หล้า​ไพศาล​ต่อ​ ความคิดเห็น​ของ​ห​ลี่​เซิ่ง ส่วนใหญ่​แล้ว​มักจะ​ทำให้​คน​ไม่มีความเห็น​ต่าง​ได้​เสมอ​

อันที่จริง​ด้วย​นิสัย​ของ​หาว​ซู่ ก็​ใช่ว่า​จะไม่สามารถ​พก​กระบี่​บุก​ออก​ไป​ได้​ เพราะ​เต๋า​เหล่า​เอ้อ​จะต้อง​คอย​รับ​เขา​อยู่​ที่​จุด​เชื่อมต่อ​ระหว่าง​ใต้​หล้า​ทั้งสอง​แห่ง​ เพียงแต่​หาว​ซู่คิด​ว่า​ไม่มีความจำเป็น​ต้อง​ทำ​เช่นนี้​ อีก​อย่าง​หาเรื่อง​ใครก็ได้​ แต่​อย่า​ไป​หาเรื่อง​ห​ลี่​เซิ่งเด็ดขาด​

ลู่​เฉิน​นั่ง​อยู่​ตรง​ริม​ขอบ​ของ​หัว​กำแพงเมือง​ ขา​สอง​ข้าง​ห้อย​ตกลง​ ส้นเท้า​กระทบ​กับ​หัว​กำแพงเมือง​เบา​ๆ เอ่ย​อย่าง​ปลงอนิจจัง​ว่า​ “ผิน​เต้า​อยู่​ใน​ถิ่น​ของ​เจ้านค​รก​วอ​แห่ง​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ต้อง​ทำ​หน้าหนา​ขอให้​คนอื่น​เขา​ทำบุญทำทาน​ ถึงสร้าง​ห้อง​หนังสือ​อัตคัด​ใหญ่​เท่า​เมล็ด​งาเมล็ด​ถั่วเขียว​ขึ้น​มาได้​ห้อง​หนึ่ง​ ตั้งชื่อ​ไว้​ว่า​เรือน​พิศ​พัน​กระบี่​ ดูท่า​ความ​อง​อาจจะ​ยัง​น้อย​เกินไป​”

ไม่มีคน​สนใจ​

หาก​ไป​อยู่​ที่​ป๋า​ยอ​วี้​จิง ไหน​เลย​จะเงียบกริบ​ขนาด​นี้​

เหลือบตา​มอง​ทิศใต้​ ลู่​เฉิน​ยื่นมือ​มาจับ​ประคอง​กวาน​เต๋า​ที่​ถือเป็น​ของ​แทน​ตัว​ของ​เจ้าลัทธิ​ป๋า​ยอ​วี้​จิงบน​ศีรษะ​ จุ๊ปาก​พูดว่า​ “หวง​หลวน​ผู้​นี้​ช่างสายตา​ดี​จริงๆ​ รู้จัก​เลียนแบบ​กวาน​ดอกบัว​ของ​ผิน​เต้า​ น่าเสียดาย​ที่​โชคร้าย​ไป​สักหน่อย​ ไม่อย่างนั้น​ครั้งนี้​จะต้อง​ไป​โอภาปราศรัย​กับ​เขา​สัก​สอง​สามประโยค​ให้จงได้​”

ลู่​เฉิน​หันไป​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​ หัวเราะ​ร่า​เอ่ย​ว่า​ “พบคน​ตกปลา​ใน​ธารา​ อยาก​ถามว่า​ท่าน​ตกปลา​มานาน​กี่​ปี​แล้ว​?”

เฉิน​ผิง​อัน​หัวเราะ​หยัน​เอ่ย​ “เก็บ​คันเบ็ด​รัด​ข้อง​ปลา​ เหน็บ​เคียว​ข้าง​เอว​ไป​ตัด​กุยช่าย​?”

สำหรับ​การ​เล่น​ทาย​คำ​ปริศนา​ของ​คน​ทั้งสอง​ หนิง​เหยา​กับ​หาว​ซู่สิงกวาน​ต่าง​ก็​แสร้ง​ทำเป็น​ไม่ได้ยิน​ ผู้ฝึก​กระบี่​ทั้งสอง​ต่าง​ก็​เป็น​คน​ที่​ไม่ชอบ​คิด​อะไร​มาก​ พอดี​กับ​ที่​ข้าง​กาย​ของ​ตัวเอง​ต่าง​ก็​มีคน​ที่​ยินดี​จะคิดมาก​ที่สุด​อยู่​ด้วย​

ลู่​เฉิน​พูด​ด้วย​สีหน้า​จริงจัง​ “เฉิน​ผิง​อัน​ ปี​นั้น​ข้า​บอก​แล้ว​ว่า​เจ้าต้อง​แต่ง​ตัวดี​ๆ อันที่จริง​รูปโฉม​ก็​ไม่เลว​ ตอนนั้น​เจ้ายัง​ทำ​หน้า​กังขา​ ผล​ล่ะ​เป็น​อย่างไร​ ตอนนี้​คงจะ​เชื่อ​แล้ว​กระมัง​?”

เฉิน​ผิง​อัน​กล่าว​ “หาก​ข้า​จำไม่ผิด​ ปี​นั้น​นักพรต​ลู่​ไม่ได้​พูด​แบบนี้​นะ​”

ลู่​เฉิน​ยื่นมือ​มาลูบคลำ​ปลาย​คาง​ “สรุป​แล้ว​เป็น​เจ้าที่​ไม่ระวัง​หลงลืม​ไป​ หรือ​เป็น​ผิน​เต้า​ที่​จำผิด​กัน​แน่​นะ​?”

เฉิน​ผิง​อัน​กำ​สอง​มือ​เป็น​หมัด​ วาง​ลง​บน​หัวเข่า​เบา​ๆ

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด