หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 48 : ขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณ

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 48 : ขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระปทะลวงสวรรค์ | Have Countless Lege…

ตอนที่ 48 : ขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณ

 

เมื่อได้เห็นสภาพที่น่าอนาถใจของจ้าวมังกรเกล็ดทมิฬเจียงฮือน้อยก็มองไปทางเขาก่อนจะถามขึ้นมา “เจ้าฆ่าเขาทั้งอย่างงั้นเลยอ่ะนะ?”

 

เจ้านี่เป็นถึงปีศาจทรงพลังระดับ 5 เชียวนะ..

มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถทําลายเมืองพังอาณาจักรได้เชียวนะ!

 

เธอรู้สึกราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ไม่ใช่แค่เธอหรอก แม้แต่ฮวงเหลี่ยนชินก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

 

มีเพียงแต่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเท่านั้นที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขานับถือโจวฉวนจีจากใจจริง สมกับเป็นเทพกระบีโจวความเด็ดขาดนี้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวในภัยอันตรายใด ๆ จริง

หนูทรายสามตาเดินไปยังด้านข้างของเจ้างูสีดําตัวจ้อยและดมฟุดฟิดหลังจากนั้นมันก็กัดเข้าไปที่หัวของเจ้างูนั่นและกําลังจะกินมัน

 

โจวฉวนจีรีบเขี่ยมันออกไปทันที จากนั้นเขาก็นั่งลงยอง ๆ ก่อนจะมองไปยังเจ้างูตัวเล็กนั่นด้วยความลังเล

 

เขารู้สึกได้ว่าเจ้านั่นมันยังไม่ตายสนิท

เขาควรจะฆ่ามันดีมั้ยนะ?

 

เขามองกลับไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ก่อนจะถามว่า“ปกติแล้วก่อนที่ปีศาจทรงพลังจะกลับมาเกิดใหม่หลังจากตายไปแล้วนี่นานเท่าไหร่นะ?”

เขาอยากจะถามเจ้างเกี่ยวกับชายในชุดสีดํานั้น

ถ้าไม่ถามเรื่องนี้ไปให้ชัด ๆ เขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจเหมือนกัน

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพูด “อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีแหละครับ เพราะยังไงการจะพัฒนาวรยุทธได้ก็ต้องฝึกฝนอยู่ดีครับ”

เขารู้สึกราวกับหัวใจของเขากําลังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาพึ่งจะชื่นชมเทพกระบีโจวไปได้ไม่นาน แล้วอยู่ๆ นายน้อยก็เกิดเห็นอกเห็นใจเจ้างูนั่นอ่ะนะ?

 

จู่ ๆ โจวฉวนจีก็เอาเชือกเส้นเล็กออกมา จากนั้นเขาก็เรียกให้หนูทรายสามตามาหา ก่อนจะมัดเจ้างูตัวเล็กนั้นไว้กับเท้าของเจ้าหนู

 

หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังวิญญาณเพื่อต่ออายุลมหายใจให้กับเจ้าง

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

เจ้างูก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มันรู้สึกทรมานเพราะเจ็บไปทั่วทั้งตัวมันหันไปมองโจวฉวนจีก่อนจะพูดว่า “ข้า…”

“ถุยยย!”

โจวฉวนจีถุยน้ําลายใส่มัน ด้วยความที่ตัวมันเล็ก มันก็เลยเหมีอนกับว่ามีอ่างน้ําเทราดใส่หัวของมัน

 

เจ้าตัวเล็กรู้สึกโกรธมาก ความน่าขยะแขยงสุดแสนจะพรรณาได้นี่ทําให้มันแทบจะเป็นลม

 

“ข้าจะ…”

“ถุยยย!”

 

“เจ้ามาทําให้ข้าขายหน้าแบบนี้ได้ยังไง…”

“ถุยยย!”

“อ้าาาง…”

“ถุยยย!”

เจ้างูตัวเล็กนอนอยู่ในบ่อน้ําลายและไม่กล้าแม้แต่จะขยับ มันตกอยู่ในความสิ้นหวังสุด ๆ

 

ในตอนนี้ เขารู้สึกอยากจะตายซะมากกว่าอีก

เจียงฉือน้อยเดินไปตบไหลโจวฉวนจีก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้าช่วยหยุดทําอะไรน่าขยะแขยงแบบนี้สักที่จะได้มั้ย?”

โจวฉวนจียิ้มและพูดตอบว่า “ถ้าข้าไม่สั่งสอนให้มันรู้ซะบ้างมันก็คงจะคิดว่าตัวเองเป็นราชาแห่งสรวงสวรรค์ที่ใคร ๆ ก็แตะต้องไม่ได้เลยน่ะสิ”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็เดินมาหาด้วยแต่เมื่อได้เห็นสภาพอันน่าอับอายของเจ้างูตัวจ้อยนั่น มันก็ทําให้พวกเขาถึงกับไร้คําพูด

“งั้นทําไมเจ้าถึงปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ล่ะ?”

เจียงฉือน้อยถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้แม้ว่าโจวฉวนจีจะกระทบอย่างโหดร้ายซะขนาดนั้น เจ้างูนั่นก็ยังโชคดีมากที่รอดมาได้หลังจากที่โดนเหยียบ

โจวฉวนจีตอบกลับ “ข้าก็แค่อยากจะถามมันเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวันนั้นน่ะเจ้าคงไม่อยากให้มีศัตรูลึกลับที่ไหนตามพวกเรามาด้วยหรอกใช่มั้ยล่ะ?”

ทั้งสามต่างพยักหน้า เมื่อพวกเขาคิดถึงหัวขาด ๆ ของชายแก่คนนั้นแล้วก็ตัวสั่นด้วยความกลัว

 

หลังจากนั้น โจวฉวนจีก็โยนเจ้างูตัวเล็กนั่นลงไปในแม่น้ํา หางของมันถูกมัดเอาไว้กับขาของเจ้าหนูทราย ตราบใดที่เจ้าหนูไม่ถูก โยนลงแม่น้ํามันก็ไม่มีทางจมหรอก

 

หลังจากที่พักกันมาได้ 2 วัน พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ

 

บาดแผลของเจ้าตัวเล็กก็ค่อย ๆ ดีขึ้น แต่เกี่ยวกับเรื่องชายแก่ในชุดสีดํามันกลับปฏิเสธที่จะพูด ดังนั้นโจวฉวนจีเลยตัดสนใจให้มันอดอาหารไปซักพัก

หลังจากผ่านไป 5 วัน

 

พวกเขาก็กลับมาถึงหมู่บ้านลําธารขจี

มันยังคงเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากโลกภายนอกเช่นเดิมชาวบ้านต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก ๆ วัน และบ้านเมืองก็ยังคงสงบสุข

เมื่อโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยกลับมาถึง เหล่าชาวบ้านต่างก็ยังดีด้วยเหมือนเดิม และพวกเขาก็ยังจําทั้ง 2 คนได้

 

ในปีนั้นหลังจากที่เฉินฮัวได้ตายไป ตระกูลฝางเองก็ไม่ได้สืบอะไรเพิ่มเติมชาวบ้านก็ไม่ได้กระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องนั้นออกไปเช่นกันเห็นได้ชัดเลยว่าเฉินฮัวไม่ได้เป็นคนสําคัญอะไรเลยสักนิด

เจียงฮือน้อยรู้สึกเศร้านิดหน่อยเมื่อเธอรู้ว่าหลังจากที่เธอจากไปคุณยายของเธอก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

 

ส่วนทางโจวฉวนจีนั้น เขาตัดสินใจที่จะอยู่ในหมู่บ้านลําธารขจีเป็นเวลาหนึ่งปี จากนั้นพวกเขาก็จะออกเดินทางไปยังมหาจักรวร รดิโจว

ไม่มีใครคัดค้านใด ๆ

ในช่วงหลายวันต่อจากนั้น เขาก็เริ่มสอนวิชาดาบสะบั้นสามชีพจรให้กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ

ยังไงซะวิชาดาบสะบั้นสามชีพจรก็ไม่ได้เป็นของเสี่ยวจิงหงแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว เขาเลยเอาไปสอนให้กับคนอื่นได้

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจรู้สึกประหลาดใจสุด ๆ เพราะเขารู้ดีว่าวิชาดาบสะบั้นสามชีพจรนั้นทรงพลังแค่ไหน

ในวันนั้น จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็สร้างกระท่อมไม้ขึ้นมา 3 หลัง พวกเขาอาศัยอยู่กันคนละหลังขณะที่เจียงฮือน้อยและโจวฉวนจีอาศัยอยู่ในกระท่อมเดียวกัน

หลังจากวันที่ 3 พวกเขาก็ลงหลักปักฐานอยู่ในหมู่บ้านลําธารขจีในที่สุด

เจ้างูตัวเล็กนั้นไม่อาจทนได้อีกต่อไป มันนอนแผ่หราอยู่บนพื้นด้วยความอ่อนแรงและพูดขึ้นว่า “ข้ายอมแล้ว…ให้ข้าได้กินอะไรสักอย่างที่เถอะ…แล้วข้าจะบอกเรื่องเกี่ยวกับหลี่ถือเหมยให้กับเจ้า…”

 

โจวฉวนจียิ้มขึ้นมา เขาหยิบเนื้อตากแห้งชิ้นเล็ก ๆ ออกมาก่อน จะวางมันไว้ที่ปากของเจ้างูพร้อมกับแก้วน้ํา

เจ้างูตัวเล็กเริ่มกินด้วยความยากลําบาก

 

กว่ามันจะกินเนื้อตากแห้งเสร็จก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ระหว่างนั้นเจ้าหนูทรายสามตาก็คอยกวนมันอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะมันปวกเปียกอยู่แบบนี้ มันคงจะสาปแช่งและสาปส่งเจ้าหนูเหม็นนั่นไปแล้ว

 

“เอาล่ะ บอกข้ามาตรง ๆ ซะ รวมถึงภูมิหลังของเจ้าด้วย”

 

โจวฉวนจีนอนอยู่บนตักของเจียงฉือน้อยพลางพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย และกําลังมีความสุขกับการนวดไหล่อยู่

 

เจ้างูตัวเล็กเงยหน้าขึ้น “ข้ามีนามว่า จ้าวมังกรเกล็ดทมิฬข้ากับหลี่ถือเหมยเราคือเพื่อนเป็นเพื่อนตาย พวกข้าเคยท่องไปทั่วโลกและยังไปมาทุกซอกทุกมุมของมหาจักรวรรดิโจวแล้ว ข้ายังเคยไปที่มหาจักรวรรดิฉางหรือแม้แต่ 7 ภูผา ตอนนั้นเราต่างก็เป็นสุขกายและสบายใจ…” มันเริ่มร่ายยาว

 

“บอกข้าถึงเรื่องสําคัญที่สุดมาได้แล้ว!” โจวฉวนจีพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน

 

เจ้างูตัวเล็กก็รีบตัดเข้าเรื่องทันที “เมื่อ 8 ปีก่อน แม่นางจาวฉวนหนีออกมาจากมหาจักรวรรดิโจว และหลีถือเหมยก็ได้รับค่าหัวมาจากองค์ราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจว ให้ไปจับลูกชายของแม่นางจาวฉวนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาใช้เวลาค้นหามานานถึง 8 ปีเต็ม

“ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่พบแม่นางจาวฉวนเลยแม้แต่น้อยแต่แล้วพวกข้าก็โดนคําสาปเข้าเมื่อตอนที่เดินทางลึกเข้าไปในปากู่หลานหลี่ถือเหมยก็เริ่มเสียสติแล้วก็กลายเป็นบ้า”

“เมื่อไม่นานมานี้ หลี่จือเหมยก็เผอิญเห็นเจ้าเข้าและตามเจ้ามาตลอดทางแต่พวกข้าก็ดันเจอเข้ากับเสี่ยวจิงหงซะก่อน ถ้าเขาไม่ดันเป็นบ้าไปก่อนล่ะก็อย่างเจ้าเสี่ยวจิงหงจะไปฆ่าเขาได้ยังไงกัน

ล่ะ!”

 

เมื่อมันพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เจ้างูก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจ เจียงฉือน้อยก็เช่นกัน

 

เสี่ยวจิงหงนะหรอ?

เป็นไปได้มั้ยว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์จะแอบปกป้องพวกเขาอย่างลับ ๆ อยู่นะ?

“ช่างเป็นลูกศิษย์ที่ดีจริง ๆ” โจวฉวนจีถอนหายใจด้วยความปลาบปลื้ม

โลกในชาตินี้มันช่างดีจริง ๆ ไม่เหมือนกับโลกในชาติก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างครู-ศิษย์ก็เป็นได้แค่การเล่นสวมบทบาทนะ

 

สําหรับที่นี่ การเป็นครูเพียงวันเดียวก็เท่ากับเป็นพ่อของตนไปชั่วชีวิต

 

ถึงแม้เสี่ยวจิงหงจะได้เรียนวิชาดาบมาจากหลาย ๆ คน แต่เขาเคยผ่านพิธีรับศิษย์อาจารย์แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และคน ๆ นั้น ก็คือโจวฉวนจีนั่นเอง

 

“ศิษย์อะไรนะ?”

 

เจ้างูตัวเล็กเริ่มสับสน มันไม่เข้าใจเลยสักนิด

“ถ้างั้นการตายของหลี่ถือเหมยและอาการบาดเจ็บสาหัสของเจ้าทั้งหมดมาจากน้ํามือของเสี่ยวจิงหงงั้นหรอ?”

โจวฉวนจีถาม ขณะที่เขาพูด เขาก็เอานิ้วชี้ไปที่เอวของตัวเอง เป็นการบอกให้เจียงฉือน้อยนวดตรงนั้นให้

“ใช่แล้วล่ะ!”

 

เจ้าตัวเล็กพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับว่ามันอยากจะสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลกกับเสี่ยวจิงหงเลยทีเดียว

“เข้าใจแล้ว ที่จะถามก็มีแค่นี้ละ งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าล่ะเป็นไง?”

โจวฉวนจีถามอย่างเฉื่อยชา ปีศาจทรงพลังระดับ 5 เขาจะปล่อยมันไปง่าย ๆ ได้ไงกันล่ะ?

กว่าเจ้าตัวน้อยนี่จะฟื้นตัวได้เต็มที่ โจวฉวนจีก็น่าจะมีพลังพอสู้กับมันได้พอดี

 

เจ้างูตัวเล็กแลบลิ้นแฉกของมันออกมาก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้ว ถ้าข้ายินยอมล่ะ?”

 

“งูตากแห้งชุบแป้งทอดนี่ เจ้าเคยกินรึเปล่าละ?”

 

เจ้าตัวเล็กสั่นสะท้านไปทั้งตัว มันก่นด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจไอเจ้าเด็กนี้มันจะโหดร้ายไปไหนกัน!

 

มันต้องมีปีศาจสิงสู่อยู่แหงเลย!

 

แต่เพื่อความอยู่รอดแล้ว

 

เจ้าตัวน้อยก็ทําได้แต่ยอมจํานนต่อเขา

ในตอนนี้ ปีศาจระดับ 5 ก็ได้เข้าร่วมกลุ่มกับโจวฉวนจีแล้ว

เขายังคงผูกเจ้างูตัวเล็กนั่นไว้กับเจ้าหนูทรายสามตา เผื่อกรณีที่เจ้างูอาจจะหนีไปได้

 

หลายวันต่อมาก็ค่อนข้างที่จะสงบสุขดี

3 เดือนต่อมา โจวฉวนจีก็ขึ้นสู่ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 10 ได้ แล้ว

หลังจากที่อายุครบ 10 ปี กระดูกของเขาก็แข็งแรงและเติบโตมากขึ้นและมากยิ่งขึ้น และเขายังสามารถพัฒนาวรยุทธของเขาไปได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วยเช่นเดียวกับเจียงฉือน้อย

อายุ 10 ถึง 12 ปีนั้นเป็นช่วงเวลาทองสําหรับการฝึกวรยุทธมันคือช่วงเวลาสําคัญที่จะสร้างรากฐานให้มั่นคงเลยล่ะ

 

4 เดือนผ่านไป

โจวฉวนจีก็ทะลุขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้แล้ว!

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบเลื่อนขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้ ระบบกาชาเริ่มทํางาน!”

“ทิ้ง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับทอง] …”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 48 : ขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณ

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 48 : ขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระปทะลวงสวรรค์ | Have Countless Lege…

ตอนที่ 48 : ขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณ

 

เมื่อได้เห็นสภาพที่น่าอนาถใจของจ้าวมังกรเกล็ดทมิฬเจียงฮือน้อยก็มองไปทางเขาก่อนจะถามขึ้นมา “เจ้าฆ่าเขาทั้งอย่างงั้นเลยอ่ะนะ?”

 

เจ้านี่เป็นถึงปีศาจทรงพลังระดับ 5 เชียวนะ..

มันเป็นสิ่งมีชีวิตที่สามารถทําลายเมืองพังอาณาจักรได้เชียวนะ!

 

เธอรู้สึกราวกับว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ไม่ใช่แค่เธอหรอก แม้แต่ฮวงเหลี่ยนชินก็รู้สึกเช่นเดียวกัน

 

มีเพียงแต่จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเท่านั้นที่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เขานับถือโจวฉวนจีจากใจจริง สมกับเป็นเทพกระบีโจวความเด็ดขาดนี้ไร้ซึ่งความหวาดกลัวในภัยอันตรายใด ๆ จริง

หนูทรายสามตาเดินไปยังด้านข้างของเจ้างูสีดําตัวจ้อยและดมฟุดฟิดหลังจากนั้นมันก็กัดเข้าไปที่หัวของเจ้างูนั่นและกําลังจะกินมัน

 

โจวฉวนจีรีบเขี่ยมันออกไปทันที จากนั้นเขาก็นั่งลงยอง ๆ ก่อนจะมองไปยังเจ้างูตัวเล็กนั่นด้วยความลังเล

 

เขารู้สึกได้ว่าเจ้านั่นมันยังไม่ตายสนิท

เขาควรจะฆ่ามันดีมั้ยนะ?

 

เขามองกลับไปยังจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ ก่อนจะถามว่า“ปกติแล้วก่อนที่ปีศาจทรงพลังจะกลับมาเกิดใหม่หลังจากตายไปแล้วนี่นานเท่าไหร่นะ?”

เขาอยากจะถามเจ้างเกี่ยวกับชายในชุดสีดํานั้น

ถ้าไม่ถามเรื่องนี้ไปให้ชัด ๆ เขาเองก็รู้สึกอึดอัดใจเหมือนกัน

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพูด “อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาหลายสิบปีแหละครับ เพราะยังไงการจะพัฒนาวรยุทธได้ก็ต้องฝึกฝนอยู่ดีครับ”

เขารู้สึกราวกับหัวใจของเขากําลังเต้นไม่เป็นจังหวะ เขาพึ่งจะชื่นชมเทพกระบีโจวไปได้ไม่นาน แล้วอยู่ๆ นายน้อยก็เกิดเห็นอกเห็นใจเจ้างูนั่นอ่ะนะ?

 

จู่ ๆ โจวฉวนจีก็เอาเชือกเส้นเล็กออกมา จากนั้นเขาก็เรียกให้หนูทรายสามตามาหา ก่อนจะมัดเจ้างูตัวเล็กนั้นไว้กับเท้าของเจ้าหนู

 

หลังจากนั้นเขาก็ใช้พลังวิญญาณเพื่อต่ออายุลมหายใจให้กับเจ้าง

 

หลังจากนั้นไม่นาน

 

เจ้างูก็ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมา มันรู้สึกทรมานเพราะเจ็บไปทั่วทั้งตัวมันหันไปมองโจวฉวนจีก่อนจะพูดว่า “ข้า…”

“ถุยยย!”

โจวฉวนจีถุยน้ําลายใส่มัน ด้วยความที่ตัวมันเล็ก มันก็เลยเหมีอนกับว่ามีอ่างน้ําเทราดใส่หัวของมัน

 

เจ้าตัวเล็กรู้สึกโกรธมาก ความน่าขยะแขยงสุดแสนจะพรรณาได้นี่ทําให้มันแทบจะเป็นลม

 

“ข้าจะ…”

“ถุยยย!”

 

“เจ้ามาทําให้ข้าขายหน้าแบบนี้ได้ยังไง…”

“ถุยยย!”

“อ้าาาง…”

“ถุยยย!”

เจ้างูตัวเล็กนอนอยู่ในบ่อน้ําลายและไม่กล้าแม้แต่จะขยับ มันตกอยู่ในความสิ้นหวังสุด ๆ

 

ในตอนนี้ เขารู้สึกอยากจะตายซะมากกว่าอีก

เจียงฉือน้อยเดินไปตบไหลโจวฉวนจีก่อนจะพูดขึ้นว่า “เจ้าช่วยหยุดทําอะไรน่าขยะแขยงแบบนี้สักที่จะได้มั้ย?”

โจวฉวนจียิ้มและพูดตอบว่า “ถ้าข้าไม่สั่งสอนให้มันรู้ซะบ้างมันก็คงจะคิดว่าตัวเองเป็นราชาแห่งสรวงสวรรค์ที่ใคร ๆ ก็แตะต้องไม่ได้เลยน่ะสิ”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็เดินมาหาด้วยแต่เมื่อได้เห็นสภาพอันน่าอับอายของเจ้างูตัวจ้อยนั่น มันก็ทําให้พวกเขาถึงกับไร้คําพูด

“งั้นทําไมเจ้าถึงปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ล่ะ?”

เจียงฉือน้อยถามด้วยความสงสัย ก่อนหน้านี้แม้ว่าโจวฉวนจีจะกระทบอย่างโหดร้ายซะขนาดนั้น เจ้างูนั่นก็ยังโชคดีมากที่รอดมาได้หลังจากที่โดนเหยียบ

โจวฉวนจีตอบกลับ “ข้าก็แค่อยากจะถามมันเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวันนั้นน่ะเจ้าคงไม่อยากให้มีศัตรูลึกลับที่ไหนตามพวกเรามาด้วยหรอกใช่มั้ยล่ะ?”

ทั้งสามต่างพยักหน้า เมื่อพวกเขาคิดถึงหัวขาด ๆ ของชายแก่คนนั้นแล้วก็ตัวสั่นด้วยความกลัว

 

หลังจากนั้น โจวฉวนจีก็โยนเจ้างูตัวเล็กนั่นลงไปในแม่น้ํา หางของมันถูกมัดเอาไว้กับขาของเจ้าหนูทราย ตราบใดที่เจ้าหนูไม่ถูก โยนลงแม่น้ํามันก็ไม่มีทางจมหรอก

 

หลังจากที่พักกันมาได้ 2 วัน พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางกันต่อ

 

บาดแผลของเจ้าตัวเล็กก็ค่อย ๆ ดีขึ้น แต่เกี่ยวกับเรื่องชายแก่ในชุดสีดํามันกลับปฏิเสธที่จะพูด ดังนั้นโจวฉวนจีเลยตัดสนใจให้มันอดอาหารไปซักพัก

หลังจากผ่านไป 5 วัน

 

พวกเขาก็กลับมาถึงหมู่บ้านลําธารขจี

มันยังคงเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลจากโลกภายนอกเช่นเดิมชาวบ้านต่างใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุก ๆ วัน และบ้านเมืองก็ยังคงสงบสุข

เมื่อโจวฉวนจีและเจียงฉือน้อยกลับมาถึง เหล่าชาวบ้านต่างก็ยังดีด้วยเหมือนเดิม และพวกเขาก็ยังจําทั้ง 2 คนได้

 

ในปีนั้นหลังจากที่เฉินฮัวได้ตายไป ตระกูลฝางเองก็ไม่ได้สืบอะไรเพิ่มเติมชาวบ้านก็ไม่ได้กระจายข่าวเกี่ยวกับเรื่องนั้นออกไปเช่นกันเห็นได้ชัดเลยว่าเฉินฮัวไม่ได้เป็นคนสําคัญอะไรเลยสักนิด

เจียงฮือน้อยรู้สึกเศร้านิดหน่อยเมื่อเธอรู้ว่าหลังจากที่เธอจากไปคุณยายของเธอก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย

 

ส่วนทางโจวฉวนจีนั้น เขาตัดสินใจที่จะอยู่ในหมู่บ้านลําธารขจีเป็นเวลาหนึ่งปี จากนั้นพวกเขาก็จะออกเดินทางไปยังมหาจักรวร รดิโจว

ไม่มีใครคัดค้านใด ๆ

ในช่วงหลายวันต่อจากนั้น เขาก็เริ่มสอนวิชาดาบสะบั้นสามชีพจรให้กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ

ยังไงซะวิชาดาบสะบั้นสามชีพจรก็ไม่ได้เป็นของเสี่ยวจิงหงแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว เขาเลยเอาไปสอนให้กับคนอื่นได้

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจรู้สึกประหลาดใจสุด ๆ เพราะเขารู้ดีว่าวิชาดาบสะบั้นสามชีพจรนั้นทรงพลังแค่ไหน

ในวันนั้น จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและฮวงเหลี่ยนชินก็สร้างกระท่อมไม้ขึ้นมา 3 หลัง พวกเขาอาศัยอยู่กันคนละหลังขณะที่เจียงฮือน้อยและโจวฉวนจีอาศัยอยู่ในกระท่อมเดียวกัน

หลังจากวันที่ 3 พวกเขาก็ลงหลักปักฐานอยู่ในหมู่บ้านลําธารขจีในที่สุด

เจ้างูตัวเล็กนั้นไม่อาจทนได้อีกต่อไป มันนอนแผ่หราอยู่บนพื้นด้วยความอ่อนแรงและพูดขึ้นว่า “ข้ายอมแล้ว…ให้ข้าได้กินอะไรสักอย่างที่เถอะ…แล้วข้าจะบอกเรื่องเกี่ยวกับหลี่ถือเหมยให้กับเจ้า…”

 

โจวฉวนจียิ้มขึ้นมา เขาหยิบเนื้อตากแห้งชิ้นเล็ก ๆ ออกมาก่อน จะวางมันไว้ที่ปากของเจ้างูพร้อมกับแก้วน้ํา

เจ้างูตัวเล็กเริ่มกินด้วยความยากลําบาก

 

กว่ามันจะกินเนื้อตากแห้งเสร็จก็ผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้ว ระหว่างนั้นเจ้าหนูทรายสามตาก็คอยกวนมันอยู่ตลอด ถ้าไม่ใช่เพราะมันปวกเปียกอยู่แบบนี้ มันคงจะสาปแช่งและสาปส่งเจ้าหนูเหม็นนั่นไปแล้ว

 

“เอาล่ะ บอกข้ามาตรง ๆ ซะ รวมถึงภูมิหลังของเจ้าด้วย”

 

โจวฉวนจีนอนอยู่บนตักของเจียงฉือน้อยพลางพูดอย่างเอื่อยเฉื่อย และกําลังมีความสุขกับการนวดไหล่อยู่

 

เจ้างูตัวเล็กเงยหน้าขึ้น “ข้ามีนามว่า จ้าวมังกรเกล็ดทมิฬข้ากับหลี่ถือเหมยเราคือเพื่อนเป็นเพื่อนตาย พวกข้าเคยท่องไปทั่วโลกและยังไปมาทุกซอกทุกมุมของมหาจักรวรรดิโจวแล้ว ข้ายังเคยไปที่มหาจักรวรรดิฉางหรือแม้แต่ 7 ภูผา ตอนนั้นเราต่างก็เป็นสุขกายและสบายใจ…” มันเริ่มร่ายยาว

 

“บอกข้าถึงเรื่องสําคัญที่สุดมาได้แล้ว!” โจวฉวนจีพูดขึ้นอย่างหมดความอดทน

 

เจ้างูตัวเล็กก็รีบตัดเข้าเรื่องทันที “เมื่อ 8 ปีก่อน แม่นางจาวฉวนหนีออกมาจากมหาจักรวรรดิโจว และหลีถือเหมยก็ได้รับค่าหัวมาจากองค์ราชินีแห่งมหาจักรวรรดิโจว ให้ไปจับลูกชายของแม่นางจาวฉวนที่ยังมีชีวิตอยู่ เขาใช้เวลาค้นหามานานถึง 8 ปีเต็ม

“ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่พบแม่นางจาวฉวนเลยแม้แต่น้อยแต่แล้วพวกข้าก็โดนคําสาปเข้าเมื่อตอนที่เดินทางลึกเข้าไปในปากู่หลานหลี่ถือเหมยก็เริ่มเสียสติแล้วก็กลายเป็นบ้า”

“เมื่อไม่นานมานี้ หลี่จือเหมยก็เผอิญเห็นเจ้าเข้าและตามเจ้ามาตลอดทางแต่พวกข้าก็ดันเจอเข้ากับเสี่ยวจิงหงซะก่อน ถ้าเขาไม่ดันเป็นบ้าไปก่อนล่ะก็อย่างเจ้าเสี่ยวจิงหงจะไปฆ่าเขาได้ยังไงกัน

ล่ะ!”

 

เมื่อมันพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา เจ้างูก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

 

โจวฉวนจีรู้สึกตกใจ เจียงฉือน้อยก็เช่นกัน

 

เสี่ยวจิงหงนะหรอ?

เป็นไปได้มั้ยว่าจอมกระบี่ผู้สูงศักดิ์จะแอบปกป้องพวกเขาอย่างลับ ๆ อยู่นะ?

“ช่างเป็นลูกศิษย์ที่ดีจริง ๆ” โจวฉวนจีถอนหายใจด้วยความปลาบปลื้ม

โลกในชาตินี้มันช่างดีจริง ๆ ไม่เหมือนกับโลกในชาติก่อนที่ความสัมพันธ์ระหว่างครู-ศิษย์ก็เป็นได้แค่การเล่นสวมบทบาทนะ

 

สําหรับที่นี่ การเป็นครูเพียงวันเดียวก็เท่ากับเป็นพ่อของตนไปชั่วชีวิต

 

ถึงแม้เสี่ยวจิงหงจะได้เรียนวิชาดาบมาจากหลาย ๆ คน แต่เขาเคยผ่านพิธีรับศิษย์อาจารย์แค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และคน ๆ นั้น ก็คือโจวฉวนจีนั่นเอง

 

“ศิษย์อะไรนะ?”

 

เจ้างูตัวเล็กเริ่มสับสน มันไม่เข้าใจเลยสักนิด

“ถ้างั้นการตายของหลี่ถือเหมยและอาการบาดเจ็บสาหัสของเจ้าทั้งหมดมาจากน้ํามือของเสี่ยวจิงหงงั้นหรอ?”

โจวฉวนจีถาม ขณะที่เขาพูด เขาก็เอานิ้วชี้ไปที่เอวของตัวเอง เป็นการบอกให้เจียงฉือน้อยนวดตรงนั้นให้

“ใช่แล้วล่ะ!”

 

เจ้าตัวเล็กพูดขึ้นอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับว่ามันอยากจะสู้โดยเอาชีวิตเข้าแลกกับเสี่ยวจิงหงเลยทีเดียว

“เข้าใจแล้ว ที่จะถามก็มีแค่นี้ละ งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้ามาเป็นสัตว์เลี้ยงของข้าล่ะเป็นไง?”

โจวฉวนจีถามอย่างเฉื่อยชา ปีศาจทรงพลังระดับ 5 เขาจะปล่อยมันไปง่าย ๆ ได้ไงกันล่ะ?

กว่าเจ้าตัวน้อยนี่จะฟื้นตัวได้เต็มที่ โจวฉวนจีก็น่าจะมีพลังพอสู้กับมันได้พอดี

 

เจ้างูตัวเล็กแลบลิ้นแฉกของมันออกมาก่อนจะถามขึ้นว่า “แล้ว ถ้าข้ายินยอมล่ะ?”

 

“งูตากแห้งชุบแป้งทอดนี่ เจ้าเคยกินรึเปล่าละ?”

 

เจ้าตัวเล็กสั่นสะท้านไปทั้งตัว มันก่นด่าสาปแช่งอยู่ภายในใจไอเจ้าเด็กนี้มันจะโหดร้ายไปไหนกัน!

 

มันต้องมีปีศาจสิงสู่อยู่แหงเลย!

 

แต่เพื่อความอยู่รอดแล้ว

 

เจ้าตัวน้อยก็ทําได้แต่ยอมจํานนต่อเขา

ในตอนนี้ ปีศาจระดับ 5 ก็ได้เข้าร่วมกลุ่มกับโจวฉวนจีแล้ว

เขายังคงผูกเจ้างูตัวเล็กนั่นไว้กับเจ้าหนูทรายสามตา เผื่อกรณีที่เจ้างูอาจจะหนีไปได้

 

หลายวันต่อมาก็ค่อนข้างที่จะสงบสุขดี

3 เดือนต่อมา โจวฉวนจีก็ขึ้นสู่ระดับสร้างรากฐานขั้นที่ 10 ได้ แล้ว

หลังจากที่อายุครบ 10 ปี กระดูกของเขาก็แข็งแรงและเติบโตมากขึ้นและมากยิ่งขึ้น และเขายังสามารถพัฒนาวรยุทธของเขาไปได้เร็วยิ่งขึ้นอีกด้วยเช่นเดียวกับเจียงฉือน้อย

อายุ 10 ถึง 12 ปีนั้นเป็นช่วงเวลาทองสําหรับการฝึกวรยุทธมันคือช่วงเวลาสําคัญที่จะสร้างรากฐานให้มั่นคงเลยล่ะ

 

4 เดือนผ่านไป

โจวฉวนจีก็ทะลุขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้แล้ว!

“จากการวิเคราะห์พบว่าท่านเจ้าของดาบเลื่อนขึ้นสู่ระดับบรรลุญาณได้ ระบบกาชาเริ่มทํางาน!”

“ทิ้ง! ยินดีด้วย ท่านเจ้าของดาบได้รับ [ระดับทอง] …”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+