หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 60 : อันดับงานประชุมกระบี่

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 60 : อันดับงานประชุมกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless…

ตอนที่ 60 : อันดับงานประชุมกระบี่

ตอนที่ 60 : อันดับงานประชุมกระบี่

ตามหาเทพกระบี่โจวงั้นเหรอ?

“คน ๆ นั้นเขามีพลังมากเพียงพอจะต่อกรกับเจ้าได้อยู่แล้วเจ้ารู้ผลคะแนนที่เขาทําได้ตอนทดสอบความเข้าใจในวิถีกระบี่รียังล่ะ?” โจวเฉิงซินจงใจยิ้มออกมาขณะที่พูด

ยอดกระบี่จาวฉงถามขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง“ระดับทมิฬขั้นต่ําเรอะ?”

นั่นเป็นสิ่งที่เขาเลือกตอนที่เขาเข้ารับการทดสอบเหมือนกัน

เพราะงั้นเขาจึงเดาไปแบบนั้นในสายตาของเขา เขาอาจจะประเมินพลังของเทพกระบี่โจวสูงไปก็ได้

โจวเฉิงซินส่ายหัวก่อนจะยิ้มให้จนทําให้ยอดกระบี่จาวฉงขมวดคิ้ว

“ระดับทมิฬขั้นสูงสุดน่ะ” เขาพูด

ม่านตาของยอดกระบีจาวฉงหดลงทันทีเขาก้าวขึ้นมาข้างหน้า “จริงรึ?”

เขายังแทบจะไม่รอดจากวิชาดาบระดับทมิฬขั้นต่ําเลยด้วยซ้ํา แล้วยิ่งเป็นขั้นสูงเนี่ย…

แค่ต้องจดจํากระบวนท่าการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนแบบนั้นมันก็ยากแล้ว

โจวเฉิงซินพยักหน้าแล้วพูด “ข้าเป็นคนที่ยื่นหยกขาวของเขาให้กับเสี่ยหวูโหยวด้วยตัวเอง”

ยอดกระบี่จาวฉงยังคงเงียบ

โจวเฉิงซินมองหน้าเขาและคิดขึ้นมาในใจข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากันระหว่าง เขากับเทพกระ !โจวน่ะ?

ทันใดนั้นเอง ยอดกระบี่จาวฉงก็หันห ลังกลับแล้วเดินจากไป

โจวเฉิงซินส่ายหัว ก่อนจะยิ้มออกมาขณะที่มองไปยังจอมกระบี่ผู้โด่งดังกําลังเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน

เขาเดินไปยังต้นไม้เก่าแก่ข้าง ๆ กับถนนแล้วจู่ ๆ ชายในชุดสีดําก็ปรากฏตัวออกมาข้างหลังเขาในทันที

ใบหน้าของชายในชุดสีดําคนนั้นถูกปกปิดไว้ครึ่งนึง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ปรากฏออกมาแต่ภายใต้ร่มไม้แบบนี้แม้แต่ดวงตาก็ไม่อาจเห็นได้ชัด

โจวเฉิงซินหันหลังเข้าใส่ชายคนนั้นก่อนจะพูด “ไปตามหามาว่าเทพกระบี่โจวพักอยู่ที่ไหนถ้าตระกูลหยางแห่งเมืองลั่วหยางกล้าจะไปมีเรื่องกับพวกเขาละก็จงส่งคนไปตักเตือนท่านเจ้าหน้าที่หยางซะ”

“รับทราบ!”

ชายในชุดสีดําตอบรับด้วยเสียงค่อย ก่อนจะหายตัวไป

ตะวันใกล้ลาลับขอบฟ้าโจวฉวนจีและพรรคพวกเข้ามาในคฤหาสต์ของจางเถียนเขียนที่อยู่ในเมืองจ้าวกระบี่

คฤหาสต์นั้นใหญ่โตมโหฬารมากมี 3 ลานกว้างห้องไว้รับรองแขกอีกเป็น 10 แล้วยังมีสวนตั้งอยู่ตรงกลางของคฤหาสต์อีก

จางหรูถาน ลูกชายอีกคนหนึ่งของจางเถียนเจียนอาศัยอยู่ที่นี่พร้อมด้วยบริวารกว่า 30 คน

จางหรูถานรู้สึกตื่นเต้นมากพอได้ยินว่าเทพกระบี่โจวจะมาที่นี่

ตระกูลของจางเถียนเจียนนั้นชื่นชอบในวิถีกระบี่เอามากๆภายในเขตชายแดนของมหาจักรวรรดิโจวเองก็ไม่ค่อยมีจอมกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่มากนัก

การปรากฏตัวของเทพกระบี่นั้นจึงเป็นเรื่องใหญ่มากหลังจากที่จางหรูถานได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขาผนวกกับจดหมายของจางหรูหยูทําให้เขาชื่นชมเทพกระบี่โจวไปโดยปริยาย

ตลอดทาง จางหรูถานถามจ้อไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น

“ท่านพี่ เรื่องจริงรึเปล่า? ที่ท่านเทพกระบี่โจวตบหน้าของหยางเฉอน่ะแล้วก็เรื่องที่องค์ชายเจ็ดเข้ามาต้อนรับท่านโจวด้วยตัวเองอีกน่ะ?”

จางหรูถานถามจางหรูหยูเพราะเขาไม่กล้าที่จะไปคุยกับโจวฉวนจิตรง ๆ

จางหรูหยูจ้องหน้าเขาก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความหัวเสีย“นี่เจ้าจะถามข้าอีก ซักกี่คําถามกันล่ะห้ะ?ท่านเทพกระบี่โจวอยู่ข้างหลังพวกเรานะช่วยอย่าทําตัวโง่ซักแปปนึ่งจะได้ไหม”

ตอนนั้นเองที่จากหรูถานหันกลับไปมองโจวฉวนจีด้วยความเขินอายก่อนจะนําทางพวกเขาไปต่อ

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังนึ่งขณะที่ฮวงเหลี่ยนชินก็อยู่อีกหลัง

โจวฉวนจีกับเจียงฉือน้อยก็อยู่ในห้องเดียวกันเหมือนเคยยัยเด็กนี่ไม่ได้มีความละอายแก่ใจเลยแม้แต่น้อยแถมทนไม่ได้ถ้าจะไม่ได้อยู่กับเขาอีก

นอกจากที่หมู่บ้านลําธารขจีแล้วเธอก็แทบไม่ได้ไปในที่ ๆ มีคนพลุกพล่านเลยแม้แต่น้อยเพราะการไม่ได้อยู่กับโจวฉวนจีมันทําให้เธอหวาดกลัว

ห้องรับรองแขกทั้ง 3 ห้องนั้นเชื่อมติดกันทําให้พวกเขาสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้

ในคืนนั้น จางเถียนเขียนก็เลี้ยงฉลองให้กับโจวฉวนจีและพรรคพวก

หลังจากดื่มเหล้าไป 3 จอก จางเถียนเจียนก็ถอนหายใจออกมา “เอาตรง ๆ นะ ท่านตอนแรกข้าล่ะสงสัยในตัวท่านสุด ๆ ไปเลยล่ะ เพราะว่าท่านน่ะนะจู่ๆ ก็ โด่งดังกลายเป็นตํานานขึ้นมในชั่วพริบ ตาเดียวแต่มาตอนนี้ ข้านะนับถือท่านจากใจจริงเลยล่ะ! ข้าน่ะเชื่อมั่นใจตัวท่านสุด ๆ !”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกรอกตาใส่

หน้าไม่อายชะมัด!จางเถียงเจียนมันหาโอกาสอวยไปพร้อม ๆ กับขอโทษขอโพยได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

ทําไมเขาจะไม่รู้ละว่าเพื่อนของเขาเป็นคนยังไง?

ต่างกับจางเถียนเจียนจางหรูหยูกับจางหรูถานนั้นก้าวข้ามพ่อของตัวเองได้ในทุกด้านของการอวยไปแล้วพวกเขาโม้เรื่องของโจวฉวนจีใส่สีตีไข่กันไปมาจนเว่อร์วังไปหมด

โจวฉวนจียิ้มแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร

แต่ทั้ง 3 คนก็ผลัดกันเอาแต่ยกแก้วดื่มให้กับเขากันยกใหญ่

นี่พวกเขาคิดว่าข้าเด็กนักรึไงหะ?

ในชาติก่อนข้าน่ะเป็นถึงเจ้าชายคอทองแดงเลยนะโว้ย!

แล้วมาชาตินี้ ฉันก็ฝึกจนถึงขั้นบรรลุญาณแล้วด้วยคิดเหรอว่าข้าจะเมาง่าย ๆ น่ะห้ะ?

โจวฉวนจีคิดด้วยความรังเกียจก่อนจะยกจอกเหล้าเข้าปากเรื่อย ๆ ตามพวกเขา

“คืนนี้ จะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่เหลือรอดโว้ย!”

กลางดึกคืนนั้นเอง

โจวฉวนกลับห้องของตัวเองโดยมีเจียงฉือน้อยคอยช่วยนิ้วปีกเอาไว้

“ข้ายังไม่มาวว… เอามาอีกจอกนึงเอ๊ะ…. คืนเน้อะนะ… เราจะจ่ายหยุดจนกว่าจะเมาเป็นหมากันไปข้างนึง…”

โจวฉวนจีคอห้อยอย่างหมดสภาพและบ่นพึมพัมพลางเหวี่ยงแขนขวาไปมา

เจียงฉือน้อยค่อย ๆ วางโจวฉวนจีลงบนเตียง หลังจากนั้นเธอก็เอาถังน้ําร้อนออกมาเตรียมไว้ข้าง ๆ และเริ่มลงมือเช็ดตัวให้กับเขา

ขณะที่เธอมองร่างกายอันร้อนผ่าวจนตัวแดงเขาเธอก็รู้สึกตลกขึ้นมาแต่ก็ปวดหัวด้วยเหมือนกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นโจวฉวนจีอยู่ในสภาพเละเทะแบบนี้

และไม่ใช่แค่โจวฉวนจีคนเดียวทั้งจางเถียนเขียนและลูกชายทั้ง 2 ของเขารวมไปถึงจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจทุกคนต่างก็เมาเละเทะกันหมด

จางเถียงแสดงความจริงใจของเขาด้วยการเลือกเหล้าชั้นยอดมาเลยเหล้าทุกขวดทุกจอกที่กินไปเป็นเหล้าวิญญาณที่แรงจัด ๆ แม้แต่จอมยุทธระดับบัวภายในเองก็ใช่ว่าจะดื่มเท่าไรก็ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับบรรลุญาณ

ลากยาวไปจนถึงเที่ยงของอีกวันนึง…

โจวฉวนจีตื่นขึ้นมา ร่างกายของเขาปวดร้าวและชาไปหมดเขารู้สึกมึนหัวและรู้สึกไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก

เจียงฉือน้อยอยู่บนโต๊ะกําลังป้อนอาหารหนูทรายสามตาอยู่ขณะที่เจ้างูสีดํา ตัวจ้อยเองก็เอาแต่แหกปากไม่หยุด

“นี่แม่ตัวน้อย ช่วยทําอะไรดี ๆ ให้ข้ากินหน่อยจะได้มั้ย? ได้โปรด หมูย่างปรุงรสที่เจ้ากินเมื่อคืนก่อนช่วยทําแบบนั้นให้ข้ากินด้วยบ้างสิ?”

แต่เจียงฉือน้อยกลับเมินคําขอของมัน

เจ้างูสีดําตัวจ้อยไม่กล้าที่จะโวยวายอาละวาดมากเพราะเขากลัวว่าโจวฉวนจีจะตื่นขึ้นมาแล้วกระทืบเขาซ้ําอีกรอบ

โจวฉวนจีค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแล้วปาดเหงื่อเม็ดโตบนหน้าผาก เขารู้สึกแย่สุด ๆตอนที่ภาพของเมื่อคือย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา

เหล้านั่นมันแรงสุด ๆ ไปเลย…

พอเห็นว่าเขาตื่นเจียงฉือน้อยก็รีบรินน้ําให้กับเขา

“ครั้งหน้า เจ้าเองก็อย่าอวดเก่งเกินไปอีกละ” เธอดใส่เขาขณะรินน้ําในชาม

โจวฉวนจีมองเธอพร้อมกอดอกแน่นถอนหายใจออกมา“ใครว่าข้าอวดดีกัน? ข้ายังดื่มได้มากกว่านี้อีกนะ!”

เจียงฉือน้อยถือชามไปที่ข้างเตียงแล้วยื่นแตะตัวของเขา “ก็ถ้าครั้งหน้ามีศัตรูเข้ามาโจมตีพวกเราตอนเจ้าเมาละก็ครั้งต่อไปที่เราจะได้เจอกันอีกทีก็คงจะเป็นในนรกแล้วละ”

เธอพูดโจวฉวนจีพอได้ยินแบบนั้นก็เหงื่อแตกพลักขึ้นมาทันที

เขาประมาทเกินไปเอง

ที่นี่คือมหาจักรวรรดิโจวนี่นะ…

เขาตัดสินใจว่าจะไม่เมาอีก

หลังจากที่ดื่มน้ําบ้างแล้ว โจวฉวนจีก็รู้สึกสดชื่นขึ้นก่อนจะใส่เสื้อและออกไปเคาะประตูห้องข้างๆ แต่จอมกระบี่ผู้องอาจก็ไม่ตอบกลับ บางทีเขาอาจจะยังนอนอยู่ก็ได้

เขาถามเหล่าบริวารคนใช้แล้วรู้มาว่า

จางเถียงเจียนกับลูก ๆ ของเขาก็ยังหลับอยู่เหมือนกัน

จู่ๆ เขาก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันที

อย่างน้อยข้าก็ไม่แพ้ชายหน้าไหนเรื่องซดเหล้าล่ะวะ

ในอีกหลายวันต่อมา เขาก็ไม่ได้ออกไปจากคฤหาสต์ตระกูลจาง เจียงฉือน้อยเองก็เช่นกันเธอเลยฝึกฝนวรยุทธกับเขาแทน

ตอนนี้เธอรู้เป้าหมายของเขาแล้วเพราะงั้นเธอเลยไม่อยากจะเป็นภาระกับเขา

ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างนั้นเอง โจวฉวนจีก็ได้บรรลุจิตกระบีของเพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถี

หลังผ่านวันที่ 3 ไป เขาก็ได้ก้าวไปถึงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 2 แล้ว และโจวเฉิงซินก็ได้มาแวะเวียนหาเขาด้วยตัว เองอีก

เขามาพร้อมกับลูกน้อง 4 คนที่ติดตามมาด้วยแต่ละคนหน้านิ่งเหี้ยมเกรียมกันทั้งนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพยายามกดปราณเฉพาะตัวเอาไว้ แต่จิตสังหารของพวกเขาก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดี

จางเถียงเจียนเองก็ดูจะเต็มไปด้วยความยินดีกับการมาเยี่ยมเยียนของเขาในครั้งนี้ด้วยเขารีบส่งคนเข้าไปเชิญโจวฉวนจีมาร่วมงานทันที

ทุกคนต่างรวมตัวกันที่โถงหลัก

“ท่านเทพกระบี่โจว ท่านได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานประชุมกระบี่นะท่านอยู่ในอันดับที่ 9 ละ” โจวเฉิงซินแสดงความเคารพแล้วพูดกับโจวฉวนจีด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเขาก็คืนหยกขาวให้กับโจวฉวนจี

หลังจากที่รับหยกขาวมาแล้วโจวฉวนจีก็โล่งใจขึ้นมา

ถ้าเกิดตกตั้งแต่รอบแรกในงานประชุมกระบี่ละก็คงจะน่าอับอายสุด ๆ ไปเลย

“ทําไมเขาถึงได้แค่อันดับ 9 เองละเขาควรจะอยู่อย่างน้อย ๆ ก็ต้องอันดับ 1 ใน 3 ไม่ใช่เหรอ?”

จางหรูถานพูดออกมาด้วยความไม่พอใจจางหรูหยูพยักหน้าตามเพราะรู้ สึกแบบนั้นเหมือนกัน

ใบหน้าของโจวฉวนจีดูใจเย็นก็จริงแต่ในใจเขาหวั่นไหวไปหมด

โจวเฉิงซินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูด “ทุกคนต่างพยายามเต็มที่แล้วในการทดสอบปราณกระบี่ยิ่งกว่านั้นยังมีจอมยุทธที่พลังร้ายกาจหลายคนมาเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วยอันดับ 9 ก็ถือว่าเป็นอันดับที่ดีแล้วด้วยความสามารถระดับท่านเทพกระบี่โจวท่านมีโอกาสสูงทีเดียวที่จะชนะในงานประชุมครั้งนี้ด้วยซ้ําไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 60 : อันดับงานประชุมกระบี่

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 60 : อันดับงานประชุมกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless…

ตอนที่ 60 : อันดับงานประชุมกระบี่

ตอนที่ 60 : อันดับงานประชุมกระบี่

ตามหาเทพกระบี่โจวงั้นเหรอ?

“คน ๆ นั้นเขามีพลังมากเพียงพอจะต่อกรกับเจ้าได้อยู่แล้วเจ้ารู้ผลคะแนนที่เขาทําได้ตอนทดสอบความเข้าใจในวิถีกระบี่รียังล่ะ?” โจวเฉิงซินจงใจยิ้มออกมาขณะที่พูด

ยอดกระบี่จาวฉงถามขึ้นมาอย่างสงบนิ่ง“ระดับทมิฬขั้นต่ําเรอะ?”

นั่นเป็นสิ่งที่เขาเลือกตอนที่เขาเข้ารับการทดสอบเหมือนกัน

เพราะงั้นเขาจึงเดาไปแบบนั้นในสายตาของเขา เขาอาจจะประเมินพลังของเทพกระบี่โจวสูงไปก็ได้

โจวเฉิงซินส่ายหัวก่อนจะยิ้มให้จนทําให้ยอดกระบี่จาวฉงขมวดคิ้ว

“ระดับทมิฬขั้นสูงสุดน่ะ” เขาพูด

ม่านตาของยอดกระบีจาวฉงหดลงทันทีเขาก้าวขึ้นมาข้างหน้า “จริงรึ?”

เขายังแทบจะไม่รอดจากวิชาดาบระดับทมิฬขั้นต่ําเลยด้วยซ้ํา แล้วยิ่งเป็นขั้นสูงเนี่ย…

แค่ต้องจดจํากระบวนท่าการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนแบบนั้นมันก็ยากแล้ว

โจวเฉิงซินพยักหน้าแล้วพูด “ข้าเป็นคนที่ยื่นหยกขาวของเขาให้กับเสี่ยหวูโหยวด้วยตัวเอง”

ยอดกระบี่จาวฉงยังคงเงียบ

โจวเฉิงซินมองหน้าเขาและคิดขึ้นมาในใจข้าล่ะสงสัยจริงๆว่าใครจะแข็งแกร่งกว่ากันระหว่าง เขากับเทพกระ !โจวน่ะ?

ทันใดนั้นเอง ยอดกระบี่จาวฉงก็หันห ลังกลับแล้วเดินจากไป

โจวเฉิงซินส่ายหัว ก่อนจะยิ้มออกมาขณะที่มองไปยังจอมกระบี่ผู้โด่งดังกําลังเดินหายไปท่ามกลางฝูงชน

เขาเดินไปยังต้นไม้เก่าแก่ข้าง ๆ กับถนนแล้วจู่ ๆ ชายในชุดสีดําก็ปรากฏตัวออกมาข้างหลังเขาในทันที

ใบหน้าของชายในชุดสีดําคนนั้นถูกปกปิดไว้ครึ่งนึง มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ปรากฏออกมาแต่ภายใต้ร่มไม้แบบนี้แม้แต่ดวงตาก็ไม่อาจเห็นได้ชัด

โจวเฉิงซินหันหลังเข้าใส่ชายคนนั้นก่อนจะพูด “ไปตามหามาว่าเทพกระบี่โจวพักอยู่ที่ไหนถ้าตระกูลหยางแห่งเมืองลั่วหยางกล้าจะไปมีเรื่องกับพวกเขาละก็จงส่งคนไปตักเตือนท่านเจ้าหน้าที่หยางซะ”

“รับทราบ!”

ชายในชุดสีดําตอบรับด้วยเสียงค่อย ก่อนจะหายตัวไป

ตะวันใกล้ลาลับขอบฟ้าโจวฉวนจีและพรรคพวกเข้ามาในคฤหาสต์ของจางเถียนเขียนที่อยู่ในเมืองจ้าวกระบี่

คฤหาสต์นั้นใหญ่โตมโหฬารมากมี 3 ลานกว้างห้องไว้รับรองแขกอีกเป็น 10 แล้วยังมีสวนตั้งอยู่ตรงกลางของคฤหาสต์อีก

จางหรูถาน ลูกชายอีกคนหนึ่งของจางเถียนเจียนอาศัยอยู่ที่นี่พร้อมด้วยบริวารกว่า 30 คน

จางหรูถานรู้สึกตื่นเต้นมากพอได้ยินว่าเทพกระบี่โจวจะมาที่นี่

ตระกูลของจางเถียนเจียนนั้นชื่นชอบในวิถีกระบี่เอามากๆภายในเขตชายแดนของมหาจักรวรรดิโจวเองก็ไม่ค่อยมีจอมกระบี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังอยู่มากนัก

การปรากฏตัวของเทพกระบี่นั้นจึงเป็นเรื่องใหญ่มากหลังจากที่จางหรูถานได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับตัวเขาผนวกกับจดหมายของจางหรูหยูทําให้เขาชื่นชมเทพกระบี่โจวไปโดยปริยาย

ตลอดทาง จางหรูถานถามจ้อไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น

“ท่านพี่ เรื่องจริงรึเปล่า? ที่ท่านเทพกระบี่โจวตบหน้าของหยางเฉอน่ะแล้วก็เรื่องที่องค์ชายเจ็ดเข้ามาต้อนรับท่านโจวด้วยตัวเองอีกน่ะ?”

จางหรูถานถามจางหรูหยูเพราะเขาไม่กล้าที่จะไปคุยกับโจวฉวนจิตรง ๆ

จางหรูหยูจ้องหน้าเขาก่อนจะพูดขึ้นมาด้วยความหัวเสีย“นี่เจ้าจะถามข้าอีก ซักกี่คําถามกันล่ะห้ะ?ท่านเทพกระบี่โจวอยู่ข้างหลังพวกเรานะช่วยอย่าทําตัวโง่ซักแปปนึ่งจะได้ไหม”

ตอนนั้นเองที่จากหรูถานหันกลับไปมองโจวฉวนจีด้วยความเขินอายก่อนจะนําทางพวกเขาไปต่อ

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังนึ่งขณะที่ฮวงเหลี่ยนชินก็อยู่อีกหลัง

โจวฉวนจีกับเจียงฉือน้อยก็อยู่ในห้องเดียวกันเหมือนเคยยัยเด็กนี่ไม่ได้มีความละอายแก่ใจเลยแม้แต่น้อยแถมทนไม่ได้ถ้าจะไม่ได้อยู่กับเขาอีก

นอกจากที่หมู่บ้านลําธารขจีแล้วเธอก็แทบไม่ได้ไปในที่ ๆ มีคนพลุกพล่านเลยแม้แต่น้อยเพราะการไม่ได้อยู่กับโจวฉวนจีมันทําให้เธอหวาดกลัว

ห้องรับรองแขกทั้ง 3 ห้องนั้นเชื่อมติดกันทําให้พวกเขาสามารถดูแลซึ่งกันและกันได้

ในคืนนั้น จางเถียนเขียนก็เลี้ยงฉลองให้กับโจวฉวนจีและพรรคพวก

หลังจากดื่มเหล้าไป 3 จอก จางเถียนเจียนก็ถอนหายใจออกมา “เอาตรง ๆ นะ ท่านตอนแรกข้าล่ะสงสัยในตัวท่านสุด ๆ ไปเลยล่ะ เพราะว่าท่านน่ะนะจู่ๆ ก็ โด่งดังกลายเป็นตํานานขึ้นมในชั่วพริบ ตาเดียวแต่มาตอนนี้ ข้านะนับถือท่านจากใจจริงเลยล่ะ! ข้าน่ะเชื่อมั่นใจตัวท่านสุด ๆ !”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกรอกตาใส่

หน้าไม่อายชะมัด!จางเถียงเจียนมันหาโอกาสอวยไปพร้อม ๆ กับขอโทษขอโพยได้อย่างสมบูรณ์แบบจริงๆ

ทําไมเขาจะไม่รู้ละว่าเพื่อนของเขาเป็นคนยังไง?

ต่างกับจางเถียนเจียนจางหรูหยูกับจางหรูถานนั้นก้าวข้ามพ่อของตัวเองได้ในทุกด้านของการอวยไปแล้วพวกเขาโม้เรื่องของโจวฉวนจีใส่สีตีไข่กันไปมาจนเว่อร์วังไปหมด

โจวฉวนจียิ้มแต่ก็ไม่ได้เก็บมาคิดอะไร

แต่ทั้ง 3 คนก็ผลัดกันเอาแต่ยกแก้วดื่มให้กับเขากันยกใหญ่

นี่พวกเขาคิดว่าข้าเด็กนักรึไงหะ?

ในชาติก่อนข้าน่ะเป็นถึงเจ้าชายคอทองแดงเลยนะโว้ย!

แล้วมาชาตินี้ ฉันก็ฝึกจนถึงขั้นบรรลุญาณแล้วด้วยคิดเหรอว่าข้าจะเมาง่าย ๆ น่ะห้ะ?

โจวฉวนจีคิดด้วยความรังเกียจก่อนจะยกจอกเหล้าเข้าปากเรื่อย ๆ ตามพวกเขา

“คืนนี้ จะมีแค่คนเดียวเท่านั้นที่เหลือรอดโว้ย!”

กลางดึกคืนนั้นเอง

โจวฉวนกลับห้องของตัวเองโดยมีเจียงฉือน้อยคอยช่วยนิ้วปีกเอาไว้

“ข้ายังไม่มาวว… เอามาอีกจอกนึงเอ๊ะ…. คืนเน้อะนะ… เราจะจ่ายหยุดจนกว่าจะเมาเป็นหมากันไปข้างนึง…”

โจวฉวนจีคอห้อยอย่างหมดสภาพและบ่นพึมพัมพลางเหวี่ยงแขนขวาไปมา

เจียงฉือน้อยค่อย ๆ วางโจวฉวนจีลงบนเตียง หลังจากนั้นเธอก็เอาถังน้ําร้อนออกมาเตรียมไว้ข้าง ๆ และเริ่มลงมือเช็ดตัวให้กับเขา

ขณะที่เธอมองร่างกายอันร้อนผ่าวจนตัวแดงเขาเธอก็รู้สึกตลกขึ้นมาแต่ก็ปวดหัวด้วยเหมือนกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นโจวฉวนจีอยู่ในสภาพเละเทะแบบนี้

และไม่ใช่แค่โจวฉวนจีคนเดียวทั้งจางเถียนเขียนและลูกชายทั้ง 2 ของเขารวมไปถึงจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจทุกคนต่างก็เมาเละเทะกันหมด

จางเถียงแสดงความจริงใจของเขาด้วยการเลือกเหล้าชั้นยอดมาเลยเหล้าทุกขวดทุกจอกที่กินไปเป็นเหล้าวิญญาณที่แรงจัด ๆ แม้แต่จอมยุทธระดับบัวภายในเองก็ใช่ว่าจะดื่มเท่าไรก็ได้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับบรรลุญาณ

ลากยาวไปจนถึงเที่ยงของอีกวันนึง…

โจวฉวนจีตื่นขึ้นมา ร่างกายของเขาปวดร้าวและชาไปหมดเขารู้สึกมึนหัวและรู้สึกไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก

เจียงฉือน้อยอยู่บนโต๊ะกําลังป้อนอาหารหนูทรายสามตาอยู่ขณะที่เจ้างูสีดํา ตัวจ้อยเองก็เอาแต่แหกปากไม่หยุด

“นี่แม่ตัวน้อย ช่วยทําอะไรดี ๆ ให้ข้ากินหน่อยจะได้มั้ย? ได้โปรด หมูย่างปรุงรสที่เจ้ากินเมื่อคืนก่อนช่วยทําแบบนั้นให้ข้ากินด้วยบ้างสิ?”

แต่เจียงฉือน้อยกลับเมินคําขอของมัน

เจ้างูสีดําตัวจ้อยไม่กล้าที่จะโวยวายอาละวาดมากเพราะเขากลัวว่าโจวฉวนจีจะตื่นขึ้นมาแล้วกระทืบเขาซ้ําอีกรอบ

โจวฉวนจีค่อย ๆ ลุกขึ้นมาแล้วปาดเหงื่อเม็ดโตบนหน้าผาก เขารู้สึกแย่สุด ๆตอนที่ภาพของเมื่อคือย้อนกลับเข้ามาในหัวของเขา

เหล้านั่นมันแรงสุด ๆ ไปเลย…

พอเห็นว่าเขาตื่นเจียงฉือน้อยก็รีบรินน้ําให้กับเขา

“ครั้งหน้า เจ้าเองก็อย่าอวดเก่งเกินไปอีกละ” เธอดใส่เขาขณะรินน้ําในชาม

โจวฉวนจีมองเธอพร้อมกอดอกแน่นถอนหายใจออกมา“ใครว่าข้าอวดดีกัน? ข้ายังดื่มได้มากกว่านี้อีกนะ!”

เจียงฉือน้อยถือชามไปที่ข้างเตียงแล้วยื่นแตะตัวของเขา “ก็ถ้าครั้งหน้ามีศัตรูเข้ามาโจมตีพวกเราตอนเจ้าเมาละก็ครั้งต่อไปที่เราจะได้เจอกันอีกทีก็คงจะเป็นในนรกแล้วละ”

เธอพูดโจวฉวนจีพอได้ยินแบบนั้นก็เหงื่อแตกพลักขึ้นมาทันที

เขาประมาทเกินไปเอง

ที่นี่คือมหาจักรวรรดิโจวนี่นะ…

เขาตัดสินใจว่าจะไม่เมาอีก

หลังจากที่ดื่มน้ําบ้างแล้ว โจวฉวนจีก็รู้สึกสดชื่นขึ้นก่อนจะใส่เสื้อและออกไปเคาะประตูห้องข้างๆ แต่จอมกระบี่ผู้องอาจก็ไม่ตอบกลับ บางทีเขาอาจจะยังนอนอยู่ก็ได้

เขาถามเหล่าบริวารคนใช้แล้วรู้มาว่า

จางเถียงเจียนกับลูก ๆ ของเขาก็ยังหลับอยู่เหมือนกัน

จู่ๆ เขาก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันที

อย่างน้อยข้าก็ไม่แพ้ชายหน้าไหนเรื่องซดเหล้าล่ะวะ

ในอีกหลายวันต่อมา เขาก็ไม่ได้ออกไปจากคฤหาสต์ตระกูลจาง เจียงฉือน้อยเองก็เช่นกันเธอเลยฝึกฝนวรยุทธกับเขาแทน

ตอนนี้เธอรู้เป้าหมายของเขาแล้วเพราะงั้นเธอเลยไม่อยากจะเป็นภาระกับเขา

ครึ่งเดือนผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในระหว่างนั้นเอง โจวฉวนจีก็ได้บรรลุจิตกระบีของเพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถี

หลังผ่านวันที่ 3 ไป เขาก็ได้ก้าวไปถึงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 2 แล้ว และโจวเฉิงซินก็ได้มาแวะเวียนหาเขาด้วยตัว เองอีก

เขามาพร้อมกับลูกน้อง 4 คนที่ติดตามมาด้วยแต่ละคนหน้านิ่งเหี้ยมเกรียมกันทั้งนั้นแม้ว่าพวกเขาจะพยายามกดปราณเฉพาะตัวเอาไว้ แต่จิตสังหารของพวกเขาก็ยังเล็ดลอดออกมาอยู่ดี

จางเถียงเจียนเองก็ดูจะเต็มไปด้วยความยินดีกับการมาเยี่ยมเยียนของเขาในครั้งนี้ด้วยเขารีบส่งคนเข้าไปเชิญโจวฉวนจีมาร่วมงานทันที

ทุกคนต่างรวมตัวกันที่โถงหลัก

“ท่านเทพกระบี่โจว ท่านได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมงานประชุมกระบี่นะท่านอยู่ในอันดับที่ 9 ละ” โจวเฉิงซินแสดงความเคารพแล้วพูดกับโจวฉวนจีด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นเขาก็คืนหยกขาวให้กับโจวฉวนจี

หลังจากที่รับหยกขาวมาแล้วโจวฉวนจีก็โล่งใจขึ้นมา

ถ้าเกิดตกตั้งแต่รอบแรกในงานประชุมกระบี่ละก็คงจะน่าอับอายสุด ๆ ไปเลย

“ทําไมเขาถึงได้แค่อันดับ 9 เองละเขาควรจะอยู่อย่างน้อย ๆ ก็ต้องอันดับ 1 ใน 3 ไม่ใช่เหรอ?”

จางหรูถานพูดออกมาด้วยความไม่พอใจจางหรูหยูพยักหน้าตามเพราะรู้ สึกแบบนั้นเหมือนกัน

ใบหน้าของโจวฉวนจีดูใจเย็นก็จริงแต่ในใจเขาหวั่นไหวไปหมด

โจวเฉิงซินหัวเราะเบา ๆ แล้วพูด “ทุกคนต่างพยายามเต็มที่แล้วในการทดสอบปราณกระบี่ยิ่งกว่านั้นยังมีจอมยุทธที่พลังร้ายกาจหลายคนมาเข้าร่วมงานครั้งนี้ด้วยอันดับ 9 ก็ถือว่าเป็นอันดับที่ดีแล้วด้วยความสามารถระดับท่านเทพกระบี่โจวท่านมีโอกาสสูงทีเดียวที่จะชนะในงานประชุมครั้งนี้ด้วยซ้ําไป”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+