หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมื่นกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless L…

ตอนที่ 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์

ตอนที่ 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์

“10 วันนับจากนี้ไป เราจะเปิดประตูหอสมุดกระบี่ให้กับเจ้า โปรดสบายใจได้ ทางตระกูลเสียจะดูแลความสะดวกของท่านอย่างแน่นอน”

เสี่ยหรูโหยวยิ้มแล้วพูดขึ้นมา แสดงแกล้งทําเป็นเหมือนกับเต็มไปด้วยความยินดี

โจวฉวนขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเขาด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “10 วัน เลยงั้นเหรอ? นี่ท่านคิดจะหาบของออกให้หมดจากหอสมุดกระบี่เลยรึไงกัน?”

เสี่ยหวโหยวรู้สึกตกใจ ผู้อาวุโสจากตระกูลเสียทั้งหลายต่างก็เริ่มรู้สึกลนลานกันไปหมดเขารู้ได้ไงเนี่ย?

โจวเฉิงซินเองก็ทําสีหน้าแปลกๆ จากนั้นเขาก็นึกถึงความสามารถในการเรียนรู้ของโจวฉวนจีขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เขายิ้มแปลก ๆ ให้กับเสี่ยหรูโหยวด้วยความสงสาร

ตอนที่โจวเฉิงซินกับโจวฉวนจีมองหน้าเสี่ยหรูโหยวอยู่นั้นเอง เขาก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้าขึ้นมาทันที “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง?” เขาตอบอย่างรวดเร็ว “สํานักเสี่ยจะไปทําเรื่องเช่นนั้นได้ยังไงกันล่ะ?”

“ถ้างั้นก็ดี ด้วยชื่อเสียงภูมิหลังของตระกูลเสีย ถ้าข้าไม่เห็นวิชาดาบระดับปฐพี่แม้แต่วิชาเดียวละก็ ถ้างั้นก็คงต้องประเมินคุณค่าของงานประชุมกระบี่กันใหม่แล้วละ”

โจวฉวนจําพูดอย่างเคร่งขรึม ทําให้เสียหวโหยวแทบจะกระอักเลือดออกมา

จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!

ต่อหน้าโจวเฉิงซิน เสี่ยหวโหยวก็ทําได้แค่ต้องก้มหน้ารับกรรมไป

ต่อจากนั้น โจวฉวนจีและเหล่าจอมกระบี่คนอื่น ๆ ที่บาดเจ็บอยู่ต่างก็ถูกพากันกลับมายังสํานักเสียภายใต้การคุ้มกันของศิษย์สํานักเสี่ย เจียงฉือน้ออย ฮวงเหลียนในจอมกระบีแดนเหนือผู้องอาจ และคนอื่น ๆ ก็ได้กลับมาหาเขา

พวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้นและพากันพูดกันไม่หยุดเลย

ตลอดทาง พวกเขาโดนขวางโดยเหล่าคนดูผู้คลั่งไคล้ จนพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากขี่ดาบบินขึ้นฟ้าไป

หลังจากที่เทพกระบี่โจวจากไปแล้ว เหล่าคนดูถึงจะเริ่มแยกย้ายกันไป

เฉียโหวจนเดินออกมาจากที่พักของเขา และมองไปยังทิศทางที่โจวฉวนจีมุ่งหน้าไป “ถ้าข้าอยากจะได้ตัวของโจวฉวนจีมาอยู่กับข้า เจ้าคิดว่าข้าต้องนําของขวัญแบบไหนไปให้เขาถึงจะดี?” เขาถาม

รองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังพูดกับเขาอย่างลังเล “ข้าเดาว่าน่าจะต้องเป็นวิชาดาบที่หายากมากๆ หรือไม่ก็ดาบในตํานานครับ”

เฉียโหวจินพยักหน้าก่อนจะตกอยู่ในความคิด

ในเมื่อเขาต้องการจะดึงตัวเทพกระบี่โจวมา เขาจะกลับมามือเปล่าไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง โจวฉวนจีก็แยกกับเสี่ยหวโหยวและตั้งใจจะพักอยู่ที่คฤหาสต์ตระกูลจางต่อ

เขาจงใจพูดขึ้นมา “10 วันหลังจากนี้ ข้าจะไปที่ตระกูลเสี่ย ข้าหวังว่าท่านจะไม่ ทําให้ข้าผิดหวังนะ”

เสี่ยหวโหยวพยักหน้าแล้วยิ้มอ่อน ๆ ให้ แต่ในใจกลับถุนด่าไม่ยั้ง

หลังจากกลับมาที่คฤหาสต์ตระกูลจางแล้ว โจวฉวนจีก็พาเจียงฉือน้อยกลับมาที่ห้องเพื่อพักผ่อน

จางเถียนเขียนเองก็กลับมาเช่นกัน ระหว่างงานประชุมกระบี่ เขาได้รับบาดเจ็บพอสมควร และต้องใช้เวลาในการรักษา
ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังคงตื่นเต้นคุยจ้อไม่หยุดอยู่ในลานกว้าง

พอเข้าห้องแล้วโจวฉวนจีก็หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะสบถ “อันตรายโครต ๆ เลย โชคยังดีนะเนี่ยที่ข้ายังมีดาบชโลมโลหิตคอยดูดซับพลังวิญญาณให้น่ะ”

เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเจียงฉือน้อยฟัง

เรื่องแบบนี้เขาไม่สามารถเล่าให้กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจหรือฮวงเหลียนชิ้นได้ เพราะว่ามันอาจจะไปกระทบกับชื่อเสียงของเขา

แต่เขาสามารถเล่าให้เจียงฉือน้อยฟังได้ เพราะเธอน่ะใส่ใจภาพลักษณ์ของเขาซะยิ่งกว่าตัวเขาเองซะอีก

เจียงฉือน้อยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะทําท่าล้อเลียนเขา “แล้วใครใช้ให้เจ้าไปท่าตัวอวดดี ขึ้นไปชั้นบนสุดตั้งแต่แรกกันล่ะ!”

เธอรินน้ําชาให้เขาขณะที่พูด

โจวฉวนจีนั่งอยู่บนเตียงแล้วจ้องไปยังเธอ “ไหน ๆ ข้าก็จะชนะอยู่แล้ว ข้าก็ต้องชนะให้มันดูยิ่งใหญ่หน่อยซิ!”

“จ้า จํา ได้เลย พ่อเทพกระบี่ตัวน้อยของข้า เจ้าเก่งที่สุดในโลกเลยจ้า”

เจียงฉือน้อยยกถ้วยน้ําชาของเขาขึ้นมา แล้วเป่าชาในนั้นให้เย็นลงก่อนจะส่งให้ถึงมือเขา

โจวฉวนจียกชาซดรวดเดียวหมดก่อนจะถามขึ้นมา “แล้วหนูทรายสามตากับเจ้างูดำตัวเล็กนั่นมันหายไปไหนซะล่ะ?”

เธอส่ายหน้าและพูด “บางที่อาจจะไปเล่นกันอยู่ในลานกว้างล่ะมั้ง”

ถึงแม้ว่าเจ้างดานั่นมันจะอยากหนซักแค่ไหน แต่มันก็ยังไม่มีพลังมากพอจะทําแบบนั้น

ส่วนหนูทรายสามตาเองก็ไม่ได้คิดจะหนี้โจวฉวนจไปไหนอยู่แล้ว เพราะงั้นมันก็ไม่ ได้ไปไหนหรอก

เจ้าหนทรายสามตาลากเจ้างที่สภาพสะบักสะบอมกลับมาหลังจากนั้นชั่วโมงนึ่ง มันคลานเข้ามาจากทางหน้าต่าง

“ข้า… เกลียด…”

เจ้างูดําบนพื้น ๆ ของมันไปมา เห็นได้ชัดเลยว่า มันพึ่งผ่านการทรมารมามากมาย

ในอีกหลายวันต่อมา โจวฉวนจีก็ไม่ได้ออกจากคฤหาสต์ตระกูลจางเลย เพราะว่าทั่วทั้งเมืองจ้าวกระบี่นั้นกาลังปั่นป่วนไปหมด เขาไม่อยากจะโดนคนมามงล้อมเขาขนาดนั้น
การประลองในงานประชุมกระบี่ทําให้มหาจักรวรรดิโจวปั่นป่วนราวกับพายุเข้าพัดผ่านทั้งจักรวรรดิ

คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง

นี่เป็นงานที่ทําให้เทพกระบี่โจวก้าวขึ้นสู่ชื่อเสียงโดยเหยียบร่างของดาบอดรวายุแห่งโจว และยอดกระบี่จาวฉงขึ้นไปยังไงล่ะ!

ข่าวเริ่มแพร่กระจายไปยังอาณาจักรต่าง ๆ ในจักรวรรดิโจว ตอนที่ข่าวสะพัดไปไกล ตําแหน่งของเทพกระบี่โจวในใจของเหล่าปวงชนก็จะเริ่มขยับขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อย

ในวันที่ 8 หลังจากงานประชุมกระบี่จบลง ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมเยียนคฤหาสต์ตระกูลจาง

“ยอดกระจาวฉงงั้นเหรอ?”

โจวฉวนขมวดคิ้ว “เขาต้องการอะไรกันนะ?”

“ท่านอยากจะลงไปพบเขาไหมครับ?” จางหรูหยูถามอย่างกังวล

ถึงแม้ว่ายอดกระบี่จาวฉงจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับโจวฉวนจี แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคนที่ต้องให้ความเคารพอยู่ดี แม้แต่จางเถียนเขียนเองก็ยังต้องมารับหน้าจาวกระบี่จาวฉงด้วยความระมัดระวัง

โจวฉวนจีพยักหน้าก่อนที่เขาจะพาเจียงจือน้อยออกมาจากห้องรับรองแขก หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปยังโถงหลัก

จางเถียงเจียนกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวแรก เขาสวมยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าขณะพูดคุยกับยอดกระบี่จาวฉงที่สีหน้าเย็นชาเป็นน้ําแข็ง

จางหรูหยูนั่งตรงข้ามกับเขา มองยอดกระบี่จาวฉงด้วยความร้อนรน

และเมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจีมา ทั้ง 3 คนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน

โจวฉวนก็ไม่ได้สนใจพวกเขามาก แต่เขาไปหาที่นั่งให้ตัวเองแทน “เจ้าต้องการอะไรจากข้ากัน ?” เขาถาม

หรือว่าหมอนี้จะเป็นเหมือนจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกัน? เขาอยากที่จะฝากตัวเองเป็นศิษย์ของข้ารึเปล่านะ

ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย

พรสวรรค์ของยอดกระบี่จาวฉงนั้น ทัดเทียมได้กับโจวหยาหลง หรือแม้แต่เสียวจึงหงเองก็อาจจะพอสู้ได้ด้วย

ยอดกระบี่จาวฉงหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกําหมัดคารวะตอนที่พูด “ข้าอยากจะรู้ชื่อของวิชากระบี่ที่เจ้าใช้ในการเอาชนะข้า”

เขาพูดออกไปจนได้

โจวฉวนจีตอบ “อาคมหมื่นกระบี่มังกรน่ะ”

ยอดกระบี่จาวฉงขมวดคิ้วเป็นปม แล้วทวนชื่ออีกครั้งกับตัวเอง

อาคมหมื่นกระบี่มังกรงั้นเหรอ…

หรือว่ามันจะสามารถใช้ดาบได้ถึง 10,000 เล่มเลยเหรอ?
ใจของเขาสั่นเครือ แค่ดาบ 10 เล่มก็เพียงพอที่จะล้มเขาได้แล้ว แล้วจะเป็นยังไงกันถ้าเขาใช้ดาบถึงหมื่นน่ะ…

เขาขนลุกชูชันขึ้นมา

ในตอนนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่าตนเองนั้นอวดดีเพียงใด

เขาส่ายหน้าแล้วเตรียมจะจากออกไป

“ช้ก่อน!”

โจวฉวนจีเรียกเขาขึ้นมาทันที เขาหันไปหาโจวฉวนจีแล้วขมวดคิ้ว

โจวฉวนจีถาม “เจ้ามีอาจารย์หรือไม่? อยู่ในสํานักใดรึเปล่า?”

ยอดกระบี่จาวฉงส่ายหัวแล้วตอบ “ข้าอยู่เคียงข้างคุณธรรมอย่างเดียวดายบนโลกใบนี้”

“แล้วมีคนที่อยู่เบื้องหลังที่เป็นห่วงหรือเปล่า?”

“ก็มี… แต่มันไม่ได้สําคัญอีกต่อไปแล้ว”

“ถ้างั้นก็มาติดตามข้าซิ!”

“หืมม?” ยอดกระบี่จาวฉงมองโจวฉวนจอย่างหวาดระแวง ส่วนจางเถียนเจียนกับลูกชายต่างก็ตะลึงไปตามๆกัน
เขาคิดถึงจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจขึ้นมาแล้วสีหน้าของเขาก็เริ่มแปลก ๆ

แม้แต่เพียงฉือน้อยเองก็เช่นกัน เธออดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบนใส่

โจวฉวนจียืนขึ้นและพูดขึ้นมาว่า “มาติดตามข้าซิ แล้วข้าจะสอนวิชาดาบที่สุดยอดที่สุดให้กับเจ้าเอง และในท้ายที่สุด ข้าจะปั้นเจ้าให้กลายเป็นจอมกระบี่ที่เก่งกาจที่สุดในมหาจักรวรรดิโจวเอง!”

ยอดกระจาวฉงขมวดคิ้วก่อนจะคิดกับตัวเองว่า ไอหมอนี่มันบ้ารึเปล่านะ?

เขาพูด “แล้วถ้าข้าเป็นจอมกระบี่ที่เก่งที่สุดในมหาจักรวรรดิโจว แล้วเจ้าละ?”

“ข้าก็เก่งที่สุดในโลกไง”โจวฉวนจีตอบแบบมั่นหน้า

ชี้โม้ชิบหาย!

ทุกคนต่างตกตะลึง

เจียงฉือน้อยกุมหน้าของตัวเอง ทําไมเขาถึงชอบมั่นหน้ามั่นโหนกได้ขนาดนั้นกันเนี่ย?

ยอดกระบี่จาวฉงมองหน้าโจวฉวนจีลึกลงไปป ก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินจาก

ด้วยนิสัยใจคอที่ถือที่ฐไม่ยอมใครและรักสันโดษ จะให้เขาคุกเข่าต่อหน้าโจวฉวนจีได้ยังไงกัน

แกร็ง! แกร็ง! แกร็ง…

ดาบในต่านานเล่มแล้วเล่มเล่าปักลงบนพื้นต่อหน้าของยอดกระจาวฉง ดาบนั้นปักแน่นลงบนพื้นเหมือนกับปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้

เขาหันกลับมามองหน้าโจวฉวนจี “นี่เจ้าคิดจะบังคับข้างั้นรึ?” เขาถาม

โจวฉวนจีส่ายหน้าแล้วพูด “เจ้ามีพรสวรรค์และพลังที่ลาเลิศ แต่เจ้ากลับอยู่อย่างสันโดษ เจ้าไม่มีความแค้นใดบ้างงั้นเรอะ? เจ้ารักในวิถีแห่งกระบี่ แต่หลังจากที่เห็นวิชาดาบของข้าแล้ว เจ้าไม่หวั่นไหวบ้างเลยหรือไง?”

“ให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้ซิ ให้ข้าได้สอนวิชาดาบให้กับเจ้า แล้วเมื่อใดก็ตามที่เจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปโดยไร้ข้อผูกมัดให้เลย ว่ายังไงละ?”

ยอดกระบี่จาวฉงเงียบ เหมือนกับว่าค่าพูดของโจวฉวนกระแทกเข้าไปตรงจุด

โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่โจวฉวนจีพูด

เอาชนะเขา แล้วเขาจะไปไหนก็ได้โดยไร้ข้อผูกมัด…

ใจของยอดกระบี่จาวฉงเริ่มสั่นคลอน

จางเถียงเจียนมองแบบอ้าปากค้าง ถ้ายอดกระบี่จาวฉงรับเทพกระบี่โจวเป็นอาจา รย์ของเขาแล้วละก็ ทั้งคู่จะน่าหวาดกลัวขนาดไหนกันนะหลังจากที่พวกเขาบรรลุ ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่แล้วน่ะ?

โจวฉวนจีเดินตรงไปหายอดกระบี่จาวฉง ก่อนจะมองขึ้นไปยังเขาและพูดว่า “คนส่วนมากมีโอกาสในชีวิตแค่ครั้งเดียวนะ อย่าทําให้ตัวเจ้าเองต้องผิดหวังเลย ขนาดจอมยุทธโบราณมากฝีมือยังต้องยอมสยบคุกเข่าคารวะแด่คนอายุ 49 ปี เพียงเพื่อเรียนรู้วิชาปราณเฉพาะตัวเลยนะ แล้วข้าที่เอาชนะเจ้าได้น่ะ ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะสอนเจ้างั้นรึ?”

ยอดกระบี่จาวฉงหายใจเข้าลึกๆ

เขายอมรับว่าตัวเขาเองนั้นชื่นชมวิชาดาบของโจวจวนจี และก็อยากจะเรียนรู้จริง

แต่เขานั้นถือทิฐิกับตัวเองมากเกินไป

ในตอนนั้นเขาติดอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

โจวฉวนจมองไปที่เขาด้วยความหงุดหงิดร้อนรุ่มใจ แค่รับข้าเป็นอาจารย์มันยากนักรึไงห้ะ?

เขาพูดต่อ “บนโลกนี้มีคนที่เหนือกว่าอยู่เสมอ และมีโลกที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน แล้วเจ้าล่ะ รักในดาบจริง ๆ รึเปล่า?”

สีหน้าของยอดกระบี่จาวฉงเปลี่ยนไปทันที มันเหมือนกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และสีหน้าอารมณ์ของเขาก็เริ่มผสมปนเปกันไปหมด

ในที่สุดเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างนึ่ง และพูดขึ้นมา “ข้า ยอดกระบี่จาวฉง ขอคารวะท่านอาจารย์!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมื่นกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless L…

ตอนที่ 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์

ตอนที่ 68 : ข้าขอคารวะท่านอาจารย์

“10 วันนับจากนี้ไป เราจะเปิดประตูหอสมุดกระบี่ให้กับเจ้า โปรดสบายใจได้ ทางตระกูลเสียจะดูแลความสะดวกของท่านอย่างแน่นอน”

เสี่ยหรูโหยวยิ้มแล้วพูดขึ้นมา แสดงแกล้งทําเป็นเหมือนกับเต็มไปด้วยความยินดี

โจวฉวนขมวดคิ้วแล้วจ้องมองเขาด้วยความสงสัย จากนั้นเขาก็ถามขึ้นมา “10 วัน เลยงั้นเหรอ? นี่ท่านคิดจะหาบของออกให้หมดจากหอสมุดกระบี่เลยรึไงกัน?”

เสี่ยหวโหยวรู้สึกตกใจ ผู้อาวุโสจากตระกูลเสียทั้งหลายต่างก็เริ่มรู้สึกลนลานกันไปหมดเขารู้ได้ไงเนี่ย?

โจวเฉิงซินเองก็ทําสีหน้าแปลกๆ จากนั้นเขาก็นึกถึงความสามารถในการเรียนรู้ของโจวฉวนจีขึ้นมา ก่อนจะเริ่มเข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

เขายิ้มแปลก ๆ ให้กับเสี่ยหรูโหยวด้วยความสงสาร

ตอนที่โจวเฉิงซินกับโจวฉวนจีมองหน้าเสี่ยหรูโหยวอยู่นั้นเอง เขาก็รู้สึกอับอายขายขี้หน้าขึ้นมาทันที “จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง?” เขาตอบอย่างรวดเร็ว “สํานักเสี่ยจะไปทําเรื่องเช่นนั้นได้ยังไงกันล่ะ?”

“ถ้างั้นก็ดี ด้วยชื่อเสียงภูมิหลังของตระกูลเสีย ถ้าข้าไม่เห็นวิชาดาบระดับปฐพี่แม้แต่วิชาเดียวละก็ ถ้างั้นก็คงต้องประเมินคุณค่าของงานประชุมกระบี่กันใหม่แล้วละ”

โจวฉวนจําพูดอย่างเคร่งขรึม ทําให้เสียหวโหยวแทบจะกระอักเลือดออกมา

จะเจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว!

ต่อหน้าโจวเฉิงซิน เสี่ยหวโหยวก็ทําได้แค่ต้องก้มหน้ารับกรรมไป

ต่อจากนั้น โจวฉวนจีและเหล่าจอมกระบี่คนอื่น ๆ ที่บาดเจ็บอยู่ต่างก็ถูกพากันกลับมายังสํานักเสียภายใต้การคุ้มกันของศิษย์สํานักเสี่ย เจียงฉือน้ออย ฮวงเหลียนในจอมกระบีแดนเหนือผู้องอาจ และคนอื่น ๆ ก็ได้กลับมาหาเขา

พวกเขาต่างก็รู้สึกตื่นเต้นและพากันพูดกันไม่หยุดเลย

ตลอดทาง พวกเขาโดนขวางโดยเหล่าคนดูผู้คลั่งไคล้ จนพวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากขี่ดาบบินขึ้นฟ้าไป

หลังจากที่เทพกระบี่โจวจากไปแล้ว เหล่าคนดูถึงจะเริ่มแยกย้ายกันไป

เฉียโหวจนเดินออกมาจากที่พักของเขา และมองไปยังทิศทางที่โจวฉวนจีมุ่งหน้าไป “ถ้าข้าอยากจะได้ตัวของโจวฉวนจีมาอยู่กับข้า เจ้าคิดว่าข้าต้องนําของขวัญแบบไหนไปให้เขาถึงจะดี?” เขาถาม

รองแม่ทัพที่อยู่ด้านหลังพูดกับเขาอย่างลังเล “ข้าเดาว่าน่าจะต้องเป็นวิชาดาบที่หายากมากๆ หรือไม่ก็ดาบในตํานานครับ”

เฉียโหวจินพยักหน้าก่อนจะตกอยู่ในความคิด

ในเมื่อเขาต้องการจะดึงตัวเทพกระบี่โจวมา เขาจะกลับมามือเปล่าไม่ได้

อีกด้านหนึ่ง โจวฉวนจีก็แยกกับเสี่ยหวโหยวและตั้งใจจะพักอยู่ที่คฤหาสต์ตระกูลจางต่อ

เขาจงใจพูดขึ้นมา “10 วันหลังจากนี้ ข้าจะไปที่ตระกูลเสี่ย ข้าหวังว่าท่านจะไม่ ทําให้ข้าผิดหวังนะ”

เสี่ยหวโหยวพยักหน้าแล้วยิ้มอ่อน ๆ ให้ แต่ในใจกลับถุนด่าไม่ยั้ง

หลังจากกลับมาที่คฤหาสต์ตระกูลจางแล้ว โจวฉวนจีก็พาเจียงฉือน้อยกลับมาที่ห้องเพื่อพักผ่อน

จางเถียนเขียนเองก็กลับมาเช่นกัน ระหว่างงานประชุมกระบี่ เขาได้รับบาดเจ็บพอสมควร และต้องใช้เวลาในการรักษา
ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังคงตื่นเต้นคุยจ้อไม่หยุดอยู่ในลานกว้าง

พอเข้าห้องแล้วโจวฉวนจีก็หายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะสบถ “อันตรายโครต ๆ เลย โชคยังดีนะเนี่ยที่ข้ายังมีดาบชโลมโลหิตคอยดูดซับพลังวิญญาณให้น่ะ”

เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้กับเจียงฉือน้อยฟัง

เรื่องแบบนี้เขาไม่สามารถเล่าให้กับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจหรือฮวงเหลียนชิ้นได้ เพราะว่ามันอาจจะไปกระทบกับชื่อเสียงของเขา

แต่เขาสามารถเล่าให้เจียงฉือน้อยฟังได้ เพราะเธอน่ะใส่ใจภาพลักษณ์ของเขาซะยิ่งกว่าตัวเขาเองซะอีก

เจียงฉือน้อยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม ก่อนจะทําท่าล้อเลียนเขา “แล้วใครใช้ให้เจ้าไปท่าตัวอวดดี ขึ้นไปชั้นบนสุดตั้งแต่แรกกันล่ะ!”

เธอรินน้ําชาให้เขาขณะที่พูด

โจวฉวนจีนั่งอยู่บนเตียงแล้วจ้องไปยังเธอ “ไหน ๆ ข้าก็จะชนะอยู่แล้ว ข้าก็ต้องชนะให้มันดูยิ่งใหญ่หน่อยซิ!”

“จ้า จํา ได้เลย พ่อเทพกระบี่ตัวน้อยของข้า เจ้าเก่งที่สุดในโลกเลยจ้า”

เจียงฉือน้อยยกถ้วยน้ําชาของเขาขึ้นมา แล้วเป่าชาในนั้นให้เย็นลงก่อนจะส่งให้ถึงมือเขา

โจวฉวนจียกชาซดรวดเดียวหมดก่อนจะถามขึ้นมา “แล้วหนูทรายสามตากับเจ้างูดำตัวเล็กนั่นมันหายไปไหนซะล่ะ?”

เธอส่ายหน้าและพูด “บางที่อาจจะไปเล่นกันอยู่ในลานกว้างล่ะมั้ง”

ถึงแม้ว่าเจ้างดานั่นมันจะอยากหนซักแค่ไหน แต่มันก็ยังไม่มีพลังมากพอจะทําแบบนั้น

ส่วนหนูทรายสามตาเองก็ไม่ได้คิดจะหนี้โจวฉวนจไปไหนอยู่แล้ว เพราะงั้นมันก็ไม่ ได้ไปไหนหรอก

เจ้าหนทรายสามตาลากเจ้างที่สภาพสะบักสะบอมกลับมาหลังจากนั้นชั่วโมงนึ่ง มันคลานเข้ามาจากทางหน้าต่าง

“ข้า… เกลียด…”

เจ้างูดําบนพื้น ๆ ของมันไปมา เห็นได้ชัดเลยว่า มันพึ่งผ่านการทรมารมามากมาย

ในอีกหลายวันต่อมา โจวฉวนจีก็ไม่ได้ออกจากคฤหาสต์ตระกูลจางเลย เพราะว่าทั่วทั้งเมืองจ้าวกระบี่นั้นกาลังปั่นป่วนไปหมด เขาไม่อยากจะโดนคนมามงล้อมเขาขนาดนั้น
การประลองในงานประชุมกระบี่ทําให้มหาจักรวรรดิโจวปั่นป่วนราวกับพายุเข้าพัดผ่านทั้งจักรวรรดิ

คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง

นี่เป็นงานที่ทําให้เทพกระบี่โจวก้าวขึ้นสู่ชื่อเสียงโดยเหยียบร่างของดาบอดรวายุแห่งโจว และยอดกระบี่จาวฉงขึ้นไปยังไงล่ะ!

ข่าวเริ่มแพร่กระจายไปยังอาณาจักรต่าง ๆ ในจักรวรรดิโจว ตอนที่ข่าวสะพัดไปไกล ตําแหน่งของเทพกระบี่โจวในใจของเหล่าปวงชนก็จะเริ่มขยับขึ้นสูงมากขึ้นเรื่อย

ในวันที่ 8 หลังจากงานประชุมกระบี่จบลง ก็มีแขกที่ไม่ได้รับเชิญมาเยี่ยมเยียนคฤหาสต์ตระกูลจาง

“ยอดกระจาวฉงงั้นเหรอ?”

โจวฉวนขมวดคิ้ว “เขาต้องการอะไรกันนะ?”

“ท่านอยากจะลงไปพบเขาไหมครับ?” จางหรูหยูถามอย่างกังวล

ถึงแม้ว่ายอดกระบี่จาวฉงจะพ่ายแพ้ยับเยินให้กับโจวฉวนจี แต่ยังไงเขาก็ยังเป็นคนที่ต้องให้ความเคารพอยู่ดี แม้แต่จางเถียนเขียนเองก็ยังต้องมารับหน้าจาวกระบี่จาวฉงด้วยความระมัดระวัง

โจวฉวนจีพยักหน้าก่อนที่เขาจะพาเจียงจือน้อยออกมาจากห้องรับรองแขก หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปยังโถงหลัก

จางเถียงเจียนกําลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวแรก เขาสวมยิ้มกว้างอยู่บนใบหน้าขณะพูดคุยกับยอดกระบี่จาวฉงที่สีหน้าเย็นชาเป็นน้ําแข็ง

จางหรูหยูนั่งตรงข้ามกับเขา มองยอดกระบี่จาวฉงด้วยความร้อนรน

และเมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจีมา ทั้ง 3 คนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน

โจวฉวนก็ไม่ได้สนใจพวกเขามาก แต่เขาไปหาที่นั่งให้ตัวเองแทน “เจ้าต้องการอะไรจากข้ากัน ?” เขาถาม

หรือว่าหมอนี้จะเป็นเหมือนจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจกัน? เขาอยากที่จะฝากตัวเองเป็นศิษย์ของข้ารึเปล่านะ

ซึ่งถ้าเป็นเรื่องจริงก็ไม่ใช่เรื่องที่แย่เลย

พรสวรรค์ของยอดกระบี่จาวฉงนั้น ทัดเทียมได้กับโจวหยาหลง หรือแม้แต่เสียวจึงหงเองก็อาจจะพอสู้ได้ด้วย

ยอดกระบี่จาวฉงหายใจเข้าลึก ๆ แล้วกําหมัดคารวะตอนที่พูด “ข้าอยากจะรู้ชื่อของวิชากระบี่ที่เจ้าใช้ในการเอาชนะข้า”

เขาพูดออกไปจนได้

โจวฉวนจีตอบ “อาคมหมื่นกระบี่มังกรน่ะ”

ยอดกระบี่จาวฉงขมวดคิ้วเป็นปม แล้วทวนชื่ออีกครั้งกับตัวเอง

อาคมหมื่นกระบี่มังกรงั้นเหรอ…

หรือว่ามันจะสามารถใช้ดาบได้ถึง 10,000 เล่มเลยเหรอ?
ใจของเขาสั่นเครือ แค่ดาบ 10 เล่มก็เพียงพอที่จะล้มเขาได้แล้ว แล้วจะเป็นยังไงกันถ้าเขาใช้ดาบถึงหมื่นน่ะ…

เขาขนลุกชูชันขึ้นมา

ในตอนนั้นเองที่เขาตระหนักได้ว่าตนเองนั้นอวดดีเพียงใด

เขาส่ายหน้าแล้วเตรียมจะจากออกไป

“ช้ก่อน!”

โจวฉวนจีเรียกเขาขึ้นมาทันที เขาหันไปหาโจวฉวนจีแล้วขมวดคิ้ว

โจวฉวนจีถาม “เจ้ามีอาจารย์หรือไม่? อยู่ในสํานักใดรึเปล่า?”

ยอดกระบี่จาวฉงส่ายหัวแล้วตอบ “ข้าอยู่เคียงข้างคุณธรรมอย่างเดียวดายบนโลกใบนี้”

“แล้วมีคนที่อยู่เบื้องหลังที่เป็นห่วงหรือเปล่า?”

“ก็มี… แต่มันไม่ได้สําคัญอีกต่อไปแล้ว”

“ถ้างั้นก็มาติดตามข้าซิ!”

“หืมม?” ยอดกระบี่จาวฉงมองโจวฉวนจอย่างหวาดระแวง ส่วนจางเถียนเจียนกับลูกชายต่างก็ตะลึงไปตามๆกัน
เขาคิดถึงจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจขึ้นมาแล้วสีหน้าของเขาก็เริ่มแปลก ๆ

แม้แต่เพียงฉือน้อยเองก็เช่นกัน เธออดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบนใส่

โจวฉวนจียืนขึ้นและพูดขึ้นมาว่า “มาติดตามข้าซิ แล้วข้าจะสอนวิชาดาบที่สุดยอดที่สุดให้กับเจ้าเอง และในท้ายที่สุด ข้าจะปั้นเจ้าให้กลายเป็นจอมกระบี่ที่เก่งกาจที่สุดในมหาจักรวรรดิโจวเอง!”

ยอดกระจาวฉงขมวดคิ้วก่อนจะคิดกับตัวเองว่า ไอหมอนี่มันบ้ารึเปล่านะ?

เขาพูด “แล้วถ้าข้าเป็นจอมกระบี่ที่เก่งที่สุดในมหาจักรวรรดิโจว แล้วเจ้าละ?”

“ข้าก็เก่งที่สุดในโลกไง”โจวฉวนจีตอบแบบมั่นหน้า

ชี้โม้ชิบหาย!

ทุกคนต่างตกตะลึง

เจียงฉือน้อยกุมหน้าของตัวเอง ทําไมเขาถึงชอบมั่นหน้ามั่นโหนกได้ขนาดนั้นกันเนี่ย?

ยอดกระบี่จาวฉงมองหน้าโจวฉวนจีลึกลงไปป ก่อนที่จะหันหลังกลับแล้วเดินจาก

ด้วยนิสัยใจคอที่ถือที่ฐไม่ยอมใครและรักสันโดษ จะให้เขาคุกเข่าต่อหน้าโจวฉวนจีได้ยังไงกัน

แกร็ง! แกร็ง! แกร็ง…

ดาบในต่านานเล่มแล้วเล่มเล่าปักลงบนพื้นต่อหน้าของยอดกระจาวฉง ดาบนั้นปักแน่นลงบนพื้นเหมือนกับปิดกั้นเส้นทางของเขาเอาไว้

เขาหันกลับมามองหน้าโจวฉวนจี “นี่เจ้าคิดจะบังคับข้างั้นรึ?” เขาถาม

โจวฉวนจีส่ายหน้าแล้วพูด “เจ้ามีพรสวรรค์และพลังที่ลาเลิศ แต่เจ้ากลับอยู่อย่างสันโดษ เจ้าไม่มีความแค้นใดบ้างงั้นเรอะ? เจ้ารักในวิถีแห่งกระบี่ แต่หลังจากที่เห็นวิชาดาบของข้าแล้ว เจ้าไม่หวั่นไหวบ้างเลยหรือไง?”

“ให้ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้ซิ ให้ข้าได้สอนวิชาดาบให้กับเจ้า แล้วเมื่อใดก็ตามที่เจ้าเอาชนะข้าได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปโดยไร้ข้อผูกมัดให้เลย ว่ายังไงละ?”

ยอดกระบี่จาวฉงเงียบ เหมือนกับว่าค่าพูดของโจวฉวนกระแทกเข้าไปตรงจุด

โดยเฉพาะช่วงสุดท้ายที่โจวฉวนจีพูด

เอาชนะเขา แล้วเขาจะไปไหนก็ได้โดยไร้ข้อผูกมัด…

ใจของยอดกระบี่จาวฉงเริ่มสั่นคลอน

จางเถียงเจียนมองแบบอ้าปากค้าง ถ้ายอดกระบี่จาวฉงรับเทพกระบี่โจวเป็นอาจา รย์ของเขาแล้วละก็ ทั้งคู่จะน่าหวาดกลัวขนาดไหนกันนะหลังจากที่พวกเขาบรรลุ ศักยภาพของตนเองอย่างเต็มที่แล้วน่ะ?

โจวฉวนจีเดินตรงไปหายอดกระบี่จาวฉง ก่อนจะมองขึ้นไปยังเขาและพูดว่า “คนส่วนมากมีโอกาสในชีวิตแค่ครั้งเดียวนะ อย่าทําให้ตัวเจ้าเองต้องผิดหวังเลย ขนาดจอมยุทธโบราณมากฝีมือยังต้องยอมสยบคุกเข่าคารวะแด่คนอายุ 49 ปี เพียงเพื่อเรียนรู้วิชาปราณเฉพาะตัวเลยนะ แล้วข้าที่เอาชนะเจ้าได้น่ะ ไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะสอนเจ้างั้นรึ?”

ยอดกระบี่จาวฉงหายใจเข้าลึกๆ

เขายอมรับว่าตัวเขาเองนั้นชื่นชมวิชาดาบของโจวจวนจี และก็อยากจะเรียนรู้จริง

แต่เขานั้นถือทิฐิกับตัวเองมากเกินไป

ในตอนนั้นเขาติดอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก

โจวฉวนจมองไปที่เขาด้วยความหงุดหงิดร้อนรุ่มใจ แค่รับข้าเป็นอาจารย์มันยากนักรึไงห้ะ?

เขาพูดต่อ “บนโลกนี้มีคนที่เหนือกว่าอยู่เสมอ และมีโลกที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนเช่นกัน แล้วเจ้าล่ะ รักในดาบจริง ๆ รึเปล่า?”

สีหน้าของยอดกระบี่จาวฉงเปลี่ยนไปทันที มันเหมือนกับว่าเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ และสีหน้าอารมณ์ของเขาก็เริ่มผสมปนเปกันไปหมด

ในที่สุดเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะคุกเข่าลงข้างนึ่ง และพูดขึ้นมา “ข้า ยอดกระบี่จาวฉง ขอคารวะท่านอาจารย์!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+