หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 50 : เป้าหมายต่อไป : งานประชุมกระบี่

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 50 : เป้าหมายต่อไป : งานประชุมกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ THave Countless Lege…

ตอนที่ 50 : เป้าหมายต่อไป : งานประชุมกระบี่

 

“ดาบของข้าก็คือดาบของเจ้า”

หัวใจของเจียงฮือน้อยเริ่มเบ่งบานไปด้วยความสุขและเธอก็เผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เธอชอบทัศนคติของโจวฉวนจีที่ไม่เคยมองว่าเขาและเธอนั้นต่างกันเลย

 

เธอสายหัวพลางจําน้อย ๆ “ไม่เป็นไรหรอก แค่ดาบเล่มเดียวข้ายังทําได้ไม่ดีเลย นับประสาอะไรกับดาบ 10 เล่มล่ะ? ข้ากลัวว่าข้าจะเป็นบ้าไปซะก่อนน่ะนะ”

 

ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็เข้ามาใกล้

ตุบ!

เขาคุกเข่าลงทันที เข่าของเขาทุบหิน 3 ก้อนแตกละเอียด

เขาพยายามระงับความตื่นเต้นของเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้นมา “นายท่านได้โปรดสอนวิชาดาบที่สุดแสนจะทรงพลังนั้นให้ข้าด้วยจะได้หรือไม่?”

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่เขาได้ยินว่าเสี่ยวจิงหงเป็นศิษย์ของโจ ฉวนจีเขาก็ยังรู้สึกลังเลใจและคิดว่าบางที่นายน้อยอาจจะโม้ไปเอง

แต่มาตอนนี้ เขาเชื่อสุดหัวใจแล้ว

 

เทียบกับนายท่านของเขา เทพกระบี่โจว แล้ว เสี่ยวจิงหงยังเปรียบเป็นน้องชายของนายท่านไม่ได้เลยสักนิด

 

นี่แหละคือปรมาจารย์แห่งวิถีกระบี่ที่แท้จริงล่ะ!

 

เขาสามารถบรรลุสุดยอดวิชาดาบที่ทรงพลังได้เพียงแค่ฝึกแบบสุ่ม ๆ เท่านั้น!

ใช่แล้วล่ะ

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจคิดว่า อาคมหมื่นกระบี่มังกรเป็นวิชาดาบที่โจวฉวนจีสร้างขึ้นมาเอง นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นมัน มาก่อนและไม่เคยเห็นนายน้อยของเขาไปคุยกับใครมาก่อนด้วย

 

โจวฉวนจีจ้องไปทางเขาก่อนจะพูดตอบ “มีวิชาดาบอยู่เป็นพันบนโลกใบนี้ และวิชาที่ดีที่สุดก็คือวิชาที่เป็นของเจ้าเอง เจ้าหวังที่จะมุ่งสู่วิถีดาบที่ทรงอํานาจแต่ไร้ซึ่งความรอบคอบไม่แลหน้าดูหลังต่อให้จะใช้ดาบ 2 หรือ 3 เล่มก็อาจไม่ได้ดีไปกว่าดาบเดียวห รอกนะ”

แต่ก็แน่อยู่แล้วว่า ดาบ 10 เล่มของข้าต้องดีกว่าดาบเล่มเดียวอยู่แล้วล่ะ!

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยิน ตัวของเขาก็สั่นเทิ้มราวกับเริ่มบรรลุสัจธรรม

เขามักจะพยายามไล่ตามวิชาจิตดาบคู่ของโจวฉวนจีเสมอแต่เขาก็พบว่าแค่จะใช้ 2 วิชาดาบพร้อมกันได้ก็ยากแล้ว

 

แต่เขาพึ่งมาตระหนักเอาในวันนี้หลังจากที่เขาได้ฟังนายท่านของเขาไป

เส้นทางของเขาคือวิถีดาบเดียวยังไงล่ะ!

 

จู่ ๆ โจวฉวนจีก็เอาดาบเด็ดสุกรออกมาและพูดขึ้นว่า “เปิดตาของเจ้าซะและจงดู”

 

เขาโยนดาบขึ้นด้วยมือขวาและใช้วิชาขยายวิถีกระบี่ดาบเด็ดสุกรบินตรงไปยังปาข้างหน้า และตัดต้นไม้จํานวนนับไม่ถ้วนในระยะหลายร้อยหลาลงก่อนจะเจาะทะลุเนินเขาเล็ก ๆ ไป

 

แม้จะเป็นเวลาพลบค่ํา แต่ทั้งกลุ่มก็สามารถเห็นได้ว่าเนินเขาเล็กๆถูกผ่าออกเป็นสองส่วน ดาบเด็ดสุกรยังคงบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า

 

เร็วมาก!

หัวใจของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเต้นระรัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นวิชาขยายวิถีกระบี่ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นเพ ราะพลังอันล้นเหลือของโจวฉวนจีแต่พอได้เห็นมันใกล้ ๆ แล้ว เขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นเพราะวิชาดาบนั่นเอง

 

โจวฉวนจียกมือขวาขึ้น และดาบเด็ดสุกรก็บินกลับมาหา เขาพูดขึ้นมา “วิชาขยายวิถีกระบี่ หากเจ้าบรรลุวิชานี้ได้ เจ้าจะสามารถสังหารศัตรูที่อยู่ในระยะ 100 หลาได้ในทันที”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองด้วยความอิจฉา “นายท่านได้โปรดสอนข้าได้หรือไม่?” เขาถาม

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจนั้นค่อนข้างจะเก่งทีเดียว และถ้าโจวฉวนจียังคิดเก็บเขาเอาไว้อยู่กับตัวต่อไป เขาก็ต้องให้แรงจูงใจ อะไรกลับไปบ้างโจวฉวนจีลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นก่อนจะตัด สินใจว่าวิชาขยายวิถีกระบี่นี่แหละเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว

ยังไงซะเขาก็ไม่มีอนาคตสําหรับวิชาจิตดาบคู่อยู่แล้ว

ด้วยพรสวรรค์แบบนี้ เขาแทบจะไม่มีทางต่อต้านบัญชาสวรรค์ได้เลย

โจวฉวนจีพูด “ได้อยู่แล้ว เพราะเจ้านะภักดีต่อข้า เจ้ามักทําสิ่งที่ข้ามอบหมายให้ได้ดีเสมอ และในเมื่อเจ้าไม่สามารถบรรลุวิชาดาบคู่ได้งั้นก็ให้เจ้าก็บรรลุวิชาขยายวิถีกระบี่แล้วกัน ข้าน่ะมีวิชา ดาบอยู่อีกมากมายและบางทีอาจจะมีสักวิชาที่เหมาะสมกับเจ้าอยู่ในอนาคตก็ได้เพราะงั้นจงพยายามต่อไป”

 

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยิน ก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น

 

ฮวงเหลี่ยนชินก็มองไปทางเขาอย่างคาดหวังเช่นกัน

 

โจวฉวนจีเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดขึ้นว่า “ในฐานทาสกระบี่ของข้าเจ้าจะเป็นรองแค่ข้าเท่านั้นแน่นอน”

เป็นรองแค่เขาเท่านั้นงั้นหรอ!

 

เขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้แน่เลย!

เลือดในตัวของทาสกระบี่และสาวใช้เดือดพล่านด้วยความอีกเหิมพวกเขาเห็นโจวฉวนจีบรรลุวิชาสิบกระป์ได้จริงจึงเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาพูดอย่างสุดหัวใจ

 

“เอาล่ะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว!”

 

โจวฉวนจีพูดพลางโบกมือให้ จากนั้นเขาก็นําทั้งกลุ่มกลับไปยังหมู่บ้าน

 

เจ้างูตัวเล็กยังคงรู้สึกช็อคอยู่ ขณะที่เจ้าหนูทรายสามตาเริ่มเดินต่อและวิ่งลากมันไปกับพื้นอย่างบ้าคลั่งจนเกือบจะฆ่ามันตายได้

ในคืนนั้น ชาวบ้านคิดว่ามีอันตรายอยู่ใกล้ ๆ เพราะดาบเด็ดสุกรทําลายเนินเขาเสียงดังสนั่น แต่เมื่อพวกเขาไปตรวจสอบดูก็ไม่เจออะไร

 

โจวฉวนจียังเฝ้ารอ

 

เขาอยากจะย้ายเข้าไปอยู่ในมหาจักรวรรดิโจวหลังจากที่อายุครบ 11 ขวบ

 

แต่การจะเข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้นั้นเขาจําเป็นต้องทําอะไรบางอย่างที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกได้เสียก่อน

ในช่วงครึ่งปีมานี้ เขาไม่ได้ทําอะไรมากนักชื่อเสียงของเขาเลย

ลดลง

 

องค์กรที่ทรงพลังจะเข้ามาชักชวนเขาก็ต่อเมื่อเขามีชื่อเสียงที่มากพอเท่านั้นจากนั้นพวกเขาก็จะยื่นเสนอชื่อเขาเข้าสู่การคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้

โจวฉวนจีเรียกทาสกระบี่และสาวใช้มาเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“มีเรื่องใหญ่อะไรที่มากพอจะเพิ่มชื่อเสียงให้ข้าได้บ้าง?”

 

ฮวงเหลี่ยนชินตกลงไปอยู่ในห้วงความคิด

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพูด “ข้ารู้อยู่เรื่องนึงครับ มันเป็นเรื่องแถวเมืองแถบชายแดนของมหาจักรวรรดิโจวนะครับ ศิษย์เอกของจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจว เสี่ยหรูโหยว ได้จัดงานประชุมกระบี่ขึ้นมาครับ ในทุก ๆ 5 ปี ผู้ชนะเลิศจะได้สิทธิ์ในการเข้าหอสมุดกระบี่เป็นเวลา 3 วัน และในขณะเดียวกันผู้ชนะเลิศก็ จะได้โอกาสในการเป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่ด้วยครับ”

 

หอสมุดกระบี่นั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับวิชาดาบอยู่จํานวนมหาศาลมันคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สําหรับจอมยุทธที่อยู่ในวิถีกระบีแห่งมหาจักรวรรดิโจว

มีเพียงศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เข้าไปยังหอสมุดแห่งนั้น

จักรพรรดิกระบี่นั้นเป็นที่นับถือมากในมหาจักรวรดิโจว ถึงแม้เขาจะไม่มีตําแหน่ง แต่เขาก็อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของมหาจักรวรรดิโจว

 

เขาเป็นถึงจ้าวแห่งโลกวรยุทธในมหาจักรวรรดิโจว เขานั้นสามารถปกป้องมหาจักรวรรดิจากภยันอันตรายใด ๆ ก็ตามที่เข้ามาได้แล้วยังได้รับการสนับสนุนจากมหาจักรวรรดิโจวอีก ด้วยเหตุนี้ทั้งสองฝ่ายจึงอยู่ในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

 

โจวฉวนจีถามขึ้นมา “งานประชุมกระบี่จะจัดขึ้นเมื่อไหร่ล่ะ?แล้วต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะไปถึงที่นั่นได้?”

 

“ครึ่งปีหลังจากนี้ครับ และเราต้องใช้เวลา 4 เดือนหากเดินทางจากที่นี่ไป” จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจตอบ

โจวฉวนจีพูดถาม “ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะย้ายออกจากที่นี่ในหนึ่งเดือน!”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็ไม่ได้ค้านอะไร เขาสนใจในงานประชุมกระบี่มากและเดิมทีก็จะไปเข้าร่วมอยู่แล้วด้วยแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ไปเข้าร่วมในฐานะของผู้ชนะ

 

โจวฉวนจีกลับไปยังกระท่อมและบอกเจียงฮือน้อยเกี่ยวกับเรื่อง

ale

 

“ถ้าเจ้าอยากจะอยู่รอคุณยายของเจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ อาใหญ่กับน้องสองจะอยู่กับเจ้าที่นี่เพื่อปกป้องเจ้าเอง”

โจวฉวนจีถามความเห็นของเธอเพราะไม่อยากจะบังคับให้เธอไปกับเขาด้วย

เด็กสาวก็ใกล้จะอายุ 15 ปีแล้ว หนึ่งปีหลังจากนี้เธอก็แต่งงานกับใครสักคนตามธรรมเนียมได้แล้ว

 

เมื่อเจียงฉือน้อยได้ยินก็หยิกหูของเขา “มันแหงอยู่แล้วสิว่าข้าก็จะตามเข้าไปด้วยนะ ข้าไม่คิดว่าคุณยายของข้าจะกลับมาหรอกนะ แล้วถ้าไม่มีข้าแล้วใครจะเป็นคนดูแลเจ้าละห้ะ?” เธอตะคอกใส่

 

โจวฉวนจีรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา แต่เขาก็แกล้งทําเป็นเจ็บแทนก่อนจะพูดว่า “ปล่อยมือเจ้าได้แล้วน่าข้าเจ็บหูจะตายแล้ว”

 

“ไม่! เจ้ายังจะกล้าพูดอะไรแบบนี้อีกมั้ยจ๊ะ?”

 

“ไม่ ไม่ ข้าจะไม่พูดอีกแล้วน่า…”

 

“ฮีม อย่าคิดจะทิ้งข้าไว้อีกเชียวล่ะ!”

“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นมาตกลงกันนะว่าเราจะไม่ทิ้งกันน่ะ!”

โจวฉวนจีถือโอกาสนี้พูดออกไป

เจียงฮือน้อยเองก็ตั้งใจจะทําแบบนั้นเหมือนกันเธอเลยยืนนิ้วก้อยออกมาและพูดขึ้นว่า “ถ้างั้นมาทําสัญญาตามแบบของเจ้ากันเกี่ยวก้อยสัญญากันว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนไปเด็ดขาด ออใช่แล้ว เราต้องทําสัญญากันอีกข้อนึ่งด้วย ต้องไม่แต่งงานมีภรรยากับมี เมียน้อยหลายคนในอนาคต!”

 

พอมีฮวงเหลี่ยนชินอยู่ด้วยแล้วตอนนี้ เธอก็สามารถถามอะไรได้หลายอย่างเพราะงั้นเจียงฉือน้อยก็ไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาอย่างที่เคยอีกแล้ว

“แต่ทําไมล่ะนั่น?” โจวฉวนจีถามพลางเบิกตากว้าง

 

เขาขําอยู่ในใจ ยัยเด็กคนนี้โตขึ้นแล้วจริง ๆ แถมยังเริ่มคิดมากอีกตอนนี้เธอแทบจะขุดหลุมฝังเขาด้วยซ้ํา

เจียงฉือน้อยบิดมือพลางจ้องไปทางเขาด้วยสายตาระยิบระยับก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่มีแต่จะสัญญาไม่สัญญา?”

โจวฉวนจีเบ้ปากและพูดตอบอย่างเศร้า ๆ “ถ้าเจ้าทํางี้แล้วเจ้าไม่กลัวรึไงว่าในอนาคตข้าจะหาภรรยาไม่ได้เอาน่ะ?”

 

“ถ้าเจ้าหาไม่ได้ก็ยิ่งดีน่ะซิ!”

 

เธอพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น ขณะที่เธอพูด เธอก็คลายมือที่หยิกหูเขาออกก่อนจะยืนกอดอกและมองอย่างภาคภูมิใจ

 

จู่ ๆ โจวฉวนจีก็รู้สึกปวดตับกระทันหัน ในฐานะผู้ชายในโลกนี้แล้วเขาจะอยู่ได้ยังไงโดยไม่มีภรรยาละห้ะ?

 

“อย่างมากสุด… เดี๋ยวข้าก็จะเป็นภรรยาให้เจ้าเองละน่า”เจียงฉือน้อยพูดพลางมุ่ยปาก

 

โจวฉวนจีแกล้งทําเป็นตกใจก่อนจะก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว “โว้วววเจ้าซ่อนเจตนาอะไรแบบนี้ไว้นี่เอง!” เขาพูด

 

เจียงฉือน้อยรู้สึกทั้งเขินทั้งโกรธก่อนจะหยิบหมอนขึ้นมาและวิ่ง

ไล่เขา

คู่หูที่แสนไร้เดียงสาทั้งสองต่างมีเพียงแค่กันและกันเท่านั้น นี่แหละคือความรักที่ฟ้าลิขิตล่ะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 50 : เป้าหมายต่อไป : งานประชุมกระบี่

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 50 : เป้าหมายต่อไป : งานประชุมกระบี่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ THave Countless Lege…

ตอนที่ 50 : เป้าหมายต่อไป : งานประชุมกระบี่

 

“ดาบของข้าก็คือดาบของเจ้า”

หัวใจของเจียงฮือน้อยเริ่มเบ่งบานไปด้วยความสุขและเธอก็เผลอยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ เธอชอบทัศนคติของโจวฉวนจีที่ไม่เคยมองว่าเขาและเธอนั้นต่างกันเลย

 

เธอสายหัวพลางจําน้อย ๆ “ไม่เป็นไรหรอก แค่ดาบเล่มเดียวข้ายังทําได้ไม่ดีเลย นับประสาอะไรกับดาบ 10 เล่มล่ะ? ข้ากลัวว่าข้าจะเป็นบ้าไปซะก่อนน่ะนะ”

 

ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็เข้ามาใกล้

ตุบ!

เขาคุกเข่าลงทันที เข่าของเขาทุบหิน 3 ก้อนแตกละเอียด

เขาพยายามระงับความตื่นเต้นของเขาเอาไว้ ก่อนจะพูดขึ้นมา “นายท่านได้โปรดสอนวิชาดาบที่สุดแสนจะทรงพลังนั้นให้ข้าด้วยจะได้หรือไม่?”

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่เขาได้ยินว่าเสี่ยวจิงหงเป็นศิษย์ของโจ ฉวนจีเขาก็ยังรู้สึกลังเลใจและคิดว่าบางที่นายน้อยอาจจะโม้ไปเอง

แต่มาตอนนี้ เขาเชื่อสุดหัวใจแล้ว

 

เทียบกับนายท่านของเขา เทพกระบี่โจว แล้ว เสี่ยวจิงหงยังเปรียบเป็นน้องชายของนายท่านไม่ได้เลยสักนิด

 

นี่แหละคือปรมาจารย์แห่งวิถีกระบี่ที่แท้จริงล่ะ!

 

เขาสามารถบรรลุสุดยอดวิชาดาบที่ทรงพลังได้เพียงแค่ฝึกแบบสุ่ม ๆ เท่านั้น!

ใช่แล้วล่ะ

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจคิดว่า อาคมหมื่นกระบี่มังกรเป็นวิชาดาบที่โจวฉวนจีสร้างขึ้นมาเอง นั่นเป็นเพราะเขาไม่เคยเห็นมัน มาก่อนและไม่เคยเห็นนายน้อยของเขาไปคุยกับใครมาก่อนด้วย

 

โจวฉวนจีจ้องไปทางเขาก่อนจะพูดตอบ “มีวิชาดาบอยู่เป็นพันบนโลกใบนี้ และวิชาที่ดีที่สุดก็คือวิชาที่เป็นของเจ้าเอง เจ้าหวังที่จะมุ่งสู่วิถีดาบที่ทรงอํานาจแต่ไร้ซึ่งความรอบคอบไม่แลหน้าดูหลังต่อให้จะใช้ดาบ 2 หรือ 3 เล่มก็อาจไม่ได้ดีไปกว่าดาบเดียวห รอกนะ”

แต่ก็แน่อยู่แล้วว่า ดาบ 10 เล่มของข้าต้องดีกว่าดาบเล่มเดียวอยู่แล้วล่ะ!

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยิน ตัวของเขาก็สั่นเทิ้มราวกับเริ่มบรรลุสัจธรรม

เขามักจะพยายามไล่ตามวิชาจิตดาบคู่ของโจวฉวนจีเสมอแต่เขาก็พบว่าแค่จะใช้ 2 วิชาดาบพร้อมกันได้ก็ยากแล้ว

 

แต่เขาพึ่งมาตระหนักเอาในวันนี้หลังจากที่เขาได้ฟังนายท่านของเขาไป

เส้นทางของเขาคือวิถีดาบเดียวยังไงล่ะ!

 

จู่ ๆ โจวฉวนจีก็เอาดาบเด็ดสุกรออกมาและพูดขึ้นว่า “เปิดตาของเจ้าซะและจงดู”

 

เขาโยนดาบขึ้นด้วยมือขวาและใช้วิชาขยายวิถีกระบี่ดาบเด็ดสุกรบินตรงไปยังปาข้างหน้า และตัดต้นไม้จํานวนนับไม่ถ้วนในระยะหลายร้อยหลาลงก่อนจะเจาะทะลุเนินเขาเล็ก ๆ ไป

 

แม้จะเป็นเวลาพลบค่ํา แต่ทั้งกลุ่มก็สามารถเห็นได้ว่าเนินเขาเล็กๆถูกผ่าออกเป็นสองส่วน ดาบเด็ดสุกรยังคงบินขึ้นไปสู่ท้องฟ้า

 

เร็วมาก!

หัวใจของจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจเต้นระรัว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเห็นวิชาขยายวิถีกระบี่ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันเป็นเพ ราะพลังอันล้นเหลือของโจวฉวนจีแต่พอได้เห็นมันใกล้ ๆ แล้ว เขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นเพราะวิชาดาบนั่นเอง

 

โจวฉวนจียกมือขวาขึ้น และดาบเด็ดสุกรก็บินกลับมาหา เขาพูดขึ้นมา “วิชาขยายวิถีกระบี่ หากเจ้าบรรลุวิชานี้ได้ เจ้าจะสามารถสังหารศัตรูที่อยู่ในระยะ 100 หลาได้ในทันที”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจมองด้วยความอิจฉา “นายท่านได้โปรดสอนข้าได้หรือไม่?” เขาถาม

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจนั้นค่อนข้างจะเก่งทีเดียว และถ้าโจวฉวนจียังคิดเก็บเขาเอาไว้อยู่กับตัวต่อไป เขาก็ต้องให้แรงจูงใจ อะไรกลับไปบ้างโจวฉวนจีลองคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นก่อนจะตัด สินใจว่าวิชาขยายวิถีกระบี่นี่แหละเหมาะกับเขาที่สุดแล้ว

ยังไงซะเขาก็ไม่มีอนาคตสําหรับวิชาจิตดาบคู่อยู่แล้ว

ด้วยพรสวรรค์แบบนี้ เขาแทบจะไม่มีทางต่อต้านบัญชาสวรรค์ได้เลย

โจวฉวนจีพูด “ได้อยู่แล้ว เพราะเจ้านะภักดีต่อข้า เจ้ามักทําสิ่งที่ข้ามอบหมายให้ได้ดีเสมอ และในเมื่อเจ้าไม่สามารถบรรลุวิชาดาบคู่ได้งั้นก็ให้เจ้าก็บรรลุวิชาขยายวิถีกระบี่แล้วกัน ข้าน่ะมีวิชา ดาบอยู่อีกมากมายและบางทีอาจจะมีสักวิชาที่เหมาะสมกับเจ้าอยู่ในอนาคตก็ได้เพราะงั้นจงพยายามต่อไป”

 

เมื่อจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจได้ยิน ก็คุกเข่าลงต่อหน้าเขาด้วยความตื่นเต้น

 

ฮวงเหลี่ยนชินก็มองไปทางเขาอย่างคาดหวังเช่นกัน

 

โจวฉวนจีเงยหน้าขึ้นก่อนจะพูดขึ้นว่า “ในฐานทาสกระบี่ของข้าเจ้าจะเป็นรองแค่ข้าเท่านั้นแน่นอน”

เป็นรองแค่เขาเท่านั้นงั้นหรอ!

 

เขาจะกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดได้แน่เลย!

เลือดในตัวของทาสกระบี่และสาวใช้เดือดพล่านด้วยความอีกเหิมพวกเขาเห็นโจวฉวนจีบรรลุวิชาสิบกระป์ได้จริงจึงเชื่อมั่นในสิ่งที่เขาพูดอย่างสุดหัวใจ

 

“เอาล่ะ ได้เวลาอาหารเย็นแล้ว!”

 

โจวฉวนจีพูดพลางโบกมือให้ จากนั้นเขาก็นําทั้งกลุ่มกลับไปยังหมู่บ้าน

 

เจ้างูตัวเล็กยังคงรู้สึกช็อคอยู่ ขณะที่เจ้าหนูทรายสามตาเริ่มเดินต่อและวิ่งลากมันไปกับพื้นอย่างบ้าคลั่งจนเกือบจะฆ่ามันตายได้

ในคืนนั้น ชาวบ้านคิดว่ามีอันตรายอยู่ใกล้ ๆ เพราะดาบเด็ดสุกรทําลายเนินเขาเสียงดังสนั่น แต่เมื่อพวกเขาไปตรวจสอบดูก็ไม่เจออะไร

 

โจวฉวนจียังเฝ้ารอ

 

เขาอยากจะย้ายเข้าไปอยู่ในมหาจักรวรรดิโจวหลังจากที่อายุครบ 11 ขวบ

 

แต่การจะเข้าร่วมการคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้นั้นเขาจําเป็นต้องทําอะไรบางอย่างที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งโลกได้เสียก่อน

ในช่วงครึ่งปีมานี้ เขาไม่ได้ทําอะไรมากนักชื่อเสียงของเขาเลย

ลดลง

 

องค์กรที่ทรงพลังจะเข้ามาชักชวนเขาก็ต่อเมื่อเขามีชื่อเสียงที่มากพอเท่านั้นจากนั้นพวกเขาก็จะยื่นเสนอชื่อเขาเข้าสู่การคัดเลือกแห่งสวรรค์ของมหาจักรวรรดิโจวได้

โจวฉวนจีเรียกทาสกระบี่และสาวใช้มาเพื่อถามเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“มีเรื่องใหญ่อะไรที่มากพอจะเพิ่มชื่อเสียงให้ข้าได้บ้าง?”

 

ฮวงเหลี่ยนชินตกลงไปอยู่ในห้วงความคิด

 

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจพูด “ข้ารู้อยู่เรื่องนึงครับ มันเป็นเรื่องแถวเมืองแถบชายแดนของมหาจักรวรรดิโจวนะครับ ศิษย์เอกของจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจว เสี่ยหรูโหยว ได้จัดงานประชุมกระบี่ขึ้นมาครับ ในทุก ๆ 5 ปี ผู้ชนะเลิศจะได้สิทธิ์ในการเข้าหอสมุดกระบี่เป็นเวลา 3 วัน และในขณะเดียวกันผู้ชนะเลิศก็ จะได้โอกาสในการเป็นศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่ด้วยครับ”

 

หอสมุดกระบี่นั้นมีข้อมูลเกี่ยวกับวิชาดาบอยู่จํานวนมหาศาลมันคือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สําหรับจอมยุทธที่อยู่ในวิถีกระบีแห่งมหาจักรวรรดิโจว

มีเพียงศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้เข้าไปยังหอสมุดแห่งนั้น

จักรพรรดิกระบี่นั้นเป็นที่นับถือมากในมหาจักรวรดิโจว ถึงแม้เขาจะไม่มีตําแหน่ง แต่เขาก็อยู่ภายใต้บังคับบัญชาของมหาจักรวรรดิโจว

 

เขาเป็นถึงจ้าวแห่งโลกวรยุทธในมหาจักรวรรดิโจว เขานั้นสามารถปกป้องมหาจักรวรรดิจากภยันอันตรายใด ๆ ก็ตามที่เข้ามาได้แล้วยังได้รับการสนับสนุนจากมหาจักรวรรดิโจวอีก ด้วยเหตุนี้ทั้งสองฝ่ายจึงอยู่ในลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน

 

โจวฉวนจีถามขึ้นมา “งานประชุมกระบี่จะจัดขึ้นเมื่อไหร่ล่ะ?แล้วต้องใช้เวลาแค่ไหนกว่าจะไปถึงที่นั่นได้?”

 

“ครึ่งปีหลังจากนี้ครับ และเราต้องใช้เวลา 4 เดือนหากเดินทางจากที่นี่ไป” จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจตอบ

โจวฉวนจีพูดถาม “ถ้าอย่างนั้น พวกเราจะย้ายออกจากที่นี่ในหนึ่งเดือน!”

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็ไม่ได้ค้านอะไร เขาสนใจในงานประชุมกระบี่มากและเดิมทีก็จะไปเข้าร่วมอยู่แล้วด้วยแต่น่าเสียดายที่เขาไม่ได้ไปเข้าร่วมในฐานะของผู้ชนะ

 

โจวฉวนจีกลับไปยังกระท่อมและบอกเจียงฮือน้อยเกี่ยวกับเรื่อง

ale

 

“ถ้าเจ้าอยากจะอยู่รอคุณยายของเจ้าก็อยู่ที่นี่เถอะ อาใหญ่กับน้องสองจะอยู่กับเจ้าที่นี่เพื่อปกป้องเจ้าเอง”

โจวฉวนจีถามความเห็นของเธอเพราะไม่อยากจะบังคับให้เธอไปกับเขาด้วย

เด็กสาวก็ใกล้จะอายุ 15 ปีแล้ว หนึ่งปีหลังจากนี้เธอก็แต่งงานกับใครสักคนตามธรรมเนียมได้แล้ว

 

เมื่อเจียงฉือน้อยได้ยินก็หยิกหูของเขา “มันแหงอยู่แล้วสิว่าข้าก็จะตามเข้าไปด้วยนะ ข้าไม่คิดว่าคุณยายของข้าจะกลับมาหรอกนะ แล้วถ้าไม่มีข้าแล้วใครจะเป็นคนดูแลเจ้าละห้ะ?” เธอตะคอกใส่

 

โจวฉวนจีรู้สึกอุ่นใจขึ้นมา แต่เขาก็แกล้งทําเป็นเจ็บแทนก่อนจะพูดว่า “ปล่อยมือเจ้าได้แล้วน่าข้าเจ็บหูจะตายแล้ว”

 

“ไม่! เจ้ายังจะกล้าพูดอะไรแบบนี้อีกมั้ยจ๊ะ?”

 

“ไม่ ไม่ ข้าจะไม่พูดอีกแล้วน่า…”

 

“ฮีม อย่าคิดจะทิ้งข้าไว้อีกเชียวล่ะ!”

“เข้าใจแล้ว ถ้างั้นมาตกลงกันนะว่าเราจะไม่ทิ้งกันน่ะ!”

โจวฉวนจีถือโอกาสนี้พูดออกไป

เจียงฮือน้อยเองก็ตั้งใจจะทําแบบนั้นเหมือนกันเธอเลยยืนนิ้วก้อยออกมาและพูดขึ้นว่า “ถ้างั้นมาทําสัญญาตามแบบของเจ้ากันเกี่ยวก้อยสัญญากันว่าจะไม่มีวันเปลี่ยนไปเด็ดขาด ออใช่แล้ว เราต้องทําสัญญากันอีกข้อนึ่งด้วย ต้องไม่แต่งงานมีภรรยากับมี เมียน้อยหลายคนในอนาคต!”

 

พอมีฮวงเหลี่ยนชินอยู่ด้วยแล้วตอนนี้ เธอก็สามารถถามอะไรได้หลายอย่างเพราะงั้นเจียงฉือน้อยก็ไม่ใช่เด็กสาวไร้เดียงสาอย่างที่เคยอีกแล้ว

“แต่ทําไมล่ะนั่น?” โจวฉวนจีถามพลางเบิกตากว้าง

 

เขาขําอยู่ในใจ ยัยเด็กคนนี้โตขึ้นแล้วจริง ๆ แถมยังเริ่มคิดมากอีกตอนนี้เธอแทบจะขุดหลุมฝังเขาด้วยซ้ํา

เจียงฉือน้อยบิดมือพลางจ้องไปทางเขาด้วยสายตาระยิบระยับก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่มีแต่จะสัญญาไม่สัญญา?”

โจวฉวนจีเบ้ปากและพูดตอบอย่างเศร้า ๆ “ถ้าเจ้าทํางี้แล้วเจ้าไม่กลัวรึไงว่าในอนาคตข้าจะหาภรรยาไม่ได้เอาน่ะ?”

 

“ถ้าเจ้าหาไม่ได้ก็ยิ่งดีน่ะซิ!”

 

เธอพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น ขณะที่เธอพูด เธอก็คลายมือที่หยิกหูเขาออกก่อนจะยืนกอดอกและมองอย่างภาคภูมิใจ

 

จู่ ๆ โจวฉวนจีก็รู้สึกปวดตับกระทันหัน ในฐานะผู้ชายในโลกนี้แล้วเขาจะอยู่ได้ยังไงโดยไม่มีภรรยาละห้ะ?

 

“อย่างมากสุด… เดี๋ยวข้าก็จะเป็นภรรยาให้เจ้าเองละน่า”เจียงฉือน้อยพูดพลางมุ่ยปาก

 

โจวฉวนจีแกล้งทําเป็นตกใจก่อนจะก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว “โว้วววเจ้าซ่อนเจตนาอะไรแบบนี้ไว้นี่เอง!” เขาพูด

 

เจียงฉือน้อยรู้สึกทั้งเขินทั้งโกรธก่อนจะหยิบหมอนขึ้นมาและวิ่ง

ไล่เขา

คู่หูที่แสนไร้เดียงสาทั้งสองต่างมีเพียงแค่กันและกันเท่านั้น นี่แหละคือความรักที่ฟ้าลิขิตล่ะ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+