หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ | Have Countless L…

ตอนที่ 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้

ตอนที่ 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้

ขณะที่เสี่ยหรูโหยวกําลังรู้สึกกังวลเรื่องหอสมุดกระบี่ โจวฉวนจีก็ใช้ดาบชโลมโลหิตจนฟื้นฟูพลังวิญญาณจนกลับมาเต็มแล้ว เขารู้สึกได้เลยว่าพลังวิญญาณทั่วร่างของเขากําลังพลุ่งพล่าน

เรื่องที่สําคัญที่สุดเลยก็คือ เหล่าผู้เข้าร่วมงานประชุมกระบี่ทุกคนต่างก็อยู่ระดับบัวภายในกันทั้งนั้น เว้นแต่โจวฉวน

เพราะงั้นเลือดที่ดูดซับมาและแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณนั้นเลยทําให้จอมยุทธที่อยู่แค่ระดับบรรลุญาณเติมเต็มพลังงานได้อย่างรวดเร็ว

เหล่าจอมกระบี่ที่ถูกดาบชโลมโลหิตฟันเข้านั้นไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองถูกดูดเลือดออกไป เพราะดาบนั้นรวดเร็วเกินไปและเลือดที่ดูดซับออกมาก็ไม่ได้เยอะมากนัก

ยิ่งกว่านั้น พวกเขาก็ยังอยู่ในช่วงระหว่างการต่อสู้อีกด้วย ใครมันจะไปสนใจมาก ขนาดนั้นกันล่ะ?

จนถึงตอนนี้ จอมกระบี่ที่เหลือรอดอยู่บนหอคอยเหล็กนั้นเหลือเพียง 13 คนเท่านั้น

จางเถียนเจียนและหยางเฉอยังคงรอดอยู่ด้วยวิธีการที่หน้าไม่อาย

จางเถียนเรียนรู้สึกตื่นเต้นมาก เขารู้สึกเหมือนว่าโจวฉวนจีกําลังปกป้องเขา

แต่อีกฝ่ายนึ่งในตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะแก้แค้นดีรึเปล่า

โจวฉวนเก็บดาบทั้งหมดกลับไป เหลือไว้เพียงดาบเด็ดสุกรที่ยังอยู่ในมือเท่านั้น

ถ้าใช้ดาบชโลมโลหิตมากไป มันอาจจะไปล่อตาล่อใจอะไรบางอย่างที่เขาไม่ต้องการเข้าก็ได้

เขาสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกประหลาดที่จ้องมองมาจากหลายๆคน ซึ่งมันทําให้เขาคิดว่าหลังจากจบงานประชุมกระบี่นี่ เขาอาจจะเจอกับปัญหาถาโถมเข้าใส่แน่

เขากระโดดขึ้นและหมุนตัวหันหน้าลง ก่อนจะพุ่งลงไปยังด้านล่าง ณ ชั้นที่ 6 ของ หอคอยทันที

ที่นั่นมีจอมกระบี่อยู่ 3 คนที่กําลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่

เมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจีก็เริ่มหวาดกลัวขวัญผวา

โจวฉวนจีพุ่งเปิดใส่ด้วย 8 ก้าวทะลวงกระบี่

ถึงเขาจะไม่ได้ใช้วิชาสิบกระบี่ เขาก็ยังทัดเทียมได้กับดาบอุดรวายุแห่งโจวและยอดกระบี่จาวฉงเลย แล้วจอมกระบี่พวกนี้จะไปเหลืออะไรล่ะ?

ภายใน 4 ลมหายใจ จอมกระบี่ทั้ง 3 ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาร่วงลงจากหอคอยและถูกคัดออกออกจากงานประชุม

โจวฉวนจีว่องไว้ราวกับสุนัขจิ้งจอก เขาสไลด์ลงไปตามเสาเหล็กเพื่อลงมายังชั้นที่

ที่ชั้นนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้น และเมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจี ก็พยายามวิ่งหนีหางจุกตูดก้นทันที

โจวฉวนจียังคงไล่ตามพวกเขาต่อเรื่อย ๆ ราวกับนักล่าที่กาลังไล่ล่าเหยื่อ

“เรามาโจมตีเขาพร้อม ๆ กันเถอะ! ไม่งั้นมีหวังพวกเราได้โดนเทพกระบี่โจวก่าจัดก่อนแน่!”

หยางเฉอร้องตะโกนเสียงดังออกมาทันที สีหน้าของจอมกระบอีก 7 คนก็เปลี่ยนไปในทันทีขณะที่กระโจนขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

จางเถียนเจียนไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย เพราะยังไงซะเขาก็มีความสัมพันธ์อันดีกับโจวฉวนจอยู่ ฉะนั้นเขาเลยไม่คิดจะสู้กับโจวฉวน

เขาทําใจไปแล้วว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะชนะในงานประชุมกระบี่นี้อยู่แล้ว

แค่ได้สร้างความประทับใจให้คนอื่นเห็นก็ดีพอแล้ว

บนชั้นที่ 8 นั้น จอมกระบี่ทั้ง 8 คน รวมทั้งหยางเฉอ กำลังเผชิญหน้ากับโจวฉวนจี ความลําบากใจปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้าของพวกเขา และดูกังวลกันมากทีเดียว
จางเถียนเจียนเข้ามาด้านข้างของโจวฉวนจีพร้อมกับดาบในมือ “พวกเจ้าคิดจะล้ม ท่านโจวอย่างงั้นน่ะหรอ? เหอะ ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!” เขาตะโกนออกมาด้วยน้ําเสียงที่ทุ่มต่า

ถึงแม้เขาจะยืนเชิดหน้าชูคออยู่ ราวกับนักรบผู้ผดุงความยุติธรรม แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักนิด กลับกันทุก ๆ คนต่างก็เริ่มพูดคุยกันว่าจะต้องใช้กี่กระบวนท่าถึงจะล้มเทพกระบี่โจวได้

โจวฉวนจีจ้องไปยังหยางเฉอ และหรี่ตาลงขณะที่พูดขึ้นมา “ไอเวรเหลี่ยมจัดเอ้ย”

สายตาที่ส่งมานั้นทําให้หยางเฉอกลัวสุด ๆ แต่เขาก็ยังพยายามตะโกนออกไปอย่างกล้าหาญว่า “ยังไงในงานประชุมกระบี่นี้ก็ต้องใช้ทุกวิถีทางในการต่อสู้กันอยู่แล้วนี่ พวกข้าไม่ได้มีพลังแบบเจ้าซะหน่อย เล่นพรรคเล่นพวกบ้างจะเป็นไรไปล่ะ?”

จอมกระบี่คนอื่นต่างก็เห็นด้วยกันกับเขา

พวกเขาต่างก็ใช้เวลาเตรียมตัวกันอยู่หลายปีเพื่องานประชุมกระบี่นี่ เพราะงั้นพวกเขาก็ไม่อยากจะให้มันจบลงไปง่าย ๆ แบบนี้หรอกนะ

“ห์!”

โจวฉวนจตะคอกออกมาด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา “งั้นก็เข้ามาเลย!”

เขาหยิบดาบมังกรสีชาด, ดาบคลื่นเหมันต์, ดาบพยัคฆ์คําราม, ดาบผ่าวายุ, ดาบเด็ดสุกร, ดาบเสียงสวรรค์, ดาบเงามายา, ดาบอัสนคราม และดาบไร้ลักษณ์ออกมา

อาคมหมื่นกระบี่มังกร วิชาสิบกระ!!

เขาควบคุมดาบพวกนั้นผ่านความคิดและเริ่มโจมตี

จากนั้น เขาก็พุ่งมายังเบื้องหน้าของหยางเฉอด้วย 8 ก้าวทะลวงกระบี่

สีหน้าของหยางเฉอซีดเซียวและหวาดกลัว และโดยสัญชาตญาณเขาก็อยากจะกระโดดถอยหลังหนี

โจวฉวนจีจึงใช้วิชาดาบสะบั้นสามชีพจรทันที

ปราณกระบี่ที่น่าพรั่นพรึงพัดตรงเข้าใส่เขาราวกับพายุหมุน และทําลายเส้นชีพจรสําคัญทั่วร่างของหยางเฉอในทันที หยางเฉอตัวท่วมไปด้วยเลือดและสูญเสียกําลังใจฉับพลัน

โจวฉวนจฟาดฟันเข้าใส่เขาอีกครั้งและตัดเข้าที่หัวเขา

โว้วววว

ผู้ชมนับล้านต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าโจวฉวนจีจะ โหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขานึกถึงตอนที่ดาบอดรวายุแห่งโจวถูกสายฟ้าฟาดจนตัวไหม้เกรียมก็เริ่มรู้สึกโล่งใจแทน

งานประชุมกระบี่ไม่ได้มีข้อห้ามในการฆ่ากันอยู่แล้ว

ปกติการฝึกศิลปะป้องกันตัวมันก็ต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการฝึกซ้อมนั้นมีการใช้ดาบจริงด้วยน่ะ

แต่เหล่าข้ารับใช้ของตระกูลหยางกลับรู้สึกราวกับโลกพังทลายแทน

ถ้าหยางเฉอตายแล้วงี้ พวกเขาจะกล้าแบกหน้าตัวเองไปรายงานกับหัวหน้าตระกูลหยางได้ยังไงกัน?

โจวเฉิงซินส่ายหัว หยางเฉอนี่แม่งโง่เหลือทนจริง ๆ

ถ้าโจวฉวนจีฆ่าเขาซะตั้งแต่ก่อนหน้านี้ นั่นอาจจะทําให้เขามีปัญหาตามมาเอาได้ แต่การฆ่าเขาในจังหวะแบบนี้ ก็มีแต่คนจะหัวเราะเยาะเย้ยตระกูลหยางแทน

โจวจวนจีก็เผยพลังที่แท้จริงของเขาแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ เขายังกล้าจะมายั่วโมโหอีก มันก็เหมือนกับพวกอ้อนตีนขอให้ฆ่าเลยไม่ใช่รึไง?

เหล่าจอมกระบี่คนอื่น ๆ ต่างก็ค่อย ๆ แพ้พ่ายให้กับดาบในตํานานที่ละเล่ม ๆ

ในไม่ช้า ก็เหลือเพียงแต่จางเถียนเจียนและโจวฉวนจีเท่านั้นที่ยืนอยู่บนหอคอยเหล็ก

โจวฉวนจีหันกลับไปมองผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย

สายตาของพวกเขาสบกัน เปลือกตาของจางเถียนเจียนสันอย่างรุนแรง เมื่อเขาเห็นความสงบนิ่งที่ส่งผ่านมาทางสายตาของโจวฉวนจี

เขาเก็บดาบลงทันที ก่อนจะกําหมัดพลางโค้งคํานับให้โจวฉวนจี

หลังจากโค้งคํานับเสร็จ เขาก็หันไปหาเหล่าผู้ชมนับล้าน ปรับพลังวิญญาณของเขาให้เพิ่มขึ้นมากที่สุดและตะโกนออกไปว่า “เทพกระบี่โจวไร้พ่าย! เขาสมควรที่จะได้รับฉายานี้!”

หลังจากนั้น โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาก็กระโดดลงมาอย่างสง่างามและลงสู่พื้นเวที

ตู้มมมม!

เหล่าผู้ชมนับล้านต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่อีกครั้ง และนํามาซึ่งบรรยากาศที่ระ อนอไปจนถึงขีดสุด

ในคราวนี้ พวกเขาต่างก็ตะโกนกันออกมาเป็นเสียงเดียว

“เทพกระบี่โจวไร้พ่าย”

“เทพกระบโจวไร้พ่าย!”

“เทพกระบโจวไร้พ่าย!”

เมื่อเสียงนับล้านดังก้องผสานกันเป็นหนึ่งเดียว จิตใจของคนเราจะไม่โดนปลุกเร้าได้เช่นไรกัน?

โจวฉวนจีบินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยด้วยดาบของเขา ดาบในตํานานทั้ง 8 เล่มล่องลอยอยู่เบื้องหลังของเขาพร้อมกับดาบล่องหนอีกเล่มนึ่ง

เขายืนสูงสง่าราวกับเป็นเซียนกระบี่ผู้ลงมายังโลกเบื้องล่าง เสื้อผ้าสีดพลิ้วไหว และร่ายราไปตามสายลมทั้งดูสูงส่งและทรงพลัง!

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ชนะแห่งงานประชุมกระบี่จึงได้ถูกตัดสินแล้ว!

เจียงฉือน้อย ฮวงเหลี่ยนชิน จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และคนอื่น ๆ ต่างก็กระโดดโลดเต้นกันด้วยความตื่นเต้น

แม้แต่จางหรูหยูและจางหรูถานต่างก็กอดกันกลม

โจวเฉิงซินมองขึ้นไปยังเขาก่อนจะถอนหายใจ “เขาช่างไม่เหมือนใครในโลกนี้ซะ
จริง”

จักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวเขย่าโลกด้วยดาบในตํานานทั้ง 7 เล่ม

แต่ตอนนี้ เทพกระบี่โจวยืนตระหง่านอยู่บนฟากฟ้าด้วยดาบในต่านานทั้ง 9 เล่ม

ขณะที่เขามองไปยังโจวจวนจี มันก็เหมือนกับว่าเขากําลังจะได้เห็นต่านานบทใหม่ที่กําลังจะเริ่มต้นขึ้น

หลังจากนี้ไป ฉายาเทพกระบี่โจวจะต้องถูกกล่าวถึงมากขึ้นอย่างแน่นอน

แต่อีกด้านหนึ่ง เสี่ยหรูโหยวและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกแย่กันเอามาก ๆ

โอ้ ไม่นะ…

แล้วจะให้พวกเขาเผชิญหน้ารับความจริงที่เทพกระบี่โจวจะได้เข้าไปยังหอสมุดกระบี่ได้ยังไงกัน?

โจวฉวนจีรู้สึกมีความสุขกับเสียงเชียร์จากผู้ชมนับล้าน เขานั้นดูไร้ซึ่งความกังวล ใด ๆ มีเพียงความสง่างามและความยิ่งใหญ่ที่เผยออกมาเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็คิดถึงกั่วไปหลี่ขึ้นมา

จากวันนี้เป็นต้นไป หากเจ้าได้ยินเรื่องเทพกระบโจวเข้า เจ้าจะคิดถึงข้ารึเปล่านะ?

เจ้าหวังว่าข้าจะมีชื่อเสียงดังกระฉ่อนก้องโลก ตอนนี้ข้าทําได้แล้วไงล่ะ!

เขาเก็บดาบกลับเข้าไปก่อนจะร่อนลงสู่พื้นอย่างช้า ๆ

เหล่าฝูงชนที่อยู่รอยเวทีหินก็ยังคงส่งเสียงเชียร์ให้เทพกระบี่โจว

เสี่ยหรูโหยวเดินตรงมายังโจวฉวนจีและพูดด้วยน้ําเสียงที่เกรี้ยวกราด “เจ้ากล้าพรากชีวิตคนไปได้ยังไงกัน?”

โจวฉวนจตอบอย่างใจเย็น “การต่อสู้มันดุเดือด ข้าเลยเผลอจมอยู่กับการต่อสู้มากไปหน่อยน่ะ”

เสี่ยหรูโหยวยิ้มแห้ง ๆ ไอเจ้าหมอนี่ช่างสรรหาข้อแก้ตัวซะจริงนะ

โจวเฉิงซินเดินตรงมาหาโจวฉวนจีขณะที่หัวเราะร่าเสียงดัง เขาตบไหล่โจวฉวน และพูดขึ้นมาว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั่วทั้งมหาจักรวรรดิโจวจะเรียกขานแต่นามของเจ้า เทพกระบี่โจวไงล่ะ!”

โจวฉวนจียักไหล่ตอบและไม่ได้แสดงท่าทางดีใจให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

มันดูราวกับว่าเขาได้รับชัยชนะนี้มาอย่างง่ายดายเลยทีเดียว

โจวฉวนจึมองไปยังเสี่ยหรูโหยวและถามขึ้นมา “แล้วข้าจะได้เข้าไปยังหอสมุดกระบี่เมื่อไหร่ล่ะ?”

พอได้ยินแบบนั้น เสี่ยหรูโหยวก็รู้สึกอึดอัดใจทันที

เขารู้สึกราวกับว่าโลกกําลังจะพังทลายลง เขาคร่ครวญอยู่ภายในใจ… นี่มันจุดจบของข้าแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ | Have Countless L…

ตอนที่ 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้

ตอนที่ 67 : เขาสมควรได้รับฉายานี้

ขณะที่เสี่ยหรูโหยวกําลังรู้สึกกังวลเรื่องหอสมุดกระบี่ โจวฉวนจีก็ใช้ดาบชโลมโลหิตจนฟื้นฟูพลังวิญญาณจนกลับมาเต็มแล้ว เขารู้สึกได้เลยว่าพลังวิญญาณทั่วร่างของเขากําลังพลุ่งพล่าน

เรื่องที่สําคัญที่สุดเลยก็คือ เหล่าผู้เข้าร่วมงานประชุมกระบี่ทุกคนต่างก็อยู่ระดับบัวภายในกันทั้งนั้น เว้นแต่โจวฉวน

เพราะงั้นเลือดที่ดูดซับมาและแปรเปลี่ยนเป็นพลังวิญญาณนั้นเลยทําให้จอมยุทธที่อยู่แค่ระดับบรรลุญาณเติมเต็มพลังงานได้อย่างรวดเร็ว

เหล่าจอมกระบี่ที่ถูกดาบชโลมโลหิตฟันเข้านั้นไม่รู้สึกตัวเลยว่าตัวเองถูกดูดเลือดออกไป เพราะดาบนั้นรวดเร็วเกินไปและเลือดที่ดูดซับออกมาก็ไม่ได้เยอะมากนัก

ยิ่งกว่านั้น พวกเขาก็ยังอยู่ในช่วงระหว่างการต่อสู้อีกด้วย ใครมันจะไปสนใจมาก ขนาดนั้นกันล่ะ?

จนถึงตอนนี้ จอมกระบี่ที่เหลือรอดอยู่บนหอคอยเหล็กนั้นเหลือเพียง 13 คนเท่านั้น

จางเถียนเจียนและหยางเฉอยังคงรอดอยู่ด้วยวิธีการที่หน้าไม่อาย

จางเถียนเรียนรู้สึกตื่นเต้นมาก เขารู้สึกเหมือนว่าโจวฉวนจีกําลังปกป้องเขา

แต่อีกฝ่ายนึ่งในตอนนี้รู้สึกไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ เพราะเขาไม่รู้ว่าจะแก้แค้นดีรึเปล่า

โจวฉวนเก็บดาบทั้งหมดกลับไป เหลือไว้เพียงดาบเด็ดสุกรที่ยังอยู่ในมือเท่านั้น

ถ้าใช้ดาบชโลมโลหิตมากไป มันอาจจะไปล่อตาล่อใจอะไรบางอย่างที่เขาไม่ต้องการเข้าก็ได้

เขาสัมผัสได้ถึงสายตาแปลกประหลาดที่จ้องมองมาจากหลายๆคน ซึ่งมันทําให้เขาคิดว่าหลังจากจบงานประชุมกระบี่นี่ เขาอาจจะเจอกับปัญหาถาโถมเข้าใส่แน่

เขากระโดดขึ้นและหมุนตัวหันหน้าลง ก่อนจะพุ่งลงไปยังด้านล่าง ณ ชั้นที่ 6 ของ หอคอยทันที

ที่นั่นมีจอมกระบี่อยู่ 3 คนที่กําลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดอยู่

เมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจีก็เริ่มหวาดกลัวขวัญผวา

โจวฉวนจีพุ่งเปิดใส่ด้วย 8 ก้าวทะลวงกระบี่

ถึงเขาจะไม่ได้ใช้วิชาสิบกระบี่ เขาก็ยังทัดเทียมได้กับดาบอุดรวายุแห่งโจวและยอดกระบี่จาวฉงเลย แล้วจอมกระบี่พวกนี้จะไปเหลืออะไรล่ะ?

ภายใน 4 ลมหายใจ จอมกระบี่ทั้ง 3 ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกเขาร่วงลงจากหอคอยและถูกคัดออกออกจากงานประชุม

โจวฉวนจีว่องไว้ราวกับสุนัขจิ้งจอก เขาสไลด์ลงไปตามเสาเหล็กเพื่อลงมายังชั้นที่

ที่ชั้นนี้มีเพียง 2 คนเท่านั้น และเมื่อพวกเขาเห็นโจวฉวนจี ก็พยายามวิ่งหนีหางจุกตูดก้นทันที

โจวฉวนจียังคงไล่ตามพวกเขาต่อเรื่อย ๆ ราวกับนักล่าที่กาลังไล่ล่าเหยื่อ

“เรามาโจมตีเขาพร้อม ๆ กันเถอะ! ไม่งั้นมีหวังพวกเราได้โดนเทพกระบี่โจวก่าจัดก่อนแน่!”

หยางเฉอร้องตะโกนเสียงดังออกมาทันที สีหน้าของจอมกระบอีก 7 คนก็เปลี่ยนไปในทันทีขณะที่กระโจนขึ้นไปพร้อม ๆ กัน

จางเถียนเจียนไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย เพราะยังไงซะเขาก็มีความสัมพันธ์อันดีกับโจวฉวนจอยู่ ฉะนั้นเขาเลยไม่คิดจะสู้กับโจวฉวน

เขาทําใจไปแล้วว่าเขาไม่มีโอกาสที่จะชนะในงานประชุมกระบี่นี้อยู่แล้ว

แค่ได้สร้างความประทับใจให้คนอื่นเห็นก็ดีพอแล้ว

บนชั้นที่ 8 นั้น จอมกระบี่ทั้ง 8 คน รวมทั้งหยางเฉอ กำลังเผชิญหน้ากับโจวฉวนจี ความลําบากใจปรากฏให้เห็นอยู่บนใบหน้าของพวกเขา และดูกังวลกันมากทีเดียว
จางเถียนเจียนเข้ามาด้านข้างของโจวฉวนจีพร้อมกับดาบในมือ “พวกเจ้าคิดจะล้ม ท่านโจวอย่างงั้นน่ะหรอ? เหอะ ข้ามศพข้าไปก่อนเถอะ!” เขาตะโกนออกมาด้วยน้ําเสียงที่ทุ่มต่า

ถึงแม้เขาจะยืนเชิดหน้าชูคออยู่ ราวกับนักรบผู้ผดุงความยุติธรรม แต่ก็ไม่มีใครสนใจเขาเลยสักนิด กลับกันทุก ๆ คนต่างก็เริ่มพูดคุยกันว่าจะต้องใช้กี่กระบวนท่าถึงจะล้มเทพกระบี่โจวได้

โจวฉวนจีจ้องไปยังหยางเฉอ และหรี่ตาลงขณะที่พูดขึ้นมา “ไอเวรเหลี่ยมจัดเอ้ย”

สายตาที่ส่งมานั้นทําให้หยางเฉอกลัวสุด ๆ แต่เขาก็ยังพยายามตะโกนออกไปอย่างกล้าหาญว่า “ยังไงในงานประชุมกระบี่นี้ก็ต้องใช้ทุกวิถีทางในการต่อสู้กันอยู่แล้วนี่ พวกข้าไม่ได้มีพลังแบบเจ้าซะหน่อย เล่นพรรคเล่นพวกบ้างจะเป็นไรไปล่ะ?”

จอมกระบี่คนอื่นต่างก็เห็นด้วยกันกับเขา

พวกเขาต่างก็ใช้เวลาเตรียมตัวกันอยู่หลายปีเพื่องานประชุมกระบี่นี่ เพราะงั้นพวกเขาก็ไม่อยากจะให้มันจบลงไปง่าย ๆ แบบนี้หรอกนะ

“ห์!”

โจวฉวนจตะคอกออกมาด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา “งั้นก็เข้ามาเลย!”

เขาหยิบดาบมังกรสีชาด, ดาบคลื่นเหมันต์, ดาบพยัคฆ์คําราม, ดาบผ่าวายุ, ดาบเด็ดสุกร, ดาบเสียงสวรรค์, ดาบเงามายา, ดาบอัสนคราม และดาบไร้ลักษณ์ออกมา

อาคมหมื่นกระบี่มังกร วิชาสิบกระ!!

เขาควบคุมดาบพวกนั้นผ่านความคิดและเริ่มโจมตี

จากนั้น เขาก็พุ่งมายังเบื้องหน้าของหยางเฉอด้วย 8 ก้าวทะลวงกระบี่

สีหน้าของหยางเฉอซีดเซียวและหวาดกลัว และโดยสัญชาตญาณเขาก็อยากจะกระโดดถอยหลังหนี

โจวฉวนจีจึงใช้วิชาดาบสะบั้นสามชีพจรทันที

ปราณกระบี่ที่น่าพรั่นพรึงพัดตรงเข้าใส่เขาราวกับพายุหมุน และทําลายเส้นชีพจรสําคัญทั่วร่างของหยางเฉอในทันที หยางเฉอตัวท่วมไปด้วยเลือดและสูญเสียกําลังใจฉับพลัน

โจวฉวนจฟาดฟันเข้าใส่เขาอีกครั้งและตัดเข้าที่หัวเขา

โว้วววว

ผู้ชมนับล้านต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขาไม่คิดมาก่อนเลยว่าโจวฉวนจีจะ โหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้

อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขานึกถึงตอนที่ดาบอดรวายุแห่งโจวถูกสายฟ้าฟาดจนตัวไหม้เกรียมก็เริ่มรู้สึกโล่งใจแทน

งานประชุมกระบี่ไม่ได้มีข้อห้ามในการฆ่ากันอยู่แล้ว

ปกติการฝึกศิลปะป้องกันตัวมันก็ต้องเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตอยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อการฝึกซ้อมนั้นมีการใช้ดาบจริงด้วยน่ะ

แต่เหล่าข้ารับใช้ของตระกูลหยางกลับรู้สึกราวกับโลกพังทลายแทน

ถ้าหยางเฉอตายแล้วงี้ พวกเขาจะกล้าแบกหน้าตัวเองไปรายงานกับหัวหน้าตระกูลหยางได้ยังไงกัน?

โจวเฉิงซินส่ายหัว หยางเฉอนี่แม่งโง่เหลือทนจริง ๆ

ถ้าโจวฉวนจีฆ่าเขาซะตั้งแต่ก่อนหน้านี้ นั่นอาจจะทําให้เขามีปัญหาตามมาเอาได้ แต่การฆ่าเขาในจังหวะแบบนี้ ก็มีแต่คนจะหัวเราะเยาะเย้ยตระกูลหยางแทน

โจวจวนจีก็เผยพลังที่แท้จริงของเขาแล้ว ในสถานการณ์เช่นนี้ เขายังกล้าจะมายั่วโมโหอีก มันก็เหมือนกับพวกอ้อนตีนขอให้ฆ่าเลยไม่ใช่รึไง?

เหล่าจอมกระบี่คนอื่น ๆ ต่างก็ค่อย ๆ แพ้พ่ายให้กับดาบในตํานานที่ละเล่ม ๆ

ในไม่ช้า ก็เหลือเพียงแต่จางเถียนเจียนและโจวฉวนจีเท่านั้นที่ยืนอยู่บนหอคอยเหล็ก

โจวฉวนจีหันกลับไปมองผู้รอดชีวิตคนสุดท้าย

สายตาของพวกเขาสบกัน เปลือกตาของจางเถียนเจียนสันอย่างรุนแรง เมื่อเขาเห็นความสงบนิ่งที่ส่งผ่านมาทางสายตาของโจวฉวนจี

เขาเก็บดาบลงทันที ก่อนจะกําหมัดพลางโค้งคํานับให้โจวฉวนจี

หลังจากโค้งคํานับเสร็จ เขาก็หันไปหาเหล่าผู้ชมนับล้าน ปรับพลังวิญญาณของเขาให้เพิ่มขึ้นมากที่สุดและตะโกนออกไปว่า “เทพกระบี่โจวไร้พ่าย! เขาสมควรที่จะได้รับฉายานี้!”

หลังจากนั้น โดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาก็กระโดดลงมาอย่างสง่างามและลงสู่พื้นเวที

ตู้มมมม!

เหล่าผู้ชมนับล้านต่างก็ตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่อีกครั้ง และนํามาซึ่งบรรยากาศที่ระ อนอไปจนถึงขีดสุด

ในคราวนี้ พวกเขาต่างก็ตะโกนกันออกมาเป็นเสียงเดียว

“เทพกระบี่โจวไร้พ่าย”

“เทพกระบโจวไร้พ่าย!”

“เทพกระบโจวไร้พ่าย!”

เมื่อเสียงนับล้านดังก้องผสานกันเป็นหนึ่งเดียว จิตใจของคนเราจะไม่โดนปลุกเร้าได้เช่นไรกัน?

โจวฉวนจีบินขึ้นไปยังชั้นบนสุดของหอคอยด้วยดาบของเขา ดาบในตํานานทั้ง 8 เล่มล่องลอยอยู่เบื้องหลังของเขาพร้อมกับดาบล่องหนอีกเล่มนึ่ง

เขายืนสูงสง่าราวกับเป็นเซียนกระบี่ผู้ลงมายังโลกเบื้องล่าง เสื้อผ้าสีดพลิ้วไหว และร่ายราไปตามสายลมทั้งดูสูงส่งและทรงพลัง!

ด้วยเหตุนี้เอง ผู้ชนะแห่งงานประชุมกระบี่จึงได้ถูกตัดสินแล้ว!

เจียงฉือน้อย ฮวงเหลี่ยนชิน จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และคนอื่น ๆ ต่างก็กระโดดโลดเต้นกันด้วยความตื่นเต้น

แม้แต่จางหรูหยูและจางหรูถานต่างก็กอดกันกลม

โจวเฉิงซินมองขึ้นไปยังเขาก่อนจะถอนหายใจ “เขาช่างไม่เหมือนใครในโลกนี้ซะ
จริง”

จักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวเขย่าโลกด้วยดาบในตํานานทั้ง 7 เล่ม

แต่ตอนนี้ เทพกระบี่โจวยืนตระหง่านอยู่บนฟากฟ้าด้วยดาบในต่านานทั้ง 9 เล่ม

ขณะที่เขามองไปยังโจวจวนจี มันก็เหมือนกับว่าเขากําลังจะได้เห็นต่านานบทใหม่ที่กําลังจะเริ่มต้นขึ้น

หลังจากนี้ไป ฉายาเทพกระบี่โจวจะต้องถูกกล่าวถึงมากขึ้นอย่างแน่นอน

แต่อีกด้านหนึ่ง เสี่ยหรูโหยวและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกแย่กันเอามาก ๆ

โอ้ ไม่นะ…

แล้วจะให้พวกเขาเผชิญหน้ารับความจริงที่เทพกระบี่โจวจะได้เข้าไปยังหอสมุดกระบี่ได้ยังไงกัน?

โจวฉวนจีรู้สึกมีความสุขกับเสียงเชียร์จากผู้ชมนับล้าน เขานั้นดูไร้ซึ่งความกังวล ใด ๆ มีเพียงความสง่างามและความยิ่งใหญ่ที่เผยออกมาเท่านั้น

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็คิดถึงกั่วไปหลี่ขึ้นมา

จากวันนี้เป็นต้นไป หากเจ้าได้ยินเรื่องเทพกระบโจวเข้า เจ้าจะคิดถึงข้ารึเปล่านะ?

เจ้าหวังว่าข้าจะมีชื่อเสียงดังกระฉ่อนก้องโลก ตอนนี้ข้าทําได้แล้วไงล่ะ!

เขาเก็บดาบกลับเข้าไปก่อนจะร่อนลงสู่พื้นอย่างช้า ๆ

เหล่าฝูงชนที่อยู่รอยเวทีหินก็ยังคงส่งเสียงเชียร์ให้เทพกระบี่โจว

เสี่ยหรูโหยวเดินตรงมายังโจวฉวนจีและพูดด้วยน้ําเสียงที่เกรี้ยวกราด “เจ้ากล้าพรากชีวิตคนไปได้ยังไงกัน?”

โจวฉวนจตอบอย่างใจเย็น “การต่อสู้มันดุเดือด ข้าเลยเผลอจมอยู่กับการต่อสู้มากไปหน่อยน่ะ”

เสี่ยหรูโหยวยิ้มแห้ง ๆ ไอเจ้าหมอนี่ช่างสรรหาข้อแก้ตัวซะจริงนะ

โจวเฉิงซินเดินตรงมาหาโจวฉวนจีขณะที่หัวเราะร่าเสียงดัง เขาตบไหล่โจวฉวน และพูดขึ้นมาว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั่วทั้งมหาจักรวรรดิโจวจะเรียกขานแต่นามของเจ้า เทพกระบี่โจวไงล่ะ!”

โจวฉวนจียักไหล่ตอบและไม่ได้แสดงท่าทางดีใจให้เห็นเลยแม้แต่น้อย

มันดูราวกับว่าเขาได้รับชัยชนะนี้มาอย่างง่ายดายเลยทีเดียว

โจวฉวนจึมองไปยังเสี่ยหรูโหยวและถามขึ้นมา “แล้วข้าจะได้เข้าไปยังหอสมุดกระบี่เมื่อไหร่ล่ะ?”

พอได้ยินแบบนั้น เสี่ยหรูโหยวก็รู้สึกอึดอัดใจทันที

เขารู้สึกราวกับว่าโลกกําลังจะพังทลายลง เขาคร่ครวญอยู่ภายในใจ… นี่มันจุดจบของข้าแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+