หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 63 : ทั้งสูงส่งและทะนงตัว!

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 63 : ทั้งสูงส่งและทะนงตัว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 63 : ทั้งสูงส่งและทะนงตัว!

โจวฉวนจีขมวดคิ้ว สมกับเป็นจักรพรรดิกระบี่ซะจริง เขาอุทานขึ้นมาในใจ

คําพูดพวกนั้นมันก็แค่กับดักเท่านั้นยังไงล่ะ!

สําหรับใครบางคนที่ทั้งสูงส่งและทะนงตัวอย่างจักรพรรดิกระบี่มาแสดงความเคารพอย่างสูงกับโจวฉวนมันเหมือนกับการผลักให้โจวฉวนจีตกลงไปในหลุมเพลิงนรกยังไงอย่างงั้น

แต่โจวฉวนจีสัมผัสได้เลยว่าเหล่าฝูงชนนั้นมองต่างออกไป

พวกเขากลับเริ่มรู้สึกอิจฉามากขึ้นกว่าเดิมแทน

โดยเฉพาะศิษย์จากสํานักเสี่ย พวกเขาต่างก็มองไปทางเขาด้วยความเกรี้ยวกราดราวกับอยากจะตะครุบเขาเลยที่เดียว

โจวฉวนจไม่ได้ตอบสนองอะไร ในเวลาแบบนี้เงียบเอาไว้จะดีกว่า

ในเมื่อจักพรรดิกระบี่ตั้งใจจะถีบเขาให้ตกลงไปในบ่อหายนะด้วยค่าสรรเสริญที่เกิดเหตุนั้นอยู่แล้วทําไมเขาจะไม่ใช่โอกาสนั้นในการประสบความสําเร็จไปด้วยเลยล่ะ?

ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขาเถียงกลับไปล่ะก็ มันจะไม่ดูเหมือนว่าเขาไม่ให้เกียรติจักรพรรดิกระบี่แทนหรอกหรอ?

ถ้าเป็นงั้นจริง มีหวังจักรพรรดิกระบี่คงจะได้ใช้ข้ออ้างนั่นในการพรากชีวิตเขาไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการแหง

สําหรับคนที่มีทั้งบารมีและความโด่งดังอย่างจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวแล้วเขาไม่มีทางจะฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผลดี ๆ ได้หรอก

ผู้คนนับล้านที่รายล้อมอยู่รอบเวทีหินเริ่มตกอยู่ในความโกลาหลต่างก็เริ่มร้องออกมาด้วย ความประหลาดใจ ดังมากเสียจนเสียงแทบจะทะลุฟ้าไปเลยทีเดียว

“พระเจ้าช่วย! เทพกระบี่โจวดึงความสนใจจักรพรรดิกระบี่ได้งั้นหรอเนี่ย?”

“สุดยอดไปเลย เทพกระบี่โจวนเจ๋งจริง ๆ ว่ะ!”

“แหงอยู่แล้ว เขากล้าเรียกตัวเองว่าเทพกระบี่เลยนะ เจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรอว่าเขาจะไร้ความสามารถน่ะ?”

“จักรพรรดิกระบี่พยายามจะขยี้เขาด้วยค่ายกย่องเว่อร์ ๆ นั่นแหงเลย!”

“จะเป็นงั้นไปได้ไงเล่า! จักรพรรดิกระบีน่ะทั้งซื่อตรงและซื่อสัตย์เชียวนะเขาไม่มีทางทําอะไรแบบนั้นหรอก!”

ณ ที่ขอบเวทีหิน เจียงฉือน้อย จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และคนที่เหลืออยู่ต่างก็ปั่นป่วนกันหมด

จางหรูถานพูดขึ้นมาด้วยความชื่นชม “ท่านเทพกระบโจวช่างสุดยอดจริง ๆ”

แต่ฮวงเหลี่ยนชินกลับขมวดคิ้วและพูดขึ้นมาเบา ๆ “จักรพรรดิกระบี่ต้องไม่ได้ทําด้วยเจตนาดีแน่เลย”

“เจ้าหมายความว่าไงกันน่ะ?” เมื่อเจียงฉือน้อยได้ยินก็ถามด้วยความแปลกใจไม่ใช่ว่าเขามองเทพกระบี่โจวของพวกเราในทางที่ดีหรอกหรอ?

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็เริ่มตระหนักได้เหมือนกันและสีหน้าที่ตื่นเต้นของเขาก็พลันหายไปในทันที ก่อนที่เขาจะเริ่มพิมพ์ออกมา“ดูบรรยากาศรอบ ๆ นั่นสินี่มันคือการบดขยนายน้อยของข้าด้วยคําสรรเสริญที่เว่อร์วังชัด ๆ”

เจียงฉือน้อยหันมองไปยังฝูงชนรอบ ๆ ทันที และเริ่มตระหนักได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่พูดเชียร์เทพกระบี่โจว

คนส่วนใหญ่ต่างมองไปยังโจวฉวนจีด้วยความสงสัย บ้างก็มองด้วยความอิจฉา

ในขณะเดียวกัน บนเวทีหินนั้น เสี่ยหรูโหยวก็ยังคงยิ้มอยู่พลางมองไปยังโจวฉวนจี เขาพยักหน้าอยู่หลายต่อหลายครั้ง ราวกับว่าเขากําลังสรรเสริญโจวฉวนจีอยู่เรื่อย ๆ

โจวฉวนจีสบถอยู่ภายในใจ แสดงเก่งซะจริงนะ!

เข้าถามขึ้นมาทันที “แล้วเมื่อไหร่งานประชุมกระบี่จะเริ่มกันล่ะ? แล้วเราจะมีเวลากินข้าวเที่ยงรึเปล่า?

เสี่ยหวโหยวรู้สึกตกใจเล็กน้อย “เจ้านี้ช่างตลกซะจริง เราจะเริ่มงานทันทีที่ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่น่ะ” เขาพูดพลางยิ้มให้ขณะที่ส่ายหัวไปด้วย

โจวฉวนจีหันกลับไปมอง มันง่ายที่เดียวที่จะระบุว่าใครเป็นผู้เข้าร่วมงานประชุมกระบีบ้างเพราะทุกคนจะมีเหรียญหยกขาวห้อยเอาไว้อยู่ที่เอว

รวมเขาด้วยแล้ว ก็มีอยู่ทั้งหมด 41 คน

อีก 9 คนที่เหลือดจะทําให้ทุกอย่างต้องเชื่องช้ากันไปหมดเลย

แล้วจู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นใครบางคนมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลก ๆ

มันไม่ใช่ทั้งความอิจฉา ดูถูก หรือสงสัยเหมือนกับคนรอบข้างของเขาแต่สายตาของคน ๆ นั้นกลับลุกโชนไปด้วยความปรารถนาที่จะสู้ด้วย

เขามองไปยังยอดกระบี่จาวฉง และรู้สึกสงสัยว่าเขาเป็นใครกัน

จางเถียนเขียนพูดพิมพ์ขึ้นมาข้าง ๆ เขา “เขาคือยอดกระบี่จาวฉงน่ะครับ”

ยอดกระบี่จาวฉง คนที่มีความสามารถเทียบได้กับโจวหยาหลงนั่นน่ะหรอ?

โจวฉวนจีชําเลืองมอง ก่อนจะเริ่มประเมินยอดกระปจาวฉง

สายตาของพวกเขาบรรจบกันพอดี มุมปากของยอดกระบี่จาวฉงยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกาย ราวกับว่าเขาเจอเหยื่อแล้ว

“ฮ่าๆๆ! ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นเทพกระบโจวหรือยอดกระปจาวฉงน่ะ! แต่ในวันนี้ในงานประชุมกระบี่นี่ ข้าจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน!”

เสียงระเบิดหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งนั้นดังลอยมาจากเส้นขอบฟ้าชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมศึกสีขาวยืนอยู่บนดาบที่กําลังบินตรงมาเขาทั้งสง่าผ่าเผยและงดงามพร้อมทั้งเปล่งประกายออร่าที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวและทรงอานาจ

“ดาบอดรวายุแห่งโจว” จางเถียนเจียนพึมพําออกมา

โจวฉวนจีเหลือบมองไปยังดาบอดรวายุแห่งโจว เจ้าหมอนี่กล้าดูถูกเขาเลยอย่างงั้นเรอะ?

รอก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะแทงเจ้าด้วยดาบของข้าจนกว่าแม่เจ้าจะจําหน้าเจ้าไม่ได้เลยคอยดู!

เขาค่ารามออกมา ก่อนจะเล็กสนใจดาบอดรวายุแห่งโจวทันที

หลังจากที่ดาบอดรวายุแห่งโจวร่อนลงสู่เทวี เขาก็เริ่มพูดคุยกับเสี่ยหรูโหยวอย่างสนุกสนามและเมินจอมยุทธคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง

ที่ด้านหลังของเหล่าฝูงชนมีอาคารชั่วคราวตั้งอยู่นับร้อยหลัง ด้วยความที่ไม่มีประตูปิดกั้นพวกเขาเลยสามารถมองผ่านฝูงชนเพื่อดูงานประชุมกระบี่ได้

และผู้ที่นั่งอยู่ในอาคารชั่วคราวนั้นก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา หากแต่เป็นเหล่าข้าราชการเจ้าครองเมือง ขาใหญ่ประจําเขตแดน รวมไปถึงเหล่าจอมยุทธผู้มากฝีมือจากสํานักชื่อดัง

อาคารหนึ่งที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าทหารในชุดเกราะหนักนับสิบนายมีชายรูปร่างกํายาพร้อมหนวดเคราบนใบหน้ากําลังนั่งอยู่บนอาคารหลังนั้น

เขามองตรงไปข้างหน้าและยิ้มกว้างพลางดื่มเหล้าไปด้วย “ถ้าข้าได้ 1 ใน 3 คนนั้นมาล่ะก็ข้าต้องล้มเจ้าเหมิงเทียนหลางได้แน่!”

นามของเขาก็คือ เฉียโหวจิน แม่ทัพระดับที่ 3 ของมหาจักรวรรดิโจว เขานั้นทั้งทรงพลังและมีทหารอยู่ใต้บัญชานับล้านนายเขาและเหมิงเทียนหลางไม่ชอบขี้หน้ากันจนตอนนี้กลายเป็นคู่แข่ง กัน

รองแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยิ้มขึ้นมากก่อนจะถามว่า “ท่านคิดว่าคนไหนดีกว่ากันครับ?”

เฉียโหวจิน ลูบเคราและตอบว่า “ถึงจักรพรรดิกระดูจะโปรดปรานในเทพกระบโจวก็เถอะแต่เห็นได้ชัดเลยล่ะว่าความจริงแล้วมันคือแผนของจักพรรดิกระบี่ที่ตั้งใจจะฆ่าเจ้านั่นน่ะส่วนดาบอดรวายุแห่งโจวก็ดูจะหยิ่งไปหน่อยล่ะนะเพราะงั้นข้าคิดว่าผู้ชนะน่าจะเป็นยอดกระจาวฉงมากกว่า”

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่เหล่าเจ้าเมืองนับร้อยต่างก็คิดเหมือนกันว่ายอดกระบี่จาวฉงจะชนะแน่นอน

นั่นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ของยอดกระปจาวฉงยังไงล่ะ!

เขาน่ะเทียบได้กับโจวหยาหลงเชียวนะ!

แล้วใครคือโจวหยาหลงน่ะหรอ?

เขาคือจอมยุทธผู้ชั่วร้ายที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ในรุ่นเดียวกัน และยังเป็นผู้ที่หวังว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิเหยียนแห่งโจวให้ได้ด้วย ส่วนยอดกระบี่จาวฉงนั้นก็พึ่งจะเผยพลังของเขาออกมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองแต่ทันทีที่เขาเผยพลังออกมาชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนไม่มีใครจะมาหยุดยั้งเขาได้

ในหมู่จอมยุทธระดับเดียวกันแล้ว ยอดกระบี่จาวฉงไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เขาเอาศัตรูทั้งหมดได้ภายใน 3 กระบวนท่าเท่านั้น!

เพราะงั้นแล้วเขาเลยติดอยู่ในตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว

ไร้ซึ่งผู้ใดเทียม ภายใน 3 กระบวนท่า ยอดกระจาวฉง คู่ปรับของบุตรชายขององค์จักรพรรค

บุตรชายขององค์จักรพรรดิที่ว่านั้นก็คือโจวหยาหลงนั้นเอง ผู้ถูกกําหนดให้เป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันของงานประชุมกระบี่ทั้ง 50 คนก็ได้มารวมตัวกันแล้ว

เสี่ยหรูโหยวชี้ไปยังหอคอยเหล็กและพูดขึ้นว่า “กฎมีเพียงข้อเดียว เมื่อใดก็ตามที่เจ้าร่วงลงสู่พื้นถือว่าเจ้าแพ้คนสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่ภายในหอคอยเหล็กได้ก็คือผู้ชนะ

“ภายใน 3 ลมหายใจ หากใครยังไม่เข้าไปในหอคอยจะถูกปรับว่าแพ้ทันที!”

สีหน้าของเหล่าจอมยุทธเปลี่ยนไปในทันที พวกเขาต่างก่นด่าความหน้าด้านของเสียหรูโหยวอยู่ภายในใจ ก่อนหน้านี้ก็ล่าช้ามาตั้งนานแล้วจู่ ๆ ก็มาปุปปับแบบนี้อ่ะนะนี่เขาตั้งใจจะทําอะไรกันแน่?

โจวฉวนจีและจางเถียนเขียนกระโจนขึ้นไปพร้อมกัน

หอคอยเหล็กนั้นมีอยู่ 10 ชั้น และสามารถจุคนจํานวน 50 คนได้ แต่การจะสู้ในหอคอยเหล็กมันไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว

หากก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียว อาจสูญเสียการทรงตัวและโดนเผยจุดอ่อน จนทําให้ศัตรูโจมตีเข้ามาได้ง่าย ๆ ได้

จางเถียนเจียนร่อนลงบนชั้นที่ 2 และเตรียมตัวที่จะอยู่ที่ชั้นนี้ไปจนถึงท้ายที่สุดให้ได้ด้วยกลยุทธที่แสนจะไร้ยางอาย

แต่ก็มีคนกว่า 20 คนที่คิดแบบเดียวกันและเบียดกันอยู่ในชั้นที่ 2-3

ส่วนโจวฉวนจีก็กระโดดขึ้นไปยังชั้นที่ 9

เขาชอบที่จะอยู่ด้านบนมากกว่าที่จะมองขึ้นมาจากด้านล่าง

ยอดกระจาวฉงร่อนลงที่ชั้นที่ 8 ขณะที่ดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นอยากจะขึ้นไปยังชั้นที่ 10 โจวฉวนจีจึงเริ่มเพ่งสมาธิ ก่อนจะขว้างดาบเด็ดสุกรไปทางเขาด้วยวิชาขยายวิถีกระบี

ขณะที่ดาบอุดรวายุแห่งโจวกําลังจะร่อนลงสู่พื้นของชั้นที่ 10 เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลพุ่งตรงมายังเขาทันที ก่อนจะกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ

ดาบเด็ดสุกรบินพุ่งตรงมายังข้างหน้าเขา และเขาก็เริ่มสบถขึ้นมาในใจ “คนขายหมูมาร่วมงานประชุมกระบี่ได้ด้วยเหรอวะ?”

ต้องกล้าขนาดไหนกันถึงมาแข่งกับเขาในงานประชุมกระปได้ด้วยดาบหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้เนี่ยนะ?

ทันทีที่เขากําลังจะย่างเท้าลงบนชั้นที่ 10 ก็พบว่ามีใครบางคนชิงตัดหน้าเขาไปก่อนซะแล้ว

นั่นก็คือ โจวจวนจี นั่นเอง!

ชั้นบนสุดนั้นเป็นกระดานเหล็กที่ยาวและกว้างเพียง 1 เมตร และมีที่ว่างพอจะให้ยืนได้แค่คนเดียวเท่านั้น

เพราะนี่คืองานประชุมกระบี่ยังไงล่ะ!

เมื่อดาบอดรวายุแห่งโจวเห็นโจวฉวนจี แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารเขาชักดาบออกมาทันทีและฟันตรงไปยังโจวจวนจี

โจวฉวนจีพลิกมือขวาขึ้นมา และดาบอัสนีคํารามก็ปรากฎ เขายกดาบในตํานานขึ้นมาเพื่อกันการโจมตี

แกริง!

เมื่อดาบทั้ง 2 เล่มปะทะกัน โจวฉวนจีก็รู้สึกถึงคลื่นพลังที่รุนแรงจนน่าหวั่นเกรง ดาบอดรวายุแห่งโจวนั้นดูเหมือนจะพลังเหนือกว่าเขานิดหน่อยซะด้วยซ้ํา!

ในตอนที่ร่างกายของเขากําลังแกว่งไปมานั่นเอง ดาบอัสนี้คํารามก็สร้างอัสนีแห่งสรวงสวรรค์ขึ้นมาโดยกระแสไฟฟ้านั้นไหลไปตามใบดาบก่อนจะพุ่งเข้าใส่ดาบอดรวายุแห่งโจว

ดาบอดรวายุแห่งโจวไม่อาจหลบได้ทัน เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่ถูกไฟฟ้าช็อตมือทั้งสองข้างและเขาก็ปล่อยมือออกมาจากตามดาบสัญชาตญาณก่อนจะร่วงลงไป

โว้วววว

เหล่าผู้ชมนับล้านต่างระเบิดความโกลาหลครั้งใหญ่ออกมา!

พึ่งจะเริ่มงานประชุมกระบี่ แต่ดาบอุดรวายุแห่งโจวผู้โด่งดังคนนั้นกลับถูกเทพกระบโจวกําจัดแบบนี้อ่ะนะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 63 : ทั้งสูงส่งและทะนงตัว!

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 63 : ทั้งสูงส่งและทะนงตัว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 63 : ทั้งสูงส่งและทะนงตัว!

โจวฉวนจีขมวดคิ้ว สมกับเป็นจักรพรรดิกระบี่ซะจริง เขาอุทานขึ้นมาในใจ

คําพูดพวกนั้นมันก็แค่กับดักเท่านั้นยังไงล่ะ!

สําหรับใครบางคนที่ทั้งสูงส่งและทะนงตัวอย่างจักรพรรดิกระบี่มาแสดงความเคารพอย่างสูงกับโจวฉวนมันเหมือนกับการผลักให้โจวฉวนจีตกลงไปในหลุมเพลิงนรกยังไงอย่างงั้น

แต่โจวฉวนจีสัมผัสได้เลยว่าเหล่าฝูงชนนั้นมองต่างออกไป

พวกเขากลับเริ่มรู้สึกอิจฉามากขึ้นกว่าเดิมแทน

โดยเฉพาะศิษย์จากสํานักเสี่ย พวกเขาต่างก็มองไปทางเขาด้วยความเกรี้ยวกราดราวกับอยากจะตะครุบเขาเลยที่เดียว

โจวฉวนจไม่ได้ตอบสนองอะไร ในเวลาแบบนี้เงียบเอาไว้จะดีกว่า

ในเมื่อจักพรรดิกระบี่ตั้งใจจะถีบเขาให้ตกลงไปในบ่อหายนะด้วยค่าสรรเสริญที่เกิดเหตุนั้นอยู่แล้วทําไมเขาจะไม่ใช่โอกาสนั้นในการประสบความสําเร็จไปด้วยเลยล่ะ?

ยิ่งกว่านั้น ถ้าเขาเถียงกลับไปล่ะก็ มันจะไม่ดูเหมือนว่าเขาไม่ให้เกียรติจักรพรรดิกระบี่แทนหรอกหรอ?

ถ้าเป็นงั้นจริง มีหวังจักรพรรดิกระบี่คงจะได้ใช้ข้ออ้างนั่นในการพรากชีวิตเขาไปได้ทุกเมื่อที่ต้องการแหง

สําหรับคนที่มีทั้งบารมีและความโด่งดังอย่างจักรพรรดิกระบี่แห่งมหาจักรวรรดิโจวแล้วเขาไม่มีทางจะฆ่าใครโดยไม่มีเหตุผลดี ๆ ได้หรอก

ผู้คนนับล้านที่รายล้อมอยู่รอบเวทีหินเริ่มตกอยู่ในความโกลาหลต่างก็เริ่มร้องออกมาด้วย ความประหลาดใจ ดังมากเสียจนเสียงแทบจะทะลุฟ้าไปเลยทีเดียว

“พระเจ้าช่วย! เทพกระบี่โจวดึงความสนใจจักรพรรดิกระบี่ได้งั้นหรอเนี่ย?”

“สุดยอดไปเลย เทพกระบี่โจวนเจ๋งจริง ๆ ว่ะ!”

“แหงอยู่แล้ว เขากล้าเรียกตัวเองว่าเทพกระบี่เลยนะ เจ้าคิดจริง ๆ น่ะหรอว่าเขาจะไร้ความสามารถน่ะ?”

“จักรพรรดิกระบี่พยายามจะขยี้เขาด้วยค่ายกย่องเว่อร์ ๆ นั่นแหงเลย!”

“จะเป็นงั้นไปได้ไงเล่า! จักรพรรดิกระบีน่ะทั้งซื่อตรงและซื่อสัตย์เชียวนะเขาไม่มีทางทําอะไรแบบนั้นหรอก!”

ณ ที่ขอบเวทีหิน เจียงฉือน้อย จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจ และคนที่เหลืออยู่ต่างก็ปั่นป่วนกันหมด

จางหรูถานพูดขึ้นมาด้วยความชื่นชม “ท่านเทพกระบโจวช่างสุดยอดจริง ๆ”

แต่ฮวงเหลี่ยนชินกลับขมวดคิ้วและพูดขึ้นมาเบา ๆ “จักรพรรดิกระบี่ต้องไม่ได้ทําด้วยเจตนาดีแน่เลย”

“เจ้าหมายความว่าไงกันน่ะ?” เมื่อเจียงฉือน้อยได้ยินก็ถามด้วยความแปลกใจไม่ใช่ว่าเขามองเทพกระบี่โจวของพวกเราในทางที่ดีหรอกหรอ?

จอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจก็เริ่มตระหนักได้เหมือนกันและสีหน้าที่ตื่นเต้นของเขาก็พลันหายไปในทันที ก่อนที่เขาจะเริ่มพิมพ์ออกมา“ดูบรรยากาศรอบ ๆ นั่นสินี่มันคือการบดขยนายน้อยของข้าด้วยคําสรรเสริญที่เว่อร์วังชัด ๆ”

เจียงฉือน้อยหันมองไปยังฝูงชนรอบ ๆ ทันที และเริ่มตระหนักได้ว่าไม่ใช่ทุกคนที่พูดเชียร์เทพกระบี่โจว

คนส่วนใหญ่ต่างมองไปยังโจวฉวนจีด้วยความสงสัย บ้างก็มองด้วยความอิจฉา

ในขณะเดียวกัน บนเวทีหินนั้น เสี่ยหรูโหยวก็ยังคงยิ้มอยู่พลางมองไปยังโจวฉวนจี เขาพยักหน้าอยู่หลายต่อหลายครั้ง ราวกับว่าเขากําลังสรรเสริญโจวฉวนจีอยู่เรื่อย ๆ

โจวฉวนจีสบถอยู่ภายในใจ แสดงเก่งซะจริงนะ!

เข้าถามขึ้นมาทันที “แล้วเมื่อไหร่งานประชุมกระบี่จะเริ่มกันล่ะ? แล้วเราจะมีเวลากินข้าวเที่ยงรึเปล่า?

เสี่ยหวโหยวรู้สึกตกใจเล็กน้อย “เจ้านี้ช่างตลกซะจริง เราจะเริ่มงานทันทีที่ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่น่ะ” เขาพูดพลางยิ้มให้ขณะที่ส่ายหัวไปด้วย

โจวฉวนจีหันกลับไปมอง มันง่ายที่เดียวที่จะระบุว่าใครเป็นผู้เข้าร่วมงานประชุมกระบีบ้างเพราะทุกคนจะมีเหรียญหยกขาวห้อยเอาไว้อยู่ที่เอว

รวมเขาด้วยแล้ว ก็มีอยู่ทั้งหมด 41 คน

อีก 9 คนที่เหลือดจะทําให้ทุกอย่างต้องเชื่องช้ากันไปหมดเลย

แล้วจู่ ๆ เขาก็สังเกตเห็นใครบางคนมองมาทางเขาด้วยสายตาแปลก ๆ

มันไม่ใช่ทั้งความอิจฉา ดูถูก หรือสงสัยเหมือนกับคนรอบข้างของเขาแต่สายตาของคน ๆ นั้นกลับลุกโชนไปด้วยความปรารถนาที่จะสู้ด้วย

เขามองไปยังยอดกระบี่จาวฉง และรู้สึกสงสัยว่าเขาเป็นใครกัน

จางเถียนเขียนพูดพิมพ์ขึ้นมาข้าง ๆ เขา “เขาคือยอดกระบี่จาวฉงน่ะครับ”

ยอดกระบี่จาวฉง คนที่มีความสามารถเทียบได้กับโจวหยาหลงนั่นน่ะหรอ?

โจวฉวนจีชําเลืองมอง ก่อนจะเริ่มประเมินยอดกระปจาวฉง

สายตาของพวกเขาบรรจบกันพอดี มุมปากของยอดกระบี่จาวฉงยกขึ้นเล็กน้อยพร้อมกับแววตาที่เปล่งประกาย ราวกับว่าเขาเจอเหยื่อแล้ว

“ฮ่าๆๆ! ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นเทพกระบโจวหรือยอดกระปจาวฉงน่ะ! แต่ในวันนี้ในงานประชุมกระบี่นี่ ข้าจะเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน!”

เสียงระเบิดหัวเราะที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งนั้นดังลอยมาจากเส้นขอบฟ้าชายคนหนึ่งที่สวมเสื้อคลุมศึกสีขาวยืนอยู่บนดาบที่กําลังบินตรงมาเขาทั้งสง่าผ่าเผยและงดงามพร้อมทั้งเปล่งประกายออร่าที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัวและทรงอานาจ

“ดาบอดรวายุแห่งโจว” จางเถียนเจียนพึมพําออกมา

โจวฉวนจีเหลือบมองไปยังดาบอดรวายุแห่งโจว เจ้าหมอนี่กล้าดูถูกเขาเลยอย่างงั้นเรอะ?

รอก่อนเถอะ เดี๋ยวข้าจะแทงเจ้าด้วยดาบของข้าจนกว่าแม่เจ้าจะจําหน้าเจ้าไม่ได้เลยคอยดู!

เขาค่ารามออกมา ก่อนจะเล็กสนใจดาบอดรวายุแห่งโจวทันที

หลังจากที่ดาบอดรวายุแห่งโจวร่อนลงสู่เทวี เขาก็เริ่มพูดคุยกับเสี่ยหรูโหยวอย่างสนุกสนามและเมินจอมยุทธคนอื่น ๆ โดยสิ้นเชิง

ที่ด้านหลังของเหล่าฝูงชนมีอาคารชั่วคราวตั้งอยู่นับร้อยหลัง ด้วยความที่ไม่มีประตูปิดกั้นพวกเขาเลยสามารถมองผ่านฝูงชนเพื่อดูงานประชุมกระบี่ได้

และผู้ที่นั่งอยู่ในอาคารชั่วคราวนั้นก็ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดา หากแต่เป็นเหล่าข้าราชการเจ้าครองเมือง ขาใหญ่ประจําเขตแดน รวมไปถึงเหล่าจอมยุทธผู้มากฝีมือจากสํานักชื่อดัง

อาคารหนึ่งที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าทหารในชุดเกราะหนักนับสิบนายมีชายรูปร่างกํายาพร้อมหนวดเคราบนใบหน้ากําลังนั่งอยู่บนอาคารหลังนั้น

เขามองตรงไปข้างหน้าและยิ้มกว้างพลางดื่มเหล้าไปด้วย “ถ้าข้าได้ 1 ใน 3 คนนั้นมาล่ะก็ข้าต้องล้มเจ้าเหมิงเทียนหลางได้แน่!”

นามของเขาก็คือ เฉียโหวจิน แม่ทัพระดับที่ 3 ของมหาจักรวรรดิโจว เขานั้นทั้งทรงพลังและมีทหารอยู่ใต้บัญชานับล้านนายเขาและเหมิงเทียนหลางไม่ชอบขี้หน้ากันจนตอนนี้กลายเป็นคู่แข่ง กัน

รองแม่ทัพที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยิ้มขึ้นมากก่อนจะถามว่า “ท่านคิดว่าคนไหนดีกว่ากันครับ?”

เฉียโหวจิน ลูบเคราและตอบว่า “ถึงจักรพรรดิกระดูจะโปรดปรานในเทพกระบโจวก็เถอะแต่เห็นได้ชัดเลยล่ะว่าความจริงแล้วมันคือแผนของจักพรรดิกระบี่ที่ตั้งใจจะฆ่าเจ้านั่นน่ะส่วนดาบอดรวายุแห่งโจวก็ดูจะหยิ่งไปหน่อยล่ะนะเพราะงั้นข้าคิดว่าผู้ชนะน่าจะเป็นยอดกระจาวฉงมากกว่า”

ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่เหล่าเจ้าเมืองนับร้อยต่างก็คิดเหมือนกันว่ายอดกระบี่จาวฉงจะชนะแน่นอน

นั่นก็เป็นเพราะพรสวรรค์ของยอดกระปจาวฉงยังไงล่ะ!

เขาน่ะเทียบได้กับโจวหยาหลงเชียวนะ!

แล้วใครคือโจวหยาหลงน่ะหรอ?

เขาคือจอมยุทธผู้ชั่วร้ายที่ไม่มีใครเทียบเทียมได้ในรุ่นเดียวกัน และยังเป็นผู้ที่หวังว่าจะเหนือกว่าจักรพรรดิเหยียนแห่งโจวให้ได้ด้วย ส่วนยอดกระบี่จาวฉงนั้นก็พึ่งจะเผยพลังของเขาออกมาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เองแต่ทันทีที่เขาเผยพลังออกมาชื่อเสียงของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลจนไม่มีใครจะมาหยุดยั้งเขาได้

ในหมู่จอมยุทธระดับเดียวกันแล้ว ยอดกระบี่จาวฉงไม่เคยแพ้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

เขาเอาศัตรูทั้งหมดได้ภายใน 3 กระบวนท่าเท่านั้น!

เพราะงั้นแล้วเขาเลยติดอยู่ในตารางจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงแห่งมหาจักรวรรดิโจว

ไร้ซึ่งผู้ใดเทียม ภายใน 3 กระบวนท่า ยอดกระจาวฉง คู่ปรับของบุตรชายขององค์จักรพรรค

บุตรชายขององค์จักรพรรดิที่ว่านั้นก็คือโจวหยาหลงนั้นเอง ผู้ถูกกําหนดให้เป็นถึงผู้สืบทอดราชบัลลังก์

หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันของงานประชุมกระบี่ทั้ง 50 คนก็ได้มารวมตัวกันแล้ว

เสี่ยหรูโหยวชี้ไปยังหอคอยเหล็กและพูดขึ้นว่า “กฎมีเพียงข้อเดียว เมื่อใดก็ตามที่เจ้าร่วงลงสู่พื้นถือว่าเจ้าแพ้คนสุดท้ายที่เหลือรอดอยู่ภายในหอคอยเหล็กได้ก็คือผู้ชนะ

“ภายใน 3 ลมหายใจ หากใครยังไม่เข้าไปในหอคอยจะถูกปรับว่าแพ้ทันที!”

สีหน้าของเหล่าจอมยุทธเปลี่ยนไปในทันที พวกเขาต่างก่นด่าความหน้าด้านของเสียหรูโหยวอยู่ภายในใจ ก่อนหน้านี้ก็ล่าช้ามาตั้งนานแล้วจู่ ๆ ก็มาปุปปับแบบนี้อ่ะนะนี่เขาตั้งใจจะทําอะไรกันแน่?

โจวฉวนจีและจางเถียนเขียนกระโจนขึ้นไปพร้อมกัน

หอคอยเหล็กนั้นมีอยู่ 10 ชั้น และสามารถจุคนจํานวน 50 คนได้ แต่การจะสู้ในหอคอยเหล็กมันไม่ง่ายเลยสักนิดเดียว

หากก้าวพลาดแม้แต่นิดเดียว อาจสูญเสียการทรงตัวและโดนเผยจุดอ่อน จนทําให้ศัตรูโจมตีเข้ามาได้ง่าย ๆ ได้

จางเถียนเจียนร่อนลงบนชั้นที่ 2 และเตรียมตัวที่จะอยู่ที่ชั้นนี้ไปจนถึงท้ายที่สุดให้ได้ด้วยกลยุทธที่แสนจะไร้ยางอาย

แต่ก็มีคนกว่า 20 คนที่คิดแบบเดียวกันและเบียดกันอยู่ในชั้นที่ 2-3

ส่วนโจวฉวนจีก็กระโดดขึ้นไปยังชั้นที่ 9

เขาชอบที่จะอยู่ด้านบนมากกว่าที่จะมองขึ้นมาจากด้านล่าง

ยอดกระจาวฉงร่อนลงที่ชั้นที่ 8 ขณะที่ดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นอยากจะขึ้นไปยังชั้นที่ 10 โจวฉวนจีจึงเริ่มเพ่งสมาธิ ก่อนจะขว้างดาบเด็ดสุกรไปทางเขาด้วยวิชาขยายวิถีกระบี

ขณะที่ดาบอุดรวายุแห่งโจวกําลังจะร่อนลงสู่พื้นของชั้นที่ 10 เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลพุ่งตรงมายังเขาทันที ก่อนจะกระโดดหลบตามสัญชาตญาณ

ดาบเด็ดสุกรบินพุ่งตรงมายังข้างหน้าเขา และเขาก็เริ่มสบถขึ้นมาในใจ “คนขายหมูมาร่วมงานประชุมกระบี่ได้ด้วยเหรอวะ?”

ต้องกล้าขนาดไหนกันถึงมาแข่งกับเขาในงานประชุมกระปได้ด้วยดาบหน้าตาอัปลักษณ์แบบนี้เนี่ยนะ?

ทันทีที่เขากําลังจะย่างเท้าลงบนชั้นที่ 10 ก็พบว่ามีใครบางคนชิงตัดหน้าเขาไปก่อนซะแล้ว

นั่นก็คือ โจวจวนจี นั่นเอง!

ชั้นบนสุดนั้นเป็นกระดานเหล็กที่ยาวและกว้างเพียง 1 เมตร และมีที่ว่างพอจะให้ยืนได้แค่คนเดียวเท่านั้น

เพราะนี่คืองานประชุมกระบี่ยังไงล่ะ!

เมื่อดาบอดรวายุแห่งโจวเห็นโจวฉวนจี แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารเขาชักดาบออกมาทันทีและฟันตรงไปยังโจวจวนจี

โจวฉวนจีพลิกมือขวาขึ้นมา และดาบอัสนีคํารามก็ปรากฎ เขายกดาบในตํานานขึ้นมาเพื่อกันการโจมตี

แกริง!

เมื่อดาบทั้ง 2 เล่มปะทะกัน โจวฉวนจีก็รู้สึกถึงคลื่นพลังที่รุนแรงจนน่าหวั่นเกรง ดาบอดรวายุแห่งโจวนั้นดูเหมือนจะพลังเหนือกว่าเขานิดหน่อยซะด้วยซ้ํา!

ในตอนที่ร่างกายของเขากําลังแกว่งไปมานั่นเอง ดาบอัสนี้คํารามก็สร้างอัสนีแห่งสรวงสวรรค์ขึ้นมาโดยกระแสไฟฟ้านั้นไหลไปตามใบดาบก่อนจะพุ่งเข้าใส่ดาบอดรวายุแห่งโจว

ดาบอดรวายุแห่งโจวไม่อาจหลบได้ทัน เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดขณะที่ถูกไฟฟ้าช็อตมือทั้งสองข้างและเขาก็ปล่อยมือออกมาจากตามดาบสัญชาตญาณก่อนจะร่วงลงไป

โว้วววว

เหล่าผู้ชมนับล้านต่างระเบิดความโกลาหลครั้งใหญ่ออกมา!

พึ่งจะเริ่มงานประชุมกระบี่ แต่ดาบอุดรวายุแห่งโจวผู้โด่งดังคนนั้นกลับถูกเทพกระบโจวกําจัดแบบนี้อ่ะนะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+