หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 57 : ดาบอุดรวายุแห่งโจว ยอดกระบีจาวฉง!

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 57 : ดาบอุดรวายุแห่งโจว ยอดกระบีจาวฉง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยายหมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless…

ตอนที่ 57 : ดาบอุดรวายุแห่งโจว ยอดกระบีจาวฉง!

เมื่องานประชุมกระบี่ใกล้เข้ามาจางเถียนเจียนพอเลิกงานแล้วก็รีบพาลูกชายของเขาไปยังเมืองจ้าวกระบี่อย่างเร่งรีบ

พวกเขาไม่ได้เดินทางด้วยเท้าเหมือนอย่างโจวฉวนจีและพรรคพวกแต่พวกเขาเดินทางผ่านเขตอาคมเคลื่อนย้ายแทน

แต่ละอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของมหาจักรวรรดิโจวนั้นจะมีเขตอาคมเคลื่อนย้ายอยู่มันสามารถใช้เคลื่อนย้ายได้ทีละ10คนเผื่อกรณีที่ศัตรูจะบุกรุกเข้าเมืองมา

ผลที่ได้ก็คือพวกเขาใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้นในการเดินทางจากเมืองอื่นไปสู่อีกเมืองที่อยู่ภายในมหาจักรวรรดิโจว

จางหรูหยูมุ่ยปากขณะที่ฟังพ่อของเขาพูดโม้เรื่องตัวเองเขาคิดกับตัวเองขึ้นมาว่าถ้าเทพกระบี่โจวมาล่ะก็เขาคงจะไม่ได้มานั่งพูดโม้อะไรแบบนี้แน่

ไม่ไกลจากที่ ๆ พวกเขาอยู่นักโจวฉวนจีและพรรคพวกก็หยุดลง

“ไม่ใช่ว่านั้นจางเถียนเจียนจากอาณาจักรเหมันต์แดนใต้หรอครับ?” จอมกระบี่ผู้องอาจพูดพลางขมวดคิ้ว

เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจางเถียนเจียนแต่พอเขาได้ยินเพื่อนตัวเองพูดโม้โอ้อวดเรื่องตัวเองแบบนั้นเขาก็เริ่มจะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

แต่อีกด้านโจวฉวนจีเจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชินก็จําจางหรูหยุได้

โจวฉวนจีมองไปที่ด้านหลังของจางเถียนเจียนแล้วจู่ ๆ ก็เดินตรงไปทางเขาทันที

จางหรูหยูที่กําลังจะพูดโต้กลับพอเห็นโจวฉวนจีและพรรคพวกเขาเขาก็เบิกตากว้างตกใจขึ้นมาทันที

“มามุขแบบนี้อีกแล้วนะ”จางเถียนเจียนพูดขึ้นพลางหัวเราะอย่างดูถูก“เจ้าคิดหรอว่าข้าจะเชื่อว่าเทพกระบี่โจวจะมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังข้าจริง ๆ น่ะ?ไอเจ้าลูกตัวดีเจ้าช่วยหยุดเบี่ยงประเด็นด้วยมุขเก่า ๆ แบบนี้ได้มั้ยหะลองหามุกอื่นมาบ้างจะได้ไหม?”

“ท่านนี่ท่านคิดว่าท่านจะล้มข้าได้จริง ๆ หรอ?”

โจวฉวนจีพูดด้วยน้ําเสียงที่ไร้เดียงสาและจางเถียนเขียนก็หน้านิ่งไปในทันที

ชิบหายละ!

เทพกระบี่โจวจริง ๆ หรอเนี่ย?

เหงื่อเย็นไหลพรากออกมาทันทีก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองข้างหลังและแกล้งทําเป็นใจเย็นอยู่

เมื่อเขาเห็นว่าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอยู่กับโจวฉวนจีใจเขาก็สั่นระรัว

จบสิ้นแล้วชีวิตข้า!

“ท่านแม่ทัพจางดูท่าท่านจะวางท่ามากไปหน่อยนะ”จอมกระบี่ฆ้องอาจถอนหายใจใส่

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้กับจางเถียนเขียนแน่

แต่ตอนนี้โจวฉวนจีได้กลายมาเป็นเสาหลักของเขาแล้วยังไงล่ะ!

ความอับอายขายขี้หน้าถูกแปะหราอยู่กับใบหน้าของท่านแม่ทัพ เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงดี

จางหรูหยูเดินออกมาข้างหน้าและจับมือของโจวฉวนจีเอาไว้ “ท่านเทพกระโจวท่านก็จะเข้าร่วมงานประชุมกระบี่ด้วยหรอครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น

เสียงที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาของเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเข้า

ถ้าให้พูดตามจริงแล้ว ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจ้าวกระบี่นั้นรักในดาบ และเหล่าผู้ที่มาที่เมืองส่วนใหญ่ก็เป็นจอมกระบี่เช่นกัน

แน่นอนว่าพวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเทพกระบี่โจวที่พึ่งจะมีชื่อเสียงได้เมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน

ในตอนนั้นเองหลายสายตาก็จับจ้องไปที่โจวฉวนจี

จางหรูหยูเริ่มแสดงความเคารพต่อหน้าเทพกระบี่โจวแล้วจู่ ๆ จางเถียนเจียนก็รู้สึกขึ้นมาว่าลูกชายของเขาก็ถือว่าทําได้ไม่เลวที่เดียว

เพราะการที่ลูกชายของเขายกยอเทพกระบี่โจวซะขนาดนั้นแล้วเทพกระบี่โจว จะกล้ามาทําร้ายเขาได้ยังไงกันล่ะ? เขาถอนหายใจภายในใจครั้งหน้าเขาต้องระวังปากไม่พูดโอ้อวดในที่สาธารณะให้มากกว่านี้ซะแล้วนี่มันน่าขายขี้หน้าจริง ๆ

“นั่นเทพกระบี่โจวหรอ? เขาดูเหมือนเด็กเลยนะนั่นห”

“อย่าไปหลงเชื่อภายนอกสิเขาสามารถฆ่าแม้แต่คนอย่างเยี่ยเอ้อกวานได้อย่างง่ายดายเลยเชียวนะ”

“เขาคือเทพกระบโจวจริง ๆ ด้วยล่ะเจ้าไม่เห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ติดตามเขาอยู่ข้างหลังหรอ?”

“งานประชุมกระบี่ครั้งนี้จะต้องสนุกมากแน่”

“หึ หึ นึกไม่ถึงเลยว่า นอกจากดาบอุดรวายุแห่งโจวแล้วเนี่ยเทพกระบี่โจวก็ยังมาด้วยอีกน่ะ”

เหล่าผู้คนที่อยู่หน้าประตูเมืองต่างก็พูดคุยแสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับโจวฉวนจีบ้างก็นับถือในตัวเขาบ้างก็เยาะเย้ยและบ้างก็พูดดูหมิ่น

“เขาเริ่มลงทะเบียนเข้างานกระชุ่มกระนี่กันแล้วหรอ?” โจวฉวนจีถามขัดการพูดยกย่องสรรเสริญที่ไม่ยอมหยุดหย่อนของจางหรูหยูขึ้นมาทันที “ต้องไปที่ ไหนล่ะ?”

เมื่อจางหรูหยได้ยิน เขาก็ตบอกตัวเองขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า“ให้ข้าเป็นคนพาท่านไปที่นั่นเอง!”

โจวฉวนจไม่ได้ขัดข้องอะไรที่จะมีคนมานําทางไปให้

ทั้งกลุ่มก็เดินเข้าไปในเมือง

หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักจางเถียนเจียนก็เดินตามพวกเขาไปด้วยเช่นกัน

เขาไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงรู้สึกว่าเจ้าวิหคมังกรทั้งสองตัวของโจวฉวนจีนั่นเป็นไข่ของวิหคมังกรที่เขาเจอเมื่อปีนั้น

แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่กล้าถามแม้ว่าจะสงสัยมากก็ตาม

ตลอดทาง จางหรูหยุก็เอาแต่พูดไม่หยุดเขาเล่าเกี่ยวกับข้อมูลของงานประชุมกระบี่ครั้งนี้ให้โจวฉวนจีฟัง

คนที่น่าจับตามองมาที่สุดคือดาบอุดรวายุแห่งโจว กับ ยอดกระบี่จาวฉง

ฉายาดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นก็เหมือนกับจอมกระบีแดนเหนือผู้งอาจแต่ในอดีตเขานั้นทรงพลังมากยิ่งกว่าจอมกระบี่ผู้องอาจนัก
ลอน

นามดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นอ้างอิงมาจากพื้นที่ทางตอนเหนือของมหาจักรวรรดิโจวเขามีชื่อเสียงมากในมหาจักรวรรดิโจวซึ่งก็แน่นอนว่าเขานั้นต่างกับจอมกระบี่แดนเหนือผังอาจที่มักจะท่องไป ทั่วอาณาจักรอยู่แล้ว

มีข่าวลือเกี่ยวกับ ยอดกระบี่จางฉงว่าเขาคือศิษย์คนใหม่ของจักรพรรดิกระบี่เขานั้นมีใจรักในดาบมาแต่กําเนิดและยังสามารถบรรลุในวิถีแห่งกระบี่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เขาขึ้นสู่ระดับบัวภายในได้เมื่อตอนอายุ 18 ปี และในปีนี้เขาก็อายุ 20 ปี ความ สามารถของเขาแทบจะเป็นรองแค่องค์ชายลําดับที่ 2 แห่งมหาจักรวรรดิโจวเท่านั้น

ยอดกระบี่จาวฉงตอนนี้ก็ติดอยู่ 50 อันดับแรกของตารางจัดอันดับยอดฝีมือในมหาจักรวรรดิโจวแล้ว

เป็นเพราะเขานั่นเองเลยทําให้มีเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้ร่ํารวย และเหล่าจอมยุทธผู้ทรงพลังมากมายจากแต่ละ สํานักมาเพื่อดูการแข่งขันในครั้งนี้

และบุคคลที่โด่งดังมากที่สุดนั่นก็คือ องค์ชายลําดับที่ 7แห่งมหาจักรวรรดิโจวโจวเฉิงซิน

องค์ชายอายุ 30 ปีผู้มีพรสวรรค์ระดับกลาง ๆและอยู่เพียงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 6 เท่านั้น

สําหรับคนธรรมดาทั่วไป ระดับวรยุทธของเขานั้นไปไกลเกินเอื้อมแล้วแต่นั่นก็เพราะเขาสามารถเข้าถึงทรัพยากรสําคัญของมหาจักรวรรดิโจวได้แถมยังอาหารอันโอชะที่เขาได้กินเข้าไปก็ล้วน แล้วแต่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศเพื่อการฝึกฝนวรยุทธทั้งสิ้น

โจวฉวนจีเคยเจอองค์ชายลําดับที่ 7 มาก่อนเมื่อยังวัยเยาว์ถึงแม้เขาจะดูอ่อนโยนและใจดีแต่โจวฉวนจีก็รู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์สุด ๆ เขาจะมีแผนการบางอย่างแอบแฝงเอาไว้ในทุกการกระทําแถมเป็นพวกกัดไม่ปล่อยอีกตั้งหาก

เมื่อตอนที่แม่นาวจาวฉวนเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ โจวเฉิงซินก็มักจะมาเยี่ยมเยียนพวกเขาทุกวัน แต่หลังจากที่แม่นางจาวฉวนไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไปเขาก็ไม่มาเยี่ยมอีกเลย แต่เมื่อตอนที่นางแอบหนีออกไปพวกองครักษ์ที่อยู่ภายใต้เขาก็แกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้

การที่เขาต่อเวลายืดชีวิตให้แม่นางจาวฉวนกับลูกของนางก็บ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่าเขายืนอยู่ข้างไหน

ถ้าโจวฉวนจขึ้นครองอํานาจได้ล่ะก็เขาคงจะติดหนี้บุญคุณองค์ชายลําดับที่ 7 เป็นแน่

โจวฉวนจําไม่ได้รู้สึกดีกับเขาด้วยเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาแทน

มหาจักรวรรดิโจวนั้นไม่เหมือนอาณาจักรทั่วไป

พรสวรรค์ทางวรยุทธนั้นสําคัญยิ่งกว่าความรู้

ไม่ว่าเขาจะมีเส้นสายสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางสู้ขั้ว ตรงข้ามอย่างโจวหยาหลงได้อยู่ดี

ในที่สุดโจวฉวนจีและพรรคพวกก็มาถึงสถานที่สําหรับลงทะเบียนเข้างานประชุมกระบี่หลังจากที่เดินกันมาไกลที่แห่งนี้เป็นวังขนาดใหญ่ที่ถูกปกป้องโดยเหล่าศิษย์ในชุดสีดําจากสํานักเสี่ยหลายสิบคน

สํานักเสี่ยที่ว่าก็คือ สํานักเสี่ยหวูโหยวนั่นเอง

ศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่แต่ละคนก็จะมีสํานักที่เป็นชื่อของพวกเขาเอง

จอมกระบี่จํานวนมากต่อแถวรอเข้าคิวในพื้นที่ลงทะเบียน

โจวฉวนจีรู้สึกหงุดหงิดมากพอได้เห็นแบบนั้นก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “แล้วเมื่อไหร่จะถึงคิวข้าเนี่ย?”

จางเถียนเจียนพูดขึ้นมาทันที “พวกเราไม่มีทางเลือกอยู่แล้วยังไงซะงานประชุมกระบี่ก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครได้ลัดคิวหรอกนะ”

ในตอนนั้นเอง ศิษย์จากสํานักเสี่ยก็เดินตรงเข้ามาก่อนจะคํานับคารวะและพูดขึ้นว่า “ท่านใช่มือปราบมารเทพกระบี่โจวรึเปล่าครับ?”

โจวฉวนจีมองไปทางเขาก่อนจะพยัก
“โปรดตามมาทางนี้ครับ ด้วยชื่อเสียงและความสามารถอย่างท่านแล้วไม่จําเป็นต้องต่อแถวเข้าคิวหรอกครับ” ศิษย์จากสํานักเสี่ยกล่าวด้วยความเคารพ

จางเถียนเจียนเบิกตากว้างตกใจคุณพระ!

จะแหกหน้าข้าเร็วเกินไปแล้ว!

โจวฉวนจีเหลือบมองไปทางจางเถียนเจียน ก่อนจะหันไปพูดกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและคนที่เหลือ “รอข้าอยู่ที่นี่นะ”
งานประชุมกระบี่ในแต่ละครั้งจะมีผู้ชนะแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไงจอมกระบี่แดนเหนือผู้งอาจก็ไม่อาจเอาชนะนายน้อยของเขาได้อยู่แล้วเพราะงั้นเขาเลยไม่เข้าร่วมด้วย

แต่งานนี้ดีตรงที่ว่าผู้ที่เคยชนะแล้วจะไม่อาจเข้าร่วมงานได้อีก
นอกจากนี้ยังมีกฎห้ามเข้าชมงานประชุมกระบี่เกิน 3 ครั้งอีกด้วย

ไม่อย่างนั้นผู้ที่เคยชนะแล้วก็คงจะมาขโมยวิชาจากหอสมุดกระบี่ซ้ําแล้วซ้ําเล่าเรื่อย ๆ แน่

และด้วยเหตุนี้เอง โจวฉวนจีจึงได้ตามลูกศิษย์สํานักเสี่ยและเดินข้ามแถวต่อคิวอันยาวเหยียดไปซึ่งมันก็ดึงดูดความสนใจของจอมกระบี่ที่อยู่แถวนั้นทั้งหมด

“สมกับเป็นเทพกระบี่โจวจริง ๆ!” จางหรูหยูพูดด้วยความนับถืออย่างสุดใจ

ในทางกลับกัน จางเถียนเจียนก็รู้สึกอายสุด ๆ จนแทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนี

หลังจากนั้นโจวฉวนจีก็ได้เข้าไปในวังเขาได้เห็นวัตถุวิเศษขนาดมหึมาที่นั่นมีทั้งหินศิลาขนาดใหญ่เขตอาคมมากมายและกองแผ่นเหล็กที่มีรูปร่างเหมือนหินโม่ข้าว

จอมกระบี่ที่ต่อคิวอยู่ต่างมองไปทางเขาการลงทะเบียนในงานประชุมกระบี่จะมีอยู่หลายขั้นตอนที่แตกต่างกันหลังจากที่ผ่านขั้นตอนทั้งหมดมาได้แล้ว เหล่าจอมกระบี่ก็จะออกจากทางด้านหลัง ของห้องโถงใหญ่

“ท่านต้องเป็นเทพกระบี่โจวผู้โด่งดัง แน่ ๆ เลยใช่มั้ย?”

ในตอนนั้นเอง โจวฉวนจีก็ได้ยินเสียง หัวเราะเบา ๆ ดังลอยมา เขาหัวกลับไปมองพลางเลิกคิ้วใส่

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเขาก็คือองค์ชายลําดับที่ 7แห่งมหาจักรวรรดิโจวโจวเฉิงซินนั่นเอง!

โจวเฉิงซินนั้นทั้งสง่างามและหล่อ เหลา เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดําที่ปักด้วยลวดลายกิเลนและถือพัดที่พับเอาไว้อยู่ในมือ

เขารู้สึกเหมือนตาพร่ามัวเล็กน้อยเมื่อ ได้เห็นโจวฉวนจีกับตา

ทําไมหน้าของเทพกระบี่โจวมันถึงดูคุ้น ๆ จังเลยนะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 57 : ดาบอุดรวายุแห่งโจว ยอดกระบีจาวฉง!

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 57 : ดาบอุดรวายุแห่งโจว ยอดกระบีจาวฉง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยายหมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless…

ตอนที่ 57 : ดาบอุดรวายุแห่งโจว ยอดกระบีจาวฉง!

เมื่องานประชุมกระบี่ใกล้เข้ามาจางเถียนเจียนพอเลิกงานแล้วก็รีบพาลูกชายของเขาไปยังเมืองจ้าวกระบี่อย่างเร่งรีบ

พวกเขาไม่ได้เดินทางด้วยเท้าเหมือนอย่างโจวฉวนจีและพรรคพวกแต่พวกเขาเดินทางผ่านเขตอาคมเคลื่อนย้ายแทน

แต่ละอาณาจักรที่อยู่ภายใต้การปกครองของมหาจักรวรรดิโจวนั้นจะมีเขตอาคมเคลื่อนย้ายอยู่มันสามารถใช้เคลื่อนย้ายได้ทีละ10คนเผื่อกรณีที่ศัตรูจะบุกรุกเข้าเมืองมา

ผลที่ได้ก็คือพวกเขาใช้เวลาเพียง 2 วันเท่านั้นในการเดินทางจากเมืองอื่นไปสู่อีกเมืองที่อยู่ภายในมหาจักรวรรดิโจว

จางหรูหยูมุ่ยปากขณะที่ฟังพ่อของเขาพูดโม้เรื่องตัวเองเขาคิดกับตัวเองขึ้นมาว่าถ้าเทพกระบี่โจวมาล่ะก็เขาคงจะไม่ได้มานั่งพูดโม้อะไรแบบนี้แน่

ไม่ไกลจากที่ ๆ พวกเขาอยู่นักโจวฉวนจีและพรรคพวกก็หยุดลง

“ไม่ใช่ว่านั้นจางเถียนเจียนจากอาณาจักรเหมันต์แดนใต้หรอครับ?” จอมกระบี่ผู้องอาจพูดพลางขมวดคิ้ว

เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับจางเถียนเจียนแต่พอเขาได้ยินเพื่อนตัวเองพูดโม้โอ้อวดเรื่องตัวเองแบบนั้นเขาก็เริ่มจะรู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

แต่อีกด้านโจวฉวนจีเจียงฉือน้อยและฮวงเหลี่ยนชินก็จําจางหรูหยุได้

โจวฉวนจีมองไปที่ด้านหลังของจางเถียนเจียนแล้วจู่ ๆ ก็เดินตรงไปทางเขาทันที

จางหรูหยูที่กําลังจะพูดโต้กลับพอเห็นโจวฉวนจีและพรรคพวกเขาเขาก็เบิกตากว้างตกใจขึ้นมาทันที

“มามุขแบบนี้อีกแล้วนะ”จางเถียนเจียนพูดขึ้นพลางหัวเราะอย่างดูถูก“เจ้าคิดหรอว่าข้าจะเชื่อว่าเทพกระบี่โจวจะมาปรากฏตัวอยู่ข้างหลังข้าจริง ๆ น่ะ?ไอเจ้าลูกตัวดีเจ้าช่วยหยุดเบี่ยงประเด็นด้วยมุขเก่า ๆ แบบนี้ได้มั้ยหะลองหามุกอื่นมาบ้างจะได้ไหม?”

“ท่านนี่ท่านคิดว่าท่านจะล้มข้าได้จริง ๆ หรอ?”

โจวฉวนจีพูดด้วยน้ําเสียงที่ไร้เดียงสาและจางเถียนเขียนก็หน้านิ่งไปในทันที

ชิบหายละ!

เทพกระบี่โจวจริง ๆ หรอเนี่ย?

เหงื่อเย็นไหลพรากออกมาทันทีก่อนที่เขาจะหันกลับไปมองข้างหลังและแกล้งทําเป็นใจเย็นอยู่

เมื่อเขาเห็นว่าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจอยู่กับโจวฉวนจีใจเขาก็สั่นระรัว

จบสิ้นแล้วชีวิตข้า!

“ท่านแม่ทัพจางดูท่าท่านจะวางท่ามากไปหน่อยนะ”จอมกระบี่ฆ้องอาจถอนหายใจใส่

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่กล้าพูดอะไรแบบนี้กับจางเถียนเขียนแน่

แต่ตอนนี้โจวฉวนจีได้กลายมาเป็นเสาหลักของเขาแล้วยังไงล่ะ!

ความอับอายขายขี้หน้าถูกแปะหราอยู่กับใบหน้าของท่านแม่ทัพ เขาไม่รู้ว่าจะตอบกลับไปยังไงดี

จางหรูหยูเดินออกมาข้างหน้าและจับมือของโจวฉวนจีเอาไว้ “ท่านเทพกระโจวท่านก็จะเข้าร่วมงานประชุมกระบี่ด้วยหรอครับ?” เขาถามด้วยความตื่นเต้น

เสียงที่จู่ ๆ ก็ดังขึ้นมาของเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมายเข้า

ถ้าให้พูดตามจริงแล้ว ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองจ้าวกระบี่นั้นรักในดาบ และเหล่าผู้ที่มาที่เมืองส่วนใหญ่ก็เป็นจอมกระบี่เช่นกัน

แน่นอนว่าพวกเขาก็เคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเทพกระบี่โจวที่พึ่งจะมีชื่อเสียงได้เมื่อไม่นานมานี้เช่นกัน

ในตอนนั้นเองหลายสายตาก็จับจ้องไปที่โจวฉวนจี

จางหรูหยูเริ่มแสดงความเคารพต่อหน้าเทพกระบี่โจวแล้วจู่ ๆ จางเถียนเจียนก็รู้สึกขึ้นมาว่าลูกชายของเขาก็ถือว่าทําได้ไม่เลวที่เดียว

เพราะการที่ลูกชายของเขายกยอเทพกระบี่โจวซะขนาดนั้นแล้วเทพกระบี่โจว จะกล้ามาทําร้ายเขาได้ยังไงกันล่ะ? เขาถอนหายใจภายในใจครั้งหน้าเขาต้องระวังปากไม่พูดโอ้อวดในที่สาธารณะให้มากกว่านี้ซะแล้วนี่มันน่าขายขี้หน้าจริง ๆ

“นั่นเทพกระบี่โจวหรอ? เขาดูเหมือนเด็กเลยนะนั่นห”

“อย่าไปหลงเชื่อภายนอกสิเขาสามารถฆ่าแม้แต่คนอย่างเยี่ยเอ้อกวานได้อย่างง่ายดายเลยเชียวนะ”

“เขาคือเทพกระบโจวจริง ๆ ด้วยล่ะเจ้าไม่เห็นจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจที่ติดตามเขาอยู่ข้างหลังหรอ?”

“งานประชุมกระบี่ครั้งนี้จะต้องสนุกมากแน่”

“หึ หึ นึกไม่ถึงเลยว่า นอกจากดาบอุดรวายุแห่งโจวแล้วเนี่ยเทพกระบี่โจวก็ยังมาด้วยอีกน่ะ”

เหล่าผู้คนที่อยู่หน้าประตูเมืองต่างก็พูดคุยแสดงความคิดเห็นกันเกี่ยวกับโจวฉวนจีบ้างก็นับถือในตัวเขาบ้างก็เยาะเย้ยและบ้างก็พูดดูหมิ่น

“เขาเริ่มลงทะเบียนเข้างานกระชุ่มกระนี่กันแล้วหรอ?” โจวฉวนจีถามขัดการพูดยกย่องสรรเสริญที่ไม่ยอมหยุดหย่อนของจางหรูหยูขึ้นมาทันที “ต้องไปที่ ไหนล่ะ?”

เมื่อจางหรูหยได้ยิน เขาก็ตบอกตัวเองขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มว่า“ให้ข้าเป็นคนพาท่านไปที่นั่นเอง!”

โจวฉวนจไม่ได้ขัดข้องอะไรที่จะมีคนมานําทางไปให้

ทั้งกลุ่มก็เดินเข้าไปในเมือง

หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักจางเถียนเจียนก็เดินตามพวกเขาไปด้วยเช่นกัน

เขาไม่รู้ว่าทําไมเขาถึงรู้สึกว่าเจ้าวิหคมังกรทั้งสองตัวของโจวฉวนจีนั่นเป็นไข่ของวิหคมังกรที่เขาเจอเมื่อปีนั้น

แต่ก็แน่นอนว่าเขาไม่กล้าถามแม้ว่าจะสงสัยมากก็ตาม

ตลอดทาง จางหรูหยุก็เอาแต่พูดไม่หยุดเขาเล่าเกี่ยวกับข้อมูลของงานประชุมกระบี่ครั้งนี้ให้โจวฉวนจีฟัง

คนที่น่าจับตามองมาที่สุดคือดาบอุดรวายุแห่งโจว กับ ยอดกระบี่จาวฉง

ฉายาดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นก็เหมือนกับจอมกระบีแดนเหนือผู้งอาจแต่ในอดีตเขานั้นทรงพลังมากยิ่งกว่าจอมกระบี่ผู้องอาจนัก
ลอน

นามดาบอุดรวายุแห่งโจวนั้นอ้างอิงมาจากพื้นที่ทางตอนเหนือของมหาจักรวรรดิโจวเขามีชื่อเสียงมากในมหาจักรวรรดิโจวซึ่งก็แน่นอนว่าเขานั้นต่างกับจอมกระบี่แดนเหนือผังอาจที่มักจะท่องไป ทั่วอาณาจักรอยู่แล้ว

มีข่าวลือเกี่ยวกับ ยอดกระบี่จางฉงว่าเขาคือศิษย์คนใหม่ของจักรพรรดิกระบี่เขานั้นมีใจรักในดาบมาแต่กําเนิดและยังสามารถบรรลุในวิถีแห่งกระบี่ได้อย่างไม่น่าเชื่อ

เขาขึ้นสู่ระดับบัวภายในได้เมื่อตอนอายุ 18 ปี และในปีนี้เขาก็อายุ 20 ปี ความ สามารถของเขาแทบจะเป็นรองแค่องค์ชายลําดับที่ 2 แห่งมหาจักรวรรดิโจวเท่านั้น

ยอดกระบี่จาวฉงตอนนี้ก็ติดอยู่ 50 อันดับแรกของตารางจัดอันดับยอดฝีมือในมหาจักรวรรดิโจวแล้ว

เป็นเพราะเขานั่นเองเลยทําให้มีเหล่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงผู้ร่ํารวย และเหล่าจอมยุทธผู้ทรงพลังมากมายจากแต่ละ สํานักมาเพื่อดูการแข่งขันในครั้งนี้

และบุคคลที่โด่งดังมากที่สุดนั่นก็คือ องค์ชายลําดับที่ 7แห่งมหาจักรวรรดิโจวโจวเฉิงซิน

องค์ชายอายุ 30 ปีผู้มีพรสวรรค์ระดับกลาง ๆและอยู่เพียงระดับบรรลุญาณขั้นที่ 6 เท่านั้น

สําหรับคนธรรมดาทั่วไป ระดับวรยุทธของเขานั้นไปไกลเกินเอื้อมแล้วแต่นั่นก็เพราะเขาสามารถเข้าถึงทรัพยากรสําคัญของมหาจักรวรรดิโจวได้แถมยังอาหารอันโอชะที่เขาได้กินเข้าไปก็ล้วน แล้วแต่เป็นวัตถุดิบชั้นเลิศเพื่อการฝึกฝนวรยุทธทั้งสิ้น

โจวฉวนจีเคยเจอองค์ชายลําดับที่ 7 มาก่อนเมื่อยังวัยเยาว์ถึงแม้เขาจะดูอ่อนโยนและใจดีแต่โจวฉวนจีก็รู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นคนที่เจ้าเล่ห์สุด ๆ เขาจะมีแผนการบางอย่างแอบแฝงเอาไว้ในทุกการกระทําแถมเป็นพวกกัดไม่ปล่อยอีกตั้งหาก

เมื่อตอนที่แม่นาวจาวฉวนเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิ โจวเฉิงซินก็มักจะมาเยี่ยมเยียนพวกเขาทุกวัน แต่หลังจากที่แม่นางจาวฉวนไม่ได้เป็นที่โปรดปรานอีกต่อไปเขาก็ไม่มาเยี่ยมอีกเลย แต่เมื่อตอนที่นางแอบหนีออกไปพวกองครักษ์ที่อยู่ภายใต้เขาก็แกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นให้

การที่เขาต่อเวลายืดชีวิตให้แม่นางจาวฉวนกับลูกของนางก็บ่งบอกได้ชัดเจนแล้วว่าเขายืนอยู่ข้างไหน

ถ้าโจวฉวนจขึ้นครองอํานาจได้ล่ะก็เขาคงจะติดหนี้บุญคุณองค์ชายลําดับที่ 7 เป็นแน่

โจวฉวนจําไม่ได้รู้สึกดีกับเขาด้วยเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจเขาแทน

มหาจักรวรรดิโจวนั้นไม่เหมือนอาณาจักรทั่วไป

พรสวรรค์ทางวรยุทธนั้นสําคัญยิ่งกว่าความรู้

ไม่ว่าเขาจะมีเส้นสายสร้างสัมพันธ์กับคนอื่นมากแค่ไหน แต่ก็ไม่มีทางสู้ขั้ว ตรงข้ามอย่างโจวหยาหลงได้อยู่ดี

ในที่สุดโจวฉวนจีและพรรคพวกก็มาถึงสถานที่สําหรับลงทะเบียนเข้างานประชุมกระบี่หลังจากที่เดินกันมาไกลที่แห่งนี้เป็นวังขนาดใหญ่ที่ถูกปกป้องโดยเหล่าศิษย์ในชุดสีดําจากสํานักเสี่ยหลายสิบคน

สํานักเสี่ยที่ว่าก็คือ สํานักเสี่ยหวูโหยวนั่นเอง

ศิษย์ของจักรพรรดิกระบี่แต่ละคนก็จะมีสํานักที่เป็นชื่อของพวกเขาเอง

จอมกระบี่จํานวนมากต่อแถวรอเข้าคิวในพื้นที่ลงทะเบียน

โจวฉวนจีรู้สึกหงุดหงิดมากพอได้เห็นแบบนั้นก่อนจะพูดขึ้นมาว่า “แล้วเมื่อไหร่จะถึงคิวข้าเนี่ย?”

จางเถียนเจียนพูดขึ้นมาทันที “พวกเราไม่มีทางเลือกอยู่แล้วยังไงซะงานประชุมกระบี่ก็เป็นงานที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครได้ลัดคิวหรอกนะ”

ในตอนนั้นเอง ศิษย์จากสํานักเสี่ยก็เดินตรงเข้ามาก่อนจะคํานับคารวะและพูดขึ้นว่า “ท่านใช่มือปราบมารเทพกระบี่โจวรึเปล่าครับ?”

โจวฉวนจีมองไปทางเขาก่อนจะพยัก
“โปรดตามมาทางนี้ครับ ด้วยชื่อเสียงและความสามารถอย่างท่านแล้วไม่จําเป็นต้องต่อแถวเข้าคิวหรอกครับ” ศิษย์จากสํานักเสี่ยกล่าวด้วยความเคารพ

จางเถียนเจียนเบิกตากว้างตกใจคุณพระ!

จะแหกหน้าข้าเร็วเกินไปแล้ว!

โจวฉวนจีเหลือบมองไปทางจางเถียนเจียน ก่อนจะหันไปพูดกับจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจและคนที่เหลือ “รอข้าอยู่ที่นี่นะ”
งานประชุมกระบี่ในแต่ละครั้งจะมีผู้ชนะแค่เพียงคนเดียวเท่านั้น ยังไงจอมกระบี่แดนเหนือผู้งอาจก็ไม่อาจเอาชนะนายน้อยของเขาได้อยู่แล้วเพราะงั้นเขาเลยไม่เข้าร่วมด้วย

แต่งานนี้ดีตรงที่ว่าผู้ที่เคยชนะแล้วจะไม่อาจเข้าร่วมงานได้อีก
นอกจากนี้ยังมีกฎห้ามเข้าชมงานประชุมกระบี่เกิน 3 ครั้งอีกด้วย

ไม่อย่างนั้นผู้ที่เคยชนะแล้วก็คงจะมาขโมยวิชาจากหอสมุดกระบี่ซ้ําแล้วซ้ําเล่าเรื่อย ๆ แน่

และด้วยเหตุนี้เอง โจวฉวนจีจึงได้ตามลูกศิษย์สํานักเสี่ยและเดินข้ามแถวต่อคิวอันยาวเหยียดไปซึ่งมันก็ดึงดูดความสนใจของจอมกระบี่ที่อยู่แถวนั้นทั้งหมด

“สมกับเป็นเทพกระบี่โจวจริง ๆ!” จางหรูหยูพูดด้วยความนับถืออย่างสุดใจ

ในทางกลับกัน จางเถียนเจียนก็รู้สึกอายสุด ๆ จนแทบจะอยากแทรกแผ่นดินหนี

หลังจากนั้นโจวฉวนจีก็ได้เข้าไปในวังเขาได้เห็นวัตถุวิเศษขนาดมหึมาที่นั่นมีทั้งหินศิลาขนาดใหญ่เขตอาคมมากมายและกองแผ่นเหล็กที่มีรูปร่างเหมือนหินโม่ข้าว

จอมกระบี่ที่ต่อคิวอยู่ต่างมองไปทางเขาการลงทะเบียนในงานประชุมกระบี่จะมีอยู่หลายขั้นตอนที่แตกต่างกันหลังจากที่ผ่านขั้นตอนทั้งหมดมาได้แล้ว เหล่าจอมกระบี่ก็จะออกจากทางด้านหลัง ของห้องโถงใหญ่

“ท่านต้องเป็นเทพกระบี่โจวผู้โด่งดัง แน่ ๆ เลยใช่มั้ย?”

ในตอนนั้นเอง โจวฉวนจีก็ได้ยินเสียง หัวเราะเบา ๆ ดังลอยมา เขาหัวกลับไปมองพลางเลิกคิ้วใส่

ช่างเป็นเรื่องบังเอิญเสียจริงเขาก็คือองค์ชายลําดับที่ 7แห่งมหาจักรวรรดิโจวโจวเฉิงซินนั่นเอง!

โจวเฉิงซินนั้นทั้งสง่างามและหล่อ เหลา เขาสวมเสื้อคลุมยาวสีดําที่ปักด้วยลวดลายกิเลนและถือพัดที่พับเอาไว้อยู่ในมือ

เขารู้สึกเหมือนตาพร่ามัวเล็กน้อยเมื่อ ได้เห็นโจวฉวนจีกับตา

ทําไมหน้าของเทพกระบี่โจวมันถึงดูคุ้น ๆ จังเลยนะ?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+