หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless… ตอนที่ 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ล…

ตอนที่ 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน

“หุบปาก!”

ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงันทุกคนต่างอึ้งตะลึงงันกันไปหมด

ทําไมจู่ ๆ เทพกระบี่โจวถึงซัดหยางเฉอซะปลิวแบบนั้นละ?

หยางเฉอนั้นมีสถานะทางสังคมที่สูงมากเขาเป็นถึงรองผู้ว่าการของเมืองลั่วหยางแถมพ่อของเขาก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 4 ในจักรวรรดิอีกด้วย

คนแบบนั้นโดนตบกลางที่สาธารณะนี่มันเป็นการหยามหน้ากันชัด ๆ!

โจวเฉิงซินตะลึงงัน ก่อนจะถามด้วยความร้อนรน“เทพกระบี่โจว ทําไมท่านถึงทําเช่นนี้?”

หยางเฉอเป็นถึงคนในตระกูลขุนนางของมหาจักรวรรดิโจวในฐานะที่เป็นองค์ชายลําดับที่ 7 แล้วเขาจะทําเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้

โจวฉวนจีพูดขึ้นมา “ทาสกระบี่ของข้าเดินทางไปที่เมืองลั่วหยางเพื่อซื้อถุงเก็บสัตว์มาให้แต่เจ้านี่ดันแพ้ประมูลให้กับทาสกระบี่ของข้าเองแล้วมันแค้นทาสข้ามันเลยเลยสั่งให้คนของมันมาลอบโจมตีทาสกระบี่ของข้าที่นอกเมืองน่ะสิ”

เพราะแบบนี้นี่เอง!

ด้วยคําอธิบายนั้นทําให้ทุกคนเข้าใจได้ในทันทีและเริ่มมองไปยังหยางเฉอด้วยสายตารังเกียจ

และพวกเขาก็จะตัดสินใจขึ้นมากันว่าจะไม่ซื้อของใด ๆ จากเมืองลั่วหยางอีกเพราะว่ามันอันตรายเกินไปยังไงล่ะ!

โจวเฉิงซินหรี่ตาลง ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงงั้นหมายความว่าหยางเฉอฝ่าฝืนกฏหมายบ้านเมืองเอง

ถ้ามหาจักรวรรดิโจวมีแต่คนฉ้อฉลแบบนี้อยู่ล่ะก็ภาพลักษณ์ของมหาจักรวรรดิโจวคงจะพังพินาศไม่มีชิ้นดีจนไม่อาจควบคุมอาณาจักรที่อยู่ภายใต้ได้แน่

จักรวรรดิอื่น ๆ เองก็คงจะหัวเราะเยาะมหาจักรวรรดิโจวด้วย!

หยางเฉอคลานลุกขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นพลางกุมหน้าที่บวมเป่ง “ไอหมอนั่นคือทาสกระบี่ของเจ้าเองงั้นรึ?”เขาพูดพร้อมกัดฟันแน่น

โจวเฉิงซินมองหยางเฉอเหมือนกับมองคนโง่

ไอ้โง่เอ้ย!

ถ้าเขาเป็นหยางเฉอล่ะก็ เขาคงจะแกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ซะมากกว่า

โจวฉวนจีจ้องหน้าเขาและพูดขึ้น “เจ้าจงภาวนาเอาไว้ซะเถอะว่าขออย่าให้คู่ต่อสู้ของเจ้าระหว่างงานประชุมเป็นบ้าน่ะ พอดีดาบของข้ามันฟันมั่วระวังมันจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน”

จิตสังหารพุ่งตรงเข้าใส่หยางเฉออย่างรุนแรงทําเอาเขาเสียวไปถึงสันหลัง

ขนาดจอมกระหายโลหิตที่ชั่วร้ายขนาดนั้นยังตายไปด้วยน้ํามือของโจวฉวนจีรวมไปถึงกองโจรอีกนับพันที่โจวฉวนจีบุกไปฆ่าตายอีกเพราะแบบนั้นตัวของโจวฉวนจีเลยมีจิตสังหารที่แรงกล้ามา ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นั่นทําให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างวิตกกันไปหมด

“สามหาว! เจ้ากล้าดียังไงมาทําตัวอวดดีในช่วงการประเมินของงานประชุมกระบี่กัน!”

ในตอนนั้นเอง ชายตาเดียวตะโกนดังลั่นเขาเดินตรงเข้ามาอย่างร้ายกาจราวกับว่าพร้อมจะฉีกกระชากโจวฉวนจีเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ

โจวฉวนจีมองเขาหน้านิ่งแล้วรอดูว่าเขาจะทําอะไรต่อไป

โจวเฉิงซินเดินเข้าไปหาชายตาเดียวก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนน้อม “ผู้คุมกฏจางปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่าน ๆ ไปดีกว่านะในเมื่อมันไม่มีการฆ่าแกงกันเกิดขึ้นก็อย่าทําให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะไม่งั้น พวกเราจะกลายเป็นตัวตลกเอา”

ชายตาเดียวหยุดเดินต่อก่อนจะทําหน้าตึงใส่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับโจวเฉิงซิน

เสี่ยหรูโหยวออกคําสั่งให้เขาดูแลโจวเฉิงซินให้ดีแล้วเขาจะไปกล้าขัดคําแนะนําของโจวเฉิงซินได้ยังไงกัน?
เขาคํารามถอนหายใจก่อนจะหันไป มองโจวฉวนจี“ถ้าเจ้ายังกล้าทําแบบนั้นอีกข้าจะไล่เจ้าออกไปจากเมืองนี้ทันที
แน่”

ผู้คุมกฎปกติเขาทําแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?

โจวฉวนจีหัวเราะออกมาแบบประชดโลกใบนี้มันไม่มีอะไรตามที่หวังไว้เลยแหะ

หลังจากที่ชายตาเดียวจากไป หยางเฉอก็หันกลับมาจ้องเขม็งใส่โจวฉวนจีด้วยความเคียดแค้นก่อนจะถอยกลับไปเช่นกัน

ดูจากพลังของเขาเมื่อกี้นี้แล้ว เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางเอาชนะโจวฉวนจีได้แน่ๆ เพราะงั้นจะอยู่ให้ขายขี้หน้าต่อไปทําไมล่ะ?

“ท่านตามมาทางนี้เถอะ”

โจวเฉิงซินพูด เขายิ้มเหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

โจวฉวนจีพยักหน้าและตามพี่ชายต่างแม่ของตัวเองไปยังสนามทดสอบต่อไป

หลังจากที่เขาผ่านหินวัดปราณกระบี่มาแล้วขั้นต่อไปคือการตัดเส้นด้ายจากระยะไกล

มีเส้นด้าย 10 เส้น อยู่ห่างออกไปจากตัวเขาประมาณ 30 หลา เขาต้องตัดสิ้นด้ายพวกนั้นให้ได้มากที่สุดโดยใช้ปราณกระบี่ฟันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

โจวฉวนจีเปิดใช้จิตกระบี่เพลิงกัลป์ปราณกระบี่ติดไฟของเขาสามารถฟันเส้นด้ายขาดได้ถึง 5 เส้น ซึ่งก็ถือว่าไกลกว่าของคนอื่นมากเดียว

ถึงแม้ว่า 5 เส้นจะไม่ใช่คะแนนเต็มแต่ก็ถือว่าเป็นคะแนนที่ดีเยี่ยมมากแล้วเพราะยังไงแต่ละเส้นมันก็ห่างกันประมาณ 6 – 7 หลาอยู่แล้ว

สนามทดสอบที่ 3 นั้นเป็นเรื่องของ ความเข้าใจในวิชาดาบ

มีวิชาดาบทั้งหมด 7 วิชา โดยแต่ละวิ ชาดาบจะเป็นระดับอําไพและระดับทมิฬ โดนมีทั้งหมด 4 ขั้น คือ ขั้นต่ํา ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสูงสุด

ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องจดจํากระบวนท่าวิชาดาบหนึ่งในนั้น และเรียนรู้มันให้ได้ภายในเวลา 1 ก้านธูป (ปกติแล้วจะประมาณครึ่งชั่วโมง)

ยิ่งระดับขั้นของวิชาดาบที่ได้เรียนรู้สูงเท่าไร ก็ยิ่งได้คะแนนดีขึ้นเท่านั้น

ผู้เข้ารับการทดสอบแต่ละคนจะถูกประเมินในห้องปิดตายที่ติดอุปกรณ์ป้องกันพลังวิญญาณรั่วไหลเพื่อป้องกันการโกงเอาไว้ด้วย

โจวฉวนจีเห็นว่าก้านธูปของเขานั้นมันผอมกว่าปรกติ มันหนาน้อยกว่า 4 นิ้วอีกและเขาประมาณไว้ว่ารูปนั้นจะหมดภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นพอเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วปกติคนส่วนมากก็ จะไม่เลือกระดับยากเพื่อเอามั่นใจว่าตัวเองจะประเมินผ่าน

ในสนามนี้ ผู้คุมกฏของสํานักเสี่ยจะเป็นผู้ลงมาคุมเองเพื่อป้องกันไม่ให้วิชาดาบรั่วไหลออกไป

แต่โจวฉวนจีนั้นกลับเลือกวิชาดาบขั้นสูงสุดของระดับทมิฬมาโดยไม่ลังเล

เพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถี!

เขาเปิดดูตําราวิชาดาบแล้วจดจําทุกกระบวนท่าการเคลื่อนไหวด้วยการช่วยเหลือของจิตวิญญาณแห่งดาบแล้วเริ่มฝึกฝนมันทันที

ดาบในมือของเขาตอนนี้คือดาบผ่าวายุมันทั้งรวดเร็วและเฉียบคม เหมาะ สมกับการฝึกเพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถีที่สุดแล้ว

หลังจากที่ก้านธูปหมดลง

โจวฉวนจีก็ออกมาจากห้องพร้อมกับหยกสีขาวในมือ ในขณะที่ผู้คุมกฎที่อยู่ข้างหลังเขานั้นกําลังพึมพัมด้วยความสับสนอยู่“สัตว์ประหลาด… สัตว์ประห ลาดชัด ๆ…”

แม้แต่จ้าวสํานักอย่างเสี่ยหรูโหยวยังไม่ร้ายกาจเท่ากับเขาเลย
ภายในเวลาเพียงแค่ก้านธูปน้อย ๆ นี้เจ้าเด็กนั่นกลับเรียนรู้วิชาดาบระดับทมิฬขั้นสูงอย่างเพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถี แล้วเอาคะแนนเต็มไปได้ซะงั้น

โจวเฉิงซินพูดพลางยิ้มให้กับเขาตอนที่เห็นโจวฉวนจีเดินออกมา “เอาหยกขาวนั่นมาฝากไว้ที่ข้าเถอะเดี๋ยวข้าจะนําไปจัดการเรื่องต่อให้เอง”

โจวฉวนจีพยักหน้า เขาเองก็กังวลเรื่องที่ชายตาเดียวนั้นจะมายุ่งกับผลการ ทดสอบของเขาเหมือนกัน

โจวเฉิงซินรับหยกขาวมา ก่อนจะมองหยกขาวด้วยรอยยิ้ม

“ความสามารถระดับเทพกระบี่โจวแล้วท่านคงจะเลือกเป็นวิชาดาบระดับอําไพ ขั้นสูงสุดละสินะ?”

เขามองดูชัดๆก่อนจะตกตะลึง

เดี๋ยวก่อน!

เขาเบิกตากว้างราวกับว่าเห็นผี

มือของเขาสันหลังจากที่เห็นชัด ๆ ว่าภายในหยกขาวนั้นเขียนไว้ว่ายังไงจนเกือบทําหยกหล่นพื้นซะด้วยซ้ําแต่ยังโชคดีที่เขาดึงสติกลับมาได้ทันแล้วรับไว้ได้

ระดับทมิฬขั้นสูงสุดงั้นเหรอ!

เป็นไปได้ยังไงกัน!

โจวเฉิงซินเองก็รักในวิถีแห่งกระบี่มากเพราะงั้นเขาถึงรู้อยู่แก่ใจว่าด้วยเวลาแค่นั้นไม่มีวันทําได้แน่นอน
แต่ด้วยเวลาแค่นั้นเนี่ยนะ….

โจวฉวนจีโบกมือ “งั้นเดี๋ยวข้าขอลาก่อนแล้วกันถ้าผลเป็นยังไงก็ฝากบอกข้าด้วยนะข้าเชื่อว่าคนอย่างท่านยังไงก็หาทางหาตัวข้าเจออยู่แล้ว” เขาพูดก่อน จะหันหลังกลับแล้วเดินออกไปทางประ ตูห้องโถง

หลังจากที่โจวเฉิงซินได้สติกลับมาอีกครั้งเขาก็ตะโกนรียกออกไปทันที “ท่า นเทพกระบี่โจวไว้วันหลังเรามาดื่มด้วยกันหน่อยนะ!”

โจวฉวนจีโบกมือลาแบบไม่หันหลังกลับแล้วจากไปอย่างสง่างาม

“ช่างสมกับเป็นเทพกระบี่โจวซะจริง!”เขาอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้

ด้วยความเข้าใจในวิถีดาบระดับนั้น แม้แต่ยอดกระบี่จาวฉงเองก็คงเทียบกับเขาไม่ได้

ภายใต้เสียงชื่นชมของเหล่าจอมยุทธกระบี่ทั้งหลาย โจวฉวนจีเดินออกมาจากโถงเพื่อไปหาเจียงฉือน้อยแล้วพักผ่อน

“เจ้าแก้แค้นให้จอมกระบี่ผู้องอาจแล้วงั้นเหรอ?” เจียงฉือน้อยถามอย่างตื่นเต้น

จอมกระบุผ่องอาจเองก็จ้องมองไปทางโจวฉวนจีด้วยความซาบซึ้งใจ

นั่นเป็นเพราะหยางเฉอเดินกลับออกไปพร้อมใบหน้าที่บวมเป่ง ก่อนจะเริ่มตะโกนด่าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจทันทีที่เห็น เขาแทบอยากจะไปกระทืบจอมกระบี่ผู้องอาจด้วยซ้ํา

โจวฉวนจีพูดอย่างใจเย็น “มันก็ยังไม่จบหรอกข้าแค่ตักเตือนเขาไปว่าเขามาหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรจะมีเรื่องด้วยอีกน่ะ”

จางหรูหยุที่ยืนข้าง ๆ แทบจะทรุดลงคุกเข่า

รองผู้ว่าการเมืองลั่วหยางโดนท่านเทพกระบี่โจวตบหน้าหงายซะแบบนี้ สุดยอดไปเลยจริงๆ!

จางเถียนเจียนกลืนน้ําลายเงียบๆแล้วจับแก้มของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว

“ไปหาโรงเตี้ยมอยู่กันเถอะ” โจวฉวนจีพูดและไม่มีใครคัดค้าน

จางหรูหยุคว้าตัวพ่อของเขาไว้ทันทีก่อนจะพูดกับโจวฉวนจี“จะไปพักที่โรงเตี้ยมกันทําไมละท่าน? ในเมื่อเรามีบ้านพักอยู่ในเมืองจ้าวกระบี่แห่งนี้นี่นา!”

โจวฉวนจีเลิกคิ้วขึ้นมาเจ้ารวยขนาดนั้นเลยรึไง?

จางเถียนเจียนยิ้มแล้วพยายามพูดแบบตรงไปตรง“ใช่ครับท่าน ทําไมท่านไม่มากับเราละให้พวกเราได้แสดงความมีน้ําใจกับพวกท่านเถอะ”

ท่านหรอ?

ฉางหรูหยูทําหน้าตาประหลาดทันทีท่านพ่อก่อนหน้านี้ท่านพ่อไม่ได้เรียกเขาแบบนั้นไม่ใช่เหรอ!

โจวฉวนจีพยักหน้าตอบรับด้วยความยินดี

มีคนทุกประเภทมารวมตัวกันอยู่ในโรงเตี้ยมก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขาเอา

ในตอนที่พวกเขากําลังจะจากไปนั่นเองโจวเฉิงซินวิ่งออกมาจากห้องโถง

เขามองซ้ายมองขวาพยายามหาแต่ก็ไม่เจอโจวฉวน

“องค์ชาย 7 กําลังตามหาใครอยู่งั้นรึ?”

เสียงเย็นเฉียบดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของเขา เขาหันกลับไปมองก่อนจะยิ้มหวานให้ทันที“พี่จาวนี่เองลมอะไรหอบท่านมาที่นี่กันเนี่ย?” โจวเฉิงซินถามขึ้นมา

หนุ่มหล่อมาดเท่ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาเป็นชายหนุ่มสวมชุดผ้าคลุมสีแดงลายประดับสีทองและมีดาบห้อยอยู่ที่เอวผมดำขลับม้วนสูงปักไว้ด้วยมงกุฎสีทองใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหยิ่งผยอง
เขาคนนั้นก็คือยอดกระบี่จาวฉงผู้โด่งดังนั่นเอง!

ยอดกระบี่จาวฉงตอบอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไรหรอกข้าก็แค่ได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวมาที่นี่น่ะข้าเลยจะมาดูว่าเขาเก่งพอจะสู้กับข้าได้ไหมเท่านั้นเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน

Now you are reading หมื่นกระบี่ทะลวงสวรรค์ I Have Countless Legendary Swords! Chapter 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย หมุนกระบีทะลวงสวรรค์ THave Countless… ตอนที่ 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ล…

ตอนที่ 59 : ดาบของข้ามันฟันมั่วระวังจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน

“หุบปาก!”

ทั่วทั้งห้องโถงตกอยู่ในความเงียบงันทุกคนต่างอึ้งตะลึงงันกันไปหมด

ทําไมจู่ ๆ เทพกระบี่โจวถึงซัดหยางเฉอซะปลิวแบบนั้นละ?

หยางเฉอนั้นมีสถานะทางสังคมที่สูงมากเขาเป็นถึงรองผู้ว่าการของเมืองลั่วหยางแถมพ่อของเขาก็ยังเป็นเจ้าหน้าที่ระดับ 4 ในจักรวรรดิอีกด้วย

คนแบบนั้นโดนตบกลางที่สาธารณะนี่มันเป็นการหยามหน้ากันชัด ๆ!

โจวเฉิงซินตะลึงงัน ก่อนจะถามด้วยความร้อนรน“เทพกระบี่โจว ทําไมท่านถึงทําเช่นนี้?”

หยางเฉอเป็นถึงคนในตระกูลขุนนางของมหาจักรวรรดิโจวในฐานะที่เป็นองค์ชายลําดับที่ 7 แล้วเขาจะทําเฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้

โจวฉวนจีพูดขึ้นมา “ทาสกระบี่ของข้าเดินทางไปที่เมืองลั่วหยางเพื่อซื้อถุงเก็บสัตว์มาให้แต่เจ้านี่ดันแพ้ประมูลให้กับทาสกระบี่ของข้าเองแล้วมันแค้นทาสข้ามันเลยเลยสั่งให้คนของมันมาลอบโจมตีทาสกระบี่ของข้าที่นอกเมืองน่ะสิ”

เพราะแบบนี้นี่เอง!

ด้วยคําอธิบายนั้นทําให้ทุกคนเข้าใจได้ในทันทีและเริ่มมองไปยังหยางเฉอด้วยสายตารังเกียจ

และพวกเขาก็จะตัดสินใจขึ้นมากันว่าจะไม่ซื้อของใด ๆ จากเมืองลั่วหยางอีกเพราะว่ามันอันตรายเกินไปยังไงล่ะ!

โจวเฉิงซินหรี่ตาลง ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงงั้นหมายความว่าหยางเฉอฝ่าฝืนกฏหมายบ้านเมืองเอง

ถ้ามหาจักรวรรดิโจวมีแต่คนฉ้อฉลแบบนี้อยู่ล่ะก็ภาพลักษณ์ของมหาจักรวรรดิโจวคงจะพังพินาศไม่มีชิ้นดีจนไม่อาจควบคุมอาณาจักรที่อยู่ภายใต้ได้แน่

จักรวรรดิอื่น ๆ เองก็คงจะหัวเราะเยาะมหาจักรวรรดิโจวด้วย!

หยางเฉอคลานลุกขึ้นมาด้วยความโกรธแค้นพลางกุมหน้าที่บวมเป่ง “ไอหมอนั่นคือทาสกระบี่ของเจ้าเองงั้นรึ?”เขาพูดพร้อมกัดฟันแน่น

โจวเฉิงซินมองหยางเฉอเหมือนกับมองคนโง่

ไอ้โง่เอ้ย!

ถ้าเขาเป็นหยางเฉอล่ะก็ เขาคงจะแกล้งทําเป็นไม่รู้ไม่เห็นกับเรื่องนี้ซะมากกว่า

โจวฉวนจีจ้องหน้าเขาและพูดขึ้น “เจ้าจงภาวนาเอาไว้ซะเถอะว่าขออย่าให้คู่ต่อสู้ของเจ้าระหว่างงานประชุมเป็นบ้าน่ะ พอดีดาบของข้ามันฟันมั่วระวังมันจะไปปาดคอเจ้าให้ละกัน”

จิตสังหารพุ่งตรงเข้าใส่หยางเฉออย่างรุนแรงทําเอาเขาเสียวไปถึงสันหลัง

ขนาดจอมกระหายโลหิตที่ชั่วร้ายขนาดนั้นยังตายไปด้วยน้ํามือของโจวฉวนจีรวมไปถึงกองโจรอีกนับพันที่โจวฉวนจีบุกไปฆ่าตายอีกเพราะแบบนั้นตัวของโจวฉวนจีเลยมีจิตสังหารที่แรงกล้ามา ตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว นั่นทําให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างวิตกกันไปหมด

“สามหาว! เจ้ากล้าดียังไงมาทําตัวอวดดีในช่วงการประเมินของงานประชุมกระบี่กัน!”

ในตอนนั้นเอง ชายตาเดียวตะโกนดังลั่นเขาเดินตรงเข้ามาอย่างร้ายกาจราวกับว่าพร้อมจะฉีกกระชากโจวฉวนจีเป็นชิ้นๆได้ทุกเมื่อ

โจวฉวนจีมองเขาหน้านิ่งแล้วรอดูว่าเขาจะทําอะไรต่อไป

โจวเฉิงซินเดินเข้าไปหาชายตาเดียวก่อนจะยิ้มให้อย่างอ่อนน้อม “ผู้คุมกฏจางปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่าน ๆ ไปดีกว่านะในเมื่อมันไม่มีการฆ่าแกงกันเกิดขึ้นก็อย่าทําให้เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เลยนะไม่งั้น พวกเราจะกลายเป็นตัวตลกเอา”

ชายตาเดียวหยุดเดินต่อก่อนจะทําหน้าตึงใส่ตอนที่เขาเผชิญหน้ากับโจวเฉิงซิน

เสี่ยหรูโหยวออกคําสั่งให้เขาดูแลโจวเฉิงซินให้ดีแล้วเขาจะไปกล้าขัดคําแนะนําของโจวเฉิงซินได้ยังไงกัน?
เขาคํารามถอนหายใจก่อนจะหันไป มองโจวฉวนจี“ถ้าเจ้ายังกล้าทําแบบนั้นอีกข้าจะไล่เจ้าออกไปจากเมืองนี้ทันที
แน่”

ผู้คุมกฎปกติเขาทําแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?

โจวฉวนจีหัวเราะออกมาแบบประชดโลกใบนี้มันไม่มีอะไรตามที่หวังไว้เลยแหะ

หลังจากที่ชายตาเดียวจากไป หยางเฉอก็หันกลับมาจ้องเขม็งใส่โจวฉวนจีด้วยความเคียดแค้นก่อนจะถอยกลับไปเช่นกัน

ดูจากพลังของเขาเมื่อกี้นี้แล้ว เขารู้ดีว่าเขาไม่มีทางเอาชนะโจวฉวนจีได้แน่ๆ เพราะงั้นจะอยู่ให้ขายขี้หน้าต่อไปทําไมล่ะ?

“ท่านตามมาทางนี้เถอะ”

โจวเฉิงซินพูด เขายิ้มเหมือนกับว่าไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

โจวฉวนจีพยักหน้าและตามพี่ชายต่างแม่ของตัวเองไปยังสนามทดสอบต่อไป

หลังจากที่เขาผ่านหินวัดปราณกระบี่มาแล้วขั้นต่อไปคือการตัดเส้นด้ายจากระยะไกล

มีเส้นด้าย 10 เส้น อยู่ห่างออกไปจากตัวเขาประมาณ 30 หลา เขาต้องตัดสิ้นด้ายพวกนั้นให้ได้มากที่สุดโดยใช้ปราณกระบี่ฟันได้แค่ครั้งเดียวเท่านั้น

โจวฉวนจีเปิดใช้จิตกระบี่เพลิงกัลป์ปราณกระบี่ติดไฟของเขาสามารถฟันเส้นด้ายขาดได้ถึง 5 เส้น ซึ่งก็ถือว่าไกลกว่าของคนอื่นมากเดียว

ถึงแม้ว่า 5 เส้นจะไม่ใช่คะแนนเต็มแต่ก็ถือว่าเป็นคะแนนที่ดีเยี่ยมมากแล้วเพราะยังไงแต่ละเส้นมันก็ห่างกันประมาณ 6 – 7 หลาอยู่แล้ว

สนามทดสอบที่ 3 นั้นเป็นเรื่องของ ความเข้าใจในวิชาดาบ

มีวิชาดาบทั้งหมด 7 วิชา โดยแต่ละวิ ชาดาบจะเป็นระดับอําไพและระดับทมิฬ โดนมีทั้งหมด 4 ขั้น คือ ขั้นต่ํา ขั้นกลาง ขั้นสูง และขั้นสูงสุด

ผู้เข้ารับการทดสอบจะต้องจดจํากระบวนท่าวิชาดาบหนึ่งในนั้น และเรียนรู้มันให้ได้ภายในเวลา 1 ก้านธูป (ปกติแล้วจะประมาณครึ่งชั่วโมง)

ยิ่งระดับขั้นของวิชาดาบที่ได้เรียนรู้สูงเท่าไร ก็ยิ่งได้คะแนนดีขึ้นเท่านั้น

ผู้เข้ารับการทดสอบแต่ละคนจะถูกประเมินในห้องปิดตายที่ติดอุปกรณ์ป้องกันพลังวิญญาณรั่วไหลเพื่อป้องกันการโกงเอาไว้ด้วย

โจวฉวนจีเห็นว่าก้านธูปของเขานั้นมันผอมกว่าปรกติ มันหนาน้อยกว่า 4 นิ้วอีกและเขาประมาณไว้ว่ารูปนั้นจะหมดภายในเวลาเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้นพอเจอสถานการณ์แบบนี้แล้วปกติคนส่วนมากก็ จะไม่เลือกระดับยากเพื่อเอามั่นใจว่าตัวเองจะประเมินผ่าน

ในสนามนี้ ผู้คุมกฏของสํานักเสี่ยจะเป็นผู้ลงมาคุมเองเพื่อป้องกันไม่ให้วิชาดาบรั่วไหลออกไป

แต่โจวฉวนจีนั้นกลับเลือกวิชาดาบขั้นสูงสุดของระดับทมิฬมาโดยไม่ลังเล

เพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถี!

เขาเปิดดูตําราวิชาดาบแล้วจดจําทุกกระบวนท่าการเคลื่อนไหวด้วยการช่วยเหลือของจิตวิญญาณแห่งดาบแล้วเริ่มฝึกฝนมันทันที

ดาบในมือของเขาตอนนี้คือดาบผ่าวายุมันทั้งรวดเร็วและเฉียบคม เหมาะ สมกับการฝึกเพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถีที่สุดแล้ว

หลังจากที่ก้านธูปหมดลง

โจวฉวนจีก็ออกมาจากห้องพร้อมกับหยกสีขาวในมือ ในขณะที่ผู้คุมกฎที่อยู่ข้างหลังเขานั้นกําลังพึมพัมด้วยความสับสนอยู่“สัตว์ประหลาด… สัตว์ประห ลาดชัด ๆ…”

แม้แต่จ้าวสํานักอย่างเสี่ยหรูโหยวยังไม่ร้ายกาจเท่ากับเขาเลย
ภายในเวลาเพียงแค่ก้านธูปน้อย ๆ นี้เจ้าเด็กนั่นกลับเรียนรู้วิชาดาบระดับทมิฬขั้นสูงอย่างเพลงดาบขลุ่ยหยก 36 วิถี แล้วเอาคะแนนเต็มไปได้ซะงั้น

โจวเฉิงซินพูดพลางยิ้มให้กับเขาตอนที่เห็นโจวฉวนจีเดินออกมา “เอาหยกขาวนั่นมาฝากไว้ที่ข้าเถอะเดี๋ยวข้าจะนําไปจัดการเรื่องต่อให้เอง”

โจวฉวนจีพยักหน้า เขาเองก็กังวลเรื่องที่ชายตาเดียวนั้นจะมายุ่งกับผลการ ทดสอบของเขาเหมือนกัน

โจวเฉิงซินรับหยกขาวมา ก่อนจะมองหยกขาวด้วยรอยยิ้ม

“ความสามารถระดับเทพกระบี่โจวแล้วท่านคงจะเลือกเป็นวิชาดาบระดับอําไพ ขั้นสูงสุดละสินะ?”

เขามองดูชัดๆก่อนจะตกตะลึง

เดี๋ยวก่อน!

เขาเบิกตากว้างราวกับว่าเห็นผี

มือของเขาสันหลังจากที่เห็นชัด ๆ ว่าภายในหยกขาวนั้นเขียนไว้ว่ายังไงจนเกือบทําหยกหล่นพื้นซะด้วยซ้ําแต่ยังโชคดีที่เขาดึงสติกลับมาได้ทันแล้วรับไว้ได้

ระดับทมิฬขั้นสูงสุดงั้นเหรอ!

เป็นไปได้ยังไงกัน!

โจวเฉิงซินเองก็รักในวิถีแห่งกระบี่มากเพราะงั้นเขาถึงรู้อยู่แก่ใจว่าด้วยเวลาแค่นั้นไม่มีวันทําได้แน่นอน
แต่ด้วยเวลาแค่นั้นเนี่ยนะ….

โจวฉวนจีโบกมือ “งั้นเดี๋ยวข้าขอลาก่อนแล้วกันถ้าผลเป็นยังไงก็ฝากบอกข้าด้วยนะข้าเชื่อว่าคนอย่างท่านยังไงก็หาทางหาตัวข้าเจออยู่แล้ว” เขาพูดก่อน จะหันหลังกลับแล้วเดินออกไปทางประ ตูห้องโถง

หลังจากที่โจวเฉิงซินได้สติกลับมาอีกครั้งเขาก็ตะโกนรียกออกไปทันที “ท่า นเทพกระบี่โจวไว้วันหลังเรามาดื่มด้วยกันหน่อยนะ!”

โจวฉวนจีโบกมือลาแบบไม่หันหลังกลับแล้วจากไปอย่างสง่างาม

“ช่างสมกับเป็นเทพกระบี่โจวซะจริง!”เขาอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้

ด้วยความเข้าใจในวิถีดาบระดับนั้น แม้แต่ยอดกระบี่จาวฉงเองก็คงเทียบกับเขาไม่ได้

ภายใต้เสียงชื่นชมของเหล่าจอมยุทธกระบี่ทั้งหลาย โจวฉวนจีเดินออกมาจากโถงเพื่อไปหาเจียงฉือน้อยแล้วพักผ่อน

“เจ้าแก้แค้นให้จอมกระบี่ผู้องอาจแล้วงั้นเหรอ?” เจียงฉือน้อยถามอย่างตื่นเต้น

จอมกระบุผ่องอาจเองก็จ้องมองไปทางโจวฉวนจีด้วยความซาบซึ้งใจ

นั่นเป็นเพราะหยางเฉอเดินกลับออกไปพร้อมใบหน้าที่บวมเป่ง ก่อนจะเริ่มตะโกนด่าจอมกระบี่แดนเหนือผู้องอาจทันทีที่เห็น เขาแทบอยากจะไปกระทืบจอมกระบี่ผู้องอาจด้วยซ้ํา

โจวฉวนจีพูดอย่างใจเย็น “มันก็ยังไม่จบหรอกข้าแค่ตักเตือนเขาไปว่าเขามาหาเรื่องกับคนที่ไม่ควรจะมีเรื่องด้วยอีกน่ะ”

จางหรูหยุที่ยืนข้าง ๆ แทบจะทรุดลงคุกเข่า

รองผู้ว่าการเมืองลั่วหยางโดนท่านเทพกระบี่โจวตบหน้าหงายซะแบบนี้ สุดยอดไปเลยจริงๆ!

จางเถียนเจียนกลืนน้ําลายเงียบๆแล้วจับแก้มของเขาแบบไม่ทันตั้งตัว

“ไปหาโรงเตี้ยมอยู่กันเถอะ” โจวฉวนจีพูดและไม่มีใครคัดค้าน

จางหรูหยุคว้าตัวพ่อของเขาไว้ทันทีก่อนจะพูดกับโจวฉวนจี“จะไปพักที่โรงเตี้ยมกันทําไมละท่าน? ในเมื่อเรามีบ้านพักอยู่ในเมืองจ้าวกระบี่แห่งนี้นี่นา!”

โจวฉวนจีเลิกคิ้วขึ้นมาเจ้ารวยขนาดนั้นเลยรึไง?

จางเถียนเจียนยิ้มแล้วพยายามพูดแบบตรงไปตรง“ใช่ครับท่าน ทําไมท่านไม่มากับเราละให้พวกเราได้แสดงความมีน้ําใจกับพวกท่านเถอะ”

ท่านหรอ?

ฉางหรูหยูทําหน้าตาประหลาดทันทีท่านพ่อก่อนหน้านี้ท่านพ่อไม่ได้เรียกเขาแบบนั้นไม่ใช่เหรอ!

โจวฉวนจีพยักหน้าตอบรับด้วยความยินดี

มีคนทุกประเภทมารวมตัวกันอยู่ในโรงเตี้ยมก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้กับพวกเขาเอา

ในตอนที่พวกเขากําลังจะจากไปนั่นเองโจวเฉิงซินวิ่งออกมาจากห้องโถง

เขามองซ้ายมองขวาพยายามหาแต่ก็ไม่เจอโจวฉวน

“องค์ชาย 7 กําลังตามหาใครอยู่งั้นรึ?”

เสียงเย็นเฉียบดังขึ้นมาจากเบื้องหลังของเขา เขาหันกลับไปมองก่อนจะยิ้มหวานให้ทันที“พี่จาวนี่เองลมอะไรหอบท่านมาที่นี่กันเนี่ย?” โจวเฉิงซินถามขึ้นมา

หนุ่มหล่อมาดเท่ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาเป็นชายหนุ่มสวมชุดผ้าคลุมสีแดงลายประดับสีทองและมีดาบห้อยอยู่ที่เอวผมดำขลับม้วนสูงปักไว้ด้วยมงกุฎสีทองใบหน้านั้นเต็มไปด้วยหยิ่งผยอง
เขาคนนั้นก็คือยอดกระบี่จาวฉงผู้โด่งดังนั่นเอง!

ยอดกระบี่จาวฉงตอบอย่างเฉยเมย “ไม่มีอะไรหรอกข้าก็แค่ได้ยินมาว่าเทพกระบี่โจวมาที่นี่น่ะข้าเลยจะมาดูว่าเขาเก่งพอจะสู้กับข้าได้ไหมเท่านั้นเอง”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+