เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา 535 อย่ากลัว (4)/ 536 อย่ากลัว (5)

Now you are reading เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา Chapter 535 อย่ากลัว (4)/536 อย่ากลัว (5) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 535 อย่ากลัว (4)

ความหมายที่แท้จริงก็คือ เจ้ามีฐานะเป็นถึงฮูหยิน ยังไม่พออีกหรือ เหตุใดยังต้องถือสาหาความนางด้วย

แววตาของซู่อีดูเย็นชา

นางรู้ดีอยู่แล้วว่า เมื่อลงจากเขามาจะต้องเจอกับชายผู้นี้

แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอเร็วเช่นนี้ เขายังคงทำให้นางรู้สึกขยะแขยงเช่นเดิมไม่เปลี่ยน

“ตำแหน่งฮูหยิน เจ้าเอาไปให้นางคนนั้นที่โตมากับเจ้าเถอะ ข้าไม่ต้องการเลยสักนิด!”

นางสะบัดชายแขนเสื้อ

เพียงได้เห็นผู้ชายคนนี้ก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายไปทั้งตัว ราวกับกลืนอุจจาระเข้าไป นางจึงอยากเดินออกไปให้เร็วที่สุด

“ซู่อี”

มู่หลิงร้อนใจ ยื่นมือเพื่อจะคว้ามือของซู่อีเอาไว้

หงส์ขาวร้องด้วยความโมโห มันพ่นไฟออกมา แววตาของมันเต็มไปด้วยความโกรธ

ไอ้คนโลเลนี่ บังอาจแตะต้องซู่อีต่อหน้าต่อตามัน คิดว่าหงส์อย่างมันเป็นแค่ห่านตุ๋นหรืออย่างไร

ไฟที่พ่นออกมาทำให้มู่หลิงต้องถอยหลังไป เขาไม่หงุดหงิดแต่พูดด้วยรอยยิ้มว่า “สัตว์เลี้ยงของเจ้านี่นิสัยไม่ค่อยดีนะ”

หงส์ขาวเดือดพล่านสุดๆ มันพ่นไฟออกไปอีกครั้ง

สัตว์เลี้ยง เจ้าต่างหากโว้ยที่เป็นสัตว์เลี้ยง!

มันน่ะเป็นหงส์ที่มีความใฝ่ฝันนะ!

ความใฝ่ฝันของมันก็คือแต่งงานกับซู่อี!

มู่หลิงไม่ชายตามองหงส์ขาวเลยสักนิด ด้วยคิดว่ามันเป็นเพียงหงส์ตัวน้อยๆ ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ สำหรับเขาแล้ว มันไม่ได้ทำให้เขากลัวเลย

สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เข้าไปดึงตัวซู่อีอีก เพียงแต่ถามนางด้วยน้ำเสียงจนใจเท่านั้น

“ซู่อี เจ้ายังโกรธข้าอยู่หรือ เจ้าจะโกรธไปถึงเมื่อไร ข้าให้คนมาคอยดูเจ้าอยู่ที่นี่เป็นเวลาสิบกว่าปีแล้ว ตอนที่เจ้าลงมาจากเขาข้าก็รีบออกตามหาเจ้า มันยังไม่พออีกหรือ เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร เจ้าบอกข้าสิ!”

ซู่อีหันกลับมามองพร้อมรอยยิ้มน้อยๆ “จะว่าไป ข้ามีเรื่องหนึ่งจะบอกกับเจ้า”

มู่หลิงดีใจ เอ่ยถามกลับไปว่า “เรื่องอะไร เจ้าบอกมาเลย”

“เรื่องการแต่งงานของหนานเสียน ให้เขาเป็นคนตัดสินใจเอง ข้าไม่อยากให้คนในบ้านเจ้าไปทำให้เขาต้องอึดอัดใจ”

ชีวิตนี้ คนคนเดียวที่นางเป็นห่วงเป็นใย ก็เหลือเพียงหนานเสียนเท่านั้น

นางไม่ยอมให้คนที่นางรักที่สุดอยู่อย่างไม่เป็นสุข

แต่เมื่อก่อนคงมีเพียงแค่หนานเสียนคนเดียว ถ้าหนานเสียนแต่งงานไป แน่นอนว่าคนที่นางห่วงคงไม่ได้มีแค่หนานเสียนเท่านั้น

“เป็นไปไม่ได้!” มูหลิงขมวดคิ้ว “กฎของตระกูลมู่ ไม่ว่าใครก็ห้ามแต่งงานเองตามอำเภอใจ จะต้องทำตามคำสั่งของพ่อแม่เท่านั้น!”

ดังนั้น สมัยก่อนเพราะพ่อของมู่หลิงไม่ชอบชิงเยียน เขาเลยไม่แต่งงานกับนาง หลังจากนั้นเขาก็พาซู่อีกลับมาด้วย เมื่อได้รับความเห็นชอบจากพ่อ เขาจึงได้แต่งงาน

เขาไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของพ่อ จึงได้แต่รับชิงเยียนไว้เป็นอนุ แล้วเหตุใดจะยอมให้หนานเสียนตัดสินใจเรื่องแต่งงานเองได้

สิ่งที่ทำให้เขาหงุดหงิดก็คือ กฎของตระกูลมู่คือห้ามมีอนุก่อนมีเมียหลวง ด้วยเหตุนี้ตอนแรกซู่อีไม่รู้ว่าเขามีอนุ จึงหลงคิดไปว่าเขาไม่ใช่คนหลายใจมีหลายเมีย จึงยอมแต่งงานกับเขา

แต่ปัญหามีอยู่ว่า ตอนแรกเขาก็ไม่รู้ว่าซู่อีจะคิดเช่นนี้ และไม่รู้ว่านางจะโต้ตอบอย่างรุนแรงถึงขั้นหนีออกมาจากบ้านสกุลมู่เพราะโมโหที่เขารับชิงเยียนเป็นอนุ

มู่หลิงเหมือนคนน้ำท่วมปาก

ผู้ชายมีหลายเมีย เป็นเรื่องปกติ

เมื่อก่อนหนานเสียนไม่แต่งเมียหลวง เขาจึงไม่ได้บีบบังคับให้หนานเสียนรับอนุ เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นกฎของตระกูลมู่ เมียหลวงต้องแต่งเข้าก่อนเมียน้อย ไว้รอหนานเสียนแต่งเมียหลวงแล้ว เขาค่อยคัดเลือกลูกสาวของตระกูลอื่นอีกสักสองสามคนมาเป็นอนุของหนานเสียน

สายตาที่เย็นชาของซู่อีมองไปที่มู่หลิง ท่าทางและน้ำเสียงของนางช่างดูไร้เยื่อใย “หรือ ดูท่าข้าคงต้องกลับไปที่บ้านสกุลมู่สักครั้ง ไว้ข้ากลับไปจะดูซิว่า ใครหน้าไหน…ในบ้านเจ้ากล้าบีบบังคับให้หนานเสียนแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาไม่ได้รัก”

………………

ตอนที่ 536 อย่ากลัว (5)

แน่นอนว่านางต้องกลับไปที่บ้านสกุลมู่!

แต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้ เพราะตอนนี้นางยังมีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ

“ซู่อี เจ้าอย่าทำตัวไร้เหตุผลแบบนี้สิ” มู่หลิงขมวดคิ้ว “ข้าอดทนกับเจ้ามาก จริงใจกับเจ้ามาก เมื่อก่อนที่เจ้าหนีไปไม่ใยดีเพราะข้ารับอนุยังไม่พอ ตอนนี้ยังไม่ยอมให้ข้าจัดงานแต่งให้หนานเสียน ซู่อี เจ้าคิดหรือว่า…ความอดทนที่ข้ามีต่อเจ้ามันจะไม่มีขีดจำกัด”

“อ้อ”

“…” มู่หลิงมีท่าทางโกรธเล็กน้อย “เมื่อก่อนเจ้ากับชิงเหยียนก็สนิทสนมกันดีไม่ใช่หรือ ทำไมตอนนี้ถึงกลายเป็นแบบนี้ได้”

ซู่อีมองมู่หลิงด้วยสายตาเย็นชา “นั่นเป็นเพราะพวกเจ้าปิดบังเสียมิดชิดน่ะสิ ส่วนข้าเองก็โง่สิ้นดีที่มองไม่ออกว่าพวกเจ้าเป็นชู้กัน อีกอย่างข้าเห็นว่านางเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจ้า ก็เลยวางตัวตามมารยาท อันที่จริงข้าไม่ได้อยากเห็นหน้านางด้วยซ้ำ แบบนี้หรือที่เรียกว่าสนิทสนมกัน”

“ซู่อี!” มู่หลิงโมโห แต่เขากลัวว่าจะทำให้ซู่อีโกรธจนหนีไปอีก จึงพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น เขาพูดต่อไปว่า “เจ้าให้โอกาสข้าอีกสักครั้งได้หรือไม่ เรากลับบ้านกันเถอะข้าจะปกป้องหนานเสียนไม่ให้เขาถูกทำร้ายอีก ส่วนเรื่องตอนนั้นชิงเหยียนไม่ใช่คนทำ นางเป็นคนอย่างไรข้ารู้ดี นางไม่มีทางทำร้ายคนอื่นตามอำเภอใจหรอก”

ซู่อียิ้มน้อยๆ และเดินเข้ามาหามู่ชิงอย่างช้าๆ

“นางไม่ได้ทำ หมายความว่าหนานเสียนทำตัวเอง จนตัวเขาอัดอั้นจนอกจะแตกตายหรือ”

ตอนนั้น หนานเสียนยังอายุเพียงสี่ขวบ

เด็กน้อยหนานเสียน ไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนในตอนนี้แต่แม่ของเขาไม่อาจอยู่ปกป้องดูแลเขาได้

ตอนนั้นพอเขารู้ว่ามู่หลิงจะรับอนุ เขาก็เสียใจ เจ็บปวดทรมาน และเคยขัดขวาง

แต่เป็นเพราะพ่อสามีดีกับซู่อีมาโดยตลอด ทั้งสุขภาพของเขาก็ไม่ค่อยสู้ดีนัก นางจึงตัดใจทิ้งบ้านสกุลมู่ไปไม่ได้

จนกระทั่ง…ลูกชายที่นางปกป้องดั่งชีวิต เกือบถูกคนทำร้ายเจียนตาย

ตอนนั้นพาหนานเสียนหนีออกจากบ้านสกุลมู่ไปโดยไม่สนใจใครอีกแล้ว

ผู้หญิงอ่อนแอ แต่ความเป็นแม่นั้นต้องเข้มแข็ง

นางมีสิ่งสำคัญที่ห้ามใครมาแตะต้อง ในเมื่อบ้านสกุลมู่เป็นสถานที่ที่บีบคั้นคนอยู่เช่นนี้ นางจะไม่ยอมให้ลูกชายของนางถูกใครมาทำร้ายเด็ดขาด

ต่อให้พ่อสามีจะดีกับนางแค่ไหนต่อให้นางจะลำบากใจเพียงใด นางก็ไม่อยากให้หนานเสียนต้องถูกทำร้าย

ตอนนี้ ก็เช่นเดียวกัน!

ลูกชาย ลูกสะใภ้ และหลายชายหลานสาวที่จะเกิดขึ้นมา…นางจะไม่ยอมทำผิดซ้ำสอง ปล่อยให้คนพวกนั้นมาทำร้ายลูกหลายของนางได้!

“ซู่อี เจ้าเข้าใจชิงเหยียนผิดแล้ว” มู่หลิงหน้านิ่วคิ้วขมวด “วันที่เกิดเหตุได้มีการตรวจสอบแน่ชัดแล้ว มีคนลักลอบเข้ามาในบ้านสกุลมู่ คิดทำร้ายลูกชายข้าเพื่อล้างแค้นข้า มันไม่ใช่ฝีมือของชิงเหยียน”

“อ้อ” ซู่อีเงยหน้าขึ้น แววตาของนางดูเย็นยะเยือกราวแสงจันทร์ยาวค่ำคืน “ข้าไม่เคยคิดว่า เจ้าจะล้างแค้นให้ลูกชายข้าได้ แต่ไม่เป็นไรหรอก ความแค้นนี้ ข้าจะตามชำระเอง”

สมัยก่อนตอนที่นางช่วยชีวิตมู่หลิงไว้ นางได้รับบาดเจ็บสาหัส ฌานจึงถดถอย ไม่อย่างนั้นวันเกิดเหตุนางคงไม่พาหนานเสียนหนีออกมาจากบ้านง่ายๆ แบบนี้

เมื่อย้อนคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ในใจนางก็รู้สึกกลัดกลุ้ม แต่นางก็ไม่ได้แสดงอะไรผ่านทางสีหน้า

ท่าทีที่สงบนิ่ง เย็นยะเยือกราวดวงจันทร์วันเพ็ญ

“อีกอย่าง…” ซู่อีเงียบไป “เจ้าไม่ต้องมาหาข้าแล้ว ไม่ช้าก็เร็วข้าจะกลับไปเอง ส่วนเรื่องเจ้ากับเมียน้อยเจ้าไม่ต้องหาเรื่องไปทำหน้าสลอนต่อหน้าพ่อเจ้า สมัยก่อนที่เขาต้องล้มหมอนนอนเสื่อสาเหตุเป็นเพราะอะไร เจ้าลืมไปแล้วหรือ”

เหมือนซู่อีจะนึกอะไรออกขึ้นมา นางพูดต่อไปว่า “แล้วที่เจ้าพูดปาวๆ ว่าการแต่งงานของลูกเป็นประกาศิตของพ่อแม่ ผ่านการแนะนำจากพ่อสื่อแม่สื่อตามประเพณี แต่เจ้ากลับจำไม่ได้ว่าตอนนั้นที่พ่อเจ้าคัดค้านไม่ให้รับนางเป็นอนุ พวกเจ้ากลับร่วมมือกันทำให้เขาโมโหจนเป็นลมหมดสติไป ในเมื่อเจ้ากล้าขัดคำสั่งพ่อของเจ้า แล้วเจ้ายังมีหน้ามาตัดสินใจแทนหนานเสียนอีกหรือ”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด