เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา 539 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (3)/ 540 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (4)

Now you are reading เฟิงหรูชิง องค์หญิงหมอเทวดา Chapter 539 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (3)/540 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (4) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 539 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (3)

ตอนที่ได้สติ นายท่านยังปาของใส่ฮูหยินชิงเยียน

ตอนที่เลอะเลือน เขาจำใครไม่ได้ทั้งนั้น ทำตัวเหมือนเด็กโข่ง วุ่นวายไปทั่ว

“ชิงเยียนนาง…”

“ประมุขน้อย ฮูหยินชิงเยียนยังเหมือนเดิมขอรับ ไม่ว่านายท่านจะปฏิบัติต่อนางอย่างไร นางยังคงดูแลอาหารสามมื้อไม่ขาด ทั้งตุ๋นน้ำแกงต้มยา เสาะแสวงหาซื้อยาวิเศษไปทั่ว เพื่อให้นายท่านอาการดีขึ้น”

มู่หลิงเจ็บปวดใจ นัยน์ตาของเขาแสดงออกถึงความรู้สึกผิด “หลายปีนี้นางต้องอยู่อย่างลำบาก ข้าเอาแต่มารอซู่อีอยู่ที่นี่เป็นประจำ แต่นางกลับดูแลท่านพ่อแทนข้าโดยไม่บ่นสักคำ ส่วนท่านพ่อกลับ…”

จะเป็นเพราะเรื่องสมัยก่อนหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นท่านพ่อคงไม่รังเกียจชิงเยียนขนาดนี้

สมัยก่อน แม่ของชิงเยียนซึ่งก็คือป้าของเขา…วางยาพิษแม่เขา ทำให้แม่ของเขาตายในระหว่างคลอดน้องสอง แต่โชคดีที่น้องสองรอดมาได้ ถึงกระนั้นน้องสองก็สุขภาพอ่อนแอ ไม่สามารถออกไปนอกบ้านได้

ตอนนั้นท่านพ่อสืบหาความจริงอยู่นาน แต่ก็ไม่รู้ว่าสาเหตุมาจากท่านป้า จนกระทั่งหลายปีให้หลัง…ท่านป้าเผลอทำความลับแตก ท่านพ่อจึงรู้ว่านางเป็นเป็นคนวางยาน้องสาวของตัวเอง!

ท่านแม่ตาย เขาไม่แค้นได้หรือ เขาแค้นท่านป้า…ไม่สิ นางผู้หญิงชั่วคนนั้น ไม่คู่ควรที่จะเป็นป้าของเขา!

แต่อย่างไรเสีย ชิงเยียนก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วย

ตอนนั้นชิงเยียนยังอายุเพียงสองสามขวบ

นางจะไปรู้อะไร

ถ้าชิงเยียนรู้มาก่อนว่าผู้หญิงคนนั้นจะวางยาพิษ ด้วยจิตใจที่ดีงามของนาง จะต้องห้ามไว้เป็นแน่!

ดังนั้น ความแค้นของคนรุ่นก่อน จะให้ทายาทมาชดใช้แทนไม่ได้

ชิงเยียนต้องลำบากเพราะบ้านสกุลมู่มานานหลายปี ทั้งยังให้กำเนิดและเลี้ยงดูลูก และภายใต้การขัดขวางของท่านพ่อ นางไม่มีทางได้เป็นเมียหลวง ต้องทนเป็นเมียน้อยต่อไป!

นางอดทนมามากขนาดนี้ ยังไม่พออีกหรือ

เหตุใดเวลาท่านพ่อได้สติ ถึงทำร้ายนางตามอำเภอใจ แม้แต่ซู่อี…ยังไม่เข้าใจถึงความยากลำบากของชิงเยียน ดึงดันจะให้เขาไล่นางไปให้ได้!

ชิงเยียนเสียสละเพื่อเขามามากมาย รักเขาถึงขนาดไม่เสียดายชีวิตตัวเอง! เขาไม่มีทางปฏิบัติกับนางอย่างไร้หัวใจได้!

หากเขาทำแบบนั้นจริง เขาก็ไม่ใช่คน!

“ช่างเถอะ” มู่หลิงยิ้มขื่นๆ “ข้าควรกลับแล้ว เจ้ารีบไปสืบเรื่องผู้หญิงคนนั้นซะ แล้วกลับมารายงานข้า”

“ขอรับ ประมุขน้อย”

หันอิงขานรับ แล้วหายตัวไปจากที่นั่น

มู่หลิงมองดูทิศที่ซู่อีจากไป เวลาผ่านไปสักครู่ เขาจึงละสายตา กลับหลังหันแล้วเดินจากไปอีกทาง

แคว้นหลิวอวิ๋น

ในท้องพระโรง

บรรยากาศสงบเงียบ

เงียบเสียจนไม่ได้ยินเสียงใดๆ

ทุกคนต่างมองดูผู้หญิงที่นั่งอยู่เคียงข้างเฟิงเทียนอวี้ด้วยความตะลึง แววตาแสดงออกถึงความตกใจและงุนงง

หญิงในชุดเต็มยศ งดงามเหนือผู้ใด ดูเหมือนเมื่อสิบกว่าปีก่อน ช่างน่าเกรงขาม เป็นใหญ่เหนือผู้คน

“ขุนนางทั้งหลาย การว่าราชกิจเช้านี้ ข้าขอประกาศให้ทุกคนรู้ว่า ฮองเฮาของข้า…กลับมาแล้ว!”

เสียงของเขาเปรียบเหมือนไม้กระบอง ตีลงไปบนหัวของคนทั้งหลายอย่างไม่มีใครได้ทันตั้งตัว

ขุนนางทั้งหลายตัวสั่น แววตาดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

ฮองเฮา…น่าหลานฮองเฮาสิ้นพระชนม์ไปแล้วมิใช่หรือ นางฟื้นกลับมาได้อย่างไร

แต่ถึงกระนั้นการกลับมาของน่าหลานฮองเฮา ก็ทำให้บรรดาขุนนางรู้สึกดีใจอย่างยิ่ง

เพราะนาง…คือฮองเฮาของพวกเขา!

ขอเพียงมีนางอยู่ ก็จะไม่มีใครกล้ารุกรานแคว้นหลิวอวิ๋นอีก!

สมัยก่อน เหล่าขุนนางจำนวนมากต่างไม่พอใจที่เฟิงเทียนอวี้เอาอกเอาใจน่าหลานเยียนเพียงคนเดียว พวกเขาคิดว่าการที่เฟิงเทียนอวี้เป็นกษัตริย์ ก็ควรให้ความรักอย่างเท่าเทียม

……………………..

ตอนที่ 540 ฮ่องเต้ที่หนีออกจากวังไป (4)

แต่ฝ่าบาทกลับไม่ฟัง รักและเอ็นดูน่าหลานเยียนเพียงคนเดียวเท่านั้น

จากนั้นมาผู้คนมากมายต่างมีอคติกับน่าหลานเยียนเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะขุนนางที่ดึงดันส่งลูกสาวตัวเองเข้าวังให้ได้ เมื่อเห็นลูกสาวมาอยู่ในวังอย่างโดดเดี่ยว พวกเขาต่างไม่คิดโทษเฟิงเทียนอวี้ ได้แต่คิดว่าเป็นเพราะน่าหลานเยียนยั่วยวนฝ่าบาทให้หลงใหล จึงทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น

จนกระทั่งน่าหลานเยียนตายไป…

ผู้คนทั้งหลายจึงกระจ่างทันทีว่า ฮองเฮามีความสำคัญกับแคว้นหลิวอวิ๋นมากแค่ไหน!

เมื่อมีนางอยู่แคว้นหลิวอวิ๋นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีศัตรูมารุกราน

“ถวายพระพรฮองเฮา!”

เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าลงกับพื้น เสียงถวายพระพรแซ่ซ้อง แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจ

น่าหลานเยียนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ข้าได้ยินว่าช่วงก่อนหน้านี้ แคว้นหลิวอวิ๋นมีภัย เหล่าขุนนางใหญ่จำนวนมากมาเข้าร่วมแก้ไขสถานการณ์ เรื่องนี้ทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนัก แต่ดูเหมือนขุนนางหลายคนไม่ได้อยู่ที่นี่ พวกเขาไปไหน สละชีพไปในเหตุการณ์ครั้งนั้นหรือไม่”

น่าหลานฉางเฉียนยิ้มแสยะ แล้วเดินมาข้างหน้าอย่างช้าๆ “ทูลฮองเฮา เหล่าขุนนางบุ๋นที่กลัวตายพวกนั้น ก่อนหน้านี้ไม่นานบีบบังคับให้ฝ่าบาทลงโทษองค์หญิง จึงถูกเนรเทศไปยังชายแดน เมื่อชายแดนเกิดวิกฤต คนพวกนั้นกลับฉวยโอกาสหนีไป พวกที่ไม่ได้หนีก็ถูกฆ่าตายระหว่างหาทางเอาชีวิตรอด”

เฟิงเทียนอวี้ขมวดคิ้ว หากไม่เป็นเพราะเยียนเอ๋อร์ถามขึ้นมา เขาก็คงลืมคนที่ถูกเนรเทศเหล่านั้นไปเสียแล้ว

ดูท่าการที่เขาเนรเทศคนพวกนั้นถือเป็นการตัดสินใจที่ไม่ผิด หากเก็บพวกเขาไว้ในราชสำนัก คงจะกลายเป็นพวกขายชาติเช่นเดียวกับหลิวอวิ๋นเซียว!

“อ้อ ถูกต้องแล้วที่เนรเทศไป ลูกสาวของข้า จะให้ใครมาแตะต้องได้อย่างไรกัน” น่าหลานเยียนหัวเราะหึ “อีกอย่าง ก่อนข้าจะมาที่ท้องพระโรง ชิงเอ๋อร์ให้เหล้าวิเศษกับข้าจำนวนหนึ่ง เพื่อใช้เป็นรางวัลแก่เหล่าขุนนางที่มีความดีความชอบ จริงสิ มีใครบ้างที่ไม่ได้ร่วมต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมือง”

เหล่าขุนนางต่างมองหน้ากัน จากนั้น…

ดูเหมือนขุนนางทั้งหลายจะตกลงกันไว้ พวกเขาขยับตัวไปด้านข้างท้องพระโรงสองก้าว

กลางท้องพระโรง เหลือเพียงเสนาบดีหลิ่วยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยว

“ดูท่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รักตัวกลัวตาย” น่าหลานเยียนยิ้มน้อยๆ “แต่แคว้นหลิวอวิ๋นเราก็ใช่ว่าจะเลือดเย็น คนรักตัวกลัวตายไม่ผิดอะไร ข้าคงไม่ถือโทษเจ้าเพราะเรื่องนี้ เพียงแต่ว่า…เทียนอวี้ คนๆ นี้ต่อไปท่านอย่าเอามาใช้งานอีกเลย หากเกิดเหตุการณ์คับขันแล้วเขาหนีไป จะพลอยสร้างความเดือดร้อนให้ท่านด้วย”

เฟิงเทียนอวี้มองดูเสนาบดีหลิ่วด้วยท่าทีสงบ

อันที่จริง สมัยก่อนเสนาบดีหลิ่วก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพียงแต่ว่าในตอนนั้น เขายังไม่ได้เป็นเสนาบดีเท่านั้นเอง

บัดนี้…อาจเป็นเพราะเสพสุขจนเคยตัว ทั้งนั่งอยู่ในตำแหน่งสูง เวลานานไปย่อมกลายเป็นผู้รักตัวกลัวตาย อ่อนแอไร้ความสามารถ

เสนาบดีหลิ่วทำตัวไม่ถูก

ในความคิดของเขา คนทุกคนล้วนต้องรักตัวกลัวตาย ทำไมบัดนี้จึงมีเพียงเขาคนเดียว…แม้แต่เพื่อนสักคนก็ไม่มี

“ข้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเจ้า แต่บัญชีแค้นส่วนตัว ข้าคงต้องสะสาง” จู่ๆ ท่าทางของน่าหลานเยียนก็ดูดุดันขึ้นมา “เสนาบดีหลิ่วอยู่ไหน”

เสนาบดีหลิ่ว “…”

เขาทั้งสองของเขาสั่นเทา เขากลัวน่าหลานเยียนจนแทบร้องไห้

น่าหลานเยียนเห็นคนที่อยู่ด้านล่างคนนั้นไม่ตอบสนองใดๆ นางจึงขมวดคิ้ว “เสนาบดีหลิ่ว ข้าเรียกเจ้าออกมา เจ้าไม่ได้ยินหรืออย่างไร”

เสนาบดีหลิ่วปากสั่น เมื่อเขาเปิดปากพูดไปว่า “ฮองเฮาพ่ะย่ะ…”

“หุบปากเดี๋ยวนี้” น่าหลานเยียนแผดเสียง “ข้าเรียกเสนาบดีหลิ่ว เจ้ามันพวกอ่อนแอไร้ความสามารถ ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น!”

เสนาบดีหลิ่ว “…”

“เหอะๆ” เฟิงเทียนอวี้ไอแห้งๆ พูดอย่างเก้อเขินว่า “เยียนเอ๋อร์ เขานั่นแหละคือเสนาบดีหลิ่ว”

………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด