กระบี่จงมาบทที่ 844.2 ร่วมกันโค่นเปลี่ยวร้าง

Now you are reading กระบี่จงมา Chapter บทที่ 844.2 ร่วมกันโค่นเปลี่ยวร้าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การ​ออก​กระบี่​ครั้งสุดท้าย​ เรือน​กาย​เปล่ง​วูบ​ พุ่งตรง​ไปหา​ซิน​จวง​ ซิน​จวง​เพิ่งจะ​ร่าย​ค่าย​กล​อีกครั้ง​ โซ่วเฉิน​ก็​ถอนหายใจ​หนึ่ง​ที​ เตือน​ไม่ทัน​แล้ว​ อา​เหลียง​หวน​กลับมา​ที่​เดิม​ หนึ่ง​กระบี่​ฟัน​ลง​ไป​โดยตรง​ จิตวิญญาณ​ของ​ซิน​จวง​สั่นสะท้าน​ ไม่เหลือ​เรี่ยวแรง​ให้​เอาคืน​แม้แต่น้อย​ ได้​แต่​นำ​ชุด​คลุม​อาคม​ชิ้น​หนึ่ง​ที่อยู่​บน​ร่าง​มาช่วย​สลับ​ร่าง​ตาย​แทน​นาง​ ชุด​คลุม​อาคม​พลัน​ขยาย​ใหญ่​ดุจ​ทะเล​เมฆ สุดท้าย​แตก​กระจาย​เหมือน​บุปผา​โปรยปราย​ แต่กลับ​มองไม่เห็น​ซิน​จวง​

อา​เหลียง​สีหน้า​ไร้อารมณ์​ บิด​หมุน​ข้อมือ​หัน​กระบี่​ยาว​เล่ม​หนึ่ง​ที่​กำลังจะ​ปริ​แตก​กลับด้าน​ ปลาย​กระบี่​ชี้ไป​ที่​ความว่างเปล่า​บน​พื้นดิน​แล้ว​ทิ่ม​ลง​ไป​ง่ายๆ​ กระบี่​ยาว​ก็​เหมือน​เซียน​เห​ริน​ที่​เดิน​ย่ำ​ลง​บน​ความว่างเปล่า​ หายวับ​ไป​มองไม่เห็น​อีก​

นาที​ถัดมา​กระบี่​ยาว​ก็​พุ่ง​ออก​มาจาก​หัวใจ​ด้านหลัง​ของ​ซิน​จวง​ กระบี่​ทั้ง​เล่ม​แทง​ทะลุ​ร่าง​ ยก​ร่าง​ของ​นาง​ให้​ลอย​ขึ้น​ใน​แนว​เฉียง​ ขณะเดียวกัน​กระบี่​ยาว​ก็​ปริ​แตก​พอดี​ ใน​ฟ้าดิน​เล็ก​ร่างกาย​มนุษย์​ของ​ซิน​จวง​จึงเหมือน​มีฝน​กระบี่​บิน​ตก​กระหน่ำ​ลงมา​

เข่นฆ่า​กับ​ผู้ฝึก​กระบี่​ก็​เป็น​เช่นนี้​เอง​ ไม่เคย​อืดอาด​ชักช้า​ ส่วนใหญ่​มักจะ​แบ่ง​แพ้ชนะ​พร้อม​ตัดสิน​เป็น​ตาย​ได้​ใน​เวลา​เพียง​ชั่วพริบตา​

อา​เหลียง​คบค้าสมาคม​กับ​ผู้ฝึก​ตน​ใหญ่​บน​ยอดเขา​มานับไม่ถ้วน​ เคย​เจอ​กับ​วิชา​อภินิหาร​มาสารพัด​รูปแบบ​ หลังจากที่​ใช้หนึ่ง​กระบี่​ทำร้าย​รากฐาน​มหา​มรรคา​ของ​ซิน​จวง​แล้ว​ แทบจะ​เวลา​เดียวกัน​นั้น​เขา​พลัน​กระเทือน​กระบี่​ยาว​เล่ม​ที่สอง​ที่อยู่​ใน​มือ​ให้​แตก​ เศษกระบี่​เหลือ​คณานับ​พุ่ง​กระจาย​ ปราณ​กระบี่​ท่วม​ทะยาน​ฟ้า มารวมตัวกัน​อยู่​ตรง​ซิน​จวง​ เท่ากับ​ว่า​ได้​สร้าง​ค่าย​กล​กระบี่​แห่ง​หนึ่ง​ขึ้น​มาชั่วคราว​ กัก​ฟ้าดิน​สี่ทิศ​ของ​ซิน​จวง​เอาไว้​ พวก​เจ้าใคร​มีปัญญา​จะย้อน​ทวน​กระแสน้ำ​แห่ง​กาลเวลา​ก็​เชิญตามสบาย​ ถึงอย่างไร​ก็​ไม่อาจ​ทำให้​ซิน​จวง​เดิน​ทวน​กระแสน้ำ​ไป​ได้​อีกแล้ว​

โชคดี​ที่​มีบรรพบุรุษ​ชูเซิงใช้ฝ่ามือ​ดัน​ไม้เท้า​ ใน​ใจท่อง​คาถา​ ไม่รู้​ว่า​ร่าย​วิชา​อะไร​ ถึงกับ​ปกป้อง​ชีวิต​ของ​ซิน​จวง​ไว้​ได้​ แล้ว​ยัง​ทำให้​ซิน​จวง​สามารถ​ประคับประคอง​ขอบเขต​เซียน​เห​ริน​ไว้​ได้​ชั่วคราว​ด้วย​ ขณะเดียวกัน​ยัง​สลาย​เศษซาก​ปราณ​กระบี่​ที่​เหลืออยู่​ของ​อา​เหลียง​ทิ้ง​ไป​ อาศัย​โอกาส​นี้​ซ่อมแซม​ภาพ​ค่าย​กล​ปลา​หยิน​หยาง​ที่​เดิมที​ไม่อาจ​กลับมา​รวมตัวกัน​ได้​อีก​

อา​เหลียง​คาดการณ์​ถึงข้อ​นี้​ได้​นาน​แล้ว​ และ​เขา​เอง​ก็​เคยชิน​มานาน​แล้ว​ หนึ่ง​คน​ซ้อม​คน​หนึ่ง​กลุ่ม​ แค่​เสียเปรียบ​เล็กน้อย​จะเป็นไรไป​

สอง​มือ​กด​ด้าม​กระบี่​สอง​เล่ม​ที่​ห้อย​ไว้​ตรง​เอว​ ร่าง​ของ​อา​เหลียง​หาย​ไป​จาก​จุด​เดิม​อีกครั้ง​

หลิว​ป๋า​ยม​อง​ดู​ด้วย​ความ​อก​สั่น​ขวัญ​ผวา​ นี่​ก็​คือ​อา​เหลียง​ที่​ปล่อย​ฝีมือ​เข่นฆ่า​กับ​คนอื่น​อย่าง​จริงจัง​อย่างนั้น​หรือ​?

ม่าน​ฟ้าจุด​หนึ่ง​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ น้ำวน​ถาโถม ลมกระโชก​เมฆโหม​ซัด​ สุดท้าย​มีกลิ่นอาย​มหา​มรรคา​ขุม​หนึ่ง​ที่​ทำให้​คน​หายใจ​ลำบาก​ค่อยๆ​ เยื้องกราย​ลงมา​เยือน​โลก​มนุษย์​

ไม่เห็น​ร่องรอย​ของ​กระบี่​บิน​ แต่​กลับเป็น​กระบี่​บิน​แห่ง​ชะตาชีวิต​เล่ม​หนึ่ง​อย่าง​ไม่ต้องสงสัย​

และ​ทาง​ทิศเหนือ​ของ​ใต้​หล้า​เปลี่ยว​ร้าง​ก็​มีแสงกระบี่​เส้น​หนึ่ง​ที่​พุ่ง​ลง​ใต้​มาด้วย​ความเร็ว​อัน​น่า​เหลือเชื่อ​

อา​เหลียง​จั่ว​โย่ว​ หนึ่ง​ตั้ง​หนึ่ง​นอน​ วิถี​กระบี่​และ​เวท​กระบี่​ ร่วมกัน​ผ่า​โค่น​เปลี่ยว​ร้าง​

……

ศาล​เทพ​อัคคี​ของ​เมืองหลวง​ ปรมาจารย์​เฒ่าอวี๋หง​ไม่มอง​หญิงสาว​ผู้​นั้น​อีก​ ผู้เฒ่า​ฝืน​กลืนเลือด​สด​อึก​หนึ่ง​ลงคอ​ ผู้เฒ่า​ที่​ในที่สุด​ก็​ช่วงชิง​อันดับ​สามด้าน​วร​ยุทธ​มาครอง​ได้​อย่าง​มั่นคง​ก้าว​ยาว​ๆ ออก​ไป​จาก​ลาน​ประกอบ​พิธีกรรม​เปลือกหอย​ เรือน​กาย​ที่​เดิมที​เล็ก​จ้อย​ค่อยๆ​ ขยาย​ใหญ่​ กลับคืน​มามีความสูง​เป็นปกติ​ใน​สายตา​ของ​ผู้คน​อีกครั้ง​ สุดท้าย​ผู้เฒ่า​หยุด​ยืน​นิ่ง​ กุม​หมัด​คารวะ​ไป​ยัง​สี่ทิศ​อย่าง​มีมารยาท​อีก​ครา​ ก่อให้เกิด​เสียง​ไชโย​โห่ร้อง​ดัง​กระหึ่ม​

ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ของ​กรม​อาญา​ต้า​หลี​ท่าน​นี้​ ต่อให้​ไม่ได้​อาศัย​วร​ยุทธ​ระดับ​ยอดเขา​สูงสุด​ที่​ทำให้​เขา​มีชื่อเสียง​เลื่องลือ​ไป​ทั้ง​เมืองหลวง​ อาศัย​แค่​สถานะ​ผู้​ถวายงาน​นี้​ก็​ยัง​เดินกร่าง​ไป​ทั่ว​ทวีป​ได้​อยู่ดี​ ผ่านศึก​ครั้งนี้​ไป​ บารมี​ชื่อเสียง​ของ​อวี๋หงบน​ภูเขา​และ​ใน​ยุทธ​ภพ​ก็​จะยิ่ง​พัฒนา​รุดหน้า​ไป​อีก​ขั้น​

ท่ามกลาง​กลุ่มคน​ มีคน​กุม​หมัด​ บ้าง​ก็​ประสานมือ​คารวะ​ตอบ​กลับคืน​อวี๋​หง​อยู่​เงียบๆ​

พวกเขา​ต่าง​ก็​เป็น​ชาวบ้าน​ลี้ภัย​ของ​ราชวงศ์​จูอิ๋ง​เก่า​ ภายหลัง​บ้าง​ก็​มาเป็น​ขุนนาง​อยู่​ใน​ราชสำนัก​ต้า​หลี​ บ้าง​ก็​หาเลี้ยงชีพ​อยู่​ใน​เมืองหลวง​แห่ง​นี้​ สภาพการณ์​ไม่ต่าง​จาก​จิ้น​ชิงซาน​จวิน​แห่ง​ขุนเขา​กลาง​เท่าใด​นัก​

วันนี้​พวกเขา​มาที่นี่​ แน่นอน​ว่า​ต้อง​มีความรู้สึก​ที่​ซับซ้อน​ยิ่งกว่า​ผู้ชม​ทั่วๆ ไป​ ใน​ฐานะ​ราชวงศ์​ที่​กองกำลัง​แคว้น​แข็งแกร่ง​ที่สุด​ใน​ภาค​กลาง​ของ​แจกัน​สมบัติ​ทวีป​ใน​อดีต​ ไม่อาจ​เทียบ​กับ​แคว้น​ใต้​อาณัติ​ต้า​หลี​มากมาย​ที่​ดินแดน​คล้าย​ถูก​ผ่า​เป็น​ก้อน​เต้าหู้​เล็ก​ใหญ่​ ดังนั้น​ราษฎร​ของ​จูอิ๋ง​จึงเป็น​เพียง​แคว้น​เดียว​ที่​ถูก​กำหนด​มาแล้ว​ว่า​ไม่มีหวัง​จะกอบกู้​แคว้น​อีกแล้ว​

ส่วน​การกระทำ​นี้​จะเป็นการ​ละเมิด​กฎ​หรือไม่​ คน​เหล่านี้​กลับ​ไม่สนใจ​ ความใจกว้าง​น้อย​นิด​แค่นี้​ ราชสำนัก​ต้า​หลี​ยัง​พอ​มีอยู่​บ้าง​ และ​สิ่งที่​ค้ำจุน​จิตใจ​ที่​กว้างขวาง​ส่วน​นี้​เอาไว้​ สืบสาวราวเรื่อง​กัน​แล้ว​ แน่นอน​ว่า​ก็​ต้อง​เป็น​เพราะ​กองกำลัง​แคว้น​ ปี​นั้น​กองทัพ​ม้าเหล็ก​ต้า​หลี​กรีฑา​ทัพ​จาก​เหนือ​ลง​ใต้​ บุก​ไป​ที่ใด​ที่นั่น​ก็​ราบเป็นหน้ากลอง​ กีบ​เท้า​ม้าดังก้อง​สะท้อน​ไป​ทั่ว​ชายหาด​ทะเล​ทักษิณ​ ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​แต่ละ​แคว้น​ล้วน​กลาย​ไป​เป็น​มาตุภูมิ​ใน​อดีต​ ทำให้​คน​หนาวเหน็บ​ใน​หัวใจ​ หวาดหวั่น​ยำเกรง​อย่าง​ล้ำลึก​ สุดท้าย​ราชวงศ์​ต้า​หลี​กลับ​สามารถ​ปกป้อง​ขุนเขา​สายน้ำ​ของ​หนึ่ง​ทวีป​ไม่ให้​ถึงขั้น​ต้อง​แผ่นดิน​แตกแยก​จมสู่มหาสมุทร​ได้​ จึงช่วงชิง​ความ​เคารพนับถือ​มาจาก​ผู้คน​ได้​อีกครั้ง​

โจว​ไห่​จิ้งที่​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​ยอดเขา​เหมือนกัน​ ตอนนี้​ยัง​ไม่มีฐานะ​ขุนนาง​เช่น​เขา​ ก่อนหน้านี้​นาง​เคย​พูดเล่น​กับ​เซียน​กระบี่​ไผ่​เขียว​ว่า​ ให้​ซูหลา​งช่วย​แนะนำ​นาง​กับ​สอง​กรม​อย่าง​กรม​พิธีการ​และ​กรม​อาญา​หน่อย​ ช่วย​สาน​สะพาน​ความสัมพันธ์​ พูดจา​ดี​ๆ ถึงนาง​ต่อหน้า​ขุนนาง​คนสำคัญ​ใจกลาง​ราชสำนัก​ต้า​หลี​อย่าง​ต่ง​หู​และ​จ้าว​เหยา​

แต่​ซูหลา​งกลับ​รู้ดี​ว่า​นี่​เป็น​แค่​ลักษณะ​การ​พูดจา​ด้วย​ความเคยชิน​ของ​โจว​ไห่​จิ้งเท่านั้น​ ไม่อาจ​คิด​เป็นจริงเป็นจัง​ได้​ หลังจาก​การ​ถามหมัด​ครั้งนี้​ผ่าน​ไป​ โจว​ไห่​จิ้งก​็แค่​เป็นรอง​เล็กน้อย​ ถ้าอย่างนั้น​สถานะ​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​หนึ่ง​ก็​ต้อง​กลายเป็น​ของ​ใน​กระเป๋า​ของ​นาง​แน่นอน​ ไม่แน่​ว่า​ไม่ต้อง​รอ​ให้​โจว​ไห่​จิ้งกลับ​ไป​ถึงที่พัก​ใน​เมืองหลวง​ กอง​อู่​เสวี่ยน​ (หนึ่ง​ใน​กอง​งาน​ของ​กรม​กลาโหม​ หน้าที่​หลัก​คือ​รับผิดชอบ​ใน​การประเมิน​ คัดเลือก​ จัดการ​สอบ​ของ​ฝ่ายบู๊​ และ​ดูแล​รายชื่อ​ของ​กองทัพ​ ออกคำสั่ง​ทางการทหาร​เช่น​การ​ระดมกำลัง​เพื่อ​ส่งไป​ปฏิบัติงาน​) ของ​กรม​กลาโหม​หรือไม่​ก็​กอง​ชิงสื่อ​ฝ่าย​บวงสรวง​ (หนึ่งในสี่​กอง​ของ​กรม​พิธีการ​ หลัก​ๆ คือ​ดูแล​เรื่อง​การ​เซ่นไหว้​ การบวงสรวง​ทำพิธี​) ของ​กรม​พิธีการ​ก็​อาจจะ​มีขุนนาง​เป็น​ฝ่าย​มาหา​โจว​ไห่​จิ้งด้วยตัวเอง​

พอ​คิดถึง​สถานที่​ที่​โจว​ไห่​จิ้งเลือก​เป็น​ที่พัก​ ว่า​กัน​ว่า​พอ​นาง​มาถึงเมืองหลวง​ก็​เดิน​ไป​เรื่อยๆ​ ปล่อย​ให้​โชควาสนา​นำพา​จน​ไป​เลือก​พื้นที่​ฮวงจุ้ย​มงคล​แห่ง​นี้​มาได้​ ซูหลา​งก็​รู้สึก​อ่อนใจ​เป็น​ทบ​ทวี​ นั่น​ก็​เพราะ​มัน​โกโรโกโส​มากเกินไป​ ซูหลา​งมิอาจ​จินตนาการ​ได้​เลย​ว่า​ ที่แท้​เมืองหลวง​ต้า​หลี​ก็​มีสถานที่​ที่​ขี้​ไก่​ขี้หมา​กอง​เกลื่อน​เต็ม​พื้น​ ถึงขั้น​ที่ว่า​ข้างทาง​ยัง​เป็น​เล้า​หมู​แบบนี้​อยู่​ด้วย​ ก่อนหน้านี้​ไปหา​โจว​ไห่​จิ่ง ซูหลา​งเพิ่งจะ​เคย​เดิน​ผ่านหน้า​ประตู​ซ่อง​นางโลม​เป็นครั้งแรก​ใน​ชีวิต​ด้วยซ้ำ​ สรุป​ก็​คือ​เป็น​ตรอก​เล็ก​แคบ​ที่​มืด​สลัว​ สอง​ข้างทาง​ล้วน​มีแต่​ซ่อง​ จะหลบเลี่ยง​อย่างไร​ก็​หลบ​ไม่พ้น​ ตอนนั้น​พอ​เขา​ได้​พบ​หน้า​โจว​ไห่​จิ้ง นาง​ก็​หัวเราะ​ดังลั่น​ ประโยค​แรก​ที่​พูด​ก็​คือ​ต้อง​ชดใช้​รองเท้า​ให้​เซียน​กระบี่​ไผ่​เขียว​หนึ่ง​คู่​เสียแล้ว​

เวลานี้​ซูหลา​งถามเสียง​เบา​ “แม่นาง​โจว​ เจ้ายัง​สบายดี​อยู่​ใช่ไหม​?”

“ไม่ค่อย​ดี​ เจ้าเฒ่าลงมือ​หนักหน่วง​ยิ่งนัก​”

โจว​ไห่​จิ้งเอื้อมมือ​ไป​ยัง​หัวใจ​ด้านหลัง​ นวด​คลึง​บาดแผล​ที่​ถูก​ศอก​ขอ​งอ​วี๋หง​ถอง​แล้ว​พูด​บ่น​ไม่หยุด​ “ไม่รู้จัก​รัก​หยก​ถนอม​บุปผา​เลย​แม้แต่น้อย​”

การ​ถามหมัด​ครั้งนี้​ทำให้​ใบ​หน้าที่​ประทิน​โฉมมาอย่าง​ประณีต​ของ​นาง​เป็น​ด่าง​เป็น​ดวง​ลายพร้อย​ ส่วน​พวก​เครื่องประดับ​ที่​ตอนแรก​กอง​กัน​เป็น​ภูเขา​ก็​ล้วน​ถูก​พายุ​หมัด​ของ​อวี๋หง​ต่อย​จน​หล่น​ร่วง​กระจัดกระจาย​ไป​หมด​ น่าเสียดาย​นัก​ ล้วน​เป็น​เงิน​ทั้งนั้น​ หาก​เก็บ​ไว้​ได้​สัก​สี่ห้า​ชิ้น​ก็​ถือว่า​ได้​กำไร​ก้อน​เล็ก​ๆ มาก้อน​หนึ่ง​แล้ว​

นาง​เอ่ย​อย่าง​มีโทสะ​ “คราว​หน้าที่​ถามหมัด​กัน​จะต้อง​กอบกู้​ศักดิ์ศรี​กลับคืน​มาให้ได้​ ไม่มีคน​มาชมศึก​มากมาย​ขนาด​นี้​แล้ว​ คอย​ดูเถอะ​เหล่า​เหนียง​จะตรง​ไป​ที่​ด้านล่าง​ ถึงเวลา​นั้น​จะเลี้ยง​ข้าวผัด​ไข่​ให้​เจ้ากิน​”

ซูหลา​งบื้อ​ใบ้​พูดไม่ออก​ ปรมาจารย์​ใหญ่​หญิง​ที่​อายุ​ใกล้เคียง​กัน​แต่​ขอบเขต​กลับ​สูงกว่า​เขา​หนึ่ง​ขั้น​คน​นี้​ ไม่เจอกัน​นาน​หลาย​ปี​ คำพูดคำจา​ยังคง​…ชวน​ขบขัน​อยู่​เหมือนเดิม​

โจว​ไห่​จิ้งมุด​เข้าไป​ใน​ห้อง​โดยสาร​รถม้า​ ควัก​ผ้าเช็ดหน้า​ออกมา​ ถล่ม​เลือด​ที่​คั่ง​อยู่​ออกจาก​ปากคำ​ใหญ่​ เก็บ​ใส่ไว้​ใน​ชาย​แขน​เสื้อ​ นาง​ไม่สนใจ​อาการ​บาดเจ็บ​น้อย​นิด​พวก​นี้​เลย​ ใช้นิ้ว​แตะ​น้ำลาย​นับ​ตั๋วเงิน​ที่​ได้มา​ ล้วน​เป็น​เงิน​ชนะ​พนัน​ที่​นาง​ลง​เดิมพัน​ไว้​กับ​บ่อน​ใหญ่​หลาย​แห่ง​ของ​เมืองหลวง​ก่อนหน้านี้​

บน​หลังคาเรือน​ เฉิน​ผิง​อัน​ถามว่า​ “ข้า​จะไป​พบ​สหาย​เก่า​สักหน่อย​ อยาก​ไป​ด้วยกัน​ไหม​?”

หนิง​เหยา​เหลือบตา​มอง​ไป​ยัง​รถม้า​คัน​ที่​จอด​อยู่​ตรง​ตรอก​ที่​ห่าง​ไป​ไกล​ “สารถี​คน​นั้น​?”

เฉิน​ผิง​อัน​พยักหน้า​ อธิบาย​ว่า​ “ชื่อว่า​ซูหลา​ง มีฉายา​ว่า​ ‘เซียน​กระบี่​ไผ่​เขียว​’ เป็น​คนใน​ยุทธ​ภพ​ของ​แคว้น​ซงซี ถือว่า​เป็น​เพื่อนบ้าน​ครึ่งตัว​ของ​ผู้อาวุโส​ซ่ง”

ใน​เมื่อ​ทุกวันนี้​ซูหลา​งมีตำแหน่ง​ขุนนาง​ติด​กาย​แล้ว​ ทั้ง​ยัง​เลื่อน​เป็น​ขอบเขต​เดินทางไกล​ ต่อให้​สุดท้าย​จะไม่อาจ​เลื่อน​สู่ขอบเขต​ยอดเขา​ได้​ แต่​ขอ​แค่​ซูหลา​งไม่เจอ​กับ​หายนะ​ใหญ่​ อย่าง​น้อยที่สุด​ก็​ยังมี​อายุขัย​อยู่​ได้​อีก​ร้อย​กว่า​ปี​ ดังนั้น​ในอนาคต​จะต้อง​คบค้าสมาคม​กับ​สอง​สามีภรรยา​ซ่งเฟิ่งซาน​และ​หลิ่ว​เชี่ยน​ของ​ศาล​เทพ​ภูเขา​อีก​นาน​แน่นอน​

ปี​นั้น​ตอนที่​ซูหลา​งเพิ่ง​เลื่อน​เป็น​ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​เจ็ด​ก็​ตรง​กับ​ช่วงเวลา​ที่​ซ่งอวี่​เซาล้างมือ​อำลา​วงการ​ ถอย​ออกจาก​ยุทธ​ภพ​พอดี​ ซูหลา​งที่​เป็น​ผู้เยาว์​คน​หนึ่ง​ อันที่จริง​เขา​มีชื่อเสียง​โด่งดัง​มาก​พอแล้ว​ แต่กระนั้น​ก็​ยัง​บีบบังคับ​คนอื่น​ เฉิน​ผิง​อัน​จึงต่อย​ซูหลา​งไป​หนึ่ง​หมัด​ ต่อย​ให้​อีก​ฝ่าย​ล่าถอย​ไป​จาก​เมือง​เล็ก​ แต่​ภายหลัง​ก็​ยัง​ร่วมมือ​กับ​ซูหลา​งที่​เป็น​ฝ่าย​มาเยือน​ถึงบ้าน​ แสดงละคร​กับ​เขา​ไป​หนึ่ง​ฉาก​ ให้​อีก​ฝ่าย​ได้​มีบันได​ลง​ มอบ​ชื่อเสียง​ใน​ยุทธ​ภพ​ที่ว่า​ ‘เวท​กระบี่​ล่าง​ภูเขา​ไม่แพ้​ให้​กับ​เซียน​กระบี่​บน​ภูเขา​’ แก่​ซูหลา​งไป​เปล่าๆ​

กฎ​เกณ์​ใน​ยุทธ​ภพ​และ​ความสัมพันธ์​ระหว่าง​ผู้คน​ของ​คน​รุ่นเก่า​ เกิน​ครึ่ง​มักจะ​เป็น​เช่นนี้​

อยู่​ใน​ยุทธ​ภพ​เหมือนกัน​ ขอ​แค่​ไม่ใช่ศัตรู​คู่อาฆาต​ บน​โต๊ะ​สุรา​ก็​พูดจา​น่าฟัง​สัก​สอง​สามคำ​ เจอกัน​บน​ทางแคบ​ก็​ยอม​ถอย​หนึ่ง​ก้าว​ให้​คนอื่น​ได้​เดิน​ต่อ​ ทำให้​สะพาน​ไม้คับแคบ​กลายเป็น​ถนนใหญ่​กว้างขวาง​

หนิง​เหยา​มอง​เฉิน​ผิง​อัน​

เฉิน​ผิง​อัน​รู้ใจ​ทันใด​ ส่าย​หน้ายิ้ม​เอ่ย​ “ข้า​หรือ​จะมีถ้อยคำ​ประหลาด​มากมาย​เช่นนั้น​ ก็​แค่​ไป​รำลึก​ความหลัง​ปกติ​กับ​ซูหลา​งเท่านั้น​”

ก็​เหมือน​การท่อง​ยุทธ​ภพ​ที่​ยาม​ออกจาก​บ้าน​อย่า​โอ้อวด​ความร่ำรวย​ ใน​สถานการณ์​ทั่วไป​ เฉิน​ผิง​อัน​ก็​ไม่มีทาง​เปิด​กระบุง​เปิดเผย​ ‘ทรัพย์สิน​’ ของ​ตัวเอง​ออกมา​ง่ายๆ​ หาก​พูด​ให้​ฟังง่าย​หน่อย​ก็​คือ​ ตี​คน​ไม่ตีหน้า​

หนิง​เหยา​เอ่ย​ “ถ้าอย่างนั้น​ข้า​ก็​ไม่ไป​แล้ว​”

เฉิน​ผิง​อัน​ยิ้ม​กล่าว​ “ระหว่างทาง​กลับ​ข้า​จะซื้อ​ของกิน​ของ​เมืองหลวง​สอง​สามอย่าง​มาฝาก​เจ้า”

หนิง​เหยา​พยักหน้า​ ร่าง​เปล่ง​วูบ​หาย​ไป​เหลือ​เพียง​ความว่างเปล่า​ เงียบเชียบ​ไร้​สรรพ​สำเนียง​

อันที่จริง​นาง​รู้​ว่า​เฉิน​ผิง​อัน​ยังคง​พะวง​อยู่​กับ​การต่อสู้​นั้น​ก็​เลย​อยาก​จะหาเรื่อง​อะไร​ทำ​สักหน่อย​ แบ่ง​สมาธิก็​คือ​การผ่อนคลาย​จิตใจ​อย่างหนึ่ง​

ดังนั้น​นาง​จึงให้​เขา​ไป​พบ​สหาย​ใน​ยุทธ​ภพ​เพียงลำพัง​

ท่ามกลาง​สายตา​ที่จับ​จ้องมอง​มาของ​พวก​นักการ​ใน​ที่ว่าการ​แห่ง​ต่างๆ​ ทุกคน​พา​กัน​ออก​ไป​จาก​สถานที่​อย่าง​เป็นระเบียบ​ ใน​ตรอก​ที่​เงียบสงัด​แห่ง​หนึ่ง​ รถม้า​ค่อยๆ​ ชะลอ​หยุด​ลง​ ซูหลา​งขมวดคิ้ว​น้อย​ๆ เบื้องหน้า​มีภิกษุ​หนึ่ง​รูป​และ​นักพรต​เต๋า​หนึ่ง​คน​มาขวางทาง​ไป​ นักพรต​อายุ​น้อย​กับ​ภิกษุ​เด็กหนุ่ม​ล้วน​เป็น​คนแปลกหน้า​

นักพรต​หนุ่ม​บอกชื่อ​แซ่ของ​ตัวเอง​แล้ว​ควัก​ป้าย​หยก​กอง​ทำเนียบ​ของ​หน่วย​เต้า​เจิ้งซึ่งเป็น​สิ่งแสดง​ตัวตน​ออกมา​ “เก๋​อห​ลิ่ง​ เต้า​ลู่​แห่ง​เมืองหลวง​ มีเรื่อง​อยาก​จะปรึกษา​กับ​แม่นาง​โจว​ ขอ​แม่นาง​โจว​โปรด​ลง​จาก​รถม้า​มาก่อน​ แล้ว​ค่อย​ติดตาม​ผิน​เต้า​ไป​พูดคุย​กันที่​อาราม​”

ภิกษุ​น้อย​พนม​สอง​มือ​ “อาตมา​คือ​เณร​น้อย​จาก​หน่วย​แปล​คัมภีร์​”

ซูหลา​งหรี่ตา​ลง​ ขุนนาง​ลัทธิ​เต๋า​คน​หนึ่ง​ภายใต้​การปกครอง​ของ​หน่วย​จงซวี​ต้า​หลี​?

เบื้อง​ใต้​การปกครอง​ของ​เต้า​เจิ้ง แบ่ง​ออก​เป็น​อีก​หก​กอง​ได้แก่​กอง​ทำเนียบ​ กอง​ดำเนินคดี​ กอง​คำ​เขียว​ กอง​ตราประทับ​ กอง​ภูมิศาสตร์​ กอง​กฎข้อบังคับ​ นักพรต​หนุ่ม​ที่​เรียก​ตัวเอง​ว่า​เก๋​อห​ลิ่ง​ผู้​นี้​ดูแล​กอง​ทำเนียบ​

หัวหน้า​ของ​เต้า​ลู่​ก็​คือ​เต้า​เจิ้งของ​เมืองหลวง​ ดูแล​เรื่อง​การแจกจ่าย​ทำเนียบ​วงศ์ตระกูล​ การ​เลื่อนขั้น​การ​ลดขั้น​ของ​นักพรต​เต๋า​ใน​เมืองหลวง​ แต่กลับ​ไม่อาจ​มาควบคุม​ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็ม​ตัวอย่าง​ตน​ได้​ หาก​เต้า​เจิ้งเดินทาง​มาด้วยตัวเอง​ ไม่แน่​ว่า​ซูหลา​งอาจจะ​ยินดี​ยอม​ถอย​ให้​ตามมารยาท​ แม้จะบอ​กว่า​ระดับ​ขั้น​ขุนนาง​ของ​เต้า​เจิ้งไม่สูง แต่​ถึงอย่างไร​ก็​ยัง​ได้​กุมอำนาจ​ที่​แท้จริง​ ส่วน​เต้า​ลู่​ขุนนาง​ผู้ดูแล​หลัก​ของ​หนึ่ง​กอง​นั้น​ ไม่เพียงแต่​ตำแหน่ง​ต่ำต้อย​ ยังมี​การ​แบ่งแยก​น้ำ​บ่อน้ำ​คลอง​กับ​ที่ว่าการ​กรม​อาญา​ คิด​ว่า​สถานะ​ผู้​ถวายงาน​อันดับ​รอง​ที่​กรม​อาญา​แต่งตั้ง​ให้​ของ​ตน​เป็น​ยศ​ที่ว่างเปล่า​จริงๆ​ หรือ​?

ตรง​เอว​ของ​ซูหลา​งเหน็บ​ไผ่​เขียว​ไว้​ท่อน​หนึ่ง​ ใช้เชือก​หลาก​สีร้อยรัด​ป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​ไว้​แผ่น​หนึ่ง​ ระดับ​สอง​ ไม่ต่ำ​แล้ว​ ผู้ฝึก​ยุทธ​เต็มตัว​ก็​มีเพียง​ขอบเขต​ยอดเขา​เท่านั้น​ที่​ถึงจะมีโอกาส​ได้​ห้อย​ป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​ระดับ​หนึ่ง​

ผู้​ถวายงาน​ลำดับ​สอง​ของ​ต้า​หลี​ ส่วนใหญ่​คือ​ผู้ฝึก​กระบี่​โอสถ​ทอง​ ผู้ฝึก​ยุทธ​ขอบเขต​เดินทางไกล​ และ​ผู้ฝึก​ลมปราณ​ก่อกำเนิด​ เว้น​เสีย​จากว่า​มีคุณ​ความชอบ​ทางการทหาร​สูงส่ง ไม่ใช่ผู้ฝึก​ลมปราณ​โอสถ​ทอง​ที่​เป็น​ผู้ฝึก​กระบี่​ ก็ได้​แต่​อยู่​ใน​อันดับ​ที่สาม​เท่านั้น​

ซูหลา​งเอ่ย​อย่าง​เฉยเมย​ “มีธุระ​อะไร​ก็​ว่า​มา ไม่มีธุระ​ก็​ถอย​ไป​”

เก๋​อห​ลิ่ง​ยิ้ม​เอ่ย​ “คงจะ​เป็น​เซียน​กระบี่​ไผ่​เขียว​จาก​แคว้น​ซงซีกระมัง​ ผิน​เต้า​ชื่นชม​เลื่อมใส​ใน​ชื่อเสียง​ของ​ท่าน​มานาน​แล้ว​ เพียงแต่ว่า​วันนี้​มาหา​แม่นาง​โจว​เพราะ​มีธุระ​จะปรึกษา​ ไม่สะดวก​ให้​คนนอก​มารับฟัง​ เซียน​กระบี่​ซูโปรด​ให้อภัย​ด้วย​”

เณร​น้อย​ถามเสียง​เบา​ “เซียน​กระบี่​?”

ตอนนี้​พอ​เณร​น้อย​ได้ยิน​คำ​ว่า​เซียน​กระบี่​อะไร​ก็​รู้สึก​ว่า​หัวโต​กว่า​เดิม​เป็น​สองเท่า​

นี่​เพิ่งจะ​กี่​วัน​เอง​ ตน​ต้อง​บริจาค​เงิน​ค่า​น้ำมัน​ค่า​ธูป​เทียน​ให้​กับ​พระโพธิสัตว์​ไป​สอง​รอบ​แล้ว​

ครั้งนี้​มาเชิญโจว​ไห่​จิ้งเพื่อ​ไป​ปรึกษาหารือ​กัน​ เป็น​ความต้องการ​ของ​ซ่งซวี่​ ถามหมัด​สิ้นสุด​ก็​ควร​ต้อง​เชิญนาง​ให้​เข้ามา​อยู่​สาย​แผนภูมิ​ดิน​อย่าง​เป็นทางการ​ได้​แล้ว​

อันที่จริง​ก่อนหน้านี้​หยวน​ฮว่า​จิ้งได้​มาหา​นาง​แล้ว​รอบ​หนึ่ง​ เพียงแต่ว่า​สอง​ฝ่าย​เจรจา​กัน​ไม่สำเร็จ​ หนึ่ง​เพราะ​หยวน​ฮว่า​จิ้งไม่ได้​เปิดเผย​สถานะ​ นอกจากนี้​ทาง​ฝั่งของ​กรม​พิธีการ​และ​กรม​อาญา​ก็​ต้อง​การอาศัย​อวี๋หง​ให้​มาทดสอบ​ดู​น้ำหนัก​บน​วิถี​วร​ยุทธ​ของ​โจว​ไห่​จิ้งว่า​สรุป​แล้ว​มีคุณสมบัติ​พอที่จะ​มาชดเชย​ส่วน​ที่​ขาด​หรือไม่​ด้วย​

ส่วน​ผู้ฝึก​ยุทธ​รูปโฉม​หล่อเหลา​ที่​ทำหน้าที่​เป็น​สารถี​คน​นี้​ เณร​น้อย​ไม่รู้จัก​จริงๆ​ รู้จัก​ป้าย​สงบสุข​ปลอดภัย​เท่านั้น​ อีก​อย่าง​ต่อให้​หล่อเหลา​แค่​ไหน​ เจ้าจะหล่อเหลา​ไป​กว่า​อาจารย์​เฉิน​ได้​หรือ​?

——

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด