การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 111

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 111 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 111 – เจ้าควรเป็นสามี

 

ทสึรุนอนหลับไม่ได้สติอยู่นานแค่ไหนไม่รู้ ความเป็นจริงท่านั้นก็ฝืนกฎเกณฑ์มากพออยู่แล้ว อย่าว่าแต่ท่าที่ยิงทะลุพื้นที่และเวลาเลย

ขนาดท่าสะท้อนการโจมตีของเธอนั้นยังไกลกับตรรกะ ‘กระบวนท่า’ ไปไกลโข มีใครที่ไหนบ้างสามารถสะท้อนการโจมตีเหมือนพอร์ทัลอาวุธไปใส่คนอื่นด้วยการใช้หอกเพียวๆ บ้างล่ะ

ขนาดเวทมนตร์เคลื่อนย้ายยังทำไม่ได้เลย เรียกได้ว่าวิชาที่ทสึรุแสดงออกมาล้วนแปลกพิสดาร แสดงออกมาให้สำนักไหนได้เห็น

คงมีแต่สำนักที่ต้องการจะให้เธอเป็นอาจารย์แน่ๆ เพราะมันเลยขอบเขตของวิชา เข้าสู่ท่าที่เหนือธรรมชาติแล้ว

และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะเผ่าอสูรอันลึกลับของเธอทำให้กระบวนท่าที่ใช้ออกมาล้วนแต่อยู่เหนือตรรกะความเข้าใจของคนธรรมดาไป

ยิ่งไม่ต้องพูดถึงครั้งหนึ่งที่เคยวิ่งเล่นในดงสายฟ้าสบายๆ หรือจะมีความเร็วเหนือการรับรู้อะไร ทุกอย่างล้วนไม่สามารถอธิบายด้วยความเข้าใจพื้นฐานของมนุษย์

ในตอนนี้ร่างของเซเลียก็ปรากฏขึ้นในด่านที่สอง เสียงหนึ่งก็ดังกังวานเข้าใส่หัวของเธอ

“เอาตัวรอดและช่วงชิงตราสายฟ้าให้ได้หนึ่งร้อยชิ้น เพื่อก้าวเข้าสู่บททดสอบที่สาม ทดสอบคุณค่าของตัวเอง”

สิ้นสุดสมองของเซเลียก็มีคำอธิบายไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอสูรอสนีหรือแม้แต่โลกแห่งนี้

โลกแห่งนี้ถูกตัดออกจากโลกด้านนอกโดยสิ้นเชิง และมีขนาดใหญ่หลายร้อยกิโลเมตรเป็นโลกที่คล้ายกับมิติเก็บของ

แต่มีทั้งผืนป่า ภูเขา แม่น้ำ ทะเลสาบ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยผลไม้มากหน้าหลากชนิด รวมถึงสัตว์ตัวน้อยตัวใหญ่

และหน้าที่ของผู้ทดสอบในด่านนี้เรียบง่ายสุดแสน นั่นคือการเอาตัวรอดในโลกใบนี้ให้ได้ และสังหารอสูรอสนีที่มีหนึ่งร้อยตนในโลกนี้เพื่อรับเอาตราอสนี

ในขณะเดียวกันก็มีอสูรรัตติกาลที่มีมากมายนับไม่ถ้วน ฆ่ามันไม่สามารถมอบอะไรให้ แต่จำนวนมันมีเยอะกว่าอสูรอสนีนับสิบเท่า

ว่าง่ายๆ คือ ความยากไม่ใช่การไล่ฆ่าอสูรอสนีร้อยตัว แต่ต้องหลบหนีอสูรรัตติกาลเพื่อไม่ให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์นั่นเอง

แถมสิ่งที่ทำให้เซเลียปวดหัวที่สุดคือเรื่องของโลกนี้ ก่อนหน้าพื้นดินสีดำที่เป็นมิติเอกเทศ พอจะเข้าใจว่าเป็นมิติของพลังจากธาตุมืด

แต่นี่คือป่า มีสิ่งมีชีวิตพวกสัตว์ป่าดำรงอยู่.. พูดง่ายๆ คือโลกใบเล็กเหมือนกับมิติจำเพาะ แค่ขนาดใหญ่กว่าเหาะในมิติจำเพาะหลายเท่านัก

ดังนั้นการจะสร้างมิติแบบนี้ ด้วยไม่ใช่อาร์ติแฟ็คประเภทควบคุมมิติแล้ว ไม่สามารถสร้างได้เยอะขนาดนั้น กล่าวคือ ที่แห่งนี้มีเพียงแห่งเดียว..

หรือก็คือผู้เข้าทดสอบในช่วงเวลาเดียวกันก็จะมาโผล่ในโลกนี้! แถมอสูรอสนีมีแค่ร้อยตัวพอดี ว่าง่ายๆ คือ คนที่จะผ่านไปได้ในช่วงระลอกที่มีคนเข้ามานี้

ยังไงก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น! หากไม่มีคนแย่งยังพอว่า.. ยังไงซะอสูรรัตติกาลก็ไม่ได้มีสติปัญญา มีดีแค่พลังที่มากมหาศาล

ด้วยความพิเศษของอาร์ติแฟ็คบางอย่าง อาจจะสามารถช่วยหลอกล่อพวกมันไว้ได้ แต่มนุษย์ที่คิดได้วิเคราะห์ออก ยิ่งอีกฝ่ายมีพลังแกร่งกว่าด้วย

นี่ทำให้เซเลียปวดหัว.. คนที่แกร่งกว่าเซเลียในหมู่นักเรียนนั้นไม่รู้ว่ามีมากหรือมีน้อย แต่คนที่แกร่งกว่าแน่ๆ ก็คือ รองผู้อำนวยการกับศาสตราจารย์คนนั้น

เซเลียได้แต่ภาวนาให้สองคนนั้นไม่ลงมือ.. แม้แต่ทสึรุเองก็คงไม่ไหวหรอก ในขณะที่ครุ่นคิดถึงทสึรุสายตาก็หันไปเห็นร่างของทสึรุที่นอนอาบเลือดจนน่ากลัว

“ทสึรุ!!”

เธอถึงกับผงะ กับอาการบาดเจ็บที่มากมหาศาลของทสึรุ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปสู้อีท่าไหนถึงสาหัสขนาดนี้ ถ้าเซเลียรู้ว่าทสึรุทำตัวเองละก็

เธอคงจะทุบหัวทสึรุซักเปรี้ยงแน่ๆ แต่ไม่มีอารมณ์คิดมากนักเธอหยิบยาออกมายัดใส่ปากทสึรุ แต่ก็รู้ว่าไม่พอ

ก็เตรียมใช้งานอาร์ติแฟ็ครักษา เธอรู้ว่าต้องใช้เวลาในการเตรียมการค่อนข้างนาน แต่ประสิทธิภาพของมันก็มีมากกว่าเช่นกัน

เธอจึงใช้ยาในการประทังลมหายใจทสึรุก่อนจะจัดวางอาร์ติแฟ็คเธอรู้ว่ากำลังทสึรุสำคัญมากในด่านนี้ นังไงซะเซเลียในตอนนี้ก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้

อย่างมากแค่อาร์ติแฟ็คแต่อย่าลืมว่า ต่อให้อาร์ติแฟ็คจะแข็งแกร่งมาก แต่ทว่าก็เป็นแค่ของเสริมภายนอก เธอไม่รู้ว่าโรงเรียนเอเรียสมีไพ่อะไรอยู่ใต้แขนเสื้อบ้าง

ดังนั้นทักษะการต่อสู้ด้วยร่างกายเปล่าๆ ที่ทำให้อาร์ติแฟ็คสั่นอย่างทสึรุ ถือเป็นกำลังที่สำคัญ.. และเหนือสิ่งอื่นใด เธอได้ลงเรือลำเดียวกันแล้ว

เซเลียกระตุ้นพลังเวทในร่างกายที่มีน้อยนิดของตนเองเพื่อใช้อาร์ติแฟ็ค อาร์ติแฟ็คชิ้นนี้คือเข็มฉีดยาเข็มหนึ่ง

รูปร่างของมันห่อหุ้มด้วยวัตถุสีดำ และมีแก้วเป็นขีดตรงกลางเหมือนแสดงให้เห็นว่าภายในเข็มฉีดยานี้มียามากแค่ไหน

อาร์ติแฟ็คชิ้นนี้ถ้าหากมีระดับของอาร์ติแฟ็ค คงจัดว่าอยู่ระดับที่สูงมากพอสมควร รอบเข็มสีดำมีอักขระอักษรสลักอยู่ดูแปลกตา

เซเลียกระตุ้นพลังเวทในตัวส่งเข้าเข็มสีนิล ในตอนนั้นเองเข็มสีนิลก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มันสั่นสะท้านเล็กน้อย

ก่อนจะเปล่งแสงสีขาวออกมา เข็มที่มีสีนิลเหมือนได้ลอกคราบกลายเป็นสีน้ำนมในที่สุด ยังไม่จบ

เซเลียปักปลายเข็มลงพื้น แต่พอปักเสร็จเธอก็หยิบหินสี่ก้อนออกมา แล้วก็วางลงสี่ทิศล้อมรอบเข็มฉีดยาที่กลายเป็นสีน้ำนม

ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ใส่พลังเวทลงไปและกระตุ้นบางอย่างใช้เวลาอยู่นานสองนาน ก้อนหินก้อนแรกก็เปล่งแสงสีเทาหม่น

และมีเส้นสีเทาพุ่งออกจากหิน ทำแบบนี้อยู่สี่ครั้งให้กับหินเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง ตอนนี้เส้นสีทำเป็นกรอบ หินเป็นมุม และเข็มน้ำนมก็อยู่ตรงกลาง

เซเลียดึงเข็มขึ้นเหมือนพยายามดูดบางอย่างจากพื้นดินและก็เป็นเช่นนั้น พลังชีวิตในพื้นดินถูกสูบขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

กลั่นเป็นน้ำสีทองที่อยู่ในเข็มไม่เยอะมาก หินทั้งสี่คือตัวตัดขาดพลังชีวิตด้านในเขตจากด้านนอก และเชื่อมต่อพืชหญ้าในระยะเข้ากับเข็ม

เพื่อให้พลังชีวิตจากทุกอย่างสามารถกลั่นเป็นพลังงานสีทองในลักษณะของเหลว มองดูเหมือนง่ายแต่การทำแบบนี้ขึ้นมาได้นั้นยากมาก.. หมายถึงคนสร้างอาร์ติแฟ็คน่ะนะ

อันที่จริงต้องขอบคุณโลกใบนี้เพราะนอกจากพลังชีวิตที่ถูกกลั่นจนกลายเป็นของเหลวสีทอง ทุกอย่างยังมีพลังเวทแฝง ดังนั้นนอกจากพลังชีวิตก็ยังมีพลังเวท

แต่พลังเวทไม่ใช่ของสิ่งมีชีวิต จึงไม่เป็นผลนักทว่าพอมันเข้าไปอยู่ในอาร์ติแฟ็ค อาร์ติแฟ็คก็เหมือนเจออาหารล้ำค่า ทำให้เข็มสีน้ำนมเปล่งแสงออกมา

เซเลียแทงเข็มเข้าที่ข้อมือทสึรุ ก่อนจะฉีดพลังชีวิตสีทองเข้าไป และพลังเวทจากอาร์ติแฟ็คก็ผลักดันพลังชีวิตเข้าไปในเส้นเลือด

พริบตาเดียวก็วิ่งแล่นไปทั่วทุกจุดราวกับมีบางอย่างกระตุ้นพลังชีวิตเหล่านั้นแทรกซึมเข้าไปในหลอดเลือด เม็ดเลือด ผิวหนัง

อวัยวะ.. ทุกอย่างล้วนถูกฟื้นคืนในชั่วพริบตา.. และทุกอย่างเกิดขึ้นภายในเวลาเกือบสองชั่วโมง

พอทำทุกอย่างเสร็จเข็มสีดำกลับคืนสู่สีนิลของมัน แต่เห็นได้ชัดเพราะพลังเวทเมื่อครู่ทำให้อาร์ติแฟ็คชิ้นนี้เหมือนจะพัฒนาไปอีกขั้น

สามารถรักษาได้เร็วขึ้นอีก เซเลียปาดเหงื่อ เก็บของเข้าไป.. แต่ในตอนนั้นเองด้านหน้าของเซเลียพลันพร่าเลือน

เธอถอยกรูดพร้อมกับทสึรุที่ไม่ได้สติ แต่พอภาพกระจ่างชัดก็เห็นร่างของแอนนี่โผล่ออกมา พอเห็นว่าเป็นแอนนี่เธอก็ผ่อนลมหายใจ

สภาพแอนนี่ไม่ร้ายแรงนัก แต่เธอหมดสติเหมือนกัน เซเลียจึงยัดยาใส่ปากแอนนี่และ แอนนี่ก็หายทันที

ก่อนที่เซเลียจะหอบคนสองคนหนีจากประตูทางเข้า… แม้เซเลียจะรู้สึกว่าสองคนนี้เป็นยักษ์ใหญ่กว่าตัวเองแต่ก็ต้องแบก

“บ้าเอ๊ย พวกเจ้าเป็นผู้หญิงกันทำไมถึงมีร่างกายเหมือนผู้ชายจัง!”

“แอนนี่ หน้าท้องเจ้าแข็งเกินไปแล้ว!”

“ทสึรุ เจ้าหมดสติหรือตาย ทำไมร่างกายอ่อนปวกเปียกขนาดนี้เนี่ย!”

เซเลียรู้สึกว่าตัวเองโดนรังแกโดยนักรบสองคน ในขณะที่ตัวเองเป็นแค่ผู้ใช้เวทมนตร์ตัวน้อยๆ แถมตอนนี้ใช้เวทมนตร์ไม่ได้อีกต่างหาก

คิดไปคิดมาจนวู่วามอยากโยนทั้งสองทิ้งลงพื้นแล้วลากเอาซะเลย แต่พอคิดว่าตัวเองเป็นราชินีผู้มากน้ำใจ ทำแบบนั้นก็โดนประนามพอดีว่าเป็นพวกขี้เกียจสันหลังยาว

ด้วยเหตุนี้เซเลียจึงได้แต่ทนกล้ำกลืนฝืนทน แบกร่างหนีไปไกล ปากบ่นไม่หยุด..

“แอนนี่ เจ้าไม่ต้องออกกำลังกายแล้วนะ! บ้าเอ๊ย!”

“ทสึรุ เจ้าควรไปเป็นสามีของท่านเลทิเซียแทนเป็นภรรยานะ ให้ตายสิ!”

 

…….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด