การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 373

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 373 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 373 – แผนลักพาตัวจากเงามืด

 

ในขณะเดียวกันนั้นเอง.. ห่างไกลออกจากเมืองไปไม่มากมีการสั่งสมกำลังบางอย่างอยู่ภายในป่าอับชื้นอยู่

โลกในตอนนี้เต็มไปด้วยไฟสงครามก็จริงแต่ทว่าก็ยังมีหลายเขตพื้นที่ที่ไม่ได้กลายเป็นสงคราม แน่นอนว่าหมู่บ้านแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน

แต่ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงถูกโจมตีจากเผ่าปีศาจเช่นกัน เพราะว่าเผ่าปีศาจยามนี้มีจอมมารที่แข็งแกร่งอยู่ไม่พอ

แต่ทว่าจอมมารเหล่านั้นยังแข็งแกร่งในระดับเดียวกับเลทิเซีย!ไม่สิ.. จะพูดให้ถูกคือเก่งระดับเดียวกับเลทิเซียเมื่อตอนที่เธอมีพลังของจอมมารละนะ

เพราะจอมมารในตอนนี้ไม่ถูกผนึกพลัง!

และสำหรับจอมมารหนึ่งคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้กล้าคนเดียวจะสามารถต้านทานได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็จำเป็นต้องมีผู้กล้าถึงสองคนในการต่อกรจอมมารหนึ่งคน

และต้องบอกว่าต่อกรหาใช่สามารถชนะได้ไม่

เพราะลำพังเพียงแค่ผู้กล้าสองคนนั้น ไม่เพียงพอจะสังหารจอมมารหนึ่งคนได้ด้วยซ้ำ!

ไม่สิ พูดแบบนั้นก็คงจะเกินไปหน่อย เพราะก็มีผู้กล้าที่ทรงพลังพอที่จะสามารถเอาชนะจอมมารได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่บ้าง

แต่นั่นจะมีกี่คนกันละ? หนึ่งคนหรือสองคน? และแน่นอนก็มีเพียงเท่านั้นนั่นแหละ ยังดีที่ผู้กล้านั้นมีมากกว่าสิบสองจอมมาร

นั่นจึงทำให้สถานการณ์สงครามไม่ย่ำแย่มากนัก อีกทั้งยังไม่ได้มีสงครามกันแค่สองฝั่ง แต่ยังมีฝั่งที่สามอย่างเผ่ากึ่งมนุษย์

และกึ่งมนุษย์ยังมีต้นตอแห่งความไร้เทียมทานอย่างเผ่า ‘แวมไพร์’ อยู่ด้วย

สถานการณ์ทางฝั่งมนุษย์จึงไม่นับว่าดีหรือแย่.. แต่ทว่าในเงามืดของป่าแห่งนี้ยามนี้กลับมีระลอกจิตสังหารที่แผ่ออกมาอย่างเงียบๆ

“แน่ใจหรือยังว่ามันเป็นลูกชายเจ้าผู้กล้าที่เคยทำลายกองทัพพวกเราจริงๆ ?”

ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เพราะเงามืดจึงไม่อาจจะจำแนกได้ว่ามันมีลักษณะหรือหน้าตาอย่างไร

แต่ก็รู้ว่าเป็นชายร่างใหญ่ด้านหลังมีดาบเล่มใหญ่แขวนอยู่ด้านหลังของเขา แสงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้าไม่อาจจะส่องมาถึงใบหน้าอันโหดเหี้ยมของเขาได้

คนอีกคนที่ตัวเล็กกว่าชายคนนี้พอสมควร เขาตัวสั่นพร้อมกับก้มหัวคำนับแล้วก็กล่าวรายงาน

“ข้ามั่นใจว่าเป็นมันอย่างแน่นอน พวกเราหน่วยลับแอบติดตามมันมาหลายวันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชาดาบหรือทุกศาสตร์ของมัน เป็นวิชาเดียวกับที่เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำนั่นใช้ทำลายกองทัพพวกเราอย่างแน่นอน”

เขากล่าวด้วยความนอบน้อม ชายคนนั้นได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขากล่าวย้อนทวนความทรงจำเล็กน้อย

“ท่านจอมมารเคยกล่าวกับข้าคาลริอุสผู้นี้ว่า.. หากเจอเจ้าผู้กล้าชั้นต่ำอะไรนั่นให้รีบหนี.. แต่ทว่านี่ไม่ใช่ผู้กล้า มันเป็นเพียงแค่ลูกของมัน”

แน่นอนว่าที่ท่านจอมมารกล่าวคาลริอุสต้องเข้าใจ เพราะเขารู้ว่าถึงจะเป็นมนุษย์ชั้นต่ำ แต่ไอ้พวกชั้นต่ำเหล่านี้ยังมีพรพิเศษที่ทำให้แข็งแกร่งมากได้

ถึงแม้คาลริอุสจะเป็นถึงในหนึ่งในสี่ผู้ครองพิภพปีศาจเลยก็ตาม หนึ่งในสี่ผู้ครองพิภพคือสถานะที่ได้รับมาจากการทำสงครามแล้วชนะ

ยิ่งชนะมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้รับความนับถือและความหวาดกลัวมากเท่านั้น สำหรับคาลริอุสผู้นี้นั้นบดขยี้มนุษย์

จอมเวทมนุษย์หรือนักดาบไปมากมายเหลือคณานับแล้ว เขาฆ่าเพื่อไต่เต้าขึ้นมาเป็นหนึ่งในสี่ผู้ครองพิภพ

อยู่เหนือทุกผู้คนเท่าเทียมกับสามคน รองเพียงแค่ท่านจอมมารเท่านั้นพลังของเขาคือเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับห้วงมิติ

ดาบใหญ่ด้านหลังของเขาเพียงตวัดหนึ่งครั้งมันมากพอที่จะทำลายเมืองทั้งเมืองให้หายไปโดยไร้เศษซาก

“ท่านหมายความว่า….?”

ชายคนนั้นดวงตาเบิกกว้าง คาลริอุสแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

“พวกเราจะจับตัวลูกชายของมันไปมอบให้แก่ท่านจอมมาร! ท่านจอมมารคงจะชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้จากข้าอย่างแน่นอน”

“แต่ว่า…..”

คาลริอุสกล่าวอย่างพอใจ ท่านจอมมารรังเกียจเจ้าผู้กล้าคนนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กล่าวได้เลยว่าหากใช้มันเป็นตัวล่อเพื่อล่อบิดามันมาเชือดทิ้ง

ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว แต่ชายคนที่เป็นหน่วยสอดแนมก็แสดงความลังเลออกมาทางสีหน้า คาลริอุสที่เห็นแบบนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว

“แต่อะไร?!”

เสียงทุ้มหนักของเขาระเบิดออกมามันเพียงพอที่จะกดร่างของชายผู้นั้นลงบนพื้น แต่ยังดีที่เขาออมมือเอาไว้ ทำให้ชายร่างเล็กได้แต่ตัวสั่นเทิ้ม

เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนจะกลัวจนไม่กล้าพูดเช่นกัน คาลริอุสจึงกล่าวย้ำอีกรอบ

“ข้าบอกให้เจ้าพูดต่อ.. แต่อะไร?”

เสียงเขายิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก ชายคนนั้นหน้าซีดเผือดทันที เขารีบกล่าวสิ่งที่ตนเองคิดออกมาจนหมด

เพราะเขาตามติดชีวิตของเจ้าหมอนี่มาได้สักพัก และสืบข่าวทุกอย่างรอบๆ นี้มาไว้หมดแล้ว ทำให้เขาเข้าใจที่แห่งนี้ดีกว่าคาลริอุส

หากถามว่าคาลริอุสมาได้อย่างไร เพราะคาลริอุสเขาได้ข้ามมิติมาด้วยเวทมนตร์ที่เขาถนัดนั่นเอง ตราบใดที่เขาสามารถกำหนดจุดหมายได้

เขาสามารถไปได้ทุกที่บนโลก แน่นอนว่าเป้าหมายคือพลังของเขาสิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่ให้พลังของตนเองไว้กับลูกน้อง หากเขาต้องการเขาก็เพียงทำการข้ามมิติมายังปลายทางที่เป็นพลังของตัวเองเท่านั้น

กล่าวคือ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหนในดินแดนมนุษย์ และชายคนนี้ก็รู้เรื่องนี้ดี… เขาจึงกล่าวตะกุกตะกัก

“ตะ…แต่ว่าที่นี่คือใจกลางดินแดนของพวกมนุษย์.. หากเกิดอะไรขึ้นที่เกี่ยวข้องกับพวกเราพวกมันคงส่งกองกำลังมาได้ในทันทีแน่!”

“แถมหมู่บ้านนี้อยู่ห่างเมืองหลวงไม่ไกลมาก หากเมืองหลวงนั้นมีเจ้าผู้กล้านั่นอยู่ละก็ เพียงพริบตาเดียวมันคงมาถึงอย่างแน่นอน!”

“แถมเจ้ามนุษย์ที่เป็นลูกชายของผู้กล้านั่น ก็น่าจะมีฝีมือพอสมควรน่ะ…”

เขากล่าวขึ้นด้วยความขลาดเขลาก่อนที่จะสงบลงและท้ายที่สุดก็เต็มไปด้วยเหตุและผลในที่สุด เขากล่าวพลางแอบมองสีหน้าคาลริอุสเล็กน้อย

คาลริอุสไม่ใช่คนโง่ พอได้ยินแบบนั้นเขาก็นิ่งลง หลังจากคิดอยู่เงียบๆ เขาก็ยกมือขึ้น บนฝ่ามือมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่

ด้านในมีลวดลายวงแหวนเวทมนตร์ที่แปลกตาเขียนอยู่..

“นี่คือ…?”

“อาร์ติแฟ็คที่ข้าได้รับมาจากท่านจอมมาร พอใช้มันมันจะสร้างโดมขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วรัศมีหนึ่งกิโลเมตร คนในจะห้ามออกคนนอกจะห้ามเข้า.. จะไม่สามารถสัมผัสหรือรับรู้ถึงได้.. พูดง่ายๆ ก็คือคุกที่ทมองไม่เห็นนั่นแหละ!”

เขากล่าวแบบนั้น อาร์ติแฟ็คไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนตร์ ความล้ำค่าของมันนั้นหายากมาก แม้จะรู้สึกเสียดายมากแต่อาหารอันโอชะก็วางอยู่เบื้องหน้า

และเมื่อพิจารณาว่าท่านจอมมารจะต้องดีใจมันก็ละทิ้งซึ่งความลังเลใดๆ เพราะอาร์ติแฟ็คชิ้นนี้เมื่อใช้ออกมันจะขังตัวเองด้วยเลยไม่มีค่าสักเท่าไหร่ก็จริง

แต่เขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์มิติ เขาสามารถข้ามมิติออกไปได้แทบทุกเมื่ออยู่แล้ว

แต่เมื่อตัดสินใจจะใช้อาร์ติแฟ็คแล้ว เขาก็ไม่อยากให้มันเสียเที่ยวซะเปล่า เพราะเขาพึ่งนึกได้ว่าเจ้านั่นก็เหมือนจะเก่งกาจพอสมควร

และหากเจ้าผู้กล้าที่ท่านจอมมารเกลียดโผล่ออกมาทุกอย่างจะยิ่งแย่ไปอีก เขาจึงตัดสินใจที่จะ… ติดต่อกับผู้ครองพิภพอีกสองคนที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ความเร็ว

ว่ากันว่าความเร็วของชายคนนั้นอยู่เหนือกว่าแสงเป็นหมื่นเป็นพันเท่า ความเร็วของเขาเร็วจนสามารถวิ่งผ่านโมเลกุลของสสารอย่างกำแพงได้

‘แม็กนัส’ นั่นคือนามของเขา… อีกคนคือผู้ครองพิภพที่เป็นเนโครแมนเซอร์ผู้ที่ชุบชีวิตคนตายขึ้นมาได้

ถึงแม้จะบอกว่าชุบแต่ก็เหมือนการทำให้กลายเป็นอันเดดนั่นแหละนะ ซึ่งคนนี้เป็นผู้หญิง มีฉายาที่ถูกเรียกว่า

‘ผู้เสพความตาย’ ว่ากันว่าซากศพที่เธอปลุกขึ้นมาได้จะมีพลังมากกว่าเดิมถึงสามเท่า น่าเสียดายที่พวกผู้กล้านั้นไม่ได้เก่งขึ้นเพราะตัวของตัวเอง

ไม่เช่นนั้นเธอก็คงสร้างอันเดดที่เก่งกว่าผู้กล้าถึงสามเท่าได้เลยล่ะ.. และหากเป็นแบบนั้นจริงเธอคงอยู่ในระดับเดียวกับจอมมารเลยก็ว่าได้…

แต่.. ถึงจะไม่มีอันเดดที่เป็นผู้กล้าเธอยังมีอันเดดที่แข็งแกร่งมากมาย ตัวเธอคนเดียวเพียงพอที่จะต่อสู้ยื้อเวลากับผู้กล้าหนึ่งคนได้เลยทีเดียว!

เพราะเธอมี.. อันเดดที่ทำมาจากร่างของจอมมาร!แม้จะไม่ได้เก่งเท่าจอมมารที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด แต่มันก็เป็นรองแค่หนึ่งขั้นเท่านั้น

เธอมีชื่อว่า ‘ควีน’

ที่คาลริอุสเรียกเธอมาด้วยเพราะจะเก็บเธอเอาไว้เป็นไพ่ตาย หากผู้กล้าปรากฏขึ้นเธอคงพอยื้อเอาไว้ให้มันหอบร่างของลูกชายผู้กล้าหนีไปได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 373

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 373 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 373 – แผนลักพาตัวจากเงามืด

 

ในขณะเดียวกันนั้นเอง.. ห่างไกลออกจากเมืองไปไม่มากมีการสั่งสมกำลังบางอย่างอยู่ภายในป่าอับชื้นอยู่

โลกในตอนนี้เต็มไปด้วยไฟสงครามก็จริงแต่ทว่าก็ยังมีหลายเขตพื้นที่ที่ไม่ได้กลายเป็นสงคราม แน่นอนว่าหมู่บ้านแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเหมือนกัน

แต่ทว่าก็ใช่ว่าจะไม่เสี่ยงถูกโจมตีจากเผ่าปีศาจเช่นกัน เพราะว่าเผ่าปีศาจยามนี้มีจอมมารที่แข็งแกร่งอยู่ไม่พอ

แต่ทว่าจอมมารเหล่านั้นยังแข็งแกร่งในระดับเดียวกับเลทิเซีย!ไม่สิ.. จะพูดให้ถูกคือเก่งระดับเดียวกับเลทิเซียเมื่อตอนที่เธอมีพลังของจอมมารละนะ

เพราะจอมมารในตอนนี้ไม่ถูกผนึกพลัง!

และสำหรับจอมมารหนึ่งคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้กล้าคนเดียวจะสามารถต้านทานได้ด้วยซ้ำ อย่างน้อยก็จำเป็นต้องมีผู้กล้าถึงสองคนในการต่อกรจอมมารหนึ่งคน

และต้องบอกว่าต่อกรหาใช่สามารถชนะได้ไม่

เพราะลำพังเพียงแค่ผู้กล้าสองคนนั้น ไม่เพียงพอจะสังหารจอมมารหนึ่งคนได้ด้วยซ้ำ!

ไม่สิ พูดแบบนั้นก็คงจะเกินไปหน่อย เพราะก็มีผู้กล้าที่ทรงพลังพอที่จะสามารถเอาชนะจอมมารได้ด้วยตัวคนเดียวอยู่บ้าง

แต่นั่นจะมีกี่คนกันละ? หนึ่งคนหรือสองคน? และแน่นอนก็มีเพียงเท่านั้นนั่นแหละ ยังดีที่ผู้กล้านั้นมีมากกว่าสิบสองจอมมาร

นั่นจึงทำให้สถานการณ์สงครามไม่ย่ำแย่มากนัก อีกทั้งยังไม่ได้มีสงครามกันแค่สองฝั่ง แต่ยังมีฝั่งที่สามอย่างเผ่ากึ่งมนุษย์

และกึ่งมนุษย์ยังมีต้นตอแห่งความไร้เทียมทานอย่างเผ่า ‘แวมไพร์’ อยู่ด้วย

สถานการณ์ทางฝั่งมนุษย์จึงไม่นับว่าดีหรือแย่.. แต่ทว่าในเงามืดของป่าแห่งนี้ยามนี้กลับมีระลอกจิตสังหารที่แผ่ออกมาอย่างเงียบๆ

“แน่ใจหรือยังว่ามันเป็นลูกชายเจ้าผู้กล้าที่เคยทำลายกองทัพพวกเราจริงๆ ?”

ชายคนหนึ่งกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ เพราะเงามืดจึงไม่อาจจะจำแนกได้ว่ามันมีลักษณะหรือหน้าตาอย่างไร

แต่ก็รู้ว่าเป็นชายร่างใหญ่ด้านหลังมีดาบเล่มใหญ่แขวนอยู่ด้านหลังของเขา แสงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับขอบฟ้าไม่อาจจะส่องมาถึงใบหน้าอันโหดเหี้ยมของเขาได้

คนอีกคนที่ตัวเล็กกว่าชายคนนี้พอสมควร เขาตัวสั่นพร้อมกับก้มหัวคำนับแล้วก็กล่าวรายงาน

“ข้ามั่นใจว่าเป็นมันอย่างแน่นอน พวกเราหน่วยลับแอบติดตามมันมาหลายวันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นวิชาดาบหรือทุกศาสตร์ของมัน เป็นวิชาเดียวกับที่เจ้ามนุษย์ชั้นต่ำนั่นใช้ทำลายกองทัพพวกเราอย่างแน่นอน”

เขากล่าวด้วยความนอบน้อม ชายคนนั้นได้ยินแบบนั้นก็ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง เขากล่าวย้อนทวนความทรงจำเล็กน้อย

“ท่านจอมมารเคยกล่าวกับข้าคาลริอุสผู้นี้ว่า.. หากเจอเจ้าผู้กล้าชั้นต่ำอะไรนั่นให้รีบหนี.. แต่ทว่านี่ไม่ใช่ผู้กล้า มันเป็นเพียงแค่ลูกของมัน”

แน่นอนว่าที่ท่านจอมมารกล่าวคาลริอุสต้องเข้าใจ เพราะเขารู้ว่าถึงจะเป็นมนุษย์ชั้นต่ำ แต่ไอ้พวกชั้นต่ำเหล่านี้ยังมีพรพิเศษที่ทำให้แข็งแกร่งมากได้

ถึงแม้คาลริอุสจะเป็นถึงในหนึ่งในสี่ผู้ครองพิภพปีศาจเลยก็ตาม หนึ่งในสี่ผู้ครองพิภพคือสถานะที่ได้รับมาจากการทำสงครามแล้วชนะ

ยิ่งชนะมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้รับความนับถือและความหวาดกลัวมากเท่านั้น สำหรับคาลริอุสผู้นี้นั้นบดขยี้มนุษย์

จอมเวทมนุษย์หรือนักดาบไปมากมายเหลือคณานับแล้ว เขาฆ่าเพื่อไต่เต้าขึ้นมาเป็นหนึ่งในสี่ผู้ครองพิภพ

อยู่เหนือทุกผู้คนเท่าเทียมกับสามคน รองเพียงแค่ท่านจอมมารเท่านั้นพลังของเขาคือเวทมนตร์ที่เกี่ยวข้องกับห้วงมิติ

ดาบใหญ่ด้านหลังของเขาเพียงตวัดหนึ่งครั้งมันมากพอที่จะทำลายเมืองทั้งเมืองให้หายไปโดยไร้เศษซาก

“ท่านหมายความว่า….?”

ชายคนนั้นดวงตาเบิกกว้าง คาลริอุสแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย

“พวกเราจะจับตัวลูกชายของมันไปมอบให้แก่ท่านจอมมาร! ท่านจอมมารคงจะชื่นชอบของขวัญชิ้นนี้จากข้าอย่างแน่นอน”

“แต่ว่า…..”

คาลริอุสกล่าวอย่างพอใจ ท่านจอมมารรังเกียจเจ้าผู้กล้าคนนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว กล่าวได้เลยว่าหากใช้มันเป็นตัวล่อเพื่อล่อบิดามันมาเชือดทิ้ง

ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ซะทีเดียว แต่ชายคนที่เป็นหน่วยสอดแนมก็แสดงความลังเลออกมาทางสีหน้า คาลริอุสที่เห็นแบบนั้นเขาก็ขมวดคิ้ว

“แต่อะไร?!”

เสียงทุ้มหนักของเขาระเบิดออกมามันเพียงพอที่จะกดร่างของชายผู้นั้นลงบนพื้น แต่ยังดีที่เขาออมมือเอาไว้ ทำให้ชายร่างเล็กได้แต่ตัวสั่นเทิ้ม

เขาเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนจะกลัวจนไม่กล้าพูดเช่นกัน คาลริอุสจึงกล่าวย้ำอีกรอบ

“ข้าบอกให้เจ้าพูดต่อ.. แต่อะไร?”

เสียงเขายิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก ชายคนนั้นหน้าซีดเผือดทันที เขารีบกล่าวสิ่งที่ตนเองคิดออกมาจนหมด

เพราะเขาตามติดชีวิตของเจ้าหมอนี่มาได้สักพัก และสืบข่าวทุกอย่างรอบๆ นี้มาไว้หมดแล้ว ทำให้เขาเข้าใจที่แห่งนี้ดีกว่าคาลริอุส

หากถามว่าคาลริอุสมาได้อย่างไร เพราะคาลริอุสเขาได้ข้ามมิติมาด้วยเวทมนตร์ที่เขาถนัดนั่นเอง ตราบใดที่เขาสามารถกำหนดจุดหมายได้

เขาสามารถไปได้ทุกที่บนโลก แน่นอนว่าเป้าหมายคือพลังของเขาสิ่งที่เขาทำมีเพียงแค่ให้พลังของตนเองไว้กับลูกน้อง หากเขาต้องการเขาก็เพียงทำการข้ามมิติมายังปลายทางที่เป็นพลังของตัวเองเท่านั้น

กล่าวคือ เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่คือที่ไหนในดินแดนมนุษย์ และชายคนนี้ก็รู้เรื่องนี้ดี… เขาจึงกล่าวตะกุกตะกัก

“ตะ…แต่ว่าที่นี่คือใจกลางดินแดนของพวกมนุษย์.. หากเกิดอะไรขึ้นที่เกี่ยวข้องกับพวกเราพวกมันคงส่งกองกำลังมาได้ในทันทีแน่!”

“แถมหมู่บ้านนี้อยู่ห่างเมืองหลวงไม่ไกลมาก หากเมืองหลวงนั้นมีเจ้าผู้กล้านั่นอยู่ละก็ เพียงพริบตาเดียวมันคงมาถึงอย่างแน่นอน!”

“แถมเจ้ามนุษย์ที่เป็นลูกชายของผู้กล้านั่น ก็น่าจะมีฝีมือพอสมควรน่ะ…”

เขากล่าวขึ้นด้วยความขลาดเขลาก่อนที่จะสงบลงและท้ายที่สุดก็เต็มไปด้วยเหตุและผลในที่สุด เขากล่าวพลางแอบมองสีหน้าคาลริอุสเล็กน้อย

คาลริอุสไม่ใช่คนโง่ พอได้ยินแบบนั้นเขาก็นิ่งลง หลังจากคิดอยู่เงียบๆ เขาก็ยกมือขึ้น บนฝ่ามือมีกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่

ด้านในมีลวดลายวงแหวนเวทมนตร์ที่แปลกตาเขียนอยู่..

“นี่คือ…?”

“อาร์ติแฟ็คที่ข้าได้รับมาจากท่านจอมมาร พอใช้มันมันจะสร้างโดมขนาดใหญ่ปกคลุมไปทั่วรัศมีหนึ่งกิโลเมตร คนในจะห้ามออกคนนอกจะห้ามเข้า.. จะไม่สามารถสัมผัสหรือรับรู้ถึงได้.. พูดง่ายๆ ก็คือคุกที่ทมองไม่เห็นนั่นแหละ!”

เขากล่าวแบบนั้น อาร์ติแฟ็คไม่ใช่อุปกรณ์เวทมนตร์ ความล้ำค่าของมันนั้นหายากมาก แม้จะรู้สึกเสียดายมากแต่อาหารอันโอชะก็วางอยู่เบื้องหน้า

และเมื่อพิจารณาว่าท่านจอมมารจะต้องดีใจมันก็ละทิ้งซึ่งความลังเลใดๆ เพราะอาร์ติแฟ็คชิ้นนี้เมื่อใช้ออกมันจะขังตัวเองด้วยเลยไม่มีค่าสักเท่าไหร่ก็จริง

แต่เขาคือผู้เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์มิติ เขาสามารถข้ามมิติออกไปได้แทบทุกเมื่ออยู่แล้ว

แต่เมื่อตัดสินใจจะใช้อาร์ติแฟ็คแล้ว เขาก็ไม่อยากให้มันเสียเที่ยวซะเปล่า เพราะเขาพึ่งนึกได้ว่าเจ้านั่นก็เหมือนจะเก่งกาจพอสมควร

และหากเจ้าผู้กล้าที่ท่านจอมมารเกลียดโผล่ออกมาทุกอย่างจะยิ่งแย่ไปอีก เขาจึงตัดสินใจที่จะ… ติดต่อกับผู้ครองพิภพอีกสองคนที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ความเร็ว

ว่ากันว่าความเร็วของชายคนนั้นอยู่เหนือกว่าแสงเป็นหมื่นเป็นพันเท่า ความเร็วของเขาเร็วจนสามารถวิ่งผ่านโมเลกุลของสสารอย่างกำแพงได้

‘แม็กนัส’ นั่นคือนามของเขา… อีกคนคือผู้ครองพิภพที่เป็นเนโครแมนเซอร์ผู้ที่ชุบชีวิตคนตายขึ้นมาได้

ถึงแม้จะบอกว่าชุบแต่ก็เหมือนการทำให้กลายเป็นอันเดดนั่นแหละนะ ซึ่งคนนี้เป็นผู้หญิง มีฉายาที่ถูกเรียกว่า

‘ผู้เสพความตาย’ ว่ากันว่าซากศพที่เธอปลุกขึ้นมาได้จะมีพลังมากกว่าเดิมถึงสามเท่า น่าเสียดายที่พวกผู้กล้านั้นไม่ได้เก่งขึ้นเพราะตัวของตัวเอง

ไม่เช่นนั้นเธอก็คงสร้างอันเดดที่เก่งกว่าผู้กล้าถึงสามเท่าได้เลยล่ะ.. และหากเป็นแบบนั้นจริงเธอคงอยู่ในระดับเดียวกับจอมมารเลยก็ว่าได้…

แต่.. ถึงจะไม่มีอันเดดที่เป็นผู้กล้าเธอยังมีอันเดดที่แข็งแกร่งมากมาย ตัวเธอคนเดียวเพียงพอที่จะต่อสู้ยื้อเวลากับผู้กล้าหนึ่งคนได้เลยทีเดียว!

เพราะเธอมี.. อันเดดที่ทำมาจากร่างของจอมมาร!แม้จะไม่ได้เก่งเท่าจอมมารที่แข็งแกร่งเหนือสิ่งอื่นใด แต่มันก็เป็นรองแค่หนึ่งขั้นเท่านั้น

เธอมีชื่อว่า ‘ควีน’

ที่คาลริอุสเรียกเธอมาด้วยเพราะจะเก็บเธอเอาไว้เป็นไพ่ตาย หากผู้กล้าปรากฏขึ้นเธอคงพอยื้อเอาไว้ให้มันหอบร่างของลูกชายผู้กล้าหนีไปได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+