การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 168

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 168 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 168 – เช้าวันใหม่ที่สดใส

 

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นขึ้นมาเหมือนว่าชาร์ล็อตเองก็ตื่นพอดี พอเธอมองเห็นหน้าฉันเธอก็นิ่งไปสักพักก่อนที่จะหันกลับไปมองเตียงตัวเอง

“อ๊ะ…”

จู่ๆ หน้าเธอก็แดงไปถึงหู ฉันควรบอกเธอดีหรือว่าว่าตอนนี้หน้าเธอแดงเหมือนคนจะเป็นไข้ ไม่สิ แต่จากท่าทางไม่ใช่ไข้หรอก

ในขณะที่คิดแบบนั้นเธอก็รีบถอยตัวออกห่างจากฉันอย่างรวดเร็วแล้วก็รีบก้มหัวขอโทษฉันทันทีว่า

“เอ่อ ต้องขอโทษด้วย… พอดีข้า…”

“ไม่เป็นไรหรอก แล้ววันนี้เห็นว่าจะมีการประกาศสำคัญด้วยรีบไปกันเถอะ”

“อะ… อืม..”

ฉันพูดแบบนั้นออกไป เธอเหมือนจะตกใจนิดหน่อย ถึงจะไม่รู้ว่าตกใจอะไรก็เถอะ แต่เธอก็หันสายตามาที่หน้าอกฉัน

ด้วยความสงสัยฉันเลยก้มมองลงไปก็เห็นจี้สีแดงห้อยอยู่ อ๊ะ จะว่าไปก็ลืมถอดตั้งแต่เมื่อวานเลยนี่น่า

ดีนะที่ไม่รัดคอตาย ฉันเก็บจี้สีแดงไว้ในเสื้อจี้นี่เป็นจี้ที่ชาร์ล็อตให้มา ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแต่ก็ชอบที่จะห้อยไว้บนคอเพราะมันรู้สึกสบายดี

“ยังไม่ได้ทิ้งสินะ…”

“ไม่ทิ้งหรอก”

พวกเราคุยกันสั้นๆ แบบนั้น ก่อนจะแต่งตัวและทำธุระยามเช้าก่อนจะเดินไปหอประชุมกัน แน่นอนว่าหอประชุมคือที่ที่เคยใช้จัดงานปฐมนิเทศนั่นแหละ

ถึงแม้จะไม่เคยไปมาก่อนตั้งแต่ตอนนั้น แต่ฉันก็ไม่หลงทางหรอกนะจะบอกให้ ส่วนเรื่องประกาศบางทีฉันพอจะเดาได้แล้วล่ะ

คงเป็นการประลองอะไรนั่นที่ฉันไม่อยากร่วมเท่าไหร่ เอาเถอะ ใจจริงอยากจะขึ้นไปสู้แล้วรีบๆ ยอมแพ้ไปให้มันจบๆ

แต่เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ เพราะหากฉันแพ้ก็แสดงว่าฉันจะถูกไล่ออก ซึ่งแน่นอนว่าฉันยอมโดนไล่ออกได้ ถึงจะลำบากหลังจากนั้นก็เถอะ

แต่ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ก็คงมีแต่ต้องพยายามให้ถึงที่สุดไม่เลือกที่จะถอย…

เอ๊ะ.. พอคิดแบบนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป ไอ้ความรู้สึกอยากพยายามให้ถึงที่สุดนี่ ถึงจะไม่แรงกล้าลุกเป็นไฟ

แต่ฉันก็รู้สึกว่าไม่เหมือนตัวเองเมื่อก่อนเลย อิทธิพลที่ฉันได้รับมานี้มันรู้สึกเหมือนกับ….

“สวัสดี เลทิเซีย ชาร์ล็อตด้วยนะ”

ทสึรุเดินมาจากไหนไม่รู้ก็ทักทายพวกเราที่บรรยากาศดูอึมครึมตลอดทาง ใช่.. นิสัยฉันรู้สึกว่าดูจะเหมือนทสึรุขึ้นมาเล็กน้อย

ฉันรู้ว่าทสึรุเป็นคนพยายามอย่างไม่ย่อท้อ เธอจะลงมือทำทุกอย่างเท่าที่ตัวเองทำได้ ไม่ว่าจะเพื่อตัวเองหรือเพื่อผู้อื่น

หากเป็นฉันก่อนหน้านี้คงเลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่พยายามปล่อยตัวไปตามกระแสเพื่อไม่ตกเป็นเป้าแน่ๆ

แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่า ในเมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้แล้วก็ลองพยายามสุดชีวิตดูสักครั้ง.. แต่ว่านะ จะชนะได้หรือเปล่านะ

ฉันใช้เวทมนตร์ปีศาจไม่ได้ด้วยเพราะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นมนุษย์อีกทั้งยังใช้เวทมนตร์มนุษย์ไปแล้วด้วย

ถ้าจะใช้เวทมนตร์ปีศาจด้วยคงถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรถูกจับมาทดลองแน่ๆ ก็แหงแซะ อย่างที่เคยบอกว่าปีศาจไม่สามารถใช้เวทมนตร์มนุษย์ได้นะ

ตอนแรกฉันก็พอเข้าใจว่าเป็นเรื่องของเผ่าพันธุ์สปีชีส์อะไรทำนองนั้น แต่จากการตั้งสันนิษฐานของอาจารย์เวโรเน่ ดูเหมือนโลกเราจะมีกฎเกณฑ์มนตราอยู่ด้วย

เพราะงั้นเทพเจ้าถึงถูกจำกัดพลังเวทเมื่ออยู่ในโลกนี้ แต่ว่านะ.. แล้วทำไมแม่ของเลวี่ถึงใช้เวทมนตร์ได้ล่ะ ถึงจะให้เหตุผลว่าเพราะเกิดโลกนี้ก็เถอะ

แต่ว่านั่นเป็นกฎเกณฑ์ของความเป็นจริงที่แม้แต่เวทมนตร์การแทรกแซงก็ยังทำไม่ได้ กล่าวคือเป็นความเป็นจริงที่เหนือขึ้นไปอีกเลยนะ

การเกิดบนโลกใบนี้จะทำให้กฎความเป็นจริงระดับนั้นไม่มีผลได้จริงเหรอ อีกอย่างนะตัวของซิลเวียก็ใช้เวทมนตร์ได้ไม่ใช่เหรอ

ถ้ามันเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์มันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับ ‘หอคอยพระเจ้า’ ที่กักเก็บพลังนี่น่า ไม่สิ บางทีหอคอยนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องอยู่ไม่มากก็น้อย

แต่ปัจจัยหลักคือน่าจะเป็นเพราะกฎมนตราอะไรนั่นแหละมั้ง ซิลเวียก็ว่าไปอย่างเพราะฉันไม่เคยเห็นเธอใช้เวทแบบจริงจังว่าเวทมนตร์ของเธอคือใช้ได้จริงหรือเปล่า

เพราะมีครั้งหนึ่งที่เธอบอกว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ซักผ้าให้ฉัน แต่อยู่ดีๆ เจ้าตัวก็ไปนั่งซักมือเอา เห็นบอกว่าลืมวิธีใช้เวทมนตร์ซักผ้าไปน่ะ

อืม.. บางทีไอ้กฎมนตราอะไรนี่อาจจะไม่เป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ บางทีอาจจะเป็นเพราะหอคอยพระเจ้านั่นแหละ ส่วนเหตุผลที่มนุษย์ใช้เวทมนตร์ปีศาจหรือปีศาจใช้เวทมนุษย์ไม่ได้คงเป็นเรื่องของเชื้อชาตินั่นแหละ

ขณะปัดตกความคิดนั้นไป ฉันก็นึกถึงคนที่คิดข้อสันนิษฐานนี้ขึ้นมา.. เวโรเน่.. ยัยคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ

ฉันพอจะมองแผนเธอออกคร่าวๆ แล้ว บางทีเธอคนนี้อาจจะวางแผนอะไรสักอย่างจะเบื้องสูงของโรงเรียนนี้โดยมีคนที่อยู่ในแผนคือฉัน

อย่างแรกคือหาข้ออ้างเอางานมาให้ฉันเพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างในภายหลัง และหลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องงานกับฉันอีกเลย

บางทีอาจจะทำให้ฉันชะล่าใจ จนคิดว่าเธอลืมงานที่สั่งแล้วก็เอามาข่มขู่ฉันในภายหลัง แต่อันที่จริงฉันไม่ใช่คนที่จะชะล่าใจหรอก ฉันมั่นใจว่าถ้าหากฉันไม่ถูกควบคุมอยู่ฉันต้องรีบทำงานแล้วส่งแน่ๆ

อันที่จริงการที่ฉันถูกควบคุม ฉันเป็นคนผิดเองน่ะนะ.. แต่บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าให้ฉันเดาเธอคงเอางานมาให้ฉันเยอะในระดับที่ว่าเดือนหนึ่งทำไม่ทันแน่ๆ ด้วยนั่นแหละ

พอหลังจากนั้นเธอก็มาขู่ไล่ฉันออก แต่หากฉันปฏิเสธอยู่ดีก็จะใช้เลวี่มาเป็นข้อต่อรองต่อไป เพราะการที่ฉันปฏิเสธเท่ากับว่าฉันถูกไล่ออกไปแล้วครึ่งก้าว

ถึงจะไม่รู้ว่ามีเป้าหมายอะไรที่มาวางแผนร้ายเพื่อควบคุมฉัน แต่เหมือนพวกเขาจะต้องการให้ฉันสู้แล้วชนะสินะ

ถึงจะไม่รู้ว่าชนะได้หรือเปล่าด้วยเวทมนตร์มนุษย์ที่มีอยู่ในมือก็เถอะ อย่างที่บอกหากใช้เวทปีศาจได้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่

“ท่านพี่ ชาร์ล็อตแล้วก็ทสึรุ อรุณสวัสดิ์นะคะ”

คนที่ทักทายมาคือน้องสาวฉัน เลวี่ที่ยืนรออยู่กับอิซานะนักเรียนเผ่าจิ้งจอกคนนั้น ว่าแต่พวกเธอไปสนิทกันตอนไหนนะ?

และดูเหมือนโคลเอ้จะยืนรออยู่แล้วด้วย โคลเอ้เองก็เข้ามาทักทายตามปกติ ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าเธอต่างไปจากเดิม

แต่เหมือนว่าก็ดูปกติดีทุกอย่าง ฉันคงคิดไปเองละมั้ง นานแล้วนะที่ไม่ได้เดินแบบนี้มาด้วยกัน…

“จะว่าไป ไวท์เธอดูสงบเสงี่ยมผิดปกตินะ”

จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ ฉันเลยพูดขึ้นในใจดูเหมือนว่าไวท์จะเหงาอยู่เหมือนจะคิดว่าฉันลืมเธอไปแล้ว

และก็เป็นอย่างที่คิดเธอตอบด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“ข้าเองก็อยากออกไปข้างนอกบ้างนะ!”

หลังจากนั้นเธอก็โวยวายยกใหญ่ด้วยความรู้สึกที่ว่าเหนื่อยหน่าย เลยตอบรับไปแบบง่ายๆ ว่า เดี๋ยวสักวันจะสร้างร่างกายให้

ถึงได้ทำให้เธอสงบลงได้ ถึงจะไม่รู้ว่าทำได้หรือเปล่าก็เถอะนะ แต่ถ้ามองว่าวิญญาณคือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งเพื่อให้ร่างกายขยับ

บางทีหากหาร่างกายมาให้เธอได้ เธออาจจะกลับมาใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนเดิมได้ พอคิดและคุยกันอยู่ดีๆ นั้น

เลวี่ก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ ฉัน

“ท่านพี่..”

“หืม.. อะไรเหรอ?”

“เปล่าหรอก”

เธอส่ายหน้าก่อนที่จะกอดแขนฉันเบาๆ แล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข ก็นะ ไม่ว่าจะน้องสาวในโลกไหนๆ แต่น้องสาวก็ยังเป็นน้องสาวนั่นแหละ

ฉันคิดแบบนั้นก็เดินมาถึงหอประชุมแล้ว และดูเหมือนว่าการประชุมก็กำลังจะเริ่มพอดีเช่นกัน

 

……..

[ไม่มีความกาว ไม่มีความปวดตับ ไม่มีความเครียด มีแต่ความนุ่มฟู ตอนแบบนี้มีอยู่จริง! – ใครสักคน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 168

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 168 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 168 – เช้าวันใหม่ที่สดใส

 

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันตื่นขึ้นมาเหมือนว่าชาร์ล็อตเองก็ตื่นพอดี พอเธอมองเห็นหน้าฉันเธอก็นิ่งไปสักพักก่อนที่จะหันกลับไปมองเตียงตัวเอง

“อ๊ะ…”

จู่ๆ หน้าเธอก็แดงไปถึงหู ฉันควรบอกเธอดีหรือว่าว่าตอนนี้หน้าเธอแดงเหมือนคนจะเป็นไข้ ไม่สิ แต่จากท่าทางไม่ใช่ไข้หรอก

ในขณะที่คิดแบบนั้นเธอก็รีบถอยตัวออกห่างจากฉันอย่างรวดเร็วแล้วก็รีบก้มหัวขอโทษฉันทันทีว่า

“เอ่อ ต้องขอโทษด้วย… พอดีข้า…”

“ไม่เป็นไรหรอก แล้ววันนี้เห็นว่าจะมีการประกาศสำคัญด้วยรีบไปกันเถอะ”

“อะ… อืม..”

ฉันพูดแบบนั้นออกไป เธอเหมือนจะตกใจนิดหน่อย ถึงจะไม่รู้ว่าตกใจอะไรก็เถอะ แต่เธอก็หันสายตามาที่หน้าอกฉัน

ด้วยความสงสัยฉันเลยก้มมองลงไปก็เห็นจี้สีแดงห้อยอยู่ อ๊ะ จะว่าไปก็ลืมถอดตั้งแต่เมื่อวานเลยนี่น่า

ดีนะที่ไม่รัดคอตาย ฉันเก็บจี้สีแดงไว้ในเสื้อจี้นี่เป็นจี้ที่ชาร์ล็อตให้มา ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมแต่ก็ชอบที่จะห้อยไว้บนคอเพราะมันรู้สึกสบายดี

“ยังไม่ได้ทิ้งสินะ…”

“ไม่ทิ้งหรอก”

พวกเราคุยกันสั้นๆ แบบนั้น ก่อนจะแต่งตัวและทำธุระยามเช้าก่อนจะเดินไปหอประชุมกัน แน่นอนว่าหอประชุมคือที่ที่เคยใช้จัดงานปฐมนิเทศนั่นแหละ

ถึงแม้จะไม่เคยไปมาก่อนตั้งแต่ตอนนั้น แต่ฉันก็ไม่หลงทางหรอกนะจะบอกให้ ส่วนเรื่องประกาศบางทีฉันพอจะเดาได้แล้วล่ะ

คงเป็นการประลองอะไรนั่นที่ฉันไม่อยากร่วมเท่าไหร่ เอาเถอะ ใจจริงอยากจะขึ้นไปสู้แล้วรีบๆ ยอมแพ้ไปให้มันจบๆ

แต่เรื่องมันไม่ง่ายแบบนั้นน่ะสิ เพราะหากฉันแพ้ก็แสดงว่าฉันจะถูกไล่ออก ซึ่งแน่นอนว่าฉันยอมโดนไล่ออกได้ ถึงจะลำบากหลังจากนั้นก็เถอะ

แต่ว่ากันตามความเป็นจริงแล้ว ในเมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว ก็คงมีแต่ต้องพยายามให้ถึงที่สุดไม่เลือกที่จะถอย…

เอ๊ะ.. พอคิดแบบนั้นฉันรู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนไป ไอ้ความรู้สึกอยากพยายามให้ถึงที่สุดนี่ ถึงจะไม่แรงกล้าลุกเป็นไฟ

แต่ฉันก็รู้สึกว่าไม่เหมือนตัวเองเมื่อก่อนเลย อิทธิพลที่ฉันได้รับมานี้มันรู้สึกเหมือนกับ….

“สวัสดี เลทิเซีย ชาร์ล็อตด้วยนะ”

ทสึรุเดินมาจากไหนไม่รู้ก็ทักทายพวกเราที่บรรยากาศดูอึมครึมตลอดทาง ใช่.. นิสัยฉันรู้สึกว่าดูจะเหมือนทสึรุขึ้นมาเล็กน้อย

ฉันรู้ว่าทสึรุเป็นคนพยายามอย่างไม่ย่อท้อ เธอจะลงมือทำทุกอย่างเท่าที่ตัวเองทำได้ ไม่ว่าจะเพื่อตัวเองหรือเพื่อผู้อื่น

หากเป็นฉันก่อนหน้านี้คงเลือกที่จะยอมแพ้โดยไม่พยายามปล่อยตัวไปตามกระแสเพื่อไม่ตกเป็นเป้าแน่ๆ

แต่ตอนนี้ฉันกลับคิดว่า ในเมื่อหลบเลี่ยงไม่ได้แล้วก็ลองพยายามสุดชีวิตดูสักครั้ง.. แต่ว่านะ จะชนะได้หรือเปล่านะ

ฉันใช้เวทมนตร์ปีศาจไม่ได้ด้วยเพราะเปิดเผยว่าตัวเองเป็นมนุษย์อีกทั้งยังใช้เวทมนตร์มนุษย์ไปแล้วด้วย

ถ้าจะใช้เวทมนตร์ปีศาจด้วยคงถูกมองว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ควรถูกจับมาทดลองแน่ๆ ก็แหงแซะ อย่างที่เคยบอกว่าปีศาจไม่สามารถใช้เวทมนตร์มนุษย์ได้นะ

ตอนแรกฉันก็พอเข้าใจว่าเป็นเรื่องของเผ่าพันธุ์สปีชีส์อะไรทำนองนั้น แต่จากการตั้งสันนิษฐานของอาจารย์เวโรเน่ ดูเหมือนโลกเราจะมีกฎเกณฑ์มนตราอยู่ด้วย

เพราะงั้นเทพเจ้าถึงถูกจำกัดพลังเวทเมื่ออยู่ในโลกนี้ แต่ว่านะ.. แล้วทำไมแม่ของเลวี่ถึงใช้เวทมนตร์ได้ล่ะ ถึงจะให้เหตุผลว่าเพราะเกิดโลกนี้ก็เถอะ

แต่ว่านั่นเป็นกฎเกณฑ์ของความเป็นจริงที่แม้แต่เวทมนตร์การแทรกแซงก็ยังทำไม่ได้ กล่าวคือเป็นความเป็นจริงที่เหนือขึ้นไปอีกเลยนะ

การเกิดบนโลกใบนี้จะทำให้กฎความเป็นจริงระดับนั้นไม่มีผลได้จริงเหรอ อีกอย่างนะตัวของซิลเวียก็ใช้เวทมนตร์ได้ไม่ใช่เหรอ

ถ้ามันเป็นเรื่องของกฎเกณฑ์มันก็ไม่น่าจะเกี่ยวกับ ‘หอคอยพระเจ้า’ ที่กักเก็บพลังนี่น่า ไม่สิ บางทีหอคอยนั้นอาจจะมีความเกี่ยวข้องอยู่ไม่มากก็น้อย

แต่ปัจจัยหลักคือน่าจะเป็นเพราะกฎมนตราอะไรนั่นแหละมั้ง ซิลเวียก็ว่าไปอย่างเพราะฉันไม่เคยเห็นเธอใช้เวทแบบจริงจังว่าเวทมนตร์ของเธอคือใช้ได้จริงหรือเปล่า

เพราะมีครั้งหนึ่งที่เธอบอกว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ซักผ้าให้ฉัน แต่อยู่ดีๆ เจ้าตัวก็ไปนั่งซักมือเอา เห็นบอกว่าลืมวิธีใช้เวทมนตร์ซักผ้าไปน่ะ

อืม.. บางทีไอ้กฎมนตราอะไรนี่อาจจะไม่เป็นเรื่องจริงแล้วล่ะ บางทีอาจจะเป็นเพราะหอคอยพระเจ้านั่นแหละ ส่วนเหตุผลที่มนุษย์ใช้เวทมนตร์ปีศาจหรือปีศาจใช้เวทมนุษย์ไม่ได้คงเป็นเรื่องของเชื้อชาตินั่นแหละ

ขณะปัดตกความคิดนั้นไป ฉันก็นึกถึงคนที่คิดข้อสันนิษฐานนี้ขึ้นมา.. เวโรเน่.. ยัยคนนี้เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ

ฉันพอจะมองแผนเธอออกคร่าวๆ แล้ว บางทีเธอคนนี้อาจจะวางแผนอะไรสักอย่างจะเบื้องสูงของโรงเรียนนี้โดยมีคนที่อยู่ในแผนคือฉัน

อย่างแรกคือหาข้ออ้างเอางานมาให้ฉันเพื่อที่จะใช้เป็นข้ออ้างในภายหลัง และหลังจากนั้นก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องงานกับฉันอีกเลย

บางทีอาจจะทำให้ฉันชะล่าใจ จนคิดว่าเธอลืมงานที่สั่งแล้วก็เอามาข่มขู่ฉันในภายหลัง แต่อันที่จริงฉันไม่ใช่คนที่จะชะล่าใจหรอก ฉันมั่นใจว่าถ้าหากฉันไม่ถูกควบคุมอยู่ฉันต้องรีบทำงานแล้วส่งแน่ๆ

อันที่จริงการที่ฉันถูกควบคุม ฉันเป็นคนผิดเองน่ะนะ.. แต่บางทีนั่นอาจจะไม่ใช่ทั้งหมด ถ้าให้ฉันเดาเธอคงเอางานมาให้ฉันเยอะในระดับที่ว่าเดือนหนึ่งทำไม่ทันแน่ๆ ด้วยนั่นแหละ

พอหลังจากนั้นเธอก็มาขู่ไล่ฉันออก แต่หากฉันปฏิเสธอยู่ดีก็จะใช้เลวี่มาเป็นข้อต่อรองต่อไป เพราะการที่ฉันปฏิเสธเท่ากับว่าฉันถูกไล่ออกไปแล้วครึ่งก้าว

ถึงจะไม่รู้ว่ามีเป้าหมายอะไรที่มาวางแผนร้ายเพื่อควบคุมฉัน แต่เหมือนพวกเขาจะต้องการให้ฉันสู้แล้วชนะสินะ

ถึงจะไม่รู้ว่าชนะได้หรือเปล่าด้วยเวทมนตร์มนุษย์ที่มีอยู่ในมือก็เถอะ อย่างที่บอกหากใช้เวทปีศาจได้คงกลายเป็นเรื่องใหญ่

“ท่านพี่ ชาร์ล็อตแล้วก็ทสึรุ อรุณสวัสดิ์นะคะ”

คนที่ทักทายมาคือน้องสาวฉัน เลวี่ที่ยืนรออยู่กับอิซานะนักเรียนเผ่าจิ้งจอกคนนั้น ว่าแต่พวกเธอไปสนิทกันตอนไหนนะ?

และดูเหมือนโคลเอ้จะยืนรออยู่แล้วด้วย โคลเอ้เองก็เข้ามาทักทายตามปกติ ไม่รู้ว่าฉันคิดไปเองหรือเปล่าว่าเธอต่างไปจากเดิม

แต่เหมือนว่าก็ดูปกติดีทุกอย่าง ฉันคงคิดไปเองละมั้ง นานแล้วนะที่ไม่ได้เดินแบบนี้มาด้วยกัน…

“จะว่าไป ไวท์เธอดูสงบเสงี่ยมผิดปกตินะ”

จู่ๆ ฉันก็นึกขึ้นมาได้ ฉันเลยพูดขึ้นในใจดูเหมือนว่าไวท์จะเหงาอยู่เหมือนจะคิดว่าฉันลืมเธอไปแล้ว

และก็เป็นอย่างที่คิดเธอตอบด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ

“ข้าเองก็อยากออกไปข้างนอกบ้างนะ!”

หลังจากนั้นเธอก็โวยวายยกใหญ่ด้วยความรู้สึกที่ว่าเหนื่อยหน่าย เลยตอบรับไปแบบง่ายๆ ว่า เดี๋ยวสักวันจะสร้างร่างกายให้

ถึงได้ทำให้เธอสงบลงได้ ถึงจะไม่รู้ว่าทำได้หรือเปล่าก็เถอะนะ แต่ถ้ามองว่าวิญญาณคือสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งเพื่อให้ร่างกายขยับ

บางทีหากหาร่างกายมาให้เธอได้ เธออาจจะกลับมาใช้ชีวิตธรรมดาเหมือนเดิมได้ พอคิดและคุยกันอยู่ดีๆ นั้น

เลวี่ก็ขยับเข้ามาใกล้ๆ ฉัน

“ท่านพี่..”

“หืม.. อะไรเหรอ?”

“เปล่าหรอก”

เธอส่ายหน้าก่อนที่จะกอดแขนฉันเบาๆ แล้วก็ยิ้มอย่างมีความสุข ก็นะ ไม่ว่าจะน้องสาวในโลกไหนๆ แต่น้องสาวก็ยังเป็นน้องสาวนั่นแหละ

ฉันคิดแบบนั้นก็เดินมาถึงหอประชุมแล้ว และดูเหมือนว่าการประชุมก็กำลังจะเริ่มพอดีเช่นกัน

 

……..

[ไม่มีความกาว ไม่มีความปวดตับ ไม่มีความเครียด มีแต่ความนุ่มฟู ตอนแบบนี้มีอยู่จริง! – ใครสักคน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+