การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 184

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 184 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 184 – ตายเป็นตายสิวะ

 

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดการพูดที่ยาวยืดก็จบลง บางทีฉันก็คิดนะว่า สำหรับฉันสิ่งที่เบื่อที่สุดอาจจะไม่ใช่การต่อสู้หรืออะไร

แต่เป็นการกล่าวปราศรัยก่อนเริ่มการต่อสู้นี่แหละที่น่ารำคาญและน่าเบื่อที่สุด บางทีโลกนี้ควรศึกษาวิธีสู้ก่อนค่อยพูดไว้บ้างก็ดีนะ

“เอาล่ะ คงถึงเวลาแก่การเปิดงานกันอย่างจริงจังกันแล้วล่ะมั้ง”

ในที่สุดเธอก็กลับเข้าสู่ประเด็นหลักก่อนที่จะหันมามองนักเรียนทุกคน พอเธอหันมาเห็นฉันก็หยุดชะงักจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ

หรือว่าเธอสามารถมองทะลุเวทมนตร์ลวงตาของฉันได้อย่างนั้นเหรอ? เป็นไปได้ด้วยเหรอ แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายเปรียบเสมือนผู้นำประเทศเลยเชียวนะ

พอคิดแบบนั้นฉันรีบกลับลุกขึ้นมายืน พอทำแบบนั้นเธอก็ถอนสายตาไปจากฉันพอดี นี่อย่าบอกนะว่าเธอมองออกจริงๆ

ต้องระวังไว้ซะแล้วสิ

“อย่างที่ทุกท่านได้ทราบ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นสามรอบ ในแต่ละรอบจะเป็นการคัดคนออกเพื่อหาคนที่แข็งแกร่งที่สุด”

“โดยการแข่งขันทั้งสามก็อย่างที่ได้ประกาศไปเมื่อหลายวันก่อน การต่อสู้เพื่อแย่งชิงคะแนน, แพ้คัดออกและรอบสุดท้ายคือ สนามเปิดเอาตัวรอดให้ได้เป็นคนสุดท้าย”

“รายละเอียดเพิ่มเติมเธอคนนี้จะเป็นคนอธิบายเอง”

ว่าแล้วก็มีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้างๆ เธอ ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วน่าจะอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี แค่ดูจากบรรยากาศรอบตัวก็ดูเป็นมิตรพอสมควร

“สวัสดีค่ะ ข้าจะมาทำหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแข่งในครั้งนี้ มีชื่อว่า ลิซเบล ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

ว่าเสร็จเธอก็ก้มหัวอย่างสุภาพ ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า

“การแข่งขันในรอบแรกนั้นจะเป็นการแข่งขันคล้ายรอบสุดท้ายเป็นการแข่งขันแบบเปิด แต่ทว่าไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อเหลือรอด แต่ต้องสะสมคะแนนให้ถึงที่กำหนด พอสิ้นสุดเวลาที่ใช้ในการแข่งขันก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป หากเก็บสะสมคะแนนไม่ก็จะตกรอบไป”

“แน่นอนว่าคะแนนได้มาจากการช่วงชิงจากผู้อื่นเท่านั้นโดยในตอนแรกทุกคนจะมีคะแนนติดตัวตั้งแต่แรก”

“แต่ละโรงเรียนจะได้รับคะแนนเริ่มต้นไปโรงเรียนละหนึ่งหมื่นคะแนน และจะแบ่งสันให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเอาชนะศัตรูได้พวกเจ้าจะได้รับคะแนนมาจากศัตรู”

“คะแนนขั้นต่ำที่จะผ่านเข้ารอบคือสองพันคะแนน แน่นอนว่าหากยิ่งได้คะแนนเยอะมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ได้รับรางวัลพิเศษมากขึ้นเท่านั้นด้วย”

แย่งชิงคะแนนงั้นสินะ แบบนี้พวกโรงเรียนที่มีคนเยอะๆ อย่างโรงเรียนโรเซ่ที่มีถึงร้อยคน พวกเขาจะมีคะแนนเพียงคนละร้อยเองนี่น่า

ต้องหาคะแนนเพิ่มกว่าหนึ่งพันเก้าร้อยเลย คงลำบากตายเลยละมั้ง.. พอคิดแบบนั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าการที่คนเยอะอาจจะไม่ดีเสมอไปก็ได้นะเนี่ย

เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ มีอะไรที่ฉันมองข้ามไปนะ ในขณะที่คิดแบบนั้นอยู่นั้นเอง คนที่ชื่อ ลิซเบลก็พูดต่อว่า

“โรงเรียนโรเซ่นักเรียนทุกคนจะมีคะแนนเริ่มต้นที่ หนึ่งร้อย โรงเรียนเอเรียสจะมีคะแนนเริ่มต้นที่….”

ลิซเบลเริ่มบอกรายละเอียดรายบุคคล ก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกังวลมากขึ้น พอมาถึงโรงเรียนลิเบอร์นั้นเอง เธอก็หยุดเสียงลงพักหนึ่ง

ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงกลั้นขำเล็กน้อย

“โรงเรียนลิเบอร์ เนื่องจากมีตัวแทนนักเรียนเพียงคนเดียวดังนั้นเธอจึงมีคะแนนเริ่มต้นที่ หนึ่งหมื่นคะแนน”

พอเธอพูดแบบนั้นทุกคนก็หันหน้ามาทางฉันไม่ใช่แค่นักเรียนโรงเรียนอื่นเท่านั้น แต่รวมถึงทุกคนที่นั่งชมอยู่ข้างๆ ด้วย

อ๊ะ นี่ไง ไอ้ที่กวนใจฉันอยู่!!! ถ้าแบ่งคะแนนให้ห้าโรงเรียนเท่ากันโรงเรียนละหมื่น โรงเรียนลิเบอร์ที่มีแค่ฉันก็….

ฉันจะมีคะแนนเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่น กล่าวคือฉันไม่ต้องไปแย่งคะแนนใครก็ผ่านได้แค่อยู่รอดให้ถึงเวลากำหนดแค่นั้นเอง

แต่ว่านะ คะแนนตั้งหมื่นหนึ่งเชียวนะ นี่คือแค่กำจัดฉันคนเดียวได้พวกเขาก็รวยเป็นเศรษฐีคะแนนได้เลยนะ!!!

นี่มันแย่แน่ๆ ขืนเป็นแบบนี้ฉันต้องถูกเพ่งเล็งแน่ๆ ก็เพราะไม่จำเป็นต้องลงมือกับใครอีกขอแค่ชนะฉันแบบนั้นใครจะไม่ต้องการล่ะ

โดนคนร้อยกว่าคนรุมอย่างงั้นเหรอ มันจะเกินตัวไปหรือเปล่าเนี่ย แล้วก็สถานการณ์แย่กว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก

ทุกคนมองมาที่ฉันในตอนแรกเต็มไปด้วยความตกใจ แต่พอมองเห็นฉันก็พากันยิ้มชั่วร้ายออกมา พวกนี้กำลังคิดว่าจะจัดการฉันง่ายๆ แน่เลย

ขณะกำลังปวดหัวอยู่นั้นเอง ลิซเบลผู้บรรยายก็กระแอมออกมาเบาๆ ในขณะที่คนหลายร้อยเพ่งเล็งมาหาฉัน

“อะแฮ่ม เอาเป็นว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นอีกในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า แยกย้ายได้เลยค่ะ”

เธอว่าแบบนั้นทุกคนก็พากันแยกย้ายเหลือแค่ฉันคนเดียวที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น เพราะรู้สึกว่าโลกนี้จะรังแกฉันเกินไปแล้วนะ

เฮ้อ อุปกรณ์เวทมนตร์ ยาวิเศษก็หมดไปแล้ว ขนาดพันธสัญญาโซลก็ยังไม่ได้ทำ นี่ยังจะให้มาสู้กับนักเรียนที่มีแต่คนเก่งระดับประเทศร้อยกว่าคนอีกเหรอเนี่ย

แถมยังใช้เวทมนตร์ปีศาจไม่ได้อีกต่างหาก ฉันที่เหมือนจะโดนฟ้ารังแกเดินออกจากลานกว้างไป แต่ไม่ได้กลับไปหาพวกเลวี่หรือใคร

แต่ฉันหาที่ว่างๆ วางแผนสู้รบในหัว แต่คิดยังไงก็รู้สึกเกินตัว จะใช้ดาบจูชินก็ไม่ได้อีก ขืนฟันใครตายขึ้นมาละก็แย่อีก

หนีก็ไม่ได้ พลังที่ต้องใช้ก็ถูกจำกัด และต้องเอาที่หนึ่งมาครองให้ได้

“อ๊ากกกกกก”

ฉันคิดหาทางออกไม่ได้ก็ร้องออกมา เวลาสองชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก เสียงเรียกรวมตัวก็ดังขึ้น

ฉันรีบไปที่รวมตัวและคนจากโรงเรียนอื่นก็เริ่มทยอยมาถึงกันอย่างรวดเร็วและการแข่งขันก็ถูกประกาศให้เริ่มขึ้น

พร้อมกับมีการอธิบายว่าสนามจะมีทั้งอสูรและสัตว์ป่าที่ดุร้าย แต่ฉันไม่ได้ฟังอะไรเลยเพราะมัวแต่คิดนั่นคิดนี่เต็มไปหมด

ในตอนนั้นเอง

“โอ้ นี่มันสาวน้อยหมื่นคะแนนไม่ใช่เหรอเนี่ย ตัวเล็กไม่ต่างจากมองอยู่ไกลๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ”

มีผู้ชายกล้ามใหญ่คนหนึ่งเดินมาแซวฉัน ฉันยังไม่ทันได้ตอบก็มีหญิงสาวเจ้าสำอางคนหนึ่งเดินมาพูดด้วยท่าทางของชนชั้นสูง

“เดี๋ยวเถอะ เจ้าวัวจากโรงเรียนเอเรียสช่างไร้มารยาทเสียจริงนะคะ”

“ว่าไงนะ ยัยผมลอน”

“ข้าชื่อมาควิสตั้งหากล่ะ ความไม่งดงามอย่างเจ้าเนี่ยช่างน่าอับอายแทนโรงเรียนชั้นนำที่อยู่ในระดับเดียวกับโรงเรียนโรเซ่ข้าเสียจริง”

ฉันยืนมองคนทะเลาะกันแต่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยสิ พอคิดแบบนั้นก็ถอยออกมา แต่ก็ไปชนใครไม่รู้อยู่ด้านหลัง

“โอ้ย ขอโทษนะ”

ฉันรีบขอโทษออกไปตามมารยาท แต่คนที่อยู่ด้านหลังก็ตอบกลับมา

“ไม่เป็นไร เจ้าบาดเจ็บตรงไหนไหม”

พอฉันได้ยินเสียงก้ถอยห่างทันที ว่าแล้วเชียวไอ้หมอนี่คือเจ้าชายจากอาณาจักรระดับกลางนั่น ก็น้ำเสียงเหมือนจะมีเวทมนตร์ตามมาด้วย

บางที นี่คงเป็นเวทมนตร์ควบคุมจิตใจละมั้ง ยังโชคดีที่พลังเวทฉันเยอะกว่าหมอนี่เลยไม่มีผลอะไร แม้จะไม่ได้ป้องกันอะไรก็ตามที

แต่ในตอนนั้นเองเกทก็เริ่มทำงาน และพวกเราก็ถูกส่งเข้าเกทไป พอรู้สึกตัวอีกทีมายืนอยู่กลางป่าคนเดียว

เริ่มซะแล้วสิ ฉันยังไม่ได้แผนดีๆ เลยนะ ขณะคิดแบบนั้นนั่นเองจู่ๆ พุ่มไม้ด้านข้างก็ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา

แต่ฉันที่มัววุ่นแต่คิดเรื่องแผนการเอาตัวรอดไม่ได้สนใจ เสียงนั้นดังที่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกเร่งอยู่

และในตอนนั้นเองก็มีร่างของอสูรตัวหนึ่งพุ่งออกมาซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับแผนการทั้งหมดของฉันปลิวหายไปนึกอะไรไม่ออก

จนรู้สึกหงุดหงิด ด้วยความหงุดหงิดฉันก็หันหน้าไปทางต้นเสียงที่ทำให้ตัวเองรำคาญและร่างที่พุ่งออกมาคือหมาป่าขนขาวตัวหนึ่ง

ฉันยกมือขึ้นไปจับคอของมันก่อนจะบีบลงด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับตะโกนออกมา

“อ๊ากกก ตายเป็นตายสิวะ”

 

……..

[เลทิเซียรุนแรงจังเลยย – ผู้เขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 184

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 184 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 184 – ตายเป็นตายสิวะ

 

หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดการพูดที่ยาวยืดก็จบลง บางทีฉันก็คิดนะว่า สำหรับฉันสิ่งที่เบื่อที่สุดอาจจะไม่ใช่การต่อสู้หรืออะไร

แต่เป็นการกล่าวปราศรัยก่อนเริ่มการต่อสู้นี่แหละที่น่ารำคาญและน่าเบื่อที่สุด บางทีโลกนี้ควรศึกษาวิธีสู้ก่อนค่อยพูดไว้บ้างก็ดีนะ

“เอาล่ะ คงถึงเวลาแก่การเปิดงานกันอย่างจริงจังกันแล้วล่ะมั้ง”

ในที่สุดเธอก็กลับเข้าสู่ประเด็นหลักก่อนที่จะหันมามองนักเรียนทุกคน พอเธอหันมาเห็นฉันก็หยุดชะงักจ้องมองมาที่ฉันด้วยสายตาแปลกๆ

หรือว่าเธอสามารถมองทะลุเวทมนตร์ลวงตาของฉันได้อย่างนั้นเหรอ? เป็นไปได้ด้วยเหรอ แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายเปรียบเสมือนผู้นำประเทศเลยเชียวนะ

พอคิดแบบนั้นฉันรีบกลับลุกขึ้นมายืน พอทำแบบนั้นเธอก็ถอนสายตาไปจากฉันพอดี นี่อย่าบอกนะว่าเธอมองออกจริงๆ

ต้องระวังไว้ซะแล้วสิ

“อย่างที่ทุกท่านได้ทราบ การแข่งขันจะแบ่งออกเป็นสามรอบ ในแต่ละรอบจะเป็นการคัดคนออกเพื่อหาคนที่แข็งแกร่งที่สุด”

“โดยการแข่งขันทั้งสามก็อย่างที่ได้ประกาศไปเมื่อหลายวันก่อน การต่อสู้เพื่อแย่งชิงคะแนน, แพ้คัดออกและรอบสุดท้ายคือ สนามเปิดเอาตัวรอดให้ได้เป็นคนสุดท้าย”

“รายละเอียดเพิ่มเติมเธอคนนี้จะเป็นคนอธิบายเอง”

ว่าแล้วก็มีผู้หญิงอีกคนยืนอยู่ข้างๆ เธอ ผู้หญิงคนนี้ดูแล้วน่าจะอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี แค่ดูจากบรรยากาศรอบตัวก็ดูเป็นมิตรพอสมควร

“สวัสดีค่ะ ข้าจะมาทำหน้าที่อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานแข่งในครั้งนี้ มีชื่อว่า ลิซเบล ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

ว่าเสร็จเธอก็ก้มหัวอย่างสุภาพ ก่อนที่เธอจะพูดต่อว่า

“การแข่งขันในรอบแรกนั้นจะเป็นการแข่งขันคล้ายรอบสุดท้ายเป็นการแข่งขันแบบเปิด แต่ทว่าไม่จำเป็นต้องต่อสู้เพื่อเหลือรอด แต่ต้องสะสมคะแนนให้ถึงที่กำหนด พอสิ้นสุดเวลาที่ใช้ในการแข่งขันก็จะผ่านเข้ารอบต่อไป หากเก็บสะสมคะแนนไม่ก็จะตกรอบไป”

“แน่นอนว่าคะแนนได้มาจากการช่วงชิงจากผู้อื่นเท่านั้นโดยในตอนแรกทุกคนจะมีคะแนนติดตัวตั้งแต่แรก”

“แต่ละโรงเรียนจะได้รับคะแนนเริ่มต้นไปโรงเรียนละหนึ่งหมื่นคะแนน และจะแบ่งสันให้ทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เมื่อเอาชนะศัตรูได้พวกเจ้าจะได้รับคะแนนมาจากศัตรู”

“คะแนนขั้นต่ำที่จะผ่านเข้ารอบคือสองพันคะแนน แน่นอนว่าหากยิ่งได้คะแนนเยอะมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ได้รับรางวัลพิเศษมากขึ้นเท่านั้นด้วย”

แย่งชิงคะแนนงั้นสินะ แบบนี้พวกโรงเรียนที่มีคนเยอะๆ อย่างโรงเรียนโรเซ่ที่มีถึงร้อยคน พวกเขาจะมีคะแนนเพียงคนละร้อยเองนี่น่า

ต้องหาคะแนนเพิ่มกว่าหนึ่งพันเก้าร้อยเลย คงลำบากตายเลยละมั้ง.. พอคิดแบบนั้นก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าการที่คนเยอะอาจจะไม่ดีเสมอไปก็ได้นะเนี่ย

เอ๊ะ แต่เดี๋ยวนะ มีอะไรที่ฉันมองข้ามไปนะ ในขณะที่คิดแบบนั้นอยู่นั้นเอง คนที่ชื่อ ลิซเบลก็พูดต่อว่า

“โรงเรียนโรเซ่นักเรียนทุกคนจะมีคะแนนเริ่มต้นที่ หนึ่งร้อย โรงเรียนเอเรียสจะมีคะแนนเริ่มต้นที่….”

ลิซเบลเริ่มบอกรายละเอียดรายบุคคล ก็ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกังวลมากขึ้น พอมาถึงโรงเรียนลิเบอร์นั้นเอง เธอก็หยุดเสียงลงพักหนึ่ง

ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงกลั้นขำเล็กน้อย

“โรงเรียนลิเบอร์ เนื่องจากมีตัวแทนนักเรียนเพียงคนเดียวดังนั้นเธอจึงมีคะแนนเริ่มต้นที่ หนึ่งหมื่นคะแนน”

พอเธอพูดแบบนั้นทุกคนก็หันหน้ามาทางฉันไม่ใช่แค่นักเรียนโรงเรียนอื่นเท่านั้น แต่รวมถึงทุกคนที่นั่งชมอยู่ข้างๆ ด้วย

อ๊ะ นี่ไง ไอ้ที่กวนใจฉันอยู่!!! ถ้าแบ่งคะแนนให้ห้าโรงเรียนเท่ากันโรงเรียนละหมื่น โรงเรียนลิเบอร์ที่มีแค่ฉันก็….

ฉันจะมีคะแนนเริ่มต้นที่หนึ่งหมื่น กล่าวคือฉันไม่ต้องไปแย่งคะแนนใครก็ผ่านได้แค่อยู่รอดให้ถึงเวลากำหนดแค่นั้นเอง

แต่ว่านะ คะแนนตั้งหมื่นหนึ่งเชียวนะ นี่คือแค่กำจัดฉันคนเดียวได้พวกเขาก็รวยเป็นเศรษฐีคะแนนได้เลยนะ!!!

นี่มันแย่แน่ๆ ขืนเป็นแบบนี้ฉันต้องถูกเพ่งเล็งแน่ๆ ก็เพราะไม่จำเป็นต้องลงมือกับใครอีกขอแค่ชนะฉันแบบนั้นใครจะไม่ต้องการล่ะ

โดนคนร้อยกว่าคนรุมอย่างงั้นเหรอ มันจะเกินตัวไปหรือเปล่าเนี่ย แล้วก็สถานการณ์แย่กว่าที่ฉันคิดไว้ซะอีก

ทุกคนมองมาที่ฉันในตอนแรกเต็มไปด้วยความตกใจ แต่พอมองเห็นฉันก็พากันยิ้มชั่วร้ายออกมา พวกนี้กำลังคิดว่าจะจัดการฉันง่ายๆ แน่เลย

ขณะกำลังปวดหัวอยู่นั้นเอง ลิซเบลผู้บรรยายก็กระแอมออกมาเบาๆ ในขณะที่คนหลายร้อยเพ่งเล็งมาหาฉัน

“อะแฮ่ม เอาเป็นว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นอีกในอีกสองชั่วโมงข้างหน้า แยกย้ายได้เลยค่ะ”

เธอว่าแบบนั้นทุกคนก็พากันแยกย้ายเหลือแค่ฉันคนเดียวที่ยืนโดดเดี่ยวอยู่ตรงนั้น เพราะรู้สึกว่าโลกนี้จะรังแกฉันเกินไปแล้วนะ

เฮ้อ อุปกรณ์เวทมนตร์ ยาวิเศษก็หมดไปแล้ว ขนาดพันธสัญญาโซลก็ยังไม่ได้ทำ นี่ยังจะให้มาสู้กับนักเรียนที่มีแต่คนเก่งระดับประเทศร้อยกว่าคนอีกเหรอเนี่ย

แถมยังใช้เวทมนตร์ปีศาจไม่ได้อีกต่างหาก ฉันที่เหมือนจะโดนฟ้ารังแกเดินออกจากลานกว้างไป แต่ไม่ได้กลับไปหาพวกเลวี่หรือใคร

แต่ฉันหาที่ว่างๆ วางแผนสู้รบในหัว แต่คิดยังไงก็รู้สึกเกินตัว จะใช้ดาบจูชินก็ไม่ได้อีก ขืนฟันใครตายขึ้นมาละก็แย่อีก

หนีก็ไม่ได้ พลังที่ต้องใช้ก็ถูกจำกัด และต้องเอาที่หนึ่งมาครองให้ได้

“อ๊ากกกกกก”

ฉันคิดหาทางออกไม่ได้ก็ร้องออกมา เวลาสองชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก เสียงเรียกรวมตัวก็ดังขึ้น

ฉันรีบไปที่รวมตัวและคนจากโรงเรียนอื่นก็เริ่มทยอยมาถึงกันอย่างรวดเร็วและการแข่งขันก็ถูกประกาศให้เริ่มขึ้น

พร้อมกับมีการอธิบายว่าสนามจะมีทั้งอสูรและสัตว์ป่าที่ดุร้าย แต่ฉันไม่ได้ฟังอะไรเลยเพราะมัวแต่คิดนั่นคิดนี่เต็มไปหมด

ในตอนนั้นเอง

“โอ้ นี่มันสาวน้อยหมื่นคะแนนไม่ใช่เหรอเนี่ย ตัวเล็กไม่ต่างจากมองอยู่ไกลๆ เลยนะเนี่ย ฮ่าๆ”

มีผู้ชายกล้ามใหญ่คนหนึ่งเดินมาแซวฉัน ฉันยังไม่ทันได้ตอบก็มีหญิงสาวเจ้าสำอางคนหนึ่งเดินมาพูดด้วยท่าทางของชนชั้นสูง

“เดี๋ยวเถอะ เจ้าวัวจากโรงเรียนเอเรียสช่างไร้มารยาทเสียจริงนะคะ”

“ว่าไงนะ ยัยผมลอน”

“ข้าชื่อมาควิสตั้งหากล่ะ ความไม่งดงามอย่างเจ้าเนี่ยช่างน่าอับอายแทนโรงเรียนชั้นนำที่อยู่ในระดับเดียวกับโรงเรียนโรเซ่ข้าเสียจริง”

ฉันยืนมองคนทะเลาะกันแต่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วยสิ พอคิดแบบนั้นก็ถอยออกมา แต่ก็ไปชนใครไม่รู้อยู่ด้านหลัง

“โอ้ย ขอโทษนะ”

ฉันรีบขอโทษออกไปตามมารยาท แต่คนที่อยู่ด้านหลังก็ตอบกลับมา

“ไม่เป็นไร เจ้าบาดเจ็บตรงไหนไหม”

พอฉันได้ยินเสียงก้ถอยห่างทันที ว่าแล้วเชียวไอ้หมอนี่คือเจ้าชายจากอาณาจักรระดับกลางนั่น ก็น้ำเสียงเหมือนจะมีเวทมนตร์ตามมาด้วย

บางที นี่คงเป็นเวทมนตร์ควบคุมจิตใจละมั้ง ยังโชคดีที่พลังเวทฉันเยอะกว่าหมอนี่เลยไม่มีผลอะไร แม้จะไม่ได้ป้องกันอะไรก็ตามที

แต่ในตอนนั้นเองเกทก็เริ่มทำงาน และพวกเราก็ถูกส่งเข้าเกทไป พอรู้สึกตัวอีกทีมายืนอยู่กลางป่าคนเดียว

เริ่มซะแล้วสิ ฉันยังไม่ได้แผนดีๆ เลยนะ ขณะคิดแบบนั้นนั่นเองจู่ๆ พุ่มไม้ด้านข้างก็ส่งเสียงแปลกๆ ออกมา

แต่ฉันที่มัววุ่นแต่คิดเรื่องแผนการเอาตัวรอดไม่ได้สนใจ เสียงนั้นดังที่ขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกำลังถูกเร่งอยู่

และในตอนนั้นเองก็มีร่างของอสูรตัวหนึ่งพุ่งออกมาซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับแผนการทั้งหมดของฉันปลิวหายไปนึกอะไรไม่ออก

จนรู้สึกหงุดหงิด ด้วยความหงุดหงิดฉันก็หันหน้าไปทางต้นเสียงที่ทำให้ตัวเองรำคาญและร่างที่พุ่งออกมาคือหมาป่าขนขาวตัวหนึ่ง

ฉันยกมือขึ้นไปจับคอของมันก่อนจะบีบลงด้วยความหงุดหงิดพร้อมกับตะโกนออกมา

“อ๊ากกก ตายเป็นตายสิวะ”

 

……..

[เลทิเซียรุนแรงจังเลยย – ผู้เขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+