การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 128

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 128 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128 – ความปรารถนาของดาบ

 

แต่ทว่าหางทั้งสามที่ฟาดมาก็ทำเอาเลทิเซียตอบสนองไม่ทันกาลเสียแล้ว ทว่าในตอนนั้นเองเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในหัวของเลทิเซีย

“ปลดปล่อยพลังสายฟ้าพร้อมกับพลังแห่งความมืด!”

เสียงนี้ไม่คุ้นหูและไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่พอมันดังขึ้นเลทิเซียก็ตอบโต้โดยสัญชาตญาณ สายฟ้าสีม่วงอมดำก็แผ่พุ่งออกมาจนก่อนเกิดเป็นมวลพายุขนาดใหญ่

มวลพายุนี้เป็นมวลที่เกิดจากพลังสีดำทมิฬ ไม่ใช่เกิดจากลมแต่อย่างมด และรอบนอกพายุทมิฬก็มีสายฟ้าสีม่วงที่หมุนเป็นเกลียว

เลทิเซียรีบส่งทสึรุเข้าไปในมิติที่ตัวเองฉวยโอกาสสร้างขึ้นมาเมื่อตอนปะทะ พายุทมิฬที่มีสายฟ้าก็ปะทะเข้ากับกาลเวลาที่ปั่นป่วนทั้งสามที่มาจากหนวด

“เจ้าอีกแล้วเหรอ แต่ว่าข้าในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่ออดีตแล้ว!”

เสียงของหมึกยักษ์ดังขึ้นราวกับฟ้าคำรน และการปะทะครั้งนี้ทำเอาพายุลูกนั้นสั่นสะเทือน หนวดที่สี่ของมันพังทลายลงจนไม่เหลือชิ้นดี

แต่พายุเองก็พังทลาย ชั่ววินาทีที่พังทลายลงเท่านั้นเองพลังแห่งความมืดและพลังสายฟ้าในดาบก็หม่นมัวลงไม่มากก็น้อย

“ขนาดโดนผนึกแล้วยังเก่งขึ้นเรื่อยๆ อีกงั้นเหรอ?!”

เสียงนั้นดังขึ้นในหัวอีกครั้ง เลทิเซียเองก็ได้รับผลกระทบจึงรีบถอยห่างออกไปพร้อมกับตะโกน

“เธอเป็นใคร?!”

เลทิเซียไม่ไว้ใจแน่ๆ ที่อยู่ๆ ก็มีคนมาพูดในหัวโดยตรงเธอคิดว่าอาจจะเป็นคำสาปที่เกิดจากการปะทะด้วยซ้ำ

แต่ในตอนนั้นเองเงาร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าเลทิเซีย ทำให้เธอตกใจถอยกรูดไปด้านหลัง แต่ว่าเงาร่างนั้นก็ยังคงอยู่ต่อหน้าเลทิเซีย

ไม่สิ ถ้าจะให้พูดคืออยู่ข้างๆ ดาบ.. เธอคนนี้สวมชุดสีดำยาวลงไปจนเป็นกระโปรง มีผมสีดำสนิทแม้จะมีผมสีดำแต่ก็แตกต่างจากเลทิเซียตรงที่ว่า

เหมือนผมของเธอคนนี้จะถักทอขึ้นมาจากพลังความมืดไม่สะท้อนแสงใดๆ ดวงตาเองก็เป็นสีดำแม้จะมีม่านตาสีขาว

แต่ให้ความรู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนี้คือตัวแทนของความมืดที่แท้จริง เธอไม่ได้แปลกใจต่อท่าทางของเลทิเซียเลย ราวกับว่าก่อนหน้าเธอเห็นถึงฉากต่อสู้มาก่อนแล้ว

การต่อสู้ของอีกฝ่ายที่เต็มไปด้วยแผนการนั่น เธอจึงกลัวเลทิเซียจะคิดว่าตัวเองคือวิญญาณตามติดจึงรีบพูดขึ้น

“ข้าเป็นวิญญาณที่สถิตอยู่ในดาบเล่มนี้มีชื่อว่า ไวท์ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ผู้ครอบครองคนใหม่”

“ธีมสีดำแต่ชื่อขาว?”

เลทิเซียมองไปยังภาพตรงหน้าด้วยสีหน้าคลางแคลงใจ นอกจากสีผิวกับม่านตาแล้วคือนอกนั้นดำทั้งตัว

นี่จะชื่อไวท์ก็ไม่รู้ว่าคนคิดชื่อจะขี้เกียจคิดไปไหน แต่ที่เลทิเซียสนใจคืออีกฝ่ายอ้างตัวว่าเป็นวิญญาณถ้าจะถามว่าเลทิเซียไม่กลัวอะไรที่สุดในโลกละก็

คงตอบว่าเป็นผีหรือวิญญาณนั่นแหละ เพราะผีมันทำได้แค่หลอกเราซึ่งต่อให้จะหลอกแค่ไหนก็ไม่ได้ทำให้คนตาย ซึ่งเลทิเซียจำเป็นต้องกลัวไหม?

แน่นอนว่าไม่เลย แต่อีกฝ่ายเป็นวิญญาณที่สถิตอยู่ในดาบนี่น่า อาจจะเป็นวิญญาณที่ชอบดูดวิญญาณคนอื่นเพื่อเสริมพลัง

จนถูกนำมาผนึกไว้ รอใครสักคนมาจับดาบจะได้ควบคุมร่างอะไรแบบนั้นก็ได้ เลทิเซียจึงไม่มั่นใจนัก พอเห็นสายตาคลางแคลงใจของเลทิเซียไวท์ก็พูดขึ้น

“ข้ารู้ว่าเจ้าคงมีคำถามมากมาย แต่เมื่อวิญญาณข้าแตกสลายลงไป.. เจ้าจะได้รับข้อมูลนั่นเอง..”

“แตกสลาย?”

“ใช่แล้ว.. เพื่อที่จำกำจัดเจ้านั่นมีแค่ทางนี้ทางเดียวเท่านั้น เจ้าเองก็จะช่วยคนสำคัญของตัวเองได้ และข้าเองก็ทำคำปรารถนาเมื่อนานมาแล้วสำเร็จนั่นก็จบ”

เธอพูดขึ้นแล้วมองตรงไปยังหมึกยักษ์ที่ตอนนี้กำลังบ้าคลั่งเหวี่ยงหนวดทั้งแปดไปมาเพื่อจะกลับมาโจมตีเลทิเซียอีกครั้ง

ที่ไวท์กำลังจะทำคือการยื่นข้อเสนอให้กับเลทิเซีย บางทีหากมีข้อเสนอที่สมเหตุสมผลคนที่ระแวดระวังอย่างเลทิเซียก็อาจจะยอมรับได้

เพราะมันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียมกันนั่นเอง แน่นอนว่าก็เป็นอย่างที่ไวท์คิดเพราะเลทิเซียเองก็ไม่มีทางเลือกมากนัก

เพราะตอนนี้สิ่งสำคัญสำหรับเลทิเซียไม่ได้มีแค่ตัวเลทิเซียเอง ยังมีทสึรุอีกคนด้วย.. ซึ่งเลทิเซียทราบดี…

พอเห็นเลทิเซียไม่ปฏิเสธไวท์จึงรีบพูดขึ้นว่า..

“จริงๆ แล้ว หน้าที่กำจัดเจ้านี่ไม่ควรตกมาอยู่ในมือเด็กอย่างเจ้า แม้เจ้าจะดูไม่เหมือนเด็กทั่วไปแต่ทว่า… เพราะท่านผู้นั้นไม่อยากให้ข้าตายถึงได้เลือกที่จะผนึก..”

“แผนของข้านั้นง่ายมาก เนื่องจากข้าคือจิตวิญญาณของดาบเล่มนี้ ข้าคือผู้ควบคุมทุกอย่างของดาบโดยมีผู้ถือครองดาบควบคุมข้าอีกที”

“เจ้าเพียงแค่ฟันดาบเล่มนี้ไปให้ถึงหัวของหมึกเฒ่าตนนี้และปลดปล่อยพลังธาตุออกมาเต็มที่ แค่นั้นข้าก็จะระเบิดวิญญาณของตัวเองเพื่อกำจัดมัน”

“แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงแม้ข้าจะตายไปแล้ว แต่ดาบเล่มนี้ก็ยังแข็งแกร่งเหมือนเดิม เจ้ายังสามารถใช้ได้ตามปกติ”

เสียงของไวท์พูดเหมือนไม่ได้พูดถึงชีวิตตัวเองอยู่เธอกำลังบอกเลทิเซียว่าตัวเองจะไปตายเพื่อกำจัดศัตรู

สำหรับเลทิเซียแล้ว เธอไม่ใช่คนดีที่จะร้องไห้กับคนที่ไม่รู้จักตอนเขาตาย เธอก็เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวที่เอาแค่ชีวิตตัวเองและคนที่สำคัญของตัวเองมาก่อน

และแน่นอนว่าสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดก็คือชีวิตของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็แล้วแต่พี่ของเลทิเซียสอนเสมอว่าทุกอย่างแค่ของนอกกายมีเพียงชีวิตเท่านั้นที่เป็นชองภายในกาย

จงรักตัวเองให้มาก และผสมกับลักษณะนิสัยของเลทิเซียแล้วสำหรับเธอคำว่าการบอกว่าตัวเองจะไปตายคือคำพูดที่น่ากลัวที่สุด

แม้ก่อนหน้านี้เธอยังเคยคิดจะทำแบบนั้นก็ตาม แต่เพราะว่านั่นอยู่ขีดสุดของความเจ็บปวด แต่ว่าตอนนี้คนที่ชื่อไวท์ที่มีอารมณ์ปกติที่สุด

ปกติจนไม่สามารถปกติได้มากกว่านี้แล้วอย่างไวท์กำลังบอกว่าตัวเองจะไปตาย.. เลทิเซียจะไปเข้าใจได้ยังไงกันละ?

“เธอ…”

เลทิเซียมองเห็นแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่เหมือนจะรู้สึกผิดและเหงาเดียวดายให้ความรู้สึกเหมือนตัวเองกับทสึรุเลย

ความรู้สึกของเลทิเซียที่มีต่อไวท์ตอนนี้มีแต่ความลึกลับและสับสน หาใช่ความสงสาร เธอเพียงแค่สงสัยเท่านั้น แต่ไวท์ก็หันมายิ้มให้เลทิเซีย

“ข้าน่ะ… สมควรที่จะตายตั้งนานแล้วแต่ว่าเพราะท่านผู้นั้นไม่ยอมให้ข้าตายเพื่อสังหารหมึกนี่จึงเลือกที่จะผนึกมันไว้.. แต่ว่าเจ้าไม่รู้หรอกว่าข้าเหงาขนาดไหนต้องอยู่ที่นี่คนเดียวตลอดเวลา เช้า กลางวัน เย็น ตกดึก.. มันวนแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่จบไม่สิ้น จนข้าเองก็ลืมนับไปแล้วว่าการวนเวียนแบบนี้มันผ่านไปกี่ครั้ง”

“ข้าดีใจที่ท่านผู้นั้นไม่ปล่อยให้ข้าตาย.. แต่ว่าก็เพราะข้าไม่ตายตอนนั้นเลยทำให้มีคนมารับเคราะห์ เพราะงั้นข้าในตอนนี้เตรียมใจพร้อมแล้วล่ะว่าจะตาย ไม่สิ.. ต้องตายไม่งั้นทุกอย่างมันจะสายเกินแก้ เพราะเจ้าหมึกเฒ่านี่อันตรายใดที่โลกนี้ยังมีเวลามันก็จะแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ”

“ดังนั้น ข้าในตอนนี้พอแล้วล่ะ ไม่อยากอยู่คนเดียวอีกแล้วล่ะ เพราะงั้นถึงได้เลือกเจ้า… ข้าขอโทษนะที่โยนภาระนี้ให้เจ้านะ ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนขี้ระแวงเพราะข้าเห็นเจ้าตั้งแต่เหยียบเข้ามาบนโลกใบนี้แล้ว.. ดังนั้นสำหรับเจ้านี่ก็คือทางเลือกที่ดีที่สุด”

“หลังจากข้าหายไปเจ้าก็จะสามารถควบคุมดาบ ไม่ต้องกลัวข้าจะลอบทำร้ายหรืออะไรทั้งสิ้น”

เลทิเซียสับสนเล็กน้อย มองไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย.. แม้เลทิเซียจะมองคนอื่นไม่ค่อยเข้าใจแต่ตอนนี้เหมือนว่าเลทิเซียจะมองออกว่า

อีกฝ่ายต้องการให้ตัวเองตายไปจริงๆ แม้แต่คนที่ขี้ระแวงอย่างเลทิเซียยังสับสนกับคำพูดและท่าทางของอีกฝ่าย

แต่ว่าหากจะเลือกจริงระหว่างคนไม่รู้จักกับคนที่สำคัญต่อตัวเอง แน่นอนว่าเลทิเซียย่อมเลือกอย่างหลังแน่นอนอยู่แล้ว

แม้เธอจะถูกพี่สอนมาให้เป็นคนดีช่วยเหลือคนอื่น เหมือนในครั้งที่ยอมช่วยขุนนางตกอับคนนั้น แต่ทว่าสถานการณ์แบบนี้เลทิเซียไม่รู้ว่าเลือกอย่างไหน

แต่หากตามความรู้สึกของเลทิเซียแล้ว.. ใครจะไปสนคนที่ไม่รู้จักกันละ..?

ใช่ ช่วยทสึรุและตัวเองให้รอดจากสถานการณ์นี้โดยสังเวยคนอื่น

หรือจะตายไปพร้อมกันทั้งหมดกับสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้

แน่นอนว่า คำตอบของเลทิเซียจากลักษณะนิสัยของเลทิเซียแล้วมันแน่อยู่แล้ว

“เข้าใจแล้ว”

เลทิเซียกำดาบในมือและ… พุ่งเข้าโจมตีอาศัยความเร็วสุดขีดที่ระเบิดขึ้นในชั่วพริบตา ซึ่งในตอนนี้ที่หมึกเฒ่ากำลังอาละวาดอยู่เป็นโอกาสชั่วพริบตาที่จะเข้าใกล้

ผสมกับความเร็วอันมากมหาศาลของเลทิเซีย เพียงชั่วพริบตาเดียวก็ปรากฏอยู่เหนือหัวของหมึกยักษ์

ดวงตาของไวท์ค่อยๆ หลับลงช้าๆ ในจังหวะที่เลทิเซียแทงดาบเข้าใส่กลางหัวของอีกฝ่าย เสียงของไวท์ก็ดังขึ้นมาในหัวเลทิเซียว่า

“หากได้เจ้าได้เจอกับนายท่าน.. อย่าลืมฝากบอกเธอด้วยว่า ข้าเป็นเด็กดีแล้วนะ..”

 

 

…….

[เพราะเป็นคนที่ขี้กลัวมากที่สุด ดังนั้นเลยเป็นคนที่เห็นคุณค่าของชีวิตมากที่สุดเช่นกัน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด