การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 229

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 229 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 229 – จักรพรรดิและจอมมาร

 

ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ผนังบนหัวถล่มลงทำให้มองเห็นท้องฟ้าที่มืดมัวแม้มีดวงตะวันแขวนอยู่กลางนภา

ในห้องโถงแห่งนี้มีเสียงบางอย่างพุ่งใส่พื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลังเวทสีดำทมิฬจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ยิ่งไปใส่ร่างกายของคนสองคนที่อยู่ด้านล่าง

แม้ว่าสองคนนั้นจะกลายเป็นศพเน่าเปื่อยไปในสภาพที่อเนจอนาถแต่หญิงสาวบนบัลลังก์กลับไม่หยุดโจมตีราวกับกลัวว่ามันจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง

บนตักของเธอมีหัวของเด็กที่ดูอายุเยอะกว่าเธอนิดหน่อย เลือดสีแดงไหลอาบไปทั่วขา ในห้องโถงอันเงียบงันมีเพียงเสียงของคลื่นพลังที่ถูกปล่อยออกไป

เลทิเซียโจมตีออกไปจวบจนกระทั่งร่างของอีกฝ่ายพรุนเป็นรูจนดูไม่ได้ ดวงตาของเลทิเซียก็มืดมัวลงจากการสูญเสียพลังจำนวนมาก

อันที่จริง.. พลังของเธอมันควรจะหมดไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะความดึงดัน ความโกรธและความเกลียดชัง

อารมณ์เหล่านั้นไปกระตุ้นบางอย่างทำให้เธอรีดทุกอย่างออกมาจากร่างกายเพื่อโจมตี อย่าว่าแต่ใช้พลังเลย ขนาดพลังแห่งการรักษาเธอยังไม่มีด้วยซ้ำ

แสงจากปลายนิ้วที่โจมตีเบาบางลงไปเรื่อยๆ จนมิอาจปล่อยออกไปได้อีกเลทิเซียหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

เธอจ้องไปที่สองพี่น้องไบรอัสกับเลมิสทาเรียเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทั้งสองไม่มีการตอบสนองใดๆ เธอก็นิ่งไปสักพักหนึ่ง

ก่อนที่จะมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก.. หู จมูกและดวงตาราวกับว่าร่างกายเธอแบกรับภาระมากเกินไป

ต่อให้เป็นเลทิเซีย ร่างกายของเธอไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ด้วยการเสริมพละกำลังที่มากเกินไปมันจึงส่งผลให้ร่างกายเธอไม่อาจทนได้

มันจะค่อยๆ แสดงออกมาและตอนนี้ผลลัพธ์ที่เธอใช้พลังเกินขีดจำกัด ร่างกายถูกใช้งานหนักและทุกๆ อย่างที่ทำมา

เลือดไหลออกมาจากปาก หูจมูกและดวงตา แต่ทว่าเลทิเซียกลับยิ้มออกมา ภายใต้สภาพที่น่ากลัวเช่นนั้น

ไม่ว่าใครเห็นคงต้องขนหัวลุกเป็นแน่ เธอเอามือไปลูบหัวของสเตฟานี่อย่างอ่อนโยนแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย..

“ข้า..ล้างแค้นให้เจ้าและครอบครัวเจ้าได้แล้วนะ…”

เมื่อกล่าวเช่นนั้นเสร็จดวงตาของเลทิเซียที่พยายามไม่ให้ปิดก็ปิดลง คอที่หักของเธอเงยขึ้นพิงกับที่พิงด้านหลังและสลบไปทั้งแบบนั้น

แสงตะวันที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบนถูกท้องฟ้าที่มืดมิดบดบังไว้จนแทบเหมือนกับแสงจันทรา

มันสาดลงทางเลทิเซียกลายเป็นภาพที่เหมือนกับการจุติของราชาปีศาจ…

…….

ภายใต้ความเงียบ เงียบจนน่าแปลกใจ .. ในตอนนั้นเองใกล้ๆ ศพของเลมิสทาเรียและไบรอัสก็พลันมีบางอย่างปรากฏขึ้น

มันเป็นเงาเลือนรางที่สามารถมองทะลุก่อนที่จะกลายเป็นเงาร่างของคนคนหนึ่ง.. ในมุมอับแสง..

ก่อนที่จะเดินออกมาจากมุมอับแสงตรงนั้น.. เขาเป็นชายคนหนึ่งมีหนวดเคราและผมสีเทาอายุราวๆ สามสิบถึงสี่สิบ

หากมีลูกหลานคงถูกเรียกว่าลุงหรืออาทำนองนั้น เขามีไหลที่กว้างร่างกายที่แข็งแกร่งสูงเกือบๆ สองเมตร

หากเทียบกับเลทิเซีย เลทิเซียคงสูงไม่ถึงท้องของเขาด้วยซ้ำมั้ง และที่น่าแปลกชายคนนี้มีเขาบนหัวราวกับเผ่าปีศาจชั้นสูง

แต่ลักษณะของเขามันไม่เหมือนกับปีศาจ.. แต่เป็นเขาของมังกร!! ชายคนนั้นก้มมองซากศพของไบรอัสและเลมิสทาเรียก่อนที่จะก้มลงไปใช้มือแทงเข้าไปในอกของไบรอัสและเลมิสทาเรีย

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นชาก็ดังขึ้น…

“ไม่คิดว่าจะเอาง่ายไปหน่อยงั้นเหรอท่านจักรพรรดิ? อ่า ไม่สิ.. ตอนนี้คงเป็นจักรพรรดิจอมปลอมสินะ..?”

เสียงยั่วยุดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา ชายที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิค่อยๆ ลุกขึ้น แต่ในมือทั้งสองข้างเขามีวัตถุสีขาวประหลาดอยู่บนมือ

มันมีลักษณะคล้ายกับตัวเบี้ยในหมากรุก.. ใช่แล้วผู้กล้านั่นเปรียบเสมือนเบี้ยของพระเจ้า.. นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้กล้าถึงมีจำนวนมากกว่าจอมมาร

“จอมมารคาริลงั้นเหรอ..”

“จมูกดีจนไม่คิดว่าจะเป็นมังกรเลยนะเนี่ย.. หรือจริงๆ แล้วเจ้าสืบสายเลือดมาจากสุนัขกัน?”

ชายอีกคนเดินออกมา ดวงตาเขาสดใสชายคนนี้คือหนึ่งในจอมมารทั้งสิบสองที่มีอยู่บนทวีปแห่งนี้..

ผมสีดำยาวของเขาจดจ้องไปที่จักรพรรดิ.. แน่นอนจักรพรรดิคนนี้คืออดีตจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมังกรที่เคยล่มสลายไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน

เขาอาจจะเป็นเพียงผู้เดียวที่มีสายเลือดมังกรแท้ไหลเวียนอยู่มากที่สุดในจักรวรรดิมังกรเลยก็ว่าได้..

เขาไม่ใช่คนที่เคยสู้กับนักปราชญ์เขาเกิดมาหลังจากนั้นและสืบทดความทรงจำและทุกอย่างของจักรพรรดิองค์กรมาในฐานะจักรพรรดิมังกรคนใหม่

และมีชีวิตมากกว่าร้อยปี.. จักรพรรดิมังกร ริสเวล

“ระวังปากหน่อยจอมมารคาริล เจ้าคิดว่าตัวเองที่ถูกผนึกพลังเพียงคนเดียวจะสามารถสู้กับข้าคนนี้ได้อย่างงั้นเหรอ”

“เฮ้ยๆ เรื่องนั้นเจ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง”

จอมมารคาริลกล่าวแขวะ ในตอนนั้นเองจักรพรรดิมังกรริสเวลก็สบถ

“งั้นลองมาพิสูจน์ดูสักหน่อยไหมล่ะ… ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่ก่อนหน้านั้น”

สายตาของเขาหันออกจากจอมมารคาริลไปจดจ้องเลทิเซียที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัยและมีความหวาดกลัวเจือปนอยู่ด้วย

“เจ้านี่มันตัวอะไรกัน.. พวกปีศาจมันทดลองอะไรกันอีก ไม่ใช่ว่าจอมมารต้องมีแค่สิบสองคนหรอกหรือไง”

จอมมารคาริลหันไปมองเลทิเซียก่อนจะพูดขึ้น..

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เจ้าจำเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนได้ใช่ไหม.. บางทีเจ้าของร่างมารตอนนั้น..  อาจจะเป็นเจ้านี่แหละ”

จักรพรรดิมังกรริสเวลก้มหน้าลงครุ่นคิดมือแตะคางพลางพึมพำ

“ใช้ร่างมารและพลังไม่ถูกผนึกอย่างนั้นเหรอ..? หรือว่าจะเป็นจอมมารที่พึ่งถือกำเนิดขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ”

“ข้าจะไปรู้ได้ไง.. แต่ว่า…”

พวกเขามองหน้ากัน.. หากปล่อยให้สิ่งแบบนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปละก็สมดุลอำนาจจะพังทลายลง หากเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ไม่เข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ว่าไปอย่าง

แต่หากเข้าร่วมละก็.. พวกเขาไม่มีทางวางใจโดยเด็ดขาด!

ว่ากันตามตรงพลังพวกเขาในตอนนี้คงสู้เลมิสทาเรียกับไบรอัสพร้อมกันไม่ได้.. แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีรับมือ แต่ว่าสิ่งตรงหน้า..

ผู้เป็นราชาของเผ่าอย่างพวกเขาสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า นี่มันสัตว์ประหลาด!

หลังจากทั้งสองคนมองหน้ากันในฐานะผู้นำที่มีมาอย่างยาวนานไม่ได้มีไว้ประดับขนาดเรื่องเบี้ยแห่งผู้กล้าจอมมารคาริลยังเก็บไว้ทีหลัง

สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือ..กำจัดเลทิเซียตอนที่ไม่มีทางสู้ได้!!

ทั้งสองคนพยักหน้าและก็พุ่งโจมตีเลทิเซียด้วยพลังทั้งหมด เหตุการณ์ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการระเบิดดวงวิญญาณ ความดิบเถื่อน

พลังต่อสู้อันล้มหลามอีกทั้งยังมีพลังฟื้นฟูที่น่ากลัว ราวกับป้อมปราการเดินได้นี่.. ต้องกำจัดให้เร็วที่สุด

แสงสีดำและแสงสีเทาพุ่งใส่ร่างของเลทิเซียที่นั่งไม่ได้สติบนบัลลังก์ แต่ทว่าในวินาทีนั้นเองเสียงคำรามแห่งความเกรี้ยวโกรธก็ดังขึ้นมาจากฟากฟ้า

“เจ้าเดรัจฉานพวกเจ้ากล้าแตะต้องลูกข้า?!”

 

………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 229

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 229 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 229 – จักรพรรดิและจอมมาร

 

ในห้องโถงขนาดใหญ่ที่ผนังบนหัวถล่มลงทำให้มองเห็นท้องฟ้าที่มืดมัวแม้มีดวงตะวันแขวนอยู่กลางนภา

ในห้องโถงแห่งนี้มีเสียงบางอย่างพุ่งใส่พื้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลังเวทสีดำทมิฬจากเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ยิ่งไปใส่ร่างกายของคนสองคนที่อยู่ด้านล่าง

แม้ว่าสองคนนั้นจะกลายเป็นศพเน่าเปื่อยไปในสภาพที่อเนจอนาถแต่หญิงสาวบนบัลลังก์กลับไม่หยุดโจมตีราวกับกลัวว่ามันจะลุกขึ้นมาอีกครั้ง

บนตักของเธอมีหัวของเด็กที่ดูอายุเยอะกว่าเธอนิดหน่อย เลือดสีแดงไหลอาบไปทั่วขา ในห้องโถงอันเงียบงันมีเพียงเสียงของคลื่นพลังที่ถูกปล่อยออกไป

เลทิเซียโจมตีออกไปจวบจนกระทั่งร่างของอีกฝ่ายพรุนเป็นรูจนดูไม่ได้ ดวงตาของเลทิเซียก็มืดมัวลงจากการสูญเสียพลังจำนวนมาก

อันที่จริง.. พลังของเธอมันควรจะหมดไปตั้งแต่แรกแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะความดึงดัน ความโกรธและความเกลียดชัง

อารมณ์เหล่านั้นไปกระตุ้นบางอย่างทำให้เธอรีดทุกอย่างออกมาจากร่างกายเพื่อโจมตี อย่าว่าแต่ใช้พลังเลย ขนาดพลังแห่งการรักษาเธอยังไม่มีด้วยซ้ำ

แสงจากปลายนิ้วที่โจมตีเบาบางลงไปเรื่อยๆ จนมิอาจปล่อยออกไปได้อีกเลทิเซียหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

เธอจ้องไปที่สองพี่น้องไบรอัสกับเลมิสทาเรียเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายทั้งสองไม่มีการตอบสนองใดๆ เธอก็นิ่งไปสักพักหนึ่ง

ก่อนที่จะมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก.. หู จมูกและดวงตาราวกับว่าร่างกายเธอแบกรับภาระมากเกินไป

ต่อให้เป็นเลทิเซีย ร่างกายของเธอไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ด้วยการเสริมพละกำลังที่มากเกินไปมันจึงส่งผลให้ร่างกายเธอไม่อาจทนได้

มันจะค่อยๆ แสดงออกมาและตอนนี้ผลลัพธ์ที่เธอใช้พลังเกินขีดจำกัด ร่างกายถูกใช้งานหนักและทุกๆ อย่างที่ทำมา

เลือดไหลออกมาจากปาก หูจมูกและดวงตา แต่ทว่าเลทิเซียกลับยิ้มออกมา ภายใต้สภาพที่น่ากลัวเช่นนั้น

ไม่ว่าใครเห็นคงต้องขนหัวลุกเป็นแน่ เธอเอามือไปลูบหัวของสเตฟานี่อย่างอ่อนโยนแล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงอ่อนเพลีย..

“ข้า..ล้างแค้นให้เจ้าและครอบครัวเจ้าได้แล้วนะ…”

เมื่อกล่าวเช่นนั้นเสร็จดวงตาของเลทิเซียที่พยายามไม่ให้ปิดก็ปิดลง คอที่หักของเธอเงยขึ้นพิงกับที่พิงด้านหลังและสลบไปทั้งแบบนั้น

แสงตะวันที่สาดส่องลงมาจากเบื้องบนถูกท้องฟ้าที่มืดมิดบดบังไว้จนแทบเหมือนกับแสงจันทรา

มันสาดลงทางเลทิเซียกลายเป็นภาพที่เหมือนกับการจุติของราชาปีศาจ…

…….

ภายใต้ความเงียบ เงียบจนน่าแปลกใจ .. ในตอนนั้นเองใกล้ๆ ศพของเลมิสทาเรียและไบรอัสก็พลันมีบางอย่างปรากฏขึ้น

มันเป็นเงาเลือนรางที่สามารถมองทะลุก่อนที่จะกลายเป็นเงาร่างของคนคนหนึ่ง.. ในมุมอับแสง..

ก่อนที่จะเดินออกมาจากมุมอับแสงตรงนั้น.. เขาเป็นชายคนหนึ่งมีหนวดเคราและผมสีเทาอายุราวๆ สามสิบถึงสี่สิบ

หากมีลูกหลานคงถูกเรียกว่าลุงหรืออาทำนองนั้น เขามีไหลที่กว้างร่างกายที่แข็งแกร่งสูงเกือบๆ สองเมตร

หากเทียบกับเลทิเซีย เลทิเซียคงสูงไม่ถึงท้องของเขาด้วยซ้ำมั้ง และที่น่าแปลกชายคนนี้มีเขาบนหัวราวกับเผ่าปีศาจชั้นสูง

แต่ลักษณะของเขามันไม่เหมือนกับปีศาจ.. แต่เป็นเขาของมังกร!! ชายคนนั้นก้มมองซากศพของไบรอัสและเลมิสทาเรียก่อนที่จะก้มลงไปใช้มือแทงเข้าไปในอกของไบรอัสและเลมิสทาเรีย

แต่ในตอนนั้นเอง เสียงเย็นชาก็ดังขึ้น…

“ไม่คิดว่าจะเอาง่ายไปหน่อยงั้นเหรอท่านจักรพรรดิ? อ่า ไม่สิ.. ตอนนี้คงเป็นจักรพรรดิจอมปลอมสินะ..?”

เสียงยั่วยุดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา ชายที่ถูกเรียกว่าจักรพรรดิค่อยๆ ลุกขึ้น แต่ในมือทั้งสองข้างเขามีวัตถุสีขาวประหลาดอยู่บนมือ

มันมีลักษณะคล้ายกับตัวเบี้ยในหมากรุก.. ใช่แล้วผู้กล้านั่นเปรียบเสมือนเบี้ยของพระเจ้า.. นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมผู้กล้าถึงมีจำนวนมากกว่าจอมมาร

“จอมมารคาริลงั้นเหรอ..”

“จมูกดีจนไม่คิดว่าจะเป็นมังกรเลยนะเนี่ย.. หรือจริงๆ แล้วเจ้าสืบสายเลือดมาจากสุนัขกัน?”

ชายอีกคนเดินออกมา ดวงตาเขาสดใสชายคนนี้คือหนึ่งในจอมมารทั้งสิบสองที่มีอยู่บนทวีปแห่งนี้..

ผมสีดำยาวของเขาจดจ้องไปที่จักรพรรดิ.. แน่นอนจักรพรรดิคนนี้คืออดีตจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิมังกรที่เคยล่มสลายไปเมื่อห้าร้อยปีก่อน

เขาอาจจะเป็นเพียงผู้เดียวที่มีสายเลือดมังกรแท้ไหลเวียนอยู่มากที่สุดในจักรวรรดิมังกรเลยก็ว่าได้..

เขาไม่ใช่คนที่เคยสู้กับนักปราชญ์เขาเกิดมาหลังจากนั้นและสืบทดความทรงจำและทุกอย่างของจักรพรรดิองค์กรมาในฐานะจักรพรรดิมังกรคนใหม่

และมีชีวิตมากกว่าร้อยปี.. จักรพรรดิมังกร ริสเวล

“ระวังปากหน่อยจอมมารคาริล เจ้าคิดว่าตัวเองที่ถูกผนึกพลังเพียงคนเดียวจะสามารถสู้กับข้าคนนี้ได้อย่างงั้นเหรอ”

“เฮ้ยๆ เรื่องนั้นเจ้าเองก็เหมือนกันไม่ใช่หรือไง”

จอมมารคาริลกล่าวแขวะ ในตอนนั้นเองจักรพรรดิมังกรริสเวลก็สบถ

“งั้นลองมาพิสูจน์ดูสักหน่อยไหมล่ะ… ก็อยากจะพูดแบบนั้นอยู่หรอกนะ แต่ก่อนหน้านั้น”

สายตาของเขาหันออกจากจอมมารคาริลไปจดจ้องเลทิเซียที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสงสัยและมีความหวาดกลัวเจือปนอยู่ด้วย

“เจ้านี่มันตัวอะไรกัน.. พวกปีศาจมันทดลองอะไรกันอีก ไม่ใช่ว่าจอมมารต้องมีแค่สิบสองคนหรอกหรือไง”

จอมมารคาริลหันไปมองเลทิเซียก่อนจะพูดขึ้น..

“ข้าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ เจ้าจำเหตุการณ์เมื่อหลายเดือนก่อนได้ใช่ไหม.. บางทีเจ้าของร่างมารตอนนั้น..  อาจจะเป็นเจ้านี่แหละ”

จักรพรรดิมังกรริสเวลก้มหน้าลงครุ่นคิดมือแตะคางพลางพึมพำ

“ใช้ร่างมารและพลังไม่ถูกผนึกอย่างนั้นเหรอ..? หรือว่าจะเป็นจอมมารที่พึ่งถือกำเนิดขึ้นมาอย่างนั้นเหรอ”

“ข้าจะไปรู้ได้ไง.. แต่ว่า…”

พวกเขามองหน้ากัน.. หากปล่อยให้สิ่งแบบนี้มีชีวิตอยู่ต่อไปละก็สมดุลอำนาจจะพังทลายลง หากเจ้าสิ่งมีชีวิตประหลาดนี้ไม่เข้าร่วมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ว่าไปอย่าง

แต่หากเข้าร่วมละก็.. พวกเขาไม่มีทางวางใจโดยเด็ดขาด!

ว่ากันตามตรงพลังพวกเขาในตอนนี้คงสู้เลมิสทาเรียกับไบรอัสพร้อมกันไม่ได้.. แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีรับมือ แต่ว่าสิ่งตรงหน้า..

ผู้เป็นราชาของเผ่าอย่างพวกเขาสามารถพูดได้เต็มปากเลยว่า นี่มันสัตว์ประหลาด!

หลังจากทั้งสองคนมองหน้ากันในฐานะผู้นำที่มีมาอย่างยาวนานไม่ได้มีไว้ประดับขนาดเรื่องเบี้ยแห่งผู้กล้าจอมมารคาริลยังเก็บไว้ทีหลัง

สิ่งที่ต้องทำในตอนนี้คือ..กำจัดเลทิเซียตอนที่ไม่มีทางสู้ได้!!

ทั้งสองคนพยักหน้าและก็พุ่งโจมตีเลทิเซียด้วยพลังทั้งหมด เหตุการณ์ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นการระเบิดดวงวิญญาณ ความดิบเถื่อน

พลังต่อสู้อันล้มหลามอีกทั้งยังมีพลังฟื้นฟูที่น่ากลัว ราวกับป้อมปราการเดินได้นี่.. ต้องกำจัดให้เร็วที่สุด

แสงสีดำและแสงสีเทาพุ่งใส่ร่างของเลทิเซียที่นั่งไม่ได้สติบนบัลลังก์ แต่ทว่าในวินาทีนั้นเองเสียงคำรามแห่งความเกรี้ยวโกรธก็ดังขึ้นมาจากฟากฟ้า

“เจ้าเดรัจฉานพวกเจ้ากล้าแตะต้องลูกข้า?!”

 

………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+