การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 240

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 240 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 240 – ทำไม.. คนคนนี้ถึงได้..?

 

ในห้องพยาบาล ลาน่าอุ้มเลทิเซียขึ้นนอนบนเตียงเธอจ้องไปที่เลทิเซียด้วยความห่วงใย..

แต่ในตอนนั้นเองประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออก และมีคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง พร้อมกับตะโกน

“ท่านเลทิเซีย”

ลาน่าหันไปก็เจอคนคนหนึ่ง เธอคือโคลเอ้นั่นเอง เธอวิ่งเข้ามาในห้องพยาบาลด้วยความกระวนกระวายใจ

“ท่านโคลเอ้.. ตอนนี้องค์หญิงหลับไปแล้ว”

ลาน่ารีบตอบทันที เธอรู้จักโคลเอ้ดีเช่นกันเพราะตอนที่เธอดูแลเลทิเซียนอกจากเลวี่ คนที่ตัวติดกับเลทิเซียรองลงมาคงเป็นโคลเอ้

พวกเธอฝึกดาบด้วยกัน ฝึกต่อสู้ด้วยกัน แม้สุดท้ายจะจบลงด้วยการเสมอ แต่ลาน่ารู้ว่าเรื่องวิชาดาบโคลเอ้เหนือกว่าเลทิเซียหลายขุม

ที่เสมอเพราะโคลเอ้ต้องการให้เป็นแบบนั้น ดังนั้นสำหรับเธอจึงมีความรู้สึกดีๆ ต่อโคลเอ้เช่นกัน

“เธอทำมันลงไปแล้วใช่ไหม”

โคลเอ้ไม่อ้อมค้อมเธอถามขึ้นอย่างกระวนกระวาย ดวงตาของลาน่าหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น

“ข้าไม่รู้ว่าท่านโคลเอ้หมายถึงอะไร”

“ข้าบอกว่า.. เธอฆ่าคนไปแล้วใช่ไหม.. เรื่องการล่มสลายของอาณาจักรสองผู้กล้านั่นเป็นฝีมือของท่านเลทิเซียใช่ไหม”

ลาน่าดวงตามืดครึ้มลง เธอรู้ว่าองค์หญิงตัวเองทำอะไร และข่าวนี้ห้ามถูกเปิดเผยออกให้ใครรู้เด็ดขาด คนที่รู้เรื่องนี้มีแต่คนระดับสูงเท่านั้น

แต่ตอนนี้มีขุนนางธรรมดาคนหนึ่งมาซักถามเรื่องที่ควรจะรู้กันแค่คนจำนวนหยิบมือมันจะทำให้ลาน่ายิ้มหน้าแป้นตอบ “อืม ใช่แล้ว” ได้ยังไงล่ะ

“ท่านพูดอะไรของท่าน ถึงจะเป็นท่านเลทิเซียแต่ถ้าทำแบบนั้น—”

“เธอน่ะเป็นจอมมารคนที่สิบสาม เป็นลูกสาวของจอมมารเอลร่าเมื่อสิบสี่ปีก่อนตอนที่เธอเกิดขึ้นมาเพราะครอบครัวเธอกลัวปัญหาทางการเมืองเลยทิ้งเธอให้ท่านเทพเลเวียเลี้ยงดู ส่วนเธอลาน่าคือผู้รับใช้ข้างกายของจอมมารเอลร่าถูกส่งมาให้ดูแลท่านเลทิเซีย ว่าไงล่ะ จี้ที่ท่านเลทิเซียทำหายน่ะ หาเจอหรือยัง มันเป็นของพ่อแท้ๆ ของเลทิเซียไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของโคลเอ้ไม่มีการกั๊กอะไรเลย เธอพูดทุกอย่างออกมาราวกับเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง สีหน้าของลาน่าเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง

อย่าว่าแต่เธอเลย ต่อให้เป็นจอมมารเอลร่ามาอยู่ตรงนี้เธอก็ยังตกใจ.. อีกอย่างขนาดลาน่ายังไม่รู้เรื่องของท่านพ่อเลทิเซียผู้นั้นเลย

แล้วคนตรงหน้านี่พูดเหมือนรู้ทุกอย่าง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน.. สีหน้าของลาน่าเย็นลงเธอจ้องมองโคลเอ้

“ต้องการอะไร”

ลาน่าไม่กล้าลงมือทันทีเพราะเธอคนนี้เป็นเพื่อนของเลทิเซียหากลงมือโดยพลการมีแต่เธอจะโดนด่า

อีกอย่างอีกฝ่ายในตอนนี้กุมความลับของเลทิเซียเอาไว้มากมายเกินไปอยากจะรีบกำจัดทิ้งแต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น

เพราะนี้เป็นภายในโรงเรียนลิเบอร์นะ! ถ้าหากขุมอำนาจใดขุมอำนาจหนึ่งลงมือละก็.. จะถูกเอาผิดได้เลยทันที

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้เป็นศัตรูของท่านเลทิเซีย.. ข้าต้องการจะช่วยเธอต่างหาก เพราะงั้นได้โปรดตอบข้ามา ท่านเลทิเซียฆ่าไปแล้วใช่ไหม?”

ลาน่าลังเล.. แต่จากสิ่งที่เธอพูดออกมาเมื่อกี้ดูเหมือนว่าเธอจะรู้มานานแล้วแถมยังไม่ได้แพร่งพรายอะไรออกไป

นอกจากนี้เธอกับเลทิเซียยังเติบโตมาด้วยกันส่วนเบื้องหลังของเด็กคนนี้ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าขุนนางธรรมดา

“ใช่”

ลาน่าตัดสินใจที่จะเชื่ออีกฝ่าย ถึงจะเพราะไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อก็เถอะ โคลเอ้กัดฟันกรอด..

“กี่คน”

เธอถามสั้นๆ เพราะถึงจะมีบอกว่าเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้น แต่เรื่องจำนวนคนตายก็ถูกปิดไว้ไม่ให้โลกรู้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีใครรู้

“9 ใน 10 ของประเทศ”

ลาน่าตอบออกไปสั้นๆ โคลเอ้สีหน้าเปลี่ยนสี เธอจ้องมองไปที่เลทิเซียก่อนที่จะร้องออกมา

“โธ่เว้ย”

เธอกัดฟันอาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกโกรธเลทิเซียที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป ถึงจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมก็เถอะ..

แต่เธอไม่ได้กล่าวโทษเลทิเซียมากไปกว่านี้ เธอหันหลังและจากไปทันที แต่ก่อนจะไปลาน่าตะโกนถาม

“มีอะไรงั้นเหรอ”

“เปล่า..ไม่มีอะไร”

โคลเอ้ดุเหมือนลังเลอยากจะพูดแต่ก็พูไม่ออก เธอจึงได้แต่ปฏิเสธพร้อมกับวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความสงสัยไว้ให้กับลาน่า

…..

หลังจากโคลเอ้ออกจากห้องมา เธอก็มุ่งหน้าออกนอกโรงเรียนทันที เธอดูเร่งรีบอย่างมากเหมือนมีอะไรกังวลใจ

อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังกังวลใจอยู่คืออะไร ไม่มีใครรู้ว่าเธอเห็นอะไรที่คนอื่นมองไม่เห็นกันแน่

เมื่อเธอมุ่งหน้าออกจากโรงเรียนผ่านเมืองและออกนอกเขตทะเลสาบในเวลาอันสั้น โดยไม่รู้ว่าตอนที่เธออกนอกโรงเรียนมามีคนคนหนึ่งยืนหลบอยู่แถวนั้น

“อื้ม.. ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่อยู่นอกกระดานด้วยนะ”

เงาร่างนั้นไม่อาจมองเห็นได้เพราะตอนนี้เป็นตอนกลางคืน เธอยืนหลบอยู่ใต้เงาร่มไม้ แต่ดูจากส่วนสูงแล้วก็ไม่ต่างจากโคลเอ้มากนัก

เธอใช้มือแตะปลายคางเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยุ่พักหนึ่งก็ตัดสินใจได้ทันที..

“เอาล่ะ”

เธอพึมพำแบบนั้นก็มุ่งหน้าตามโคลเอ้ออกนอกโรงเรียน เมื่อเธอคนนี้จากไป เสียงพึมพำของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้นมา

“นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งสุดท้าย.. แต่จะเป็นจุดจบ…”

เสียงนั้นไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นใคร ราวกับว่าพอได้ฟังเสร็จเสียงนี้จะถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำ

เมื่อโคลเอ้ออกจากนอกโรงเรียนมา เธอก็มุ่งหน้าขึ้นเหนอผ่านป่าด้วยความเร็วสูง ที่เอวมีดาบอยู่เล่มหนึ่ง

แต่ทว่าในตอนนั้นเองเธอก้หยุดชะงักลงกะทันหันถอยหลังไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวจุดที่เธอเคยอยู่ก็แตกออกอย่างรุนแรง

“นั่นใคร”

เธอตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ทว่าพริบตาต่อมาที่พื้นตรงหน้าแตกออกก็มีเถาวัลย์พุ่งออกมาจากพื้นโจมตีใส่โคลเอ้ในทันที

เธอตกใจดาบที่เอวถูกชักออกมา เธอย่อตัวลงพร้อมกับตวัดใส่เถาวัลย์เหล่านั้นจนขาดสะบั้นลงต่อหน้าเธอ ทว่าในชั่วพริบตาเดียวกัน

พลันมีลูกดอกเข้มขนาดเล็กพุ่งมาทางเธอจากทางด้านหลังด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเธอจะตอบสนองได้ทันเสียอีก

มันควรจะเป็นแบบนั้น โคลเอ้ก็เคลื่อนไหวแบบผิดมนุษย์มนาราวกับเห็นอนาคต เพราะเธอย่อตัวลงไว้ตั้งแต่แรกแล้วมันเลยทำให้เข้มนั้นผ่าเธอไปอย่างเฉียดฉิว

“เก่งไม่เบานี่น่า”

เสียงลึกลับดังขึ้นจากทางที่เข็มพุ่งมา โคลเอ้หรี่ตาลงทันที เธอหันคมดาบไปทางต้นเสียง ทางต้นเสียงตอนนี้กำลังมีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากเงามืดจากใต้ต้นไม้

“เจ้า…”

ร่างนั้นค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืดและเมฆที่บดบังดวงจันทร์ยามค่ำคืนก็ลอยออกไปจากเหนือหัวทั้งสอง

สีหน้าของโคลเอ้แปรเปลี่ยนเมื่อเห็นใบหน้าของเธอคนนี้.. เธอทั้งสับสนและไม่เข้าใจว่านี่มันหมายความว่าไง

เพราะโคลเอ้มัวแต่ตกอยู่ในความตะลึง อีกฝ่ายจึงตอบให้โดยที่เธอยังไม่ได้ถาม แต่จากสีหน้าโคลเอ้อีกฝ่ายคงเดาออกถึงความสับสนของเธอเป็นแน่

“ทำไมน่ะเหรอ..? นั่นก็เพราะว่าเธอ.. รู้มากเกินไปแล้วยังไงล่ะ”

“หมายความว่—”

ก่อนที่จะได้พูดวัตถุทรงกลมก็พุ่งเข้าใส่เธอด้วยความไวสูง ทำให้เธอตกใจรีบหลบทันที.. แต่สิ่งที่แตะแต้มอยู่บนใบหน้าของโคลเอ้ตอนนี้คือคำถามที่ว่า..

ทำไม..คนคนนี้ถึงได้..?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 240

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 240 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 240 – ทำไม.. คนคนนี้ถึงได้..?

 

ในห้องพยาบาล ลาน่าอุ้มเลทิเซียขึ้นนอนบนเตียงเธอจ้องไปที่เลทิเซียด้วยความห่วงใย..

แต่ในตอนนั้นเองประตูห้องพยาบาลถูกเปิดออก และมีคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง พร้อมกับตะโกน

“ท่านเลทิเซีย”

ลาน่าหันไปก็เจอคนคนหนึ่ง เธอคือโคลเอ้นั่นเอง เธอวิ่งเข้ามาในห้องพยาบาลด้วยความกระวนกระวายใจ

“ท่านโคลเอ้.. ตอนนี้องค์หญิงหลับไปแล้ว”

ลาน่ารีบตอบทันที เธอรู้จักโคลเอ้ดีเช่นกันเพราะตอนที่เธอดูแลเลทิเซียนอกจากเลวี่ คนที่ตัวติดกับเลทิเซียรองลงมาคงเป็นโคลเอ้

พวกเธอฝึกดาบด้วยกัน ฝึกต่อสู้ด้วยกัน แม้สุดท้ายจะจบลงด้วยการเสมอ แต่ลาน่ารู้ว่าเรื่องวิชาดาบโคลเอ้เหนือกว่าเลทิเซียหลายขุม

ที่เสมอเพราะโคลเอ้ต้องการให้เป็นแบบนั้น ดังนั้นสำหรับเธอจึงมีความรู้สึกดีๆ ต่อโคลเอ้เช่นกัน

“เธอทำมันลงไปแล้วใช่ไหม”

โคลเอ้ไม่อ้อมค้อมเธอถามขึ้นอย่างกระวนกระวาย ดวงตาของลาน่าหรี่ลงเล็กน้อยก่อนจะถามขึ้น

“ข้าไม่รู้ว่าท่านโคลเอ้หมายถึงอะไร”

“ข้าบอกว่า.. เธอฆ่าคนไปแล้วใช่ไหม.. เรื่องการล่มสลายของอาณาจักรสองผู้กล้านั่นเป็นฝีมือของท่านเลทิเซียใช่ไหม”

ลาน่าดวงตามืดครึ้มลง เธอรู้ว่าองค์หญิงตัวเองทำอะไร และข่าวนี้ห้ามถูกเปิดเผยออกให้ใครรู้เด็ดขาด คนที่รู้เรื่องนี้มีแต่คนระดับสูงเท่านั้น

แต่ตอนนี้มีขุนนางธรรมดาคนหนึ่งมาซักถามเรื่องที่ควรจะรู้กันแค่คนจำนวนหยิบมือมันจะทำให้ลาน่ายิ้มหน้าแป้นตอบ “อืม ใช่แล้ว” ได้ยังไงล่ะ

“ท่านพูดอะไรของท่าน ถึงจะเป็นท่านเลทิเซียแต่ถ้าทำแบบนั้น—”

“เธอน่ะเป็นจอมมารคนที่สิบสาม เป็นลูกสาวของจอมมารเอลร่าเมื่อสิบสี่ปีก่อนตอนที่เธอเกิดขึ้นมาเพราะครอบครัวเธอกลัวปัญหาทางการเมืองเลยทิ้งเธอให้ท่านเทพเลเวียเลี้ยงดู ส่วนเธอลาน่าคือผู้รับใช้ข้างกายของจอมมารเอลร่าถูกส่งมาให้ดูแลท่านเลทิเซีย ว่าไงล่ะ จี้ที่ท่านเลทิเซียทำหายน่ะ หาเจอหรือยัง มันเป็นของพ่อแท้ๆ ของเลทิเซียไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของโคลเอ้ไม่มีการกั๊กอะไรเลย เธอพูดทุกอย่างออกมาราวกับเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง สีหน้าของลาน่าเปลี่ยนไปอย่างแท้จริง

อย่าว่าแต่เธอเลย ต่อให้เป็นจอมมารเอลร่ามาอยู่ตรงนี้เธอก็ยังตกใจ.. อีกอย่างขนาดลาน่ายังไม่รู้เรื่องของท่านพ่อเลทิเซียผู้นั้นเลย

แล้วคนตรงหน้านี่พูดเหมือนรู้ทุกอย่าง นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน.. สีหน้าของลาน่าเย็นลงเธอจ้องมองโคลเอ้

“ต้องการอะไร”

ลาน่าไม่กล้าลงมือทันทีเพราะเธอคนนี้เป็นเพื่อนของเลทิเซียหากลงมือโดยพลการมีแต่เธอจะโดนด่า

อีกอย่างอีกฝ่ายในตอนนี้กุมความลับของเลทิเซียเอาไว้มากมายเกินไปอยากจะรีบกำจัดทิ้งแต่ในความเป็นจริงมันกลับไม่ง่ายเช่นนั้น

เพราะนี้เป็นภายในโรงเรียนลิเบอร์นะ! ถ้าหากขุมอำนาจใดขุมอำนาจหนึ่งลงมือละก็.. จะถูกเอาผิดได้เลยทันที

“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ได้เป็นศัตรูของท่านเลทิเซีย.. ข้าต้องการจะช่วยเธอต่างหาก เพราะงั้นได้โปรดตอบข้ามา ท่านเลทิเซียฆ่าไปแล้วใช่ไหม?”

ลาน่าลังเล.. แต่จากสิ่งที่เธอพูดออกมาเมื่อกี้ดูเหมือนว่าเธอจะรู้มานานแล้วแถมยังไม่ได้แพร่งพรายอะไรออกไป

นอกจากนี้เธอกับเลทิเซียยังเติบโตมาด้วยกันส่วนเบื้องหลังของเด็กคนนี้ไม่น่าจะมีอะไรมากไปกว่าขุนนางธรรมดา

“ใช่”

ลาน่าตัดสินใจที่จะเชื่ออีกฝ่าย ถึงจะเพราะไม่มีทางเลือกนอกจากเชื่อก็เถอะ โคลเอ้กัดฟันกรอด..

“กี่คน”

เธอถามสั้นๆ เพราะถึงจะมีบอกว่าเกิดโศกนาฏกรรมครั้งใหญ่ขึ้น แต่เรื่องจำนวนคนตายก็ถูกปิดไว้ไม่ให้โลกรู้ ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่มีใครรู้

“9 ใน 10 ของประเทศ”

ลาน่าตอบออกไปสั้นๆ โคลเอ้สีหน้าเปลี่ยนสี เธอจ้องมองไปที่เลทิเซียก่อนที่จะร้องออกมา

“โธ่เว้ย”

เธอกัดฟันอาจจะเป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกโกรธเลทิเซียที่ทำเรื่องแบบนั้นลงไป ถึงจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไมก็เถอะ..

แต่เธอไม่ได้กล่าวโทษเลทิเซียมากไปกว่านี้ เธอหันหลังและจากไปทันที แต่ก่อนจะไปลาน่าตะโกนถาม

“มีอะไรงั้นเหรอ”

“เปล่า..ไม่มีอะไร”

โคลเอ้ดุเหมือนลังเลอยากจะพูดแต่ก็พูไม่ออก เธอจึงได้แต่ปฏิเสธพร้อมกับวิ่งจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งความสงสัยไว้ให้กับลาน่า

…..

หลังจากโคลเอ้ออกจากห้องมา เธอก็มุ่งหน้าออกนอกโรงเรียนทันที เธอดูเร่งรีบอย่างมากเหมือนมีอะไรกังวลใจ

อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ว่าสิ่งที่เธอกำลังกังวลใจอยู่คืออะไร ไม่มีใครรู้ว่าเธอเห็นอะไรที่คนอื่นมองไม่เห็นกันแน่

เมื่อเธอมุ่งหน้าออกจากโรงเรียนผ่านเมืองและออกนอกเขตทะเลสาบในเวลาอันสั้น โดยไม่รู้ว่าตอนที่เธออกนอกโรงเรียนมามีคนคนหนึ่งยืนหลบอยู่แถวนั้น

“อื้ม.. ดูเหมือนว่าจะมีสิ่งที่อยู่นอกกระดานด้วยนะ”

เงาร่างนั้นไม่อาจมองเห็นได้เพราะตอนนี้เป็นตอนกลางคืน เธอยืนหลบอยู่ใต้เงาร่มไม้ แต่ดูจากส่วนสูงแล้วก็ไม่ต่างจากโคลเอ้มากนัก

เธอใช้มือแตะปลายคางเล็กน้อย หลังจากครุ่นคิดอยุ่พักหนึ่งก็ตัดสินใจได้ทันที..

“เอาล่ะ”

เธอพึมพำแบบนั้นก็มุ่งหน้าตามโคลเอ้ออกนอกโรงเรียน เมื่อเธอคนนี้จากไป เสียงพึมพำของสตรีผู้หนึ่งก็ดังขึ้นมา

“นี่จะไม่ใช่ครั้งแรกหรือครั้งสุดท้าย.. แต่จะเป็นจุดจบ…”

เสียงนั้นไม่สามารถแยกแยะได้ว่าเป็นใคร ราวกับว่าพอได้ฟังเสร็จเสียงนี้จะถูกลบเลือนออกไปจากความทรงจำ

เมื่อโคลเอ้ออกจากนอกโรงเรียนมา เธอก็มุ่งหน้าขึ้นเหนอผ่านป่าด้วยความเร็วสูง ที่เอวมีดาบอยู่เล่มหนึ่ง

แต่ทว่าในตอนนั้นเองเธอก้หยุดชะงักลงกะทันหันถอยหลังไปจากจุดเดิมอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวจุดที่เธอเคยอยู่ก็แตกออกอย่างรุนแรง

“นั่นใคร”

เธอตะโกนออกมาด้วยความตกใจ ทว่าพริบตาต่อมาที่พื้นตรงหน้าแตกออกก็มีเถาวัลย์พุ่งออกมาจากพื้นโจมตีใส่โคลเอ้ในทันที

เธอตกใจดาบที่เอวถูกชักออกมา เธอย่อตัวลงพร้อมกับตวัดใส่เถาวัลย์เหล่านั้นจนขาดสะบั้นลงต่อหน้าเธอ ทว่าในชั่วพริบตาเดียวกัน

พลันมีลูกดอกเข้มขนาดเล็กพุ่งมาทางเธอจากทางด้านหลังด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเธอจะตอบสนองได้ทันเสียอีก

มันควรจะเป็นแบบนั้น โคลเอ้ก็เคลื่อนไหวแบบผิดมนุษย์มนาราวกับเห็นอนาคต เพราะเธอย่อตัวลงไว้ตั้งแต่แรกแล้วมันเลยทำให้เข้มนั้นผ่าเธอไปอย่างเฉียดฉิว

“เก่งไม่เบานี่น่า”

เสียงลึกลับดังขึ้นจากทางที่เข็มพุ่งมา โคลเอ้หรี่ตาลงทันที เธอหันคมดาบไปทางต้นเสียง ทางต้นเสียงตอนนี้กำลังมีคนคนหนึ่งเดินออกมาจากเงามืดจากใต้ต้นไม้

“เจ้า…”

ร่างนั้นค่อยๆ เดินออกมาจากเงามืดและเมฆที่บดบังดวงจันทร์ยามค่ำคืนก็ลอยออกไปจากเหนือหัวทั้งสอง

สีหน้าของโคลเอ้แปรเปลี่ยนเมื่อเห็นใบหน้าของเธอคนนี้.. เธอทั้งสับสนและไม่เข้าใจว่านี่มันหมายความว่าไง

เพราะโคลเอ้มัวแต่ตกอยู่ในความตะลึง อีกฝ่ายจึงตอบให้โดยที่เธอยังไม่ได้ถาม แต่จากสีหน้าโคลเอ้อีกฝ่ายคงเดาออกถึงความสับสนของเธอเป็นแน่

“ทำไมน่ะเหรอ..? นั่นก็เพราะว่าเธอ.. รู้มากเกินไปแล้วยังไงล่ะ”

“หมายความว่—”

ก่อนที่จะได้พูดวัตถุทรงกลมก็พุ่งเข้าใส่เธอด้วยความไวสูง ทำให้เธอตกใจรีบหลบทันที.. แต่สิ่งที่แตะแต้มอยู่บนใบหน้าของโคลเอ้ตอนนี้คือคำถามที่ว่า..

ทำไม..คนคนนี้ถึงได้..?

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+