การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 271

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 271 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 271 – ชี้ทางให้เห็นคุณค่า

 

ชาร์ล็อต.. เธอเป็นคนที่ห่างไกลจากความรุนแรงมากยิ่งกว่าใครๆ บนโลก นั่นเป็นเพราะมีตัวตนแบบอันน่าอยู่

ใช่ ดังนั้นตัวชาร์ล็อตที่มีให้เห็นทุกวันถึงยังคงเป็นเธอ แต่ทว่าตัวเธอที่สูญเสียมุมมองเชิงความเชื่อไป…

สูญเสียความใสซื่อไร้เดียงสาถูกแทนที่มาด้วยความเกลียดชังและรังเกียจ.. บุคลิกที่ยอมรับซึ่งความคิดของอันน่า

เชื่อว่าโลกใบนี้เป็นเหมือนที่อันน่ามอง.. เชื่อว่ามันเห็นแก่ตัวและเลวร้าย.. ดังนั้นเธอจึงรังเกียจ

ตัวตนที่ใสซื่อนั้นหายไปเพราะการยอมรับในตัวอันน่า.. ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอสูญเสียคนคนนั้นไป

ตัวตนของเธอก็ถูกแยกออกจากกันเป็นคนสองคน หนึ่งคือใจดีราวกับนักบุญ หนึ่งดุร้ายราวกับสัตว์อสูร

ทั้งสองเป็นเหมือนสีดำและสีขาว ตามปกติทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่มีด้านสว่างและด้านมืดที่ไม่สามารถบอกใครได้

อาจจะเป็นความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยาอะไรก็ว่าไป.. เพียงแต่คนทุกคนแตกต่างจากชาร์ล็อตกับอันน่าตรงที่พวกเขารู้ถึงเรื่องด้านบวกและด้านลบของตัวเอง

ต่อให้เกลียดบุคคลตรงหน้าขนาดไหน พวกเขาก็เลือกที่จะสื่อสารเพียงเพราะผลประโยชน์บางประการ

ดังนั้นจึงเข้าหาคนอื่นด้วยคำโกหก.. บ้างอาจจะรัก บ้างจะเกลียดแล้วแต่วิธีแสดงออกของแต่ละคน

แต่ชาร์ล็อตและอันน่า.. ถูกแยกออกจากกัน พวกเธอมีความทรงจำที่แยกจากกัน อันน่าไม่สามารถรู้สึกได้เหมือนชาร์ล็อต

ชาร์ล็อตไม่สามารถรู้สึกได้เหมือนอันน่า.. ดังนั้นสิ่งที่ทั้งสองคนแสดงออกมา จึงมีเพียงด้านเดียวเสมอมา

อันน่าก็ดุร้ายและน่ากลัวไม่มีการเสแสร้งว่าจะเข้าใกล้คนที่น่ารังเกียจ.. ส่วนชาร์ล็อตเองก็ใจดีไม่เคยคิดตีสนิทเพื่อหวังผลประโยชน์

ใช่ แม้อันน่าจะเป็นคนที่หัวรุนแรงแต่เธอก็ไม่เคยเสแสร้งเฉกเช่นเดียวกับชาร์ล็อตที่ไม่เคยหลอกลวง

คำถามคือ.. หากเมื่อทั้งสองรวมเป็นหนึ่งตอนไหน.. พวกเธอจะตระหนักได้ว่าควรเกลียดใคร ควรเสแสร้งเวลาไหนหรือไม่…

แน่นอนว่าคำตอบคือ ไม่!

พวกเธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีเพียงการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าการยอมรับจนตัวตนอีกครึ่งของตัวเองหายไปแล้ว

แต่พวกเธอก็ยังไม่สามารถเห็นความทรงจำของอีกฝ่ายได้อยู่ดี.. เพราะสิ่งที่จะสัมผัสได้จะมีเพียงความรู้สึกที่เคยขาดหายไปก็เท่านั้น..

ใช่ นั่นหมายความว่า… ตัวของชาร์ล็อตนั้น..เธอก็กลายเป็นคนที่พึ่งจะได้รับรู้ถึงความเน่าเฟะอันโหดร้ายของโลกใบนี้นั่นเอง

ดังนั้นสิ่งที่เธอจะแสดงออกมามีเพียงความเกลียดชังอย่างตรงไปตรงมา และด้วยความที่ตัวตนของเธอราวกับผ้าขาวบริสุทธิ์มาตลอด

หากผ้านั้นถูกย้อมด้วยสีทีละนิด.. ทีละนิด.. บุคลิกของเธอจะถูกขัดเกลาไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

แต่ทว่า.. ตัวเธอไม่ใช่ผ้าขาวสะอาดธรรมดา.. เพราะข้างๆ เธอมีตัวตนที่เชื่ออันน่าซึ่งเป็นเหมือนสีดำสนิทตรงข้ามกับเธอ

เมื่อเธอได้หลอมรวมกลับคืนสู่สีดำอีกครึ่งหนึ่ง.. ยามนั้น.. บุคลิกของเธอจะได้รับอิทธิพลจากด้านลบของอันน่าอย่างมากมหาศาล

จนแปรเปลี่ยน.. และกลายเป็นบุคคลที่อันตรายเสียยิ่งกว่าอันน่า.. รู้ดี รู้ชั่ว และเติบโตขึ้นไป..

ไม่มีหน้ากากที่หลอกลวงผู้ใด มีแค่ตรงหน้าเพียงแค่ด้านเดียว.. ใช่แล้ว นั่นคือชาร์ล็อตในเวลานี้..

แต่แน่นอนว่าเฉกเช่นเดียวกับกรณีของอันน่า.. ชาร์ล็อตไม่ได้สูญเสียความใจดีหรือด้านบวกของเธอไปเช่นกัน

ความเกลียดชัง.. ความรักใคร่.. ในตัวของเธอราวกับมีความรู้สึกมากกว่าหนึ่งปนเปกัน.. มันต่างจากอันน่าที่ได้สัมผัสและยอมรับความรักของตัวเอง..

เพราะนั่นเกิดจากความต้องการของเจ้าตัวเอง.. เจ้าตัวยินยอมว่ารัก.. ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นเหมือนคนธรรมดาได้อย่างแท้จริง

แต่ชาร์ล็อตนั้นไม่ใช่.. เธอถูกบังคับให้เกลียดไม่ได้ยอมรับว่าโลกนี้มีความโหดร้าย.. แต่ทุกอย่างมันเกิดจากการบังคับ

ความเห็นแก่ตัว.. และความโหดร้ายโสมม.. ความรู้สึกด้านลบที่เธอมีนั้นมันห่างจากความรู้สึกของอันน่าไปไกลโข..

มันแทบจะกลายเป็นความแค้น.. เธอแค้น.. แค้นมนุษย์ตรงหน้า.. แค้นโชคชะตา.. แค้นโลกใบนี้…

เกลียดชัง เกลียดชัง เกลียดชัง เกลียดชัง

อคติ อคติ อคติ..และอคติ…

ทั้งความดีและความชั่วมันอัดแน่นในตัวเธอจนทำให้ความรู้สึกทั้งสองของเธอนั้นขัดแย้งกันเอง…

มันเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกับเมื่อหลายปีก่อนที่เธอถูกคนคนนั้นทิ้ง.. มันเหมือนกันทุกอย่าง

แต่มีเพียงอย่างเดียว.. ตัวของชาร์ล็อต.. เธอนั้นรังเกียจโลกใบนี้ที่มันทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับเธอ..

ความขัดแย้งในตัวของเธอยังคงเป็นบ่อให้เธอมีอารมณ์ไม่ปกติส่งผลให้ความดุร้ายที่แสดงออกมามันมากยิ่งกว่าเดิมเพราะไม่เข้าใจ

เพราะสับสน ดังนั้นการแสดงออกของเธอที่แสดงออกมานั้นจงมีแต่อคติต่อสิ่งมีชีวิต… และต้องการที่จะล้างแค้น..

เพียงแค่ความดีของเธอเองก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น…

อารมณ์ที่พลุกพล่านในหัวของเธอ.. จนกระทั่งเธอได้รับการช่วยเหลือโดยฮิสครอม… เธอถูกช่วยเอาไว้.. คนในกองโจรถูกล้างบางไปจนสิ้น

และในตอนที่อารมณ์ของเธอขัดแย้งกันนั้น.. ศาสนาโอโรโบรอสราวกับสวรรค์ฟ้าประธาน… ดวงตาอันมืดมัวของเธอนั่งอยู่บนรถม้า

ฮิสครอมที่เงียบก็พูดขึ้นเบาๆ

“มนุษย์นั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า”

“…..”

ชาร์ล็อตไม่ได้ตอบอีกฝ่าย เพียงแค่นั่งเงียบๆ .. บาดแผลบนร่างถูกเยียวยาด้วยเวทมนตร์รักษา เพียงแต่ยังคงเหลือร่องรอยที่เป็นแผลอยู่..

ไม่ว่าจะรอยแผลเป็นที่โดนเข็มแทงหรือหนังที่ถูกถลก.. แม้แต่เล็บที่ถูกถอน สภาพของเธอน่าหวาดกลัวอย่างมากแม้แต่เหล่าคนที่มาช่วยเหลือยังหวาดกลัว

ระยะเวลาเกือบๆ เดือนสอองเดือนที่ผ่านมา เธอคงถูกทรมานไม่ให้ตายอยู่ตลอดเวลา.. จนมีสภาพเช่นนี้..

บางคนถึงขั้นที่ว่าหากตายได้พวกเขาคงเลือกที่จะตายแทนที่จะโดนแบบชาร์ล็อต.. แม้แต่ฮิสครอมเองก็ยังอึ้งเช่นกัน

“แน่นอนว่า.. ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความเลวทุกชีวิตแรกเริ่มเดิมทีก็มีเพียงหนึ่งเดียวคือพระผู้เป็นเจ้า”

“ต้นไม้ แผ่นดิน ท้องฟ้า ดวงดารา.. มนุษย์ ปีศาจ.. ทุกๆ อย่างล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า”

“พระเจ้าทรงละทิ้งทุกอย่างเพื่อให้พวกเราได้ดำรงอยู่บนโลกนี้.. เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม?”

ชาร์ล็อตไม่ได้ตอบ เธอเงียบไปสักพัก เธอค่อยพุดขึ้น.. เธอไม่ได้ตอบคำถามของฮิสครอมเธอเพียงพูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกไปอย่างเฉยชา

“งั้นเจ้าจะบอกว่า.. ทุกอย่างที่เกิดขึ้น.. ความเลวทราม..ล้วนเป็นเพราะพระเจ้างั้นเหรอ ถ้างั้นพระเจ้าอะไรนั่นคงบัดซบสิ้นดี”

ชาร์ล็อตพูดโดยไม่ถนอมน้ำใจเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงส่วนหนึ่งที่เธอไปเจอเหตุการณ์ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายให้ชุดตัวเองใส่

แต่แน่นอนว่าชาร์ล็อตไม่คิดจะโทษซี้ซั้วแบบนั้นเช่นกัน เพราะอีกฝ่ายเองก็คงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น

แม้ชาร์ล็อตจะพูดอย่างเย็นชาเหมือนอันน่าเลย ทว่าฮิสครอมเองก็ไม่สนใจคำพูดของเธอ เขาเพียงว่าด้วยเหตุผล

“จะพูดแบบนั้นก้ไม่ถูก.. เพราะหากพูดแบบนั้น.. หมายความว่าความสุข การพบเจอ.. ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดโดยพระผู้เป็นเจ้าน่ะสิ.. เจ้าคิดว่าตัวเลือกของตัวเองมันมีใครคอยมากดเลือกเป็นปรนัยอย่างงั้นเหรอ?”

“เปล่าเลย!!”

เขากล่าวด้วยเสียงที่มีน้ำหนักราวกับผู้มากด้วยเหตุผล เขาลุกยืนขึ้นพร้อมกับกุมมือสองข้างเป็นท่าทางสวดภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้า

“จริงอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างโลกนี้ สร้างชีวิต สร้างทุกสรรพสิ่ง แต่ท่านก็มอบทุกอย่างให้พวกเราทุกคนเช่นกัน… หมายความว่า ไม่ว่าจะทางเลือก ชีวิต วิถี ทุกๆ อย่างนั้นล้วนเกิดจากทางเลือกของคนแต่ละคนเองต่างหาก”

คำพูดของฮิสครอมทำเอาหน้าของชาร์ล็อตที่ก้มอยู่ขยับเล็กน้อย ฮิสครอมกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

“และหน้าที่ของผู้ที่ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้เช่นพวกเรานั้น.. ควรจะเผยแพร่.. ควรจะบอกพวกเขาว่า.. ตัวตนของพวกเขาทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า.. จงอย่าทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นอีกเลย”

“ใช่ เราจะเป็นผู้ชี้ทางสว่างให้กับพวกเขา.. นี่ก็เพื่อพวกเขาทุกคน.. เพื่อโลกใบนี้.. เพื่อพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงสรรค์สร้างพวกเราขึ้นมา…และตอบแทนคุณท่าน.. มุ่งหน้าสู่การ—”

คำพูดของเขาหยุดลงกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าทุกครั้งที่เขาพุดถึงเรื่องพระผู้เป็นเจ้า เขาราวกับผู้ทรงคุณธรรม

แต่ชาร์ล็อตรู้ดียิ่งกว่าใคร.. เธอนั้นตระหนักดีว่า.. คนบางคนนั้นใช้คำพูดไม่ได้.. เพราะมันระยำเสียยิ่งกว่าการที่จะเป็นสิ่งมีชีวิต

“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะฟัง—”

“พูดอะไรของเจ้ากัน ทำไมต้องให้คนบาปฟังการชี้นำของพวกเราด้วยล่ะ”

“ก็เพราะจะทำให้พวกเขาตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง”

ชาร์ล็อตตอบตามที่ตัวเองเข้าใจแต่ฮิสครอมเดาะลิ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ .. เขาฉีกยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ทรงธรรม

“สิ่งที่พวกเราต้องทำ หาใช่การบอก.. แต่เป็นการชำระชีวิตสังเวยอวัยวะในร่างผู้ชี้ทางเช่นพวกเรา… ทำให้ทุกคนผู้หลงผิดกลับคืนสู่พระผู้เป็นเจ้า….”

พูดง่ายๆ ก็คือ… เหล่าคนชั่ว… สมควรที่จะโดนฆ่าและแล่เนื้อเถือหนังเอาไปให้เหล่าผู้ศรัทธากิน..

“…..”

“นี่ไม่ใช่การฆ่า.. ไม่ใช่การสังหาร.. แต่สิ่งที่พวกเราทำเพื่อโลกใบนี้ เพื่อพระผู้เป็นเจ้า..และเพื่อตัวพวกเขาเองต่างหาก”

“เพื่อ..เหล่าผู้หลงผิด..”

“ใช่แล้ว.. นี่ก็เพื่อลูกแกะน้อยที่หลงทาง.. ที่พวกเราทำ.. นี่แหละคือ..ความถูกต้อง”

ดวงตาของชาร์ล็อตลุกวาวราวกับมีบางอย่างถูกจุดติด.. สิ่งที่เธอเกลียดไม่ใช่ทุกคนแต่เป็นความโหดร้าย.. เธอต้องการจะล้างแค้นแต่เธอกลับไม่อยากทำเพราะตระหนักว่ามันผิด…

เพราะงั้น..การฆ่าเพื่อความถูกต้อง..มันถึง..ดึงดูดเธอมากในเวลานี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 271

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 271 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 271 – ชี้ทางให้เห็นคุณค่า

 

ชาร์ล็อต.. เธอเป็นคนที่ห่างไกลจากความรุนแรงมากยิ่งกว่าใครๆ บนโลก นั่นเป็นเพราะมีตัวตนแบบอันน่าอยู่

ใช่ ดังนั้นตัวชาร์ล็อตที่มีให้เห็นทุกวันถึงยังคงเป็นเธอ แต่ทว่าตัวเธอที่สูญเสียมุมมองเชิงความเชื่อไป…

สูญเสียความใสซื่อไร้เดียงสาถูกแทนที่มาด้วยความเกลียดชังและรังเกียจ.. บุคลิกที่ยอมรับซึ่งความคิดของอันน่า

เชื่อว่าโลกใบนี้เป็นเหมือนที่อันน่ามอง.. เชื่อว่ามันเห็นแก่ตัวและเลวร้าย.. ดังนั้นเธอจึงรังเกียจ

ตัวตนที่ใสซื่อนั้นหายไปเพราะการยอมรับในตัวอันน่า.. ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอสูญเสียคนคนนั้นไป

ตัวตนของเธอก็ถูกแยกออกจากกันเป็นคนสองคน หนึ่งคือใจดีราวกับนักบุญ หนึ่งดุร้ายราวกับสัตว์อสูร

ทั้งสองเป็นเหมือนสีดำและสีขาว ตามปกติทุกคนนั้นล้วนแล้วแต่มีด้านสว่างและด้านมืดที่ไม่สามารถบอกใครได้

อาจจะเป็นความเกลียดชัง ความอิจฉาริษยาอะไรก็ว่าไป.. เพียงแต่คนทุกคนแตกต่างจากชาร์ล็อตกับอันน่าตรงที่พวกเขารู้ถึงเรื่องด้านบวกและด้านลบของตัวเอง

ต่อให้เกลียดบุคคลตรงหน้าขนาดไหน พวกเขาก็เลือกที่จะสื่อสารเพียงเพราะผลประโยชน์บางประการ

ดังนั้นจึงเข้าหาคนอื่นด้วยคำโกหก.. บ้างอาจจะรัก บ้างจะเกลียดแล้วแต่วิธีแสดงออกของแต่ละคน

แต่ชาร์ล็อตและอันน่า.. ถูกแยกออกจากกัน พวกเธอมีความทรงจำที่แยกจากกัน อันน่าไม่สามารถรู้สึกได้เหมือนชาร์ล็อต

ชาร์ล็อตไม่สามารถรู้สึกได้เหมือนอันน่า.. ดังนั้นสิ่งที่ทั้งสองคนแสดงออกมา จึงมีเพียงด้านเดียวเสมอมา

อันน่าก็ดุร้ายและน่ากลัวไม่มีการเสแสร้งว่าจะเข้าใกล้คนที่น่ารังเกียจ.. ส่วนชาร์ล็อตเองก็ใจดีไม่เคยคิดตีสนิทเพื่อหวังผลประโยชน์

ใช่ แม้อันน่าจะเป็นคนที่หัวรุนแรงแต่เธอก็ไม่เคยเสแสร้งเฉกเช่นเดียวกับชาร์ล็อตที่ไม่เคยหลอกลวง

คำถามคือ.. หากเมื่อทั้งสองรวมเป็นหนึ่งตอนไหน.. พวกเธอจะตระหนักได้ว่าควรเกลียดใคร ควรเสแสร้งเวลาไหนหรือไม่…

แน่นอนว่าคำตอบคือ ไม่!

พวกเธอเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่มีเพียงการแสดงออกอย่างตรงไปตรงมา แม้ว่าการยอมรับจนตัวตนอีกครึ่งของตัวเองหายไปแล้ว

แต่พวกเธอก็ยังไม่สามารถเห็นความทรงจำของอีกฝ่ายได้อยู่ดี.. เพราะสิ่งที่จะสัมผัสได้จะมีเพียงความรู้สึกที่เคยขาดหายไปก็เท่านั้น..

ใช่ นั่นหมายความว่า… ตัวของชาร์ล็อตนั้น..เธอก็กลายเป็นคนที่พึ่งจะได้รับรู้ถึงความเน่าเฟะอันโหดร้ายของโลกใบนี้นั่นเอง

ดังนั้นสิ่งที่เธอจะแสดงออกมามีเพียงความเกลียดชังอย่างตรงไปตรงมา และด้วยความที่ตัวตนของเธอราวกับผ้าขาวบริสุทธิ์มาตลอด

หากผ้านั้นถูกย้อมด้วยสีทีละนิด.. ทีละนิด.. บุคลิกของเธอจะถูกขัดเกลาไปเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

แต่ทว่า.. ตัวเธอไม่ใช่ผ้าขาวสะอาดธรรมดา.. เพราะข้างๆ เธอมีตัวตนที่เชื่ออันน่าซึ่งเป็นเหมือนสีดำสนิทตรงข้ามกับเธอ

เมื่อเธอได้หลอมรวมกลับคืนสู่สีดำอีกครึ่งหนึ่ง.. ยามนั้น.. บุคลิกของเธอจะได้รับอิทธิพลจากด้านลบของอันน่าอย่างมากมหาศาล

จนแปรเปลี่ยน.. และกลายเป็นบุคคลที่อันตรายเสียยิ่งกว่าอันน่า.. รู้ดี รู้ชั่ว และเติบโตขึ้นไป..

ไม่มีหน้ากากที่หลอกลวงผู้ใด มีแค่ตรงหน้าเพียงแค่ด้านเดียว.. ใช่แล้ว นั่นคือชาร์ล็อตในเวลานี้..

แต่แน่นอนว่าเฉกเช่นเดียวกับกรณีของอันน่า.. ชาร์ล็อตไม่ได้สูญเสียความใจดีหรือด้านบวกของเธอไปเช่นกัน

ความเกลียดชัง.. ความรักใคร่.. ในตัวของเธอราวกับมีความรู้สึกมากกว่าหนึ่งปนเปกัน.. มันต่างจากอันน่าที่ได้สัมผัสและยอมรับความรักของตัวเอง..

เพราะนั่นเกิดจากความต้องการของเจ้าตัวเอง.. เจ้าตัวยินยอมว่ารัก.. ดังนั้นเธอจึงกลายเป็นเหมือนคนธรรมดาได้อย่างแท้จริง

แต่ชาร์ล็อตนั้นไม่ใช่.. เธอถูกบังคับให้เกลียดไม่ได้ยอมรับว่าโลกนี้มีความโหดร้าย.. แต่ทุกอย่างมันเกิดจากการบังคับ

ความเห็นแก่ตัว.. และความโหดร้ายโสมม.. ความรู้สึกด้านลบที่เธอมีนั้นมันห่างจากความรู้สึกของอันน่าไปไกลโข..

มันแทบจะกลายเป็นความแค้น.. เธอแค้น.. แค้นมนุษย์ตรงหน้า.. แค้นโชคชะตา.. แค้นโลกใบนี้…

เกลียดชัง เกลียดชัง เกลียดชัง เกลียดชัง

อคติ อคติ อคติ..และอคติ…

ทั้งความดีและความชั่วมันอัดแน่นในตัวเธอจนทำให้ความรู้สึกทั้งสองของเธอนั้นขัดแย้งกันเอง…

มันเป็นเหตุการณ์ที่คล้ายกับเมื่อหลายปีก่อนที่เธอถูกคนคนนั้นทิ้ง.. มันเหมือนกันทุกอย่าง

แต่มีเพียงอย่างเดียว.. ตัวของชาร์ล็อต.. เธอนั้นรังเกียจโลกใบนี้ที่มันทำเรื่องโหดร้ายแบบนี้กับเธอ..

ความขัดแย้งในตัวของเธอยังคงเป็นบ่อให้เธอมีอารมณ์ไม่ปกติส่งผลให้ความดุร้ายที่แสดงออกมามันมากยิ่งกว่าเดิมเพราะไม่เข้าใจ

เพราะสับสน ดังนั้นการแสดงออกของเธอที่แสดงออกมานั้นจงมีแต่อคติต่อสิ่งมีชีวิต… และต้องการที่จะล้างแค้น..

เพียงแค่ความดีของเธอเองก็ไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น…

อารมณ์ที่พลุกพล่านในหัวของเธอ.. จนกระทั่งเธอได้รับการช่วยเหลือโดยฮิสครอม… เธอถูกช่วยเอาไว้.. คนในกองโจรถูกล้างบางไปจนสิ้น

และในตอนที่อารมณ์ของเธอขัดแย้งกันนั้น.. ศาสนาโอโรโบรอสราวกับสวรรค์ฟ้าประธาน… ดวงตาอันมืดมัวของเธอนั่งอยู่บนรถม้า

ฮิสครอมที่เงียบก็พูดขึ้นเบาๆ

“มนุษย์นั้นเคยเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า”

“…..”

ชาร์ล็อตไม่ได้ตอบอีกฝ่าย เพียงแค่นั่งเงียบๆ .. บาดแผลบนร่างถูกเยียวยาด้วยเวทมนตร์รักษา เพียงแต่ยังคงเหลือร่องรอยที่เป็นแผลอยู่..

ไม่ว่าจะรอยแผลเป็นที่โดนเข็มแทงหรือหนังที่ถูกถลก.. แม้แต่เล็บที่ถูกถอน สภาพของเธอน่าหวาดกลัวอย่างมากแม้แต่เหล่าคนที่มาช่วยเหลือยังหวาดกลัว

ระยะเวลาเกือบๆ เดือนสอองเดือนที่ผ่านมา เธอคงถูกทรมานไม่ให้ตายอยู่ตลอดเวลา.. จนมีสภาพเช่นนี้..

บางคนถึงขั้นที่ว่าหากตายได้พวกเขาคงเลือกที่จะตายแทนที่จะโดนแบบชาร์ล็อต.. แม้แต่ฮิสครอมเองก็ยังอึ้งเช่นกัน

“แน่นอนว่า.. ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความเลวทุกชีวิตแรกเริ่มเดิมทีก็มีเพียงหนึ่งเดียวคือพระผู้เป็นเจ้า”

“ต้นไม้ แผ่นดิน ท้องฟ้า ดวงดารา.. มนุษย์ ปีศาจ.. ทุกๆ อย่างล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า”

“พระเจ้าทรงละทิ้งทุกอย่างเพื่อให้พวกเราได้ดำรงอยู่บนโลกนี้.. เจ้ารู้หรือไม่ว่าทำไม?”

ชาร์ล็อตไม่ได้ตอบ เธอเงียบไปสักพัก เธอค่อยพุดขึ้น.. เธอไม่ได้ตอบคำถามของฮิสครอมเธอเพียงพูดในสิ่งที่ตนเองคิดออกไปอย่างเฉยชา

“งั้นเจ้าจะบอกว่า.. ทุกอย่างที่เกิดขึ้น.. ความเลวทราม..ล้วนเป็นเพราะพระเจ้างั้นเหรอ ถ้างั้นพระเจ้าอะไรนั่นคงบัดซบสิ้นดี”

ชาร์ล็อตพูดโดยไม่ถนอมน้ำใจเลยแม้แต่น้อย อันที่จริงส่วนหนึ่งที่เธอไปเจอเหตุการณ์ก็เป็นเพราะอีกฝ่ายให้ชุดตัวเองใส่

แต่แน่นอนว่าชาร์ล็อตไม่คิดจะโทษซี้ซั้วแบบนั้นเช่นกัน เพราะอีกฝ่ายเองก็คงไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น

แม้ชาร์ล็อตจะพูดอย่างเย็นชาเหมือนอันน่าเลย ทว่าฮิสครอมเองก็ไม่สนใจคำพูดของเธอ เขาเพียงว่าด้วยเหตุผล

“จะพูดแบบนั้นก้ไม่ถูก.. เพราะหากพูดแบบนั้น.. หมายความว่าความสุข การพบเจอ.. ทุกอย่างล้วนถูกกำหนดโดยพระผู้เป็นเจ้าน่ะสิ.. เจ้าคิดว่าตัวเลือกของตัวเองมันมีใครคอยมากดเลือกเป็นปรนัยอย่างงั้นเหรอ?”

“เปล่าเลย!!”

เขากล่าวด้วยเสียงที่มีน้ำหนักราวกับผู้มากด้วยเหตุผล เขาลุกยืนขึ้นพร้อมกับกุมมือสองข้างเป็นท่าทางสวดภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้า

“จริงอยู่ที่พระผู้เป็นเจ้าสร้างโลกนี้ สร้างชีวิต สร้างทุกสรรพสิ่ง แต่ท่านก็มอบทุกอย่างให้พวกเราทุกคนเช่นกัน… หมายความว่า ไม่ว่าจะทางเลือก ชีวิต วิถี ทุกๆ อย่างนั้นล้วนเกิดจากทางเลือกของคนแต่ละคนเองต่างหาก”

คำพูดของฮิสครอมทำเอาหน้าของชาร์ล็อตที่ก้มอยู่ขยับเล็กน้อย ฮิสครอมกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น

“และหน้าที่ของผู้ที่ตระหนักถึงเรื่องเหล่านี้เช่นพวกเรานั้น.. ควรจะเผยแพร่.. ควรจะบอกพวกเขาว่า.. ตัวตนของพวกเขาทุกคนล้วนเป็นส่วนหนึ่งของพระผู้เป็นเจ้า.. จงอย่าทำเรื่องโหดร้ายแบบนั้นอีกเลย”

“ใช่ เราจะเป็นผู้ชี้ทางสว่างให้กับพวกเขา.. นี่ก็เพื่อพวกเขาทุกคน.. เพื่อโลกใบนี้.. เพื่อพระผู้เป็นเจ้าที่ทรงสรรค์สร้างพวกเราขึ้นมา…และตอบแทนคุณท่าน.. มุ่งหน้าสู่การ—”

คำพูดของเขาหยุดลงกะทันหัน เห็นได้ชัดว่าทุกครั้งที่เขาพุดถึงเรื่องพระผู้เป็นเจ้า เขาราวกับผู้ทรงคุณธรรม

แต่ชาร์ล็อตรู้ดียิ่งกว่าใคร.. เธอนั้นตระหนักดีว่า.. คนบางคนนั้นใช้คำพูดไม่ได้.. เพราะมันระยำเสียยิ่งกว่าการที่จะเป็นสิ่งมีชีวิต

“ไม่ใช่ว่าทุกคนจะฟัง—”

“พูดอะไรของเจ้ากัน ทำไมต้องให้คนบาปฟังการชี้นำของพวกเราด้วยล่ะ”

“ก็เพราะจะทำให้พวกเขาตระหนักถึงคุณค่าของตัวเอง”

ชาร์ล็อตตอบตามที่ตัวเองเข้าใจแต่ฮิสครอมเดาะลิ้นพร้อมกับส่ายหน้าเบาๆ .. เขาฉีกยิ้มมันเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวแต่ก็เป็นรอยยิ้มที่คิดว่าตนเองเป็นผู้ทรงธรรม

“สิ่งที่พวกเราต้องทำ หาใช่การบอก.. แต่เป็นการชำระชีวิตสังเวยอวัยวะในร่างผู้ชี้ทางเช่นพวกเรา… ทำให้ทุกคนผู้หลงผิดกลับคืนสู่พระผู้เป็นเจ้า….”

พูดง่ายๆ ก็คือ… เหล่าคนชั่ว… สมควรที่จะโดนฆ่าและแล่เนื้อเถือหนังเอาไปให้เหล่าผู้ศรัทธากิน..

“…..”

“นี่ไม่ใช่การฆ่า.. ไม่ใช่การสังหาร.. แต่สิ่งที่พวกเราทำเพื่อโลกใบนี้ เพื่อพระผู้เป็นเจ้า..และเพื่อตัวพวกเขาเองต่างหาก”

“เพื่อ..เหล่าผู้หลงผิด..”

“ใช่แล้ว.. นี่ก็เพื่อลูกแกะน้อยที่หลงทาง.. ที่พวกเราทำ.. นี่แหละคือ..ความถูกต้อง”

ดวงตาของชาร์ล็อตลุกวาวราวกับมีบางอย่างถูกจุดติด.. สิ่งที่เธอเกลียดไม่ใช่ทุกคนแต่เป็นความโหดร้าย.. เธอต้องการจะล้างแค้นแต่เธอกลับไม่อยากทำเพราะตระหนักว่ามันผิด…

เพราะงั้น..การฆ่าเพื่อความถูกต้อง..มันถึง..ดึงดูดเธอมากในเวลานี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+