การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 387

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 387 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 387 – เด็กผู้หญิงปริศนา

 

ในโรงเตี๊ยมขนาดไม่ใหญ่มากแห่งหนึ่งมีคนสองคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ สองคนนี้สวมฮู้ดสีขาวปกปิดใบหน้าเอาไว้

แต่เมื่อพวกเธอปรากฏตัวขึ้นก็ดึงดูดสายตาคนมาไม่น้อย แต่คนสวมฮูดสีขาวที่เป็นคนพี่ก็วาดมือออกแล้วก็เกิดเป็นม่านพลังบางๆ ที่ไม่มีใครมองเห็น

ปิดกั้นเสียงจากในนี้จนหมด คนน้องก็พูดขึ้น

“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงนะท่านพี่.. ตามที่สายข่าวของเราบอกมาแทบทุกอย่างเลย งั้นข้าจะขอทบทวนแผนการอีกรอบนะ”

“อาณาจักรนี้คืออาณาจักรมารฟาร์เนีย.. ของจอมมารผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ของจอมมารทั้งหมด”

“แต่ว่าภายใต้สงครามครั้งล่าสุด เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ได้ยินข่าวว่าต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะรักษาหาย”

คนน้องกล่าวรายละเอียดที่เธอเคยสืบมาก่อนอย่างแรก เหมือนท่านจอมมารของอาณาจักรนี้ในการต่อสู้ครั้งที่ผ่านมา

เขาโดนไพ่ตายลับของพวกกึ่งมนุษย์ ‘ปรสิตเขียวขจี’ เป็นปรสิตที่จะแทรกแซงเข้าไปในสมองของผู้ถูกปรสิต

และมันจะค่อยๆ เปลี่ยนสมองให้เป็นรากพืชและแตกหน่อออกไปทั่วทั้งร่างกายเข้าแทนหลอดเลือดและท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเหมือนต้นหญ้า

ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ นอกจากนี้ตัวปรสิตเองยังมีพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายและพลังเวทมนตร์ในร่างกายด้านชา

สรุปคือมันจะทำให้ต้านทานไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆ กัดกินร่างกายของคนผู้นั้น.. แถมหากตามที่ข่าวลือเป็นจริง

เมื่อปรสิตนี้โตเต็มที่มันจะสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศวงกว้างให้กลายเป็นดินแดนของมันควบคุมได้ตามใจนึกเลยล่ะ

ความกว้างและความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับคนที่มันเข้าไปกัดกิน.. และหากเป็นจอมมารหากทำสำเร็จมันก็คงทำให้พื้นที่ทั่วทั้งอาณาจักรกลายเป็นพืชหญ้าเขียวขจี

ที่สามารถฆ่าคนทั้งอาณาจักรได้ในพริบตาเดียวเป็นแน่แท้

แต่ก็อย่างที่ว่า จอมมารก็คือจอมมาร หากเขาไม่บาดเจ็บจากการปะทะกับราชาแวมไพร์ก็คงสามารถกำจัดปรสิตนี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่ถึงจะอ่อนแอลงขนาดไหน ปรสิตนี้ก็ยังไม่สามารถฆ่าเขาได้อยู่ดี แต่เพราะผลแทรกซ้อนมากมายจึงทำให้เขาต้องรักษาตัวไปอีกหลายปี

คนพี่เองก็พยักหน้า คนน้องก็พูดต่อ

“และการรักษาจอมมารนั้น.. พวกเขาเหมือนจะใช้ไม้แข็งโดยการที่เอาเมื่อหนามยอกก็เอาหนามบ่ง”

“เหมือนว่าเขาจะใช้พิษของต้นปีศาจแดงยับยั้งพิษของปรสิตเขียวขจี และใช้ใบไม้ของต้นปีศาจแดงที่มีความแม่นยำสูงจัดการปรสิตที่อยู่ในสมองของจอมมาร”

“หรือก็คือ…”

แต่คนน้องยังพูดไม่จบ พนักงานก็เดินพรวดเข้ามาผ่านม่านป้องกันเสียงได้อย่างง่ายดาย ก็แหงล่ะมันแค่กันเสียง ไม่ได้กันคนเข้ามา

“รับอะไรดี?”

“เอาเป็นอาหารที่ทางร้านแนะนำเลย”

คนพี่กล่าวตอบปัดๆ ออกไป พนักงานก็พยักหน้าแล้วก็เดินจากไป ทั้งคู่ก็หันกลับมาคุยกันต่อ คราวนี้คนพี่เป็นคนพูดเอง

“หรือก็คือ.. ตอนนี้จอมมารอยู่ที่เมืองนี้ จากสภาพดูแล้วเขาน่าจะอยู่แถวๆ ต้นปีศาจแดง เผลอๆ อาจจะฝังตัวอยู่ในลำต้นมันเลยก็ได้”

“จอมมารคนนี้เหมือนจะเป็นคนรอบคอบอย่างมาก หลังเขาโดนปรสิตเขาพยายามทำเหมือนตัวเองไม่เป็นไร และไม่เคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติม”

“ทำให้แม้แต่กึ่งมนุษย์ที่ปล่อยปรสิตใส่เขายังไม่กล้าบุกเข้ามา แม้รู้ว่าจอมมารคนนี้มีโอกาสจะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่.. เพราะพวกมันกลัวว่า.. เขาจะกลายเป็นเสือซ่อนเขี้ยว!”

ใช่แล้ว นี่คือสงครามจิตวิทยา จอมมารคนนั้นทำท่าเหมือนตัวเองไม่เป็นไรและกลับออกมาพร้อมกับปิดกั้นการส่งข่าวออกด้านนอก

ทำให้คนภายนอกไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วจอมมารโดนปรสิตเล่นงานจริงหรือเปล่า แน่นอนว่าหากบุกรุกเข้ามาพวกเขาก็จะรู้

แต่ต้องเข้าใจว่าบุกเข้าแดนศัตรู คนที่เสียเปรียบคือพวกเขา หากอีกฝ่ายแค่เปิดปากถ้ำล่อคนเข้ามาขย้ำล่ะ..

แบบนั้นจะเป็นพวกเขาเองที่แตกพ่าย.. นี่เป็นการขู่ทางจิตวิทยาวิธีหนึ่งนั่นเอง

“ซึ่งเขาน่าจะเป็นคนที่สามารถคุยได้ง่ายที่สุดแล้ว หากสามารถคุยกับหัวหอกของจอมมารทั้งสิบสองได้แล้วละก็… ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมาก!”

คนพี่กล่าวแบบนั้น คนน้องก็ถอนหายใจออกมา

“แต่ว่านะท่านพี่ นอกจากข่าวลือลับๆ ที่อยู่ในเมือง ตั้งแต่พวกเรามาอยู่ในเมืองนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ ยังไม่คืบหน้าอะไรเลย”

“เอาน่า อย่ารีบสิ.. เหมือนที่ท่านแม่เคยบอกว่าแผนการนี้เป็นแผนการใหญ่ ห้ามเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องค่อยเป็นค่อยไป!”

“ถึงท่านพี่จะบอกแบบนั้น แต่ตั้งแต่พวกเราออกเดินทางนี่ก็จะเข้าปีที่สองแล้วนะ ความคืบหน้ายังไม่มีสักอย่างเลย!”

คนน้องพูดแบบนั้น ทำให้คนพี่หัวเราะแห้งๆ ก่อนที่จะพูดกลบเกลื่อนว่า..

“ก็สำเร็จไปแล้วหลายประเทศนี่น่า.. ในแดนมนุษย์อะนะ”

“ก็ประเทศพวกนั้นแค่ตอบเพื่อจะเอาใจท่านพี่เท่านั้นแหละ พวกมันคิดเรื่องนั้นด้วยซ้ำก็ไม่รู้!”

“อย่าโมโหสิ เดี๋ยวแก่ไวเอานะ!”

คนพี่ตอบกลับคนน้องด้วยท่าทางประหลาดพร้อมกับเป็นห่วงว่าหน้าน้องสาวตัวเองจะมีรอยย่นแล้วหรือเปล่า

ในขณะที่ทั้งสองคุยกันนั้น นอกหน้าต่างโรงเตี๊ยมก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังมาก.. ดังขึ้น ทำให้พวกเธอสองพี่น้องและคนอื่นในโรงเตี๊ยมหันไปดู

แต่คนเหล่านั้นพอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็หันกลับมา เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าสองพี่น้องสวมฮู้ดขาวก็จ้องมองหาต้นเหตุ

ที่ตรอกซอยมีชายร่างใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ คนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับลากคอเด็กคนหนึ่งโยนทิ้งลงไปที่พื้น

มีอีกข้างหนึ่งถือเนื้อแห้งที่เด็กนี่ขโมยอยู่

“นังเด็กนี่ แกหิวก็อย่ามาขโมยสิวะ ข้าเองก็ทำมาหากินเหมือนกันนะโว้ย ไสหัวไปไกลๆ ไป”

“ท่านลุง.. ข้าขอเนื้อสักหน่อยก็ยังดีนะ.. ข้าไม่ได้ทานอาหารมาหลายวันแล้ว”

“ไสหัวไปไกลๆ ไป นี่มันของซื้อของขายนะ”

เด็กคนนั้นพยายามจะอ้อนวอน แต่ชายคนนั้นก็เตะเด็กคนนั้นเหมือนผักเหมือนปลา แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลงมือฆ่าแกงเด็กหรอก

แต่เด็กคนนั้นก็พยายามตื๊อไม่หยุด จนกลายเป็นภาพอันโหดร้ายตามมาติดๆ กลางถนนที่คนเดินกันพลุกพล่าน แต่กลับไม่มีใครสนใจเลย

เสียงทุบเสียงตีจนปากของเด็กคนนั้นเลือดไหล..

“เด็กคนนั้น.. เป็นเด็กเมื่อตอนนั้น!”

คนพี่พูดขึ้นทันที ใช่เธอคือเด็กที่เคยเกือบถูกฆ่าในตรอกตอนนั้นแน่นอน คนสวมฮู้ดคนพี่ก็ลุกขึ้นเหมือนกำลังจะเข้าไปห้าม

แต่ในตอนนั้นเองขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะต่อยใส่เด็กผู้หญิงคนนั้น ก็มีคนคนหนึ่งเดินผ่านมาระหว่างชายคนนั้นกำลังจะต่อยเด็กพอดี

เธอสวมฮู้ดสีเทาปกปิดใบหน้าเช่นกัน อันที่จริงเธอไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ อันที่จริงดูอายุเยอะกว่าเด็กผู้หญิงที่ถูกทำร้ายอยู่นิดหน่อยเท่านั้น

เหมือนคนคนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นตรงหน้า จนทำให้กำปั้นของชายคนนั้นต่อยกำลังจะโดนเธอ

เธอก็เหมือนหลุดออกมาจากโลกแห่งความคิด.. ก่อนที่จะโยกหัวหลบแล้วก็ใช้มือจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้…

เธอเหมือนจะปรับตัวอย่างรวดเร็วหันไปถามอีกฝ่ายที่ร่างกายใหญ่กว่าตัวเองซะอีกว่า..

“นายอยากตายรึไง โจมตีฉันน่ะ? เกือบไปแล้วไหมล่ะ ขืนตายไปมั่วซั่วมีหวังภาพสะท้อนของเทพนั่นปรากฏขึ้นมาจะทำไง?”

เธอคนนั้นพูดกับอีกฝ่ายก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง ชายคนนั้นก็เหมือนจะตามเรื่องราวไม่ทันแต่เขาก็ขมวดคิ้ว

อยากจะด่าว่าก็แกเดินมาเองนี่หว่า.. แต่ก่อนที่จะทันได้พูดแขนของเขากลับดึงไม่ออก.. นี่ทำให้เขาหน้าเผือดสี ก่อนที่เธอคนนั้นเหมือนจะพึ่งนึกได้

เธอก็ปล่อยมืออีกฝ่ายออก ชายคนนั้นสบถออกมาพร้อมกับด่า

“ไสหัวไปซะ บอกให้เด็กนั่นอย่ามาขโมยของของข้าอีก ไม่งั้นคราวนี้ข้าไม่เอาไว้แน่”

“อ่า… อาหาร”

เด็กคนนั้นมองตามอาหารพร้อมกับเสียงท้องร้องที่ไม่มีอาหารตกมาถึงกระเพาะหลายวันแล้ว..

เธอคนนั้นเหมือนจะเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงที่ซูบผอม… ร่างกายอ่อนแออย่างถึงที่สุด เหมือนกับว่าไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้ว

ราวกับมันไปซ้อนทับกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอเคยรู้จัก.. เด็กคนนั้นไม่มีพ่อไม่มีแม่เหมือนกัน ตอนที่เธอเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นตอนอายุเท่าเด็กนี่..

ก็บาดเจ็บจากการถูกทำร้ายเหมือนกัน…

“เธอ.. มานี่สิ”

เธอพูดกับเด็กคนนั้นที่กำลังเสียดายอาหารพร้อมกับเดินนำไปทางโรงเตี๊ยม.. เหมือนเด็กนั่นจะไม่เข้าใจ เธอจึงถามซ้ำอีกรอบว่า

“จะทานไหม อาหารน่ะ?”

ดวงตาเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลุกวาวแล้วพยักหน้าพร้อมกับเดินตามหญิงสาวสวมฮู้ดไปในโรงเตี๊ยมด้วยความตื่นเต้น

“ฉัน…แค่ทำตามที่พี่สอนเท่านั้นแหละ”

เธอคนนั้นพึมพำเบาๆ

เหมือนกับว่าในใจของเธอยังมีบางส่วนที่ขัดแย้งกันอยู่..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 387

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 387 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 387 – เด็กผู้หญิงปริศนา

 

ในโรงเตี๊ยมขนาดไม่ใหญ่มากแห่งหนึ่งมีคนสองคนกำลังนั่งทานอาหารอยู่ สองคนนี้สวมฮู้ดสีขาวปกปิดใบหน้าเอาไว้

แต่เมื่อพวกเธอปรากฏตัวขึ้นก็ดึงดูดสายตาคนมาไม่น้อย แต่คนสวมฮูดสีขาวที่เป็นคนพี่ก็วาดมือออกแล้วก็เกิดเป็นม่านพลังบางๆ ที่ไม่มีใครมองเห็น

ปิดกั้นเสียงจากในนี้จนหมด คนน้องก็พูดขึ้น

“ดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริงนะท่านพี่.. ตามที่สายข่าวของเราบอกมาแทบทุกอย่างเลย งั้นข้าจะขอทบทวนแผนการอีกรอบนะ”

“อาณาจักรนี้คืออาณาจักรมารฟาร์เนีย.. ของจอมมารผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับต้นๆ ของจอมมารทั้งหมด”

“แต่ว่าภายใต้สงครามครั้งล่าสุด เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ได้ยินข่าวว่าต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะรักษาหาย”

คนน้องกล่าวรายละเอียดที่เธอเคยสืบมาก่อนอย่างแรก เหมือนท่านจอมมารของอาณาจักรนี้ในการต่อสู้ครั้งที่ผ่านมา

เขาโดนไพ่ตายลับของพวกกึ่งมนุษย์ ‘ปรสิตเขียวขจี’ เป็นปรสิตที่จะแทรกแซงเข้าไปในสมองของผู้ถูกปรสิต

และมันจะค่อยๆ เปลี่ยนสมองให้เป็นรากพืชและแตกหน่อออกไปทั่วทั้งร่างกายเข้าแทนหลอดเลือดและท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเหมือนต้นหญ้า

ที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ นอกจากนี้ตัวปรสิตเองยังมีพิษชนิดหนึ่งที่ทำให้ร่างกายและพลังเวทมนตร์ในร่างกายด้านชา

สรุปคือมันจะทำให้ต้านทานไม่ได้ ก่อนจะค่อยๆ กัดกินร่างกายของคนผู้นั้น.. แถมหากตามที่ข่าวลือเป็นจริง

เมื่อปรสิตนี้โตเต็มที่มันจะสามารถเปลี่ยนแปลงภูมิประเทศวงกว้างให้กลายเป็นดินแดนของมันควบคุมได้ตามใจนึกเลยล่ะ

ความกว้างและความแข็งแกร่งขึ้นอยู่กับคนที่มันเข้าไปกัดกิน.. และหากเป็นจอมมารหากทำสำเร็จมันก็คงทำให้พื้นที่ทั่วทั้งอาณาจักรกลายเป็นพืชหญ้าเขียวขจี

ที่สามารถฆ่าคนทั้งอาณาจักรได้ในพริบตาเดียวเป็นแน่แท้

แต่ก็อย่างที่ว่า จอมมารก็คือจอมมาร หากเขาไม่บาดเจ็บจากการปะทะกับราชาแวมไพร์ก็คงสามารถกำจัดปรสิตนี้ได้อย่างง่ายดาย

แต่ถึงจะอ่อนแอลงขนาดไหน ปรสิตนี้ก็ยังไม่สามารถฆ่าเขาได้อยู่ดี แต่เพราะผลแทรกซ้อนมากมายจึงทำให้เขาต้องรักษาตัวไปอีกหลายปี

คนพี่เองก็พยักหน้า คนน้องก็พูดต่อ

“และการรักษาจอมมารนั้น.. พวกเขาเหมือนจะใช้ไม้แข็งโดยการที่เอาเมื่อหนามยอกก็เอาหนามบ่ง”

“เหมือนว่าเขาจะใช้พิษของต้นปีศาจแดงยับยั้งพิษของปรสิตเขียวขจี และใช้ใบไม้ของต้นปีศาจแดงที่มีความแม่นยำสูงจัดการปรสิตที่อยู่ในสมองของจอมมาร”

“หรือก็คือ…”

แต่คนน้องยังพูดไม่จบ พนักงานก็เดินพรวดเข้ามาผ่านม่านป้องกันเสียงได้อย่างง่ายดาย ก็แหงล่ะมันแค่กันเสียง ไม่ได้กันคนเข้ามา

“รับอะไรดี?”

“เอาเป็นอาหารที่ทางร้านแนะนำเลย”

คนพี่กล่าวตอบปัดๆ ออกไป พนักงานก็พยักหน้าแล้วก็เดินจากไป ทั้งคู่ก็หันกลับมาคุยกันต่อ คราวนี้คนพี่เป็นคนพูดเอง

“หรือก็คือ.. ตอนนี้จอมมารอยู่ที่เมืองนี้ จากสภาพดูแล้วเขาน่าจะอยู่แถวๆ ต้นปีศาจแดง เผลอๆ อาจจะฝังตัวอยู่ในลำต้นมันเลยก็ได้”

“จอมมารคนนี้เหมือนจะเป็นคนรอบคอบอย่างมาก หลังเขาโดนปรสิตเขาพยายามทำเหมือนตัวเองไม่เป็นไร และไม่เคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติม”

“ทำให้แม้แต่กึ่งมนุษย์ที่ปล่อยปรสิตใส่เขายังไม่กล้าบุกเข้ามา แม้รู้ว่าจอมมารคนนี้มีโอกาสจะตกอยู่ในสถานการณ์ย่ำแย่.. เพราะพวกมันกลัวว่า.. เขาจะกลายเป็นเสือซ่อนเขี้ยว!”

ใช่แล้ว นี่คือสงครามจิตวิทยา จอมมารคนนั้นทำท่าเหมือนตัวเองไม่เป็นไรและกลับออกมาพร้อมกับปิดกั้นการส่งข่าวออกด้านนอก

ทำให้คนภายนอกไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วจอมมารโดนปรสิตเล่นงานจริงหรือเปล่า แน่นอนว่าหากบุกรุกเข้ามาพวกเขาก็จะรู้

แต่ต้องเข้าใจว่าบุกเข้าแดนศัตรู คนที่เสียเปรียบคือพวกเขา หากอีกฝ่ายแค่เปิดปากถ้ำล่อคนเข้ามาขย้ำล่ะ..

แบบนั้นจะเป็นพวกเขาเองที่แตกพ่าย.. นี่เป็นการขู่ทางจิตวิทยาวิธีหนึ่งนั่นเอง

“ซึ่งเขาน่าจะเป็นคนที่สามารถคุยได้ง่ายที่สุดแล้ว หากสามารถคุยกับหัวหอกของจอมมารทั้งสิบสองได้แล้วละก็… ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมาก!”

คนพี่กล่าวแบบนั้น คนน้องก็ถอนหายใจออกมา

“แต่ว่านะท่านพี่ นอกจากข่าวลือลับๆ ที่อยู่ในเมือง ตั้งแต่พวกเรามาอยู่ในเมืองนี้ก็ผ่านมาหลายวันแล้วนะ ยังไม่คืบหน้าอะไรเลย”

“เอาน่า อย่ารีบสิ.. เหมือนที่ท่านแม่เคยบอกว่าแผนการนี้เป็นแผนการใหญ่ ห้ามเคลื่อนไหวสุ่มสี่สุ่มห้า ต้องค่อยเป็นค่อยไป!”

“ถึงท่านพี่จะบอกแบบนั้น แต่ตั้งแต่พวกเราออกเดินทางนี่ก็จะเข้าปีที่สองแล้วนะ ความคืบหน้ายังไม่มีสักอย่างเลย!”

คนน้องพูดแบบนั้น ทำให้คนพี่หัวเราะแห้งๆ ก่อนที่จะพูดกลบเกลื่อนว่า..

“ก็สำเร็จไปแล้วหลายประเทศนี่น่า.. ในแดนมนุษย์อะนะ”

“ก็ประเทศพวกนั้นแค่ตอบเพื่อจะเอาใจท่านพี่เท่านั้นแหละ พวกมันคิดเรื่องนั้นด้วยซ้ำก็ไม่รู้!”

“อย่าโมโหสิ เดี๋ยวแก่ไวเอานะ!”

คนพี่ตอบกลับคนน้องด้วยท่าทางประหลาดพร้อมกับเป็นห่วงว่าหน้าน้องสาวตัวเองจะมีรอยย่นแล้วหรือเปล่า

ในขณะที่ทั้งสองคุยกันนั้น นอกหน้าต่างโรงเตี๊ยมก็มีเสียงชายคนหนึ่งดังมาก.. ดังขึ้น ทำให้พวกเธอสองพี่น้องและคนอื่นในโรงเตี๊ยมหันไปดู

แต่คนเหล่านั้นพอเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นก็หันกลับมา เพราะเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นประจำอยู่แล้ว แต่ว่าสองพี่น้องสวมฮู้ดขาวก็จ้องมองหาต้นเหตุ

ที่ตรอกซอยมีชายร่างใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ คนหนึ่งเดินออกมาพร้อมกับลากคอเด็กคนหนึ่งโยนทิ้งลงไปที่พื้น

มีอีกข้างหนึ่งถือเนื้อแห้งที่เด็กนี่ขโมยอยู่

“นังเด็กนี่ แกหิวก็อย่ามาขโมยสิวะ ข้าเองก็ทำมาหากินเหมือนกันนะโว้ย ไสหัวไปไกลๆ ไป”

“ท่านลุง.. ข้าขอเนื้อสักหน่อยก็ยังดีนะ.. ข้าไม่ได้ทานอาหารมาหลายวันแล้ว”

“ไสหัวไปไกลๆ ไป นี่มันของซื้อของขายนะ”

เด็กคนนั้นพยายามจะอ้อนวอน แต่ชายคนนั้นก็เตะเด็กคนนั้นเหมือนผักเหมือนปลา แน่นอนว่าเขาไม่ได้ลงมือฆ่าแกงเด็กหรอก

แต่เด็กคนนั้นก็พยายามตื๊อไม่หยุด จนกลายเป็นภาพอันโหดร้ายตามมาติดๆ กลางถนนที่คนเดินกันพลุกพล่าน แต่กลับไม่มีใครสนใจเลย

เสียงทุบเสียงตีจนปากของเด็กคนนั้นเลือดไหล..

“เด็กคนนั้น.. เป็นเด็กเมื่อตอนนั้น!”

คนพี่พูดขึ้นทันที ใช่เธอคือเด็กที่เคยเกือบถูกฆ่าในตรอกตอนนั้นแน่นอน คนสวมฮู้ดคนพี่ก็ลุกขึ้นเหมือนกำลังจะเข้าไปห้าม

แต่ในตอนนั้นเองขณะที่ชายคนนั้นกำลังจะต่อยใส่เด็กผู้หญิงคนนั้น ก็มีคนคนหนึ่งเดินผ่านมาระหว่างชายคนนั้นกำลังจะต่อยเด็กพอดี

เธอสวมฮู้ดสีเทาปกปิดใบหน้าเช่นกัน อันที่จริงเธอไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ อันที่จริงดูอายุเยอะกว่าเด็กผู้หญิงที่ถูกทำร้ายอยู่นิดหน่อยเท่านั้น

เหมือนคนคนั้นไม่ได้สนใจเท่าไหร่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นตรงหน้า จนทำให้กำปั้นของชายคนนั้นต่อยกำลังจะโดนเธอ

เธอก็เหมือนหลุดออกมาจากโลกแห่งความคิด.. ก่อนที่จะโยกหัวหลบแล้วก็ใช้มือจับแขนอีกฝ่ายเอาไว้…

เธอเหมือนจะปรับตัวอย่างรวดเร็วหันไปถามอีกฝ่ายที่ร่างกายใหญ่กว่าตัวเองซะอีกว่า..

“นายอยากตายรึไง โจมตีฉันน่ะ? เกือบไปแล้วไหมล่ะ ขืนตายไปมั่วซั่วมีหวังภาพสะท้อนของเทพนั่นปรากฏขึ้นมาจะทำไง?”

เธอคนนั้นพูดกับอีกฝ่ายก่อนจะหันมาพึมพำกับตัวเอง ชายคนนั้นก็เหมือนจะตามเรื่องราวไม่ทันแต่เขาก็ขมวดคิ้ว

อยากจะด่าว่าก็แกเดินมาเองนี่หว่า.. แต่ก่อนที่จะทันได้พูดแขนของเขากลับดึงไม่ออก.. นี่ทำให้เขาหน้าเผือดสี ก่อนที่เธอคนนั้นเหมือนจะพึ่งนึกได้

เธอก็ปล่อยมืออีกฝ่ายออก ชายคนนั้นสบถออกมาพร้อมกับด่า

“ไสหัวไปซะ บอกให้เด็กนั่นอย่ามาขโมยของของข้าอีก ไม่งั้นคราวนี้ข้าไม่เอาไว้แน่”

“อ่า… อาหาร”

เด็กคนนั้นมองตามอาหารพร้อมกับเสียงท้องร้องที่ไม่มีอาหารตกมาถึงกระเพาะหลายวันแล้ว..

เธอคนนั้นเหมือนจะเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงที่ซูบผอม… ร่างกายอ่อนแออย่างถึงที่สุด เหมือนกับว่าไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันแล้ว

ราวกับมันไปซ้อนทับกับเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่เธอเคยรู้จัก.. เด็กคนนั้นไม่มีพ่อไม่มีแม่เหมือนกัน ตอนที่เธอเห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นตอนอายุเท่าเด็กนี่..

ก็บาดเจ็บจากการถูกทำร้ายเหมือนกัน…

“เธอ.. มานี่สิ”

เธอพูดกับเด็กคนนั้นที่กำลังเสียดายอาหารพร้อมกับเดินนำไปทางโรงเตี๊ยม.. เหมือนเด็กนั่นจะไม่เข้าใจ เธอจึงถามซ้ำอีกรอบว่า

“จะทานไหม อาหารน่ะ?”

ดวงตาเด็กผู้หญิงคนนั้นก็ลุกวาวแล้วพยักหน้าพร้อมกับเดินตามหญิงสาวสวมฮู้ดไปในโรงเตี๊ยมด้วยความตื่นเต้น

“ฉัน…แค่ทำตามที่พี่สอนเท่านั้นแหละ”

เธอคนนั้นพึมพำเบาๆ

เหมือนกับว่าในใจของเธอยังมีบางส่วนที่ขัดแย้งกันอยู่..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+