การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 356

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 356 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 356 – ต้นกำเนิดที่แท้จริง

 

“ชินโนะเก็นเท็น…หรือ ต้นกำเนิดที่แท้จริง เธอรู้จักสิ่งนี้มากน้อยแค่ไหนงั้นเหรอ?”

จู่ๆ อาจารย์ชิสุก็พูดขึ้นมา คำคำนี้เป็นคำที่เลทิเซียพึ่งได้รู้จักไม่นานพออาจารย์ชิสุพูดถึงมันก็ทำให้เลทิเซียนึกถึงคำพูดของซิลเวียขึ้นมา

อาจารย์ชิสุไม่ได้ให้เลทิเซียกล่าวตอบ เพราะพอเธอถามแบบนั้นเสร็จเธอก็กล่าวต่อโดยไม่รอคำตอบจากเลทิเซียแม้แต่น้อย

“ต้นกำเนิดคือสรรพสิ่ง.. แม้แต่โลกที่เธออยู่ในตอนนี้ก็ยังเป็นต้นกำเนิด มันรังสรรค์ทุกอย่างจากศูนย์หรือเรียกอีกอย่างว่าต้นกำเนิดอะเลฟ ซีโร่ (0)”

“ความเชื่อต่างๆ แนวคิดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกาลเวลาหรือพื้นที่ แกนมิติหรือระดับชั้นความเป็นจริง ความไร้สิ้นสุดและจุดเริ่มต้น แสงสว่างและความมืด อดีตหรืออนาคต ทุกอย่างถูกรังสรรค์ขึ้นมาตามประสงค์ของต้นกำเนิดแห่งนี้”

“แล้วหากทุกอย่างที่ว่ามาล้วนแล้วแต่เป็นต้นกำเนิด แล้วต้นกำเนิดที่แท้จริงคืออะไรกันล่ะ ในเมื่อต้นกำเนิดสร้างทุกอย่างแล้วแบบนั้น?”

“ให้เธอมองว่าต้นกำเนิดที่เราอยู่มีลักษณะเป็นพีระมิดกลับด้าน และปลายพีระมิดนั้นคือจุดจุดหนึ่งที่รังสรรค์ทุกอย่างขึ้นมา”

“และจุดนั้นจุดเดียวนั่นแหละที่เป็นต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่ที่เราอยู่ในตอนนี้ และเมื่อเธอฝึกเวทมนตร์ในระดับที่โลกนี้ไม่มีใครสมารถไปถึงมาก่อนได้”

“บัดนั้น ในต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่แห่งนี้ เธอจะมองเห็นทุกโลก ไม่ว่าจะโลกเบื้องล่างหรือโลกเบื้องบนที่ไร้ที่สิ้นสุดเหล่านั้นเป็นเพียงแค่เส้นที่ไร้จุดสิ้นสุดมาวาดทับถมกันเท่านั้น”

“ทุกโลกเบื้องล่างสุดจนไต่ไปถึงโลกอันไร้ที่สิ้นสุดนั้นมีความแตกต่างกันเพียงแค่จำนวนเส้นหรือที่ในโลกเดิมเธอเรียกว่าแกนมิติน่ะ”

“การเพิ่มเส้นเหล่านี้ในโลกหนึ่งเพียงหนึ่งเส้นกลับมีความห่างชั้นมากกว่าคำว่าไร้ที่สิ้นสุดเสียอีก”

“และเมื่อเธอก้าวไปถึงจุดนั้นได้.. เธอจะไม่ได้เป็นบุคคลผู้ที่ไร้เทียมทาน แต่เธอจะมองเห็นกำแพงใหญ่.. กำแพงใหญ่ที่ขวางกั้นเธอเอาไว้”

“กำแพงที่เรียกว่า ต้นกำเนิด อะเลฟ วัน (1) ใช่แล้วต่อให้เธอพัฒนาไปถึงระดับนั้นได้เธอก็ไม่ได้เป็นจุดสูงสุดของต้นกำเนิดที่แท้จริงแต่อย่างใด”

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า.. สถานที่แห่งนั้นจะมีระดับชั้นคล้ายกันกับต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่ แค่มีความแตกต่างที่ว่าเพียงแมลงวันในโลกที่ต่ำสุดของต้นกำเนิดอะเลฟวัน ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่ทิ้งได้อย่างง่ายดาย”

“เปรียบเหมือนเธอนั้นเป็นเพียงแค่ภาพวาดในกระดาษที่เปราะบางยิ่งกว่าอะไรเสียอีก”

“และจงพิจารณาว่า…ยังมีต้นกำเนิด อะเลฟที่สอง ที่สาม..ที่สี่…… ไปจนถึงความไร้ขอบเขตที่แท้จริง”

“ทุกอย่างที่ว่ามาคือ.. ต้นกำเนิดที่แท้จริง.. กล่าวคือไม่ว่าเธอจะพยายามแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนสำหรับต้นกำเนิดที่แท้จริงแล้ว.. เธอยังไม่อาจทำอะไรได้อยู่ดี”

“แม้แต่เจ้าหมึกที่เหลือรอดมาจากชิ้นส่วนเวหานั่น ยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะสั่นคลอนต้นกำเนิดที่แท้จริงด้วยซ้ำ”

“สถานการณ์นี้ถูกเรียกว่า ‘การหลุดพ้นขอบเขต’ (Transcendent of Bounds) แต่ยิ่งเธอหลุดพ้นขอบเขตไปมากเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งเจอกำแพงที่กว้างขึ้นอีกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

“ซึ่งสถานการณ์นี้จะถูกเรียกว่า ‘การหลุดพ้นที่ไม่สมบูรณ์’(Transcendent Error) แต่ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งเท่าเดิม ทุกการหลุดพ้นขอบเขตล้วนทำให้แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เพียงห่างการหลุดพ้นเพียงแค่หนึ่งขอบเขตก็แทบรู้ผลแพ้ชนะในตั้งแต่ยังไม่สู้ด้วยซ้ำ”

อาจารย์ชิสุกล่าวอธิบายอย่างละเอียดราวกับต้นเองเป็นผู้วาดฉากเหล่านั้นขึ้นมาเองกับมือ… ในโลกนี้หากพูดถึงคนที่รู้เรื่องต้นกำเนิดดีที่สุดแล้วละก็..

คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าอาจารย์ชิสุ ที่อยู่ตรงนี้แล้วล่ะ แน่นอนว่าเลทิเซียก็เข้าใจได้ยังไงซะหากเธอเป็นมารดาแห่งสรรพสิ่งก็อาจจะมีสถานะเดียวกันกับต้นกำเนิด?

ถึงเลทิเซียจะรู้สึกว่าอาจารย์ชิสุในตอนนี้ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งอะไรก็ตามที.. แต่เมื่อพูดถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงละก็

เลทิเซียเคยได้ยินจากซิลเวียมาแล้ว แต่นั่นมันแค่ทฤษฎีของพวกเทพธิดาบนโลก.. หาใช่ความจริง อีกทั้งที่อาจารย์ชิสุเล่ามายังมีสิ่งที่ซิลเวียไม่รู้จักอยู่ด้วย

อย่างเช่นเรื่องการหลุดพ้นขอบเขตอะไรนั่น.. หมายความว่าบนโลกนี้ก็อาจจะมีคนหลุดพ้นขอบเขตได้จริงๆ ..?

แน่นอนว่าที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์มาก่อนเพราะว่าหากเก่งถึงขั้นนั้นก็คงสามารถลบเลือนทุกอย่างของตนเองออกไปได้นั่นแหละ

พอเห็นเลทิเซียไม่ตกใจอะไรมากขนาดนั้น อาจารย์ชิสุจึงกล่าวต่อว่า

“ซึ่งโลกที่เราอยู่ในตอนนี้นั้นนับเป็นจุดต่ำสุดของต้นกำเนิดทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามาเลยล่ะ”

“และสิ่งที่ฉันบอกให้เธอทำคือฝืนเปลี่ยนกฎของต้นกำเนิด.. ไม่ใช่ต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่แห่งนี้.. แต่กฎแห่งความเป็นความตายนั้นครอบคลุมถึงระดับต้นกำเนิดที่แท้จริง”

“ต่อให้เธอย้อนเวลาในโลกเบื้องล่างนี้กลับไปในอดีตก็ตามก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ต้นกำเนิดที่แท้จริงกำหนดมาแล้ว”

“อย่าว่าแต่ต้นกำเนิดทั้งหมดเลย เพียงแค่ย้อนเวลาโลกเบื้องล่างนี้กลับไป สำหรับพวกเทพธิดาบนโลกเบื้องบนก็ยังคงนั่งกินขนมสบายใจเฉิบไม่เปลี่ยนอะไร”

“สรุปง่ายๆ คือ ย้อนเวลาในโลกต่ำๆ นี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”

พอพูดถึงจุดจุดนี้ จู่ๆ เลทิเซียก็นึกถึงซิลเวียกับไวท์ขึ้นมา.. สถานที่ที่พวกเธอตายคือความว่างเปล่านอกความจริง..

เพราะที่นั่นไม่มีเวลาหรืออะไรเลย ต่อให้ย้อนเวลาไปก็คงทำไม่ได้อยู่ดี.. พอพูดถึงจุดนี้หัวใจเลทิเซียก็กระตุกเบาๆ ..

“หรือว่าฉันไม่สามารถช่วยซิลเวียกับไวท์ได้?”

“เอ้ะ.. ทำไมล่ะ?”

“ก็พวกเราก่อนหน้านี้ออกไปในความว่างเปล่า…และพวกเธอก็….”

พอฟังแบบนั้น อาจารย์ชิสุถึงได้พยักหน้า ก่อนจะตอบว่า

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น.. ไม่ต้องห่วง ที่ที่พวกเธอไปไม่ใช่ความว่างเปล่าหรืออะไรหรอก.. อ่า ไม่สิ.. สำหรับพวกเธอคงเป็นความว่างเปล่านั่นแหละ”

“แต่มันไม่ใช่ความว่างเปล่าที่แท้จริงหรอก.. ที่นั่นคือดินแดนที่เรียกว่า ‘นอกต้นกำเนิด’ (Outer Origin) น่ะ”

“ทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนั้นจะไร้พลัง สิ่งที่ทำงานได้มีเพียง ‘ทักษะ’ เท่านั้น นอกนั้นจะถูกยกเลิกหมด”

“และสถานที่เธอไปมันก็ไม่มีแนวคิดอะไรเลยด้วย.. มันเลยทำให้เธอเหมือนเป็นความว่างเปล่านั่นแหละ”

“เพราะหากเป็นความว่างเปล่าจริงๆ .. พวกเธอคงตายไปแล้วล่ะ”

พอฟังแบบนั้นเลทิเซียถึงได้เข้าใจทุกอย่างขึ้นมา.. ใช่แล้ว เพราะแบบนั้นเองนิลถึงได้สร้างโลกใหม่ขึ้นได้ ทั้งๆ ที่เป็นความว่างเปล่า

ต่อให้จะเป็นส่วนหนึ่งกับความว่างเปล่ายังไงก็ตามเถอะ เพราะความว่างเปล่าคือด้านตรงข้ามกับการสรรค์สร้างเลยนะ

การจะสร้างอะไรขึ้นมาอย่าว่าแต่นิลเลย ต่อให้เป็นผู้ที่หลุดพ้นขอบเขตก็ยังยากที่จะทำได้เลย

หรือก็คือนั่นไม่ใช่ความว่างเปล่า เป็นโลกที่ต่อต้านพลังเหนือธรรมชาติทุกอย่างเท่านั้น และก็บังเอิญว่าที่แห่งนั้นไม่มีแนวคิดพื้นฐานใดๆ เลย

แต่จะยังไงก็ตามแต่.. อาจารย์ชิสุก็พูดขึ้น

“ฉันพึ่งเล่าว่าการจะช่วยมันต้องย้อนเวลาแม้แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริง.. แต่เธอกลับไปสนว่าจะช่วยได้ครบทุกคนแล้วงั้นเหรอ เธอคิดว่าตัวเองจะย้อนเวลาระดับต้นกำเนิดได้จริงๆ ? เพราะการที่ทำแบบนั้นได้เธอต้องแข็งแกร่งที่สุดในต้นกำเนิดแห่งนี้..”

เลทิเซียนิ่งเงียบลงไปพักหนึ่ง อันที่จริงหากเป็นเธอในก่อนหน้านี้คงไม่มีความคิดแบบนี้.. แต่ทว่า.. แต่ทว่าตอนนี้.. ดวงตาเธอจ้องไปที่อาจารย์ชิสุ

“ขอแค่มีวิธีการ.. ไม่ว่าจะใช้เวลานานขนาดไหน.. ฉันก็จะแข็งแกร่งที่สุดและช่วยพวกเธอให้ได้”

แววตาที่มุ่งมั่นของเลทิเซียนั้นราวกับว่าเธอได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว.. เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่อ่อนแอในตอนนั้นแล้ว..

เธอไม่ใช่คนที่ได้แต่นั่งร้องไห้กับซากศพของเหล่าเพื่อนๆ ตัวเองอีกแล้ว เธอยังมีทางออก.. เธอยังมีความหวังที่จะก้าวต่อไป

ต่อให้การแข็งแกร่งขึ้นจะต้องยาวนานเป็นสิบหรือร้อยปี.. หรือกี่ปีเธอก็ไม่สนมันแล้ว ขอแค่มีวิธีการก็พอ..

อีกทั้งตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองนั้นเก่งกว่าที่ตนเองคิดไปมากเลย.. เธอก้มลงมองมือสองข้างตัวเองกลับเกิดความรู้สึกวู่วามบางอย่างขึ้นมา..

หากเธอใช้พลังทั้งหมดนี้.. พลังทั้งหมดที่ไร้ค่าเมื่อต่อหน้าผู้หญิงผมสีขาวนี้.. จะสามารถทำลายต้นกำเนิดที่แท้จริงได้เลยหรือเปล่า..?

สายตาของอาจารย์ชิสุที่มองมาที่เลทิเซียนั้นเผยความอ่อนโยนโดยที่เลทิเซียไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ.. ราวกับได้มองย้อนกลับไปเห็นเมื่อเกือบหลายสิบปีก่อน

ในกระท่อมไม้หลังเล็กๆ นั้น.. ตอนที่เธอเห็นเลทิเซียตัวเล็กที่ยังมองเธอด้วยความหวาดกลัวและขลาดเขลา.. มีเพียงความคิดด้านลบมากมายที่อัดแน่นอยู่ในหัว

แต่ตอนนี้สายตาอันมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ของเธอ.. ราวกับบอกไว้ว่าเธอคนนี้ได้เติบโตขึ้นแล้ว..

 

…………

[อะแฮ่ม.. เดี๋ยวมีคนบอกว่าผมแถ จริงๆ ไอ้ outer origin นี่มีตั้งแต่เรื่องริวตะ (เรื่องเก่าที่ผมแต่ง) แล้วนะ แค่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ตอนที่ริวตะปะทะในทะเลทรายมีฉากกล่าวถึงอยู่ว่าเป็นสถานที่ที่ Anti พลังเหนือธรรมชาติทุกชนิดยกเว้นทักษะ (อยู่ประมาณบทที่ 44) เพราะงั้นสิ่งนี้จะยืนยันว่าผมไม่ได้แถนะเออ – คนเขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 356

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 356 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 356 – ต้นกำเนิดที่แท้จริง

 

“ชินโนะเก็นเท็น…หรือ ต้นกำเนิดที่แท้จริง เธอรู้จักสิ่งนี้มากน้อยแค่ไหนงั้นเหรอ?”

จู่ๆ อาจารย์ชิสุก็พูดขึ้นมา คำคำนี้เป็นคำที่เลทิเซียพึ่งได้รู้จักไม่นานพออาจารย์ชิสุพูดถึงมันก็ทำให้เลทิเซียนึกถึงคำพูดของซิลเวียขึ้นมา

อาจารย์ชิสุไม่ได้ให้เลทิเซียกล่าวตอบ เพราะพอเธอถามแบบนั้นเสร็จเธอก็กล่าวต่อโดยไม่รอคำตอบจากเลทิเซียแม้แต่น้อย

“ต้นกำเนิดคือสรรพสิ่ง.. แม้แต่โลกที่เธออยู่ในตอนนี้ก็ยังเป็นต้นกำเนิด มันรังสรรค์ทุกอย่างจากศูนย์หรือเรียกอีกอย่างว่าต้นกำเนิดอะเลฟ ซีโร่ (0)”

“ความเชื่อต่างๆ แนวคิดทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกาลเวลาหรือพื้นที่ แกนมิติหรือระดับชั้นความเป็นจริง ความไร้สิ้นสุดและจุดเริ่มต้น แสงสว่างและความมืด อดีตหรืออนาคต ทุกอย่างถูกรังสรรค์ขึ้นมาตามประสงค์ของต้นกำเนิดแห่งนี้”

“แล้วหากทุกอย่างที่ว่ามาล้วนแล้วแต่เป็นต้นกำเนิด แล้วต้นกำเนิดที่แท้จริงคืออะไรกันล่ะ ในเมื่อต้นกำเนิดสร้างทุกอย่างแล้วแบบนั้น?”

“ให้เธอมองว่าต้นกำเนิดที่เราอยู่มีลักษณะเป็นพีระมิดกลับด้าน และปลายพีระมิดนั้นคือจุดจุดหนึ่งที่รังสรรค์ทุกอย่างขึ้นมา”

“และจุดนั้นจุดเดียวนั่นแหละที่เป็นต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่ที่เราอยู่ในตอนนี้ และเมื่อเธอฝึกเวทมนตร์ในระดับที่โลกนี้ไม่มีใครสมารถไปถึงมาก่อนได้”

“บัดนั้น ในต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่แห่งนี้ เธอจะมองเห็นทุกโลก ไม่ว่าจะโลกเบื้องล่างหรือโลกเบื้องบนที่ไร้ที่สิ้นสุดเหล่านั้นเป็นเพียงแค่เส้นที่ไร้จุดสิ้นสุดมาวาดทับถมกันเท่านั้น”

“ทุกโลกเบื้องล่างสุดจนไต่ไปถึงโลกอันไร้ที่สิ้นสุดนั้นมีความแตกต่างกันเพียงแค่จำนวนเส้นหรือที่ในโลกเดิมเธอเรียกว่าแกนมิติน่ะ”

“การเพิ่มเส้นเหล่านี้ในโลกหนึ่งเพียงหนึ่งเส้นกลับมีความห่างชั้นมากกว่าคำว่าไร้ที่สิ้นสุดเสียอีก”

“และเมื่อเธอก้าวไปถึงจุดนั้นได้.. เธอจะไม่ได้เป็นบุคคลผู้ที่ไร้เทียมทาน แต่เธอจะมองเห็นกำแพงใหญ่.. กำแพงใหญ่ที่ขวางกั้นเธอเอาไว้”

“กำแพงที่เรียกว่า ต้นกำเนิด อะเลฟ วัน (1) ใช่แล้วต่อให้เธอพัฒนาไปถึงระดับนั้นได้เธอก็ไม่ได้เป็นจุดสูงสุดของต้นกำเนิดที่แท้จริงแต่อย่างใด”

“เหนือฟ้ายังมีฟ้า.. สถานที่แห่งนั้นจะมีระดับชั้นคล้ายกันกับต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่ แค่มีความแตกต่างที่ว่าเพียงแมลงวันในโลกที่ต่ำสุดของต้นกำเนิดอะเลฟวัน ก็เพียงพอที่จะบดขยี้ต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่ทิ้งได้อย่างง่ายดาย”

“เปรียบเหมือนเธอนั้นเป็นเพียงแค่ภาพวาดในกระดาษที่เปราะบางยิ่งกว่าอะไรเสียอีก”

“และจงพิจารณาว่า…ยังมีต้นกำเนิด อะเลฟที่สอง ที่สาม..ที่สี่…… ไปจนถึงความไร้ขอบเขตที่แท้จริง”

“ทุกอย่างที่ว่ามาคือ.. ต้นกำเนิดที่แท้จริง.. กล่าวคือไม่ว่าเธอจะพยายามแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนสำหรับต้นกำเนิดที่แท้จริงแล้ว.. เธอยังไม่อาจทำอะไรได้อยู่ดี”

“แม้แต่เจ้าหมึกที่เหลือรอดมาจากชิ้นส่วนเวหานั่น ยังไม่มีพลังเพียงพอที่จะสั่นคลอนต้นกำเนิดที่แท้จริงด้วยซ้ำ”

“สถานการณ์นี้ถูกเรียกว่า ‘การหลุดพ้นขอบเขต’ (Transcendent of Bounds) แต่ยิ่งเธอหลุดพ้นขอบเขตไปมากเท่าไหร่เธอก็จะยิ่งเจอกำแพงที่กว้างขึ้นอีกไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด”

“ซึ่งสถานการณ์นี้จะถูกเรียกว่า ‘การหลุดพ้นที่ไม่สมบูรณ์’(Transcendent Error) แต่ถึงจะบอกแบบนั้นแต่ก็ใช่ว่าจะแข็งแกร่งเท่าเดิม ทุกการหลุดพ้นขอบเขตล้วนทำให้แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เพียงห่างการหลุดพ้นเพียงแค่หนึ่งขอบเขตก็แทบรู้ผลแพ้ชนะในตั้งแต่ยังไม่สู้ด้วยซ้ำ”

อาจารย์ชิสุกล่าวอธิบายอย่างละเอียดราวกับต้นเองเป็นผู้วาดฉากเหล่านั้นขึ้นมาเองกับมือ… ในโลกนี้หากพูดถึงคนที่รู้เรื่องต้นกำเนิดดีที่สุดแล้วละก็..

คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าอาจารย์ชิสุ ที่อยู่ตรงนี้แล้วล่ะ แน่นอนว่าเลทิเซียก็เข้าใจได้ยังไงซะหากเธอเป็นมารดาแห่งสรรพสิ่งก็อาจจะมีสถานะเดียวกันกับต้นกำเนิด?

ถึงเลทิเซียจะรู้สึกว่าอาจารย์ชิสุในตอนนี้ไม่ได้มีพลังแข็งแกร่งอะไรก็ตามที.. แต่เมื่อพูดถึงต้นกำเนิดที่แท้จริงละก็

เลทิเซียเคยได้ยินจากซิลเวียมาแล้ว แต่นั่นมันแค่ทฤษฎีของพวกเทพธิดาบนโลก.. หาใช่ความจริง อีกทั้งที่อาจารย์ชิสุเล่ามายังมีสิ่งที่ซิลเวียไม่รู้จักอยู่ด้วย

อย่างเช่นเรื่องการหลุดพ้นขอบเขตอะไรนั่น.. หมายความว่าบนโลกนี้ก็อาจจะมีคนหลุดพ้นขอบเขตได้จริงๆ ..?

แน่นอนว่าที่ไม่เคยปรากฏขึ้นในประวัติศาสตร์มาก่อนเพราะว่าหากเก่งถึงขั้นนั้นก็คงสามารถลบเลือนทุกอย่างของตนเองออกไปได้นั่นแหละ

พอเห็นเลทิเซียไม่ตกใจอะไรมากขนาดนั้น อาจารย์ชิสุจึงกล่าวต่อว่า

“ซึ่งโลกที่เราอยู่ในตอนนี้นั้นนับเป็นจุดต่ำสุดของต้นกำเนิดทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามาเลยล่ะ”

“และสิ่งที่ฉันบอกให้เธอทำคือฝืนเปลี่ยนกฎของต้นกำเนิด.. ไม่ใช่ต้นกำเนิดอะเลฟซีโร่แห่งนี้.. แต่กฎแห่งความเป็นความตายนั้นครอบคลุมถึงระดับต้นกำเนิดที่แท้จริง”

“ต่อให้เธอย้อนเวลาในโลกเบื้องล่างนี้กลับไปในอดีตก็ตามก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดีเพราะนั่นเป็นสิ่งที่ต้นกำเนิดที่แท้จริงกำหนดมาแล้ว”

“อย่าว่าแต่ต้นกำเนิดทั้งหมดเลย เพียงแค่ย้อนเวลาโลกเบื้องล่างนี้กลับไป สำหรับพวกเทพธิดาบนโลกเบื้องบนก็ยังคงนั่งกินขนมสบายใจเฉิบไม่เปลี่ยนอะไร”

“สรุปง่ายๆ คือ ย้อนเวลาในโลกต่ำๆ นี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี”

พอพูดถึงจุดจุดนี้ จู่ๆ เลทิเซียก็นึกถึงซิลเวียกับไวท์ขึ้นมา.. สถานที่ที่พวกเธอตายคือความว่างเปล่านอกความจริง..

เพราะที่นั่นไม่มีเวลาหรืออะไรเลย ต่อให้ย้อนเวลาไปก็คงทำไม่ได้อยู่ดี.. พอพูดถึงจุดนี้หัวใจเลทิเซียก็กระตุกเบาๆ ..

“หรือว่าฉันไม่สามารถช่วยซิลเวียกับไวท์ได้?”

“เอ้ะ.. ทำไมล่ะ?”

“ก็พวกเราก่อนหน้านี้ออกไปในความว่างเปล่า…และพวกเธอก็….”

พอฟังแบบนั้น อาจารย์ชิสุถึงได้พยักหน้า ก่อนจะตอบว่า

“ถ้าเป็นเรื่องนั้น.. ไม่ต้องห่วง ที่ที่พวกเธอไปไม่ใช่ความว่างเปล่าหรืออะไรหรอก.. อ่า ไม่สิ.. สำหรับพวกเธอคงเป็นความว่างเปล่านั่นแหละ”

“แต่มันไม่ใช่ความว่างเปล่าที่แท้จริงหรอก.. ที่นั่นคือดินแดนที่เรียกว่า ‘นอกต้นกำเนิด’ (Outer Origin) น่ะ”

“ทุกสิ่งทุกอย่างในที่แห่งนั้นจะไร้พลัง สิ่งที่ทำงานได้มีเพียง ‘ทักษะ’ เท่านั้น นอกนั้นจะถูกยกเลิกหมด”

“และสถานที่เธอไปมันก็ไม่มีแนวคิดอะไรเลยด้วย.. มันเลยทำให้เธอเหมือนเป็นความว่างเปล่านั่นแหละ”

“เพราะหากเป็นความว่างเปล่าจริงๆ .. พวกเธอคงตายไปแล้วล่ะ”

พอฟังแบบนั้นเลทิเซียถึงได้เข้าใจทุกอย่างขึ้นมา.. ใช่แล้ว เพราะแบบนั้นเองนิลถึงได้สร้างโลกใหม่ขึ้นได้ ทั้งๆ ที่เป็นความว่างเปล่า

ต่อให้จะเป็นส่วนหนึ่งกับความว่างเปล่ายังไงก็ตามเถอะ เพราะความว่างเปล่าคือด้านตรงข้ามกับการสรรค์สร้างเลยนะ

การจะสร้างอะไรขึ้นมาอย่าว่าแต่นิลเลย ต่อให้เป็นผู้ที่หลุดพ้นขอบเขตก็ยังยากที่จะทำได้เลย

หรือก็คือนั่นไม่ใช่ความว่างเปล่า เป็นโลกที่ต่อต้านพลังเหนือธรรมชาติทุกอย่างเท่านั้น และก็บังเอิญว่าที่แห่งนั้นไม่มีแนวคิดพื้นฐานใดๆ เลย

แต่จะยังไงก็ตามแต่.. อาจารย์ชิสุก็พูดขึ้น

“ฉันพึ่งเล่าว่าการจะช่วยมันต้องย้อนเวลาแม้แต่ต้นกำเนิดที่แท้จริง.. แต่เธอกลับไปสนว่าจะช่วยได้ครบทุกคนแล้วงั้นเหรอ เธอคิดว่าตัวเองจะย้อนเวลาระดับต้นกำเนิดได้จริงๆ ? เพราะการที่ทำแบบนั้นได้เธอต้องแข็งแกร่งที่สุดในต้นกำเนิดแห่งนี้..”

เลทิเซียนิ่งเงียบลงไปพักหนึ่ง อันที่จริงหากเป็นเธอในก่อนหน้านี้คงไม่มีความคิดแบบนี้.. แต่ทว่า.. แต่ทว่าตอนนี้.. ดวงตาเธอจ้องไปที่อาจารย์ชิสุ

“ขอแค่มีวิธีการ.. ไม่ว่าจะใช้เวลานานขนาดไหน.. ฉันก็จะแข็งแกร่งที่สุดและช่วยพวกเธอให้ได้”

แววตาที่มุ่งมั่นของเลทิเซียนั้นราวกับว่าเธอได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว.. เธอไม่ใช่เด็กผู้หญิงที่อ่อนแอในตอนนั้นแล้ว..

เธอไม่ใช่คนที่ได้แต่นั่งร้องไห้กับซากศพของเหล่าเพื่อนๆ ตัวเองอีกแล้ว เธอยังมีทางออก.. เธอยังมีความหวังที่จะก้าวต่อไป

ต่อให้การแข็งแกร่งขึ้นจะต้องยาวนานเป็นสิบหรือร้อยปี.. หรือกี่ปีเธอก็ไม่สนมันแล้ว ขอแค่มีวิธีการก็พอ..

อีกทั้งตอนนี้เธอกลับรู้สึกว่าตัวเองนั้นเก่งกว่าที่ตนเองคิดไปมากเลย.. เธอก้มลงมองมือสองข้างตัวเองกลับเกิดความรู้สึกวู่วามบางอย่างขึ้นมา..

หากเธอใช้พลังทั้งหมดนี้.. พลังทั้งหมดที่ไร้ค่าเมื่อต่อหน้าผู้หญิงผมสีขาวนี้.. จะสามารถทำลายต้นกำเนิดที่แท้จริงได้เลยหรือเปล่า..?

สายตาของอาจารย์ชิสุที่มองมาที่เลทิเซียนั้นเผยความอ่อนโยนโดยที่เลทิเซียไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำ.. ราวกับได้มองย้อนกลับไปเห็นเมื่อเกือบหลายสิบปีก่อน

ในกระท่อมไม้หลังเล็กๆ นั้น.. ตอนที่เธอเห็นเลทิเซียตัวเล็กที่ยังมองเธอด้วยความหวาดกลัวและขลาดเขลา.. มีเพียงความคิดด้านลบมากมายที่อัดแน่นอยู่ในหัว

แต่ตอนนี้สายตาอันมุ่งมั่นไม่ยอมแพ้ของเธอ.. ราวกับบอกไว้ว่าเธอคนนี้ได้เติบโตขึ้นแล้ว..

 

…………

[อะแฮ่ม.. เดี๋ยวมีคนบอกว่าผมแถ จริงๆ ไอ้ outer origin นี่มีตั้งแต่เรื่องริวตะ (เรื่องเก่าที่ผมแต่ง) แล้วนะ แค่ยังไม่ได้ตั้งชื่อ ตอนที่ริวตะปะทะในทะเลทรายมีฉากกล่าวถึงอยู่ว่าเป็นสถานที่ที่ Anti พลังเหนือธรรมชาติทุกชนิดยกเว้นทักษะ (อยู่ประมาณบทที่ 44) เพราะงั้นสิ่งนี้จะยืนยันว่าผมไม่ได้แถนะเออ – คนเขียน]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+