การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 428

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 428 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 428 – เลทิเซียไร้เทียมทาน

 

ความจริงแล้วเลทิเซียไม่อยากฝากเรื่องของน้องสาวตัวเองไว้กับใครอื่นเลย แต่ว่าเลวี่ก็คือน้องสาวของเธอเหมือนกัน

แม้จะยังสับสนว่าควรเรียกเลวี่ว่าเพื่อนหรือน้องสาว หากเป็นช่วงเวลาปกติเลทิเซียคงสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

เพราะสำหรับเลทิเซียแล้วไม่ว่าจะเพื่อนหรือครอบครัวล้วนสำคัญมากไม่ต่างกันก็จริง แต่ตำแหน่งในใจก็ยังแตกต่าง

ครอบครัวคือครอบครัวที่มีบางสิ่งบางอย่างที่ไม่สามารถพูดกับเพื่อนได้ แต่ก็สามารถคุยกับครอบครัวได้

ในขณะเดียวกันเพื่อนเองก็สามารถคุยบางอย่างกับที่ไม่สามารถคุยกับครอบครัวได้เหมือนกัน

ดังนั้นสำหรับเลทิเซียแล้วคำว่าครอบหรือเพื่อนล้วนสูงเสียดฟ้า อันที่จริงหากมีสถานการณ์จำเป็นเธอพร้อมจะใช้ชีวิตตัวเองป้องกันด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตามทั้งสองยังมีความแตกต่าง.. แต่ในตอนนี้มันไม่มีเวลาให้คิดแบบนั้นเลยสักนิดเธอมองหน้าเลวี่พร้อมกับหันหลังให้

“ฝากเด็กคนนั้นด้วย เธอชอบผลีผลามทำอะไรไม่คิด.. ส่วนฉันจะไปล้างตาสักหน่อย ใช้เวลาไม่นานหรอก”

ดวงตาเลทิเซียเหลือบขึ้น…

“มังกรสองตัวนั่นฉันจัดการเอง.. คนที่ทำให้ไวท์กับซิลเวียตาย.. ความแค้นนี้ฉันไม่มีทางยกโทษให้แน่นอน”

เลทิเซียพูดแบบนั้นก็กลายเป็นลำแสงลอยขึ้นไปบนฟ้าก่อนใคร เบื้องหน้าเธอมีคนสามคนลอยอยู่ตรงกลางคือลูเซีย

น้องสาวที่แสนสำคัญของเลทิเซีย เธอลอยอยู่ตรงนั้นด้วยดวงตาที่ว่างเปล่า ราวกับจิตใจของเธอได้ถูกปิดผนึกเอาไว้

พอมองเห็นเลทิเซียเธอก็โจมตีใส่เลทิเซียด้วยความเร็วสูง เลทิเซียถอนหายใจเบาๆ ด้วยพลังของเธอในตอนนี้ต่อให้ลูเซียมีพลังผู้กล้าในตัวสักสิบคนก็สู้เธอไม่ได้

แต่ถึงแบบนั้นเลวี่ก็เป็นคนบอกเองว่าจะจัดการทุกอย่าง หากยื่นมือเข้าไปช่วยมันจะมีความหมายอะไร

“ท่านพี่ดูสิ นี่มันคนเมื่อตอนนั้นนี่น่า!”

เฟรย์ย่าที่กอดตุ๊กตาอยู่ก็ชี้นิ้วมาที่เลทิเซียด้วยความตื่นเต้น เหมือนกับคิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วซะอีก แถมเธอยังลอยเกาะหมอนเหมือนคนกำลังนอนอยู่

“ข้าก็เห็นเหมือนเจ้าเฟรย์ย่า แต่รู้อะไรไหม เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรก็ได้”

เมย์อา พี่สาวอีกคนก็พูดอย่างเป็นมิตร ถึงฝั่งน้องจะแต่งตัวแปลกๆ แถมมีโซ่ล่ามแขนขาสองข้าง ส่วนคนพี่กลับเต็มไปด้วยระเบียบวินัย

ยืนหลังตรงราวกับผู้มากปัญญา.. เลทิเซียไม่ได้สนใจลูเซียที่พุ่งเข้ามาเลย แต่ในพริบตาต่อมาร่างของเลวี่กับเวโรเน่

ก็พุ่งพรวดเข้าไปโรมรันกับลูเซียอย่างบ้าคลั่ง แต่เลทิเซียไม่ได้สนใจเธอไม่ใช่คนพูดมากความแต่เมื่ออยู่คนที่นำพาความตายมาให้คนสำคัญเธอ

หากไม่มีสองคนนี้อยู่ก็ไม่ถูกลูเซียลิบโจมตี… จนทำให้ไวท์และลูเซียต้องตาย ดวงตาของเลทิเซียเผยแววน่ากลัว

“ฉันจะทำให้พวกแกได้ทรมานแบบเดียวกับไวท์และซิลเวีย”

เลทิเซียพูดขึ้น แต่เฟรย์ย่าก็เผยความงุนงงออกมา

“อ่า.. พูดอะไรไม่เห็นจะเข้าใจ… แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ เทพที่อยู่กับเจ้าเมื่อตอนนั้นไปไหนแล้วซะล่ะ?”

“เฟรย์ย่าสำรวมหน่อย เทพคนนั้นอาจจะกลับไปบนแดนเทพก็ได้”

“แต่ข้าว่าดูจากน้ำเสียงเมื่อสักครู่นี้แล้ว เจ้าตัวน่าจะโกรธพวกเราเพราะเรื่องเทพนั่นไม่ใช่เหรอ? ท่านพี่บ้างครั้งก็โง่กว่าข้านะเนี่ย”

“เจ้าอย่าพูดอะไรโหดร้ายแบบนั้นสิ แบบนั้นไม่ได้หมายความว่าเธอคนนี้ทิ้งเพื่อนให้ตายในความว่างเปล่าแล้วตัวเองก็หลบหนีออกมาคนเดียวไม่ใช่เหรอ”

คำพูดของสองพี่น้องดูเต็มไปด้วยความสงสัย แต่ต่อมความโกรธของเลทิเซียกลับถูกกระตุ้น ทั้งที่คิดว่าความโกรธในหัวใจของเธอมันควรจะมอดดับไปแล้ว

มอดดับไปตั้งแต่รู้ว่าสูญเสียทุกอย่างไป.. เลทิเซียก้าวไปข้างหน้าด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น

“พวกแก.. อย่ามาใช้สมองอันน้อยนิด.. ของตัวเองมาวัดการกระทำของซิลเวีย.. กับไวท์ พวกเธอสองคนนั้นยอมเสียสละเพื่อฉันทุกอย่าง…”

“นั่นก็หมายความว่า… เจ้ามีชีวิตอยู่เพื่อยืนอยู่บนซากศพของเพื่อนๆ เลยนี่น่า เห็นแก่ตัวนะเนี่ย? แบบนั้นสงสารเพื่อนเจ้านะเนี่ย?”

เฟรย์ย่าที่ได้ยินคำพูดเลทิเซียเธอก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็หยุดชะงัก

“จริงอยู่ที่ฉันอาจจะเป็นเศษสวะที่เห็นแก่ตัว ที่ไม่ว่าจะพยายามไปมากแค่ไหนก็ช่วยพวกเธอเอาไว้… แต่…”

“แต่อย่ามานิอาจตัดสินว่าคนสำคัญของฉันคิดยังไง พวกเธอแต่ละคนล้วนเป็นคนจิตใจดี.. จิตใจดีซะจนไม่คู่ควรกับเศษสวะที่เห็นแก่ตัวแบบฉัน”

“ไม่ว่าฉันจะเคยอคติกับเธอยังไง แต่เธอก็ยังคอยอยู่ข้างๆ อย่างซิลเวีย..”

“ไม่ว่าฉันจะพลาดพลั้งทำให้เธอจนต้องเจ็บตัว แต่เธอก็ยังเชื่อฉันอย่างโคลเอ้”

“ไม่ว่าจะเป็นสเตฟานี่กับเซเรสที่มีต้นเหตุมาจากเธอทุกอย่าง แต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยโทษเธอเลยแม้แต่น้อย”

“ไม่ว่าฉันจะเคยโกรธเธอจนเกือบจะทำร้ายเธอ แต่เธอก็ยอมเป็นเพื่อนกับฉันอย่าง ชาร์ล็อตกับอันน่า”

“หรือจะเป็นไวท์ที่คอยเป็นห่วงฉัน ทั้งๆ ที่ห่วงเรื่องกินขนาดไหนแท้ๆ เธอก็มักจะกลับมาหาฉันด้วยความเป็นห่วงตลอด”

“หรือทสึรุที่ยอมทำตามสัญญาฉันตลอด.. ไม่คิดจะผิดสัญญาเลยแม้แต่น้อย”

“ขนาดอามาเระที่ปลิวไปสุดขอบของกาลเวลาเธอยังคงคิดถึงฉัน ยังคงคิดเรื่องของฉันเขียนจดหมายข้ามกาลเวลามามอบให้กับคนแบบฉัน”

“ฉันน่ะคิดอยู่ตลอดว่าความใจดีแบบนี้ ที่พวกเธอมอบให้ฉันมันมากเกินไป.. ฉันไม่เข้าใจด้วยซ้ำว่าพวกเธอถึงใจดีกับฉันขนาดนั้น”

“เพราะงั้นพวกเธอจะว่าการกระทำของฉัน.. จะด่าฉันยังไง ฉันก็ไม่เคยสนใจหรอก แต่ถ้าหากกล้าตัดสินความดีของคนสำคัญฉันด้วยมันสมองระดับกิ้งก่าบินได้อย่างพวกเจ้าอีกครั้ง ฉันจะฉีกพวกแกเป็นชิ้นๆ ให้กิ้งก่ากินซะ”

เลทิเซียพูดแบบนั้นด้วยความโกรธ เฟรย์ย่าที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็หัวเราะพร้อมกับพูดขึ้น

“นานมาแล้วนะ ที่ข้าไม่ได้ยินคนเรียกข้าว่ากิ้งก่า เพราะคนล่าสุดคือจักรพรรดิความตายใช่ไหมนะ คนที่ข้าฆ่าไปน่ะ”

“เฟรย์ย่า.. เจ้าจำผิดแล้ว คนล่าสุดคือคนตรงหน้าต่างหาก”

มังกรสองพี่น้องพูดแบบนั้นเสร็จก็กางเขตแดนควบคุมโลกเป็นของตัวเองขึ้นแบบเดียวกันที่ปะทะกับเลทิเซียรอบก่อนหน้า

เฟรย์ย่าโยนตุ๊กตาตัวหนึ่งออกมาพร้อมกับตุ๊กตาตัวนั้นกลายเป็นยักษ์ขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง ในขณะที่ร่างทั้งสองก็ปลดพลังทั้งหมดของมังกร

เป็นร่างที่ทิ้งเค้าโครงความเป็นมนุษย์ไป แต่ไม่ได้กลายเป็นมังกร ร่างพวกเธอเต็มไปด้วยเกล็ดมังกร แม้ยังมีขาสองขาและแขนสองข้าง

นอกนั้นไม่ว่าจะเขาหรือหางที่เพิ่มมา แม้แต่ดวงตาก็ยังเป็นของมังกร เลทิเซียไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น

แต่ครั้งนี้แตกต่างจากรอบก่อน ที่เธอไม่ทำอะไรเพราะวางแผนบางอย่าง.. เพราะครั้งนี้เธอไม่ทำอะไรเลยจริงๆ เธอเพียงยืนเฉยๆ

รออีกฝ่ายทำทุกอย่าง.. พร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงธรรมดา

“เสร็จหรือยังกิ้งก่าติดปีก ฉันรอนานแล้วนะ”

ในความคิดเลทิเซียตอนนี้มีทั้งความเกลียดและความโกรธผสมปนกันจนมั่วไปหมด จนกลายเป็นความดูถูก

ความดูถูกต่อความอ่อนแอตรงหน้า มันอ่อนแอจนน่าขยะแขยง จนไม่คิดว่าสาเหตุที่ทำให้เพื่อนเธอตายจะอ่อนแอได้ขนาดนี้

ดวงตาของเฟรย์ย่าและเมย์อาจ้องไปที่เลทิเซีย ก่อนที่ตุ๊กตานั้นจะพุ่งไปโจมตีที่เลทิเซียด้วยความเร็วที่แหวกข้ามห้วงแห่งกาลเวลา

พริบตาเดียวก็โจมตี กฎเกณฑ์ของสรรพสิ่งล้วนพังทลาย แม้แต่กฎแห่งปริภูมิและเวลาล้วนแตกกระจายจนเกิดให้เห็นรอยแยกมิติ

โจมตีใส่ร่างเลทิเซียอย่างโหดเหี้ยม แต่ทว่าในพริบตาเดียวที่มันโจมตีกำลังจะถึงตัวเลทิเซียร่างของมันก็พลันแตกกระจุยฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ

และกลายเป็นเศษซาก เฟรย์ย่ากับเมย์อาต่างพากันเบิกตากว้าง ทว่ายังไม่ทันไรร่างทั้งสองก็แตกกระจุยไปอย่างง่ายดาย

ทักษะ.. ‘บาเรียไร้ขอบเขต’ คือการสร้างบาเรียรูปแบบหนึ่ง แต่พลังที่มันแข็งแกร่งที่สุดคือพลังระดับที่เป็นสิ่งไร้ทางต้าน

หากมีใครสัมผัสบาเรียโดยไม่รับอนุญาต ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีหรืออะไรล้วนแต่ไร้ผลทันที พร้อมกับสิ่งสิ่งนั้นจะถูกทำลายไปโดยไม่สนเหตุหรือผล

ในขณะเดียวกัน ยังมีทักษะ.. ‘จิตมุ่งร้าย’ คือตามชื่อเลทิเซียสามารถใช้ทักษะนี้ข่มขู่คนอื่นจนกลัวได้

แต่หากพูดถึงพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของมัน คือขอแค่ใครมีจิตมุ่งร้ายเลทิเซียล้วนตกตายไปโดยไม่สนระยะหรือเงลา ไม่สนพลังป้องกันของอีกฝ่าย

นี่คือพลังที่กำหนด..โลก.. ใบนี้!

ตลอดมาเลทิเซียปิดทักษะเหล่านี้เอาไว้เพราะเธอไม่ต้องการให้คนร้ายที่อยากจะทำร้ายเธอตายไปหมด เพราะมันจะทำให้เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากทำร้ายเธอ ?

เลทิเซียโบกมือหนึ่งครั้งมิติที่เมย์อาสร้างก็แตกสลายไปอย่างง่ายดาย..

“ด้วยการผสมของทักษะจิตมุ่งร้ายกับทักษะปฏิเสธโลกา.. ทำให้พลังมันปฏิเสธการฟื้นฟูของพวกแกสิองพี่น้องทั้งคู่.. แต่รู้อะไรไหม ฉันไม่ให้พวกแกตายง่ายขนาดนั้นหรอก!”

เลทิเซียพูดแบบนั้นเสร็จก็ฉีกอากาศดึงเอาดวงวิญญาณของทั้งสองที่กำลังจะตายกลับมามีชีวิตอยู่ชั่วคราว ก่อนจะทำให้เฟรย์ย่าปวดหัวทรมาน

และให้เมย์อาถูกผนึกลงไปในดาบ.. ก่อนที่จะให้เฟรย์ย่าหักดาบถ้าอยากเลิกปวดหัวทรมาน..และหากดาบหัก.. เมย์อาจะตายด้วยฝีมือน้องสาวตัวเอง

ก่อนที่เฟรย์ย่าที่สูญเสียพี่จะตกตายตามกันไป

….นี่แหละ คือ.. ความไร้เทียมทานของเลทิเซียในยามนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด