การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 88

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 88 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 88 – ก็พวกเราน่ะ…

 

ทสึรุที่เหยียบย่างลงบนพื้น ฝุ่นควันที่เกิดจากการปะทะลอยตลบฟุ้งไปทั่วพื้นที่ทำให้วิสัยทัศน์ของหมาป่าทั้งมวลถูกบดบังไปจนหมดสิ้น

ทว่าหมาป่าเหล่านี้กลับไม่ได้อ่อนแอถึงขนาดนั้น มันมีประสาทที่เฉียบคมยิ่งกว่าการมองเห็นคือการ ได้รับกลิ่น!

นั่นหมายความว่าตราบใดที่จมูกมันยังทำงานได้ มันสามารถแยกแยะได้แม้แต่อนุภาคในอากาศ มันร้องคำรามออกมาเป็นเสียงเดียวกัน

“โบร๋วววว!”

ก่อนจะพุ่งเข้าใส่ทสึรุจากรอบทิศทางจนกลายเป็นว่าทสึรุเสียหลักซะเอง ทว่าเธอก็ไม่แพ้หมาป่าเหล่านั้น

เธอหลับตาลงและหลบหมาป่าทั้งสิบตัว พุ่งเข้ามารอบทิศอย่างง่ายดายด้วยการย่อตัว ก่อนที่เธอจะตีลังกาเตะเท้าสวนขึ้นไปใส่คางหมาป่าทั้งสิบตัวนั้น

“โพล๊ะ!” หัวแตกกระจุยราวกับเป็นลูกแตงโมที่แตกออก แต่ว่าหมาป่าพวกนี้มันมีเยอะมากมาย มันไม่กลัวเรื่องจำนวนอยู่แล้ว

พวกมันจึงพุ่งเข้าใส่ทสึรุที่พัวพันจนแทบไม่มีเวลาหันไปมองเลทิเซียอยู่เลยเธอกัดฟันบ่น

“จำนวนขนาดนี้ต้านไม่ไหวแน่… ต้องหลบหนีเท่านั้น…”

สายตาของเธอหันกลับไปหาเลทิเซียที่นั่งอยู่ตรงนั้น ใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เธออาจจะร้องไห้มานานแล้ว

ในขณะที่แขนก็ขาดข้างหนึ่งเลือดยังไหลไม่หยุดเลย ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป คนที่จะตายก่อนคือเลทิเซียที่เสียเลือดเยอะแน่ๆ

ทสึรุในใจก็รู้สึกเดือดดาล แต่ชีวิตของเลทิเซียมาก่อนเธอดีดตัวตีลังกากลับหลังพยายามจะเคลื่อนตัวไปหาเลทิเซียแต่ทว่าในตอนนั้นเอง

“โบร๋ว!!” เสียงหอนสั้นๆ จากด้านขวามือก็พุ่งมาด้วยความไวสูง ทสึรุที่เท้าแตะพื้นพอดีจึงบิดข้อเท้าในจังหวะดีดตัวขึ้น

การหมันเคว้งการอากาศเลยหลบหลีกการโจมตีของหมาป่าได้ แต่ที่เธอไม่ทราบคือ.. หมาป่าพวกนี้มีจ่าฝูงอยู่ด้วย

ดังนั้น.. พวกมันสามารถเคลื่อนไหวแบบมีแบบแผนได้! เงาสีดำหนึ่งพุ่งมาจากด้านหน้าตรงกันข้ามกับเลทิเซีย

มันพุ่งมาด้วยความเร็วเหนือกว่าที่มันจะทำได้ บางทีมันคงวางแผนเอาไว้ว่าจะหลอกล่อให้ทสึรุหลบการโจมตีแรก เพื่อมาพลาดการโจมตีครั้งที่สอง

แม้ทสึรุจะห่างไกลจากความเป็นคนธรรมดา แต่ว่าเธอก็ไม่มีปีก! เมื่ออยู่กลางอากาศแถมเป็นสภาพที่อยู่ในท่ายากๆ เพราะใช้หลบการโจมตีครั้งแรก

หมาป่าสีเดาตัวหนึ่งก็พุ่งมาอ้าปากออกและกัดใสท้องของทสึรุ ทว่าทสึรุคือผู้เชี่ยวชาญ เธอตาประกายวาว

และชั่วพริบตานั้นเธอก็บิดตัวกลางอากาศราวกับทำกายกรรม กระดูกข้อต่อทุกส่วนของร่างกายหมุนเองจนสุดแทบเท่าจะหมุนได้

ในเมื่อเธอไม่สามารถขยับภายนอก ก็ขยับภายในแทน! พูดเหมือนง่ายแต่คนธรรมดาที่ไหนจะบิดกระดูกตัวเองออกด้านข้างได้

แต่ก็เพราะเหตุนี้การโจมตีจึงพลาดไปทว่าร่างของมันก็พุ่งกระแทกใส่ร่างของทสึรุจนปลิวไปทางเลทิเซีย

“อั้ก!”

ทสึรุกระอักเลือดและค่อยๆ พยุงร่างกายขึ้นมา แม้เธอจะเก่งกาจแค่ไหน แต่ว่าพลังป้องกันของเธอไม่ได้เก่งมากนัก

บาดแผลถลอกจึงเปรอะเปื้อนไปทั่วร่างกาย ณ ตอนนี้.. เลทิเซียมองแผ่นหลังของทสึรุด้วยสีหน้าสับสนและไม่เข้าใจ

เธอไม่เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ เธอคิดว่าตัวเองจะตายไปแล้ว แต่จู่ๆ ก็มีคนโผล่ออกมา.. เป็นคนที่เลทิเซียพึ่งด่าทอ พึ่งเอามีดจ่อคอไป

เป็นคนที่ควรจะไม่มีทางมาช่วยเลทิเซียโดยสิ้นเชิง แต่ทว่าเธอก็ยืนอยู่ตรงหน้า แม้แต่หัวใจที่หวาดกลัวสิ้นหวังของเลทิเซีย ตอนนี้จึงมีความสับสนเพิ่มมาอีกด้วย

เธอไม่เข้าใจเลยสักนิด บาดแผลทั่วร่างของทสึรุ แม้มันดูเล็กน้อย แต่ว่าเธอคนนี้ไม่ได้ถูกไล่ล่าสักหน่อย เธอจะเข้ามาทำไมล่ะ..

“ทำไม….”

ดวงตาของเลทิเซียสั่นคลอนอย่างช่วยไม่ได้ ถามว่าทำไมเธอถึงรู้สึกเหมือนจะร้องไห้… เพราะว่าเธอในตอนนี้แม้จะสับสน

แต่กลับมีบางอย่างในใจรู้สึกโล่งอก.. เมื่อมีความโล่งอกก็หมายความว่าก่อนหน้าเธอคาดหวัง

แล้วคาดหวังจากใครล่ะ.. ถ้าไม่ใช่ทสึรุ.. เธอคาดหวังจากคนที่ตัวเองพึ่งด่าว่าไป พึ่งพยายามจะฆ่าไป..

แต่พอมีประโยชน์เข้าตัว ตัวเองกลับรู้สึกดีใจ พอเข้าตาจนเธอกลับรู้สึกอยากได้รับความช่วยเหลือ

เธอนี่มัน.. น่ารังเกียจจนถึงที่สุดซะจริงๆ ..

นั่นคือสิ่งที่เธอคิดให้กับตัวเอง พอเศร้าเสียใจก็ร้องไห้ พอหมดสิ้นหวังก็แค่อยากใครสักคนด้วย

สุดท้ายแล้วทุกอย่างเธอทำเพื่อตัวเอง.. เห็นแก่ตัว ขี้ขลาด น่ารังเกียจ… นั่นแหละคือเลทิเซียในสายตาตัวเอง

แต่ว่าเธอเข้าใจผิดไปนิดหน่อย อันที่จริงที่จะเข้าใจผิดก็ไม่แปลก เพราะเธอเป็นคนมองโลกในแง่ลบและในใจลึกๆ ก็มีความดูถูกตัวเองเป็นเดิมทีอยู่แล้ว

เพราะงั้นถึงได้มามัวแต่กังวลว่าพี่ควรจะได้เกิดใหม่ยิ่งกว่าตนเองอะไรแบบนั้นนั่นแหละ ส่วนที่เธอเข้าใจผิดคือ…

ที่เธอดีใจเมื่อมีใครสักคนมาช่วยต่างหาก มันปิดตรงไหนที่ใครสักคนจะช่วย อาจจะเป็นเพราะง่าเธอไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากใครมาก่อน

หมายถึงช่วยเหลือในยามอยู่ระหว่างความเป็นความตาย เธอเลยไม่เข้าใจว่านี่คือความโล่งอกที่เกิดจากการรอดจากความตาย

เธอคิดว่าตัวเองมันเห็นแก่ตัว เธอได้แต่พึมพำกับตัวเองว่า

“พี่.. ฉันน่ะ… ฉันน่ะมันน่ารังเกียจจริงๆ นั่นแหละ.. ตัวเองไม่เคยช่วยใครแต่กลับอยากให้คนอื่นช่วย… พี่ทำไมฉันถึงน่ารังเกียจขนาดนี้กันนะ!”

มือข้างที่เหลืออยู่ไขว่คว้าออกไป.. พยายามคว้าจับแสงที่อยู่ในจิตใจ… ไม่สิ บางทีเธอในตอนนี้อาจจะแค่ต้องการใครสักคนมาบอกว่า

เธอน่ะ ไม่ได้ผิดหรอกนะ.. ไม่ก็ เธอน่ะ.. คือความชั่วช้าสมควรตาย เธอก็พร้อมที่จะเชื่อและปฏิบัติตามทันที

บาดแผลที่หน้าอกของเธอมันใหญ่มากจนเกินเพราะความช่วยเหลือไม่เห็นผลประโยชน์ของทสึรุ.. และมันแทบไม่มีใครรักษาได้หากเลทิเซียยังคงปิดกั้นจิตใจแบบนี้…

แน่นอนว่าเลทิเซียไม่รู้หรอกว่าควรจะให้ใครมารักษา เพราะคนสำคัญของเธอมีแค่พี่น้องที่ไม่มีเหลืออยู่บนโลกนี้แล้ว

“ข้ามัน..สมควรตายใช่ไหม… ทำไม…”

ในตอนนั้นเองมือของเลทิเซียก็เหมือนจับแสงนั้นได้..เปลือกตาที่หนักอึ้งของเธอค่อยพยายามที่จะเปิดขึ้น

แสงเบื้องหน้าสาดประกายออกตรงหน้าของเธอมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ตรงหน้ามีผู้หญิงที่บาดแผลเต็มร่าง..

ผมสั้นๆ ของเธอผสมสีผมที่เป็นสีฟ้ามันช่างดูมีเสน่ห์ติดตามาก แน่นอนว่าเสน่ห์ติดตาไม่ได้หมายถึงติดตาเลทิเซีย แต่หมายถึงถ้าเป็นคนอื่น

“ถ้าเลทิเซียสมควรตายน่ะ… ทุกคนบนโลกนี้ก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่กันทุกคนนั่นแหละ.. เลทิเซียน่ะ…..”

ใช่แล้ว หากมีใครสักคนพูดเลทิเซียก็จะเชื่อทันที.. แต่ไม่ใช่สำหรับทสึรุ คนที่เลทิเซียพึ่งด่าทอและพยายามจะฆ่า

ไม่ว่าเลทิเซียจะคิดยังไงเธอก็มองไม่เห็นถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายจะพูดแบบนั้นกับตัวของเธอเองเลยสักนิดเดียว

ไม่แปลกที่เลทิเซียจะดึงมือออกพูดคำว่า

“ทำไม…”

เธอสงสัยว่าทำไม.. อีกฝ่ายถึงได้ทำแบบนี้ เธอไม่เข้าใจเลยสักนิดเดียว ดังนั้นเธอจึงไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น…ที่เกี่ยวกับทสึรุ

เธอกลัว…กลัวในสิ่งที่ไม่รู้จักและไม่สามารถเข้าใจตรงหน้านี้ได้ และครั้งนี้ไม่ใช่ที่เธอคิดไปเองทั้งหมดแต่เธอสับสนจริงๆ

แต่ในตอนนั้นเองหมาป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้ามา ทสึรุหันหน้ากลับไปพร้อมกับหอกไม้ในมือฟาดออกไปจนหัวมันกระจุย

“ตู้ม!” เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นที่ ทสึรุขมวดคิ้วระลอกหมาป่าที่พุ่งเข้ามาเพราะกลัวเลทิเซียจะได้รับผลกระทบเธอก็พุ่งเข้ามาปะทะกับหมาป่า

แต่ในตอนนั้นเอง “ตู้ม!” เสียงกัมปนาทสั่นสะท้านฟ้ากลับดังก้องขึ้นมา เงาร่างขนาดมหึมาปรากฏขึ้นท่ามกลางความมืด

แม้แสงจันทร์จะสาดลงมา แต่เพราะมีเมฆสีดำลอยมาบดบังทำให้เงาร่างนั้นสูงทมิฬน่ากลัว

ความสูงของมันมากกว่ายี่สิบเมตร ยืนสี่ขา… และขนของมันไม่ต่างจากเจ้าพวกหมาป่าตัวน้อยเบื้องล่าง

ขนของมันเปล่งประกายอสนีสีดำออกมาอย่างน่าหวาดหวั่น ในขณะที่ม่านตาของมันค่อยๆ เปิดออกจนเผยให้เห็นนัยน์ตาสีแดงฉานและม่านตาสีดำราตรีสนิท

นอกจากนี้ยังมีควันสีดำที่เกาะกุมกันจนเป็นเขาสีดำบนหัวมันด้วย.. ทสึรุหนวดขมับอย่างช่วยไม่ได้..

“จ่าฝูง…”

…..

ในขณะเดียวกันใต้ทะเลสาบลึกก็มีน้ำวนสีดำ.. ราวกับหลุมดำมรณะปรากฏกายสู่ใต้มหาสมุทร..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด