การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 406

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 406 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 406 – เลทิเซียกับเรสต้า

 

หลังจากนั้นก็ผ่านมาหลายวันรอความทรงจำของเทพธิดากลับคืนมา ในขณะเดียวกันเลทิเซียก็ฝึกใช้เวทมนตร์ในโลกนี้ให้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น

“อ่า.. เลทิเซียๆ ข้าจำได้แล้วล่ะ ข้ามีชื่อว่า เรสต้า!เป็นคนที่คอยดูแลการเกิดใหม่ล่ะ!”

“แต่เหมือนว่าข้าจะลงมาทำอะไรสักอย่างที่โลกมนุษย์ล่ะ..แล้วก็ถูกโจมตี.. อ่า คนที่โจมตีข้ามันเจ้าไม่ใช่หรือไงกันน่ะ!”

จู่ๆ เทพธิดาเรสต้าก็พูดขึ้น อันที่จริงความทรงจำของเธอกลับมาจนแทบหมดแล้วขาดแค่ความทรงจำบางส่วนเท่านั้น

และอาจจะเป็นเพราะเธอได้รับอิทธิพลจากเศษเสี้ยววิญญาณของเลทิเซียมากเกินไป จนเลทิเซียยังรู้สึกเหมือนว่าเรสต้าเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองได้เลย

และเรสต้าเองก็ได้รับอิทธิพลบางอย่างมามาก ขนาดชื่อเลทิเซีย ตัวของเลทิเซียยังไม่ได้เป็นคนบอกเอง

เหมือนว่าเรสต้าเธอจะรับรู้เรื่องนี้ด้วยตัวของเธอเอง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะแบบนั้นลักษณะนิสัยของเธอจึงดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

แถมความรู้สึกบางอย่างของเลทิเซียยังแทรกซึมเข้าไปในตัวของเธอด้วย อาจจะเป็นผลแทรกซ้อนจากการเอาเศษเสี้ยววิญญาณหลอมผสานใส่ตัวเรสต้า

และอาจจะเป็นเพราะแบบนั้นเหมือนกัน ความรู้สึกเลทิเซียมีให้เรสต้าจึงไม่ได้เหมือนคนที่พึ่งเจอ แต่เหมือนคนร่วมสายเลือดต่างหาก

“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าขอโทษไง”

“ไอ้ที่ขอโทษเมื่อตอนนั้น มันหมายถึงเรื่องนี้เองสินะ!แต่เจ้านังไม่บอกข้าเลยนะว่าทำไมถึงโจมตีข้าน่ะ”

“ก็เธอเล่นเปิดห้วงมิติแบบนั้นมา เป็นใครใครก็ต้องตกใจอยู่แล้วสิ”

เลทิเซียยักไหล่พลางตอบกลับ

“แต่ทำไมเจ้าต้องโจมตีข้าด้วยล่ะ ถ้างั้น?”

“เอ่อ.. เรื่องนั้น”

เลทิเซียรู้สึกไม่รู้จะบอกยังไง โจมตีเพราะถูกจับได้ว่าตัวเองไปขโมยวิญญาณมา? แบบนั้นจะบอกได้ไงกันล่ะ

เพราะเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเลทิเซียเรสต้าก็เอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเบิกสนใจ

“ช่างเถอะ แต่พวกเราต้องรีบกลับนะ ถ้าหากตามที่เจ้าอธิบายมานี่คือโลกที่อยู่คนละโลกกับโลกเดิมสินะ”

“ใช่แล้ว.. จะพูดให้ถูกคือคนละต้นกำเนิดเลยล่ะ”

อันที่จริงพอพูดถึงคนละต้นกำเนิดเลทิเซียก็อยากจะถามว่าทำไมเรสต้าถึงพาตัวเองข้ามต้นกำเนิดมาได้

แต่พอสังเกตดูท่าทางของเรสต้าที่เหมือนจะไม่รู้จักคำว่าต้นกำเนิดก็ทำให้เธอไม่ได้ถาม แถมนั่นเป็นเรื่องในอนาคตอีกห้าร้อยปีข้างหน้าด้วยนะ

หลังจากนั้นเรสต้าอาจจะค่อยรู้จักหลังจากนั้นก็ได้ แถมดูจากความแข็งแกร่งเรสต้าตอนที่เลทิเซียโจมตี

เลทิเซียมั่นใจว่าคนที่พาเธอข้ามต้นกำเนิดมาไม่ใช่เรสต้าอย่างแน่นอน เพราะความแข็งแกร่งของเธอไม่สามารถเทียบได้แม้เพียงเสี้ยวของเลทิเซียในยามนี้

กล่าวคือ อาจจะมีคนเบื้องหลังกว่านี้ก็ได้..?

แต่ต่อให้คิดเรื่องเหล่านี้ในตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเรื่องของเลทิเซียเป็นเรื่องในอนาคตละนะ

“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ แต่ข้าพึ่งเป็นเทพแห่งการเกิดได้ไม่นาน เพราะงั้นงานของข้าล้นมือมากๆ เลยล่ะ ตอนนี้ตอนที่ข้าไม่อยู่ก็มีคนมากมายกำลังถือกำเนิดขึ้นและดับสลายลง”

“ฉันรู้แล้วน่า แล้วเธอจำวิธีการใช้พลังได้แล้วใช่ไหม?”

“อืม จำได้แล้ว”

“งั้นก็มาเริ่มกันเถอะ”

ทั้งคู่ไม่ได้รีรอ เลทิเซียยื่นมือไปหาเรสต้าก่อนที่เรสต้าจะจับมือกับเลทิเซีย ราวกับว่าทั้งสองคนกำลังเชื่อมโยงกันด้วยเส้นด้ายที่มองไม่เห็น

พลัง, จิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างของคนทั้งสองถูกหลอมรวมกันเป็นหนึ่งและไม่เป็นหนึ่งในเวลาเดียวกัน

นี่คือผลของพลังลูกบาศก์นั่นอย่างแน่นอน เพื่อที่จะได้ใช้พลังลูกบาศก์ได้เต็มที่ ทั้งสองคนต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว

ยังดีที่ในตัวของเรสต้าครึ่งหนึ่งเป็นของเลทิเซีย บัดนั้นในจังหวะที่มั้งสองคนหลอมผสานกันนั้นราวกับว่าความคิดของทั้งสองคนได้แชร์ร่วมกัน

มือของเรสต้ากำมือของเลทิเซียแน่นขึ้นเล็กน้อย..

“ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอยู่อีกเยอะแยะเลย.. หลังจากที่พวกเรากลับไปแล้ว พวกเราจะได้เจอกันอีกใช่ไหม?”

“….”

เลทิเซียไม่ได้ตอบกลับทันที แต่ในตอนนั้นเองลูกบาศก์สีดำพลันปรากฏขึ้นในมือของเลทิเซียและในเวลาถัดมาลูกบาศก์นั้นก็ขยายใหญ่

ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นเหมือนประตูบานหนึ่ง.. แต่ในตอนนั้นเองดวงตาของเรสต้าก็เบิกกว้าง

เธอปล่อยมือออกจากมือของเลทิเซียก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำ

“เรสต้า?”

เลทิเซียประหลาดใจเล็กน้อย ถึงแม้จะตัดการเชื่อมต่อของพลังกับเรสต้าไปแล้ว แต่ลูกบาศก์ที่กลายเป็นประตูก็ไม่ได้หายไปไหน

ตราบใดที่มันถูกสร้างขึ้นมามันสามารถทั้งดำรงอยู่และไม่ดำรงอยู่ได้ในเวลาเดียวกัน

หากยังไม่สร้างผลลัพธ์ที่เลทิเซียต้องการมันจะไม่มีทางหายไปโดยเด็ดขาด นั่นแหละคือพลังของลูกบาศก์

เลทิเซียรู้สึกสับสนที่จู่ๆ เรสต้าก็วิ่งไปเข้าห้องน้ำ พอเดินไปดูก็พบว่าเธอกำลังอ้วกอยู่.. เพราะเมื่อครู่จู่ๆ เธอก็รู้สึกคลื่นไส้โดยไม่ทราบสาเหตุ

“เพราะใช้พลังมากไปจนท้องปั่นป่วนงั้นเหรอ เป็นไปได้ด้วยเหรอแบบนั้นน่ะ”

“ไม่รู้สิ ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”

เรสต้าส่ายหน้าตอบหลังจากที่เธอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็กลับมาปกติ ความจริงแล้วเธอก็เป็นแบบนี้มาสักพักแล้วล่ะนะ

แถมต่อให้ไม่มีอะไรอยู่ในท้องพออ้วกแล้วไม่มีอะไรออกมาเธอจะรู้สึกทรมานจนต้องหาอะไรมาทานให้ได้เลยล่ะ

แต่ก็ไม่ได้บอกกับเลทิเซีย เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอก เธอออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับมองประตูที่ทำจากพลังของเลทิเซีย

เลทิเซียไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองเดินเข้าไปในลูกบาศก์ที่มีรูปร่างของประตู ก่อนที่ประตูนั้นจะหายไปแทบทันทีอย่างไร้ร่องรอย

ราวกับว่าบนโลกนี้ไม่เคยมีสิ่งนี้ปรากฏอยู่.. ปลายทางของเลทิเซียกับเรสต้าไม่เหมือนกัน เรสต้าเลือกปลายทางคือบนแดนเทพ

ส่วนเลทิเซียคือแดนมนุษย์ แม้ทั้งสองจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยมากเมื่อเทียบกับไอรีนและเวโรเน่…หรือคนสำคัญอื่นๆ ของเลทิเซีย

แต่สำหรับเทพธิดาคนนี้แล้วเลทิเซียในตอนแรกเธอมีความรู้สึกอคติต่อเธอเล็กน้อย แต่ในตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว

เธอในตอนนี้กลับรู้สึกขอบคุณเรสต้าด้วยซ้ำที่ทำให้เลทิเซียได้มีโอกาสได้รู้จักกับสิ่งที่เธอไม่เคยรู้จัก แม้เรสต้าจะถูกใครสักคนบงการอยู่อีกที

แต่ความจริงที่เรสต้าให้เลทิเซียมาเกิดใหม่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้ในตอนนี้เรสต้าจะยังไม่ได้ทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่ทำ

อีกทั้งทั้งสองคนยังแทบกลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของกันและกันเพราะอีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณเลทิเซียอยู่ในตัวของเรสต้า

ความรู้สึกบางอย่างของเรสต้าย่อมได้รับอิทธิพลมาจากเลทิเซียไม่มากก็น้อย แถมในบางระดับเรสต้าอาจจะมีความทรงจำของเลทิเซียอยู่ในหัวตัวเองด้วยซ้ำ

แม้ตอนนี้อาจจะยังไม่มี แต่ในอนาคตที่ความทรงจำค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเธออาจจะได้รู้.. ไม่สิ คงไม่ถึงขั้นเห็นความทรงจำหรอก

คงแค่ได้รัยปณิธาน แต่สำหรับเรสต้าคงเหมือนเห็นทัศนคติของเลทิเซียตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ได้เลยล่ะ

และสิ่งที่เธอมั่นใจคือเลทิเซียกำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อใครสักคนอยู่.. และเหมือนว่าเลทิเซียจะเกลียดมนุษย์มาก..

ไม่สิ จะบอกว่าเกลียดมนุษย์คงไม่ถูก เพราะเธอเกลียดสิ่งมีชีวิต แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องการจะฆ่าล้างบาง

แต่สำหรับเธอมนุษย์นั้นเป็นต้นเหตุที่พรากชีวิตของคนสำคัญเธอ อย่างตอนผู้กล้าสองคนนั้น หรือแม้แต่มนุษย์ที่ประหารชาร์ล็อต

หรือแม้แต่สิ่งที่เนลต้องเจอ มันทำให้เลทิเซียเกลียด..แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกใบนี้ ดังนั้นตอนที่ไอรีนถามเลทิเซียคราวนั้น

เลทิเซียจึงตอบว่า ‘ฉันน่ะไม่ได้สนใจเรื่องสงครามเลยแม้แต่น้อย’

“แต่ว่า.. เพื่อที่จะช่วยคนสำคัญของฉัน การหยุดสงครามน่ะเป็นเหมือนทางผ่าน.. เอาล่ะ.. มาเริ่มปฏิบัติการขั้นสุดท้ายเลย!”

ร่างของเลทิเซียปรากฏขึ้นแถวเทือกเขารอบจักรวรรดิมังกรพร้อมกับกล่าว..

“แผนการสุดท้าย.. เพียงแค่นี้.. เพียงแค่นี้เธอก็จะสามารถช่วยทุกคนได้แล้ว.. อีกแค่นิดเดียวนะ เลทิเซีย..”

เลทิเซียเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพึมพำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 406

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 406 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 406 – เลทิเซียกับเรสต้า

 

หลังจากนั้นก็ผ่านมาหลายวันรอความทรงจำของเทพธิดากลับคืนมา ในขณะเดียวกันเลทิเซียก็ฝึกใช้เวทมนตร์ในโลกนี้ให้เชี่ยวชาญมากยิ่งขึ้น

“อ่า.. เลทิเซียๆ ข้าจำได้แล้วล่ะ ข้ามีชื่อว่า เรสต้า!เป็นคนที่คอยดูแลการเกิดใหม่ล่ะ!”

“แต่เหมือนว่าข้าจะลงมาทำอะไรสักอย่างที่โลกมนุษย์ล่ะ..แล้วก็ถูกโจมตี.. อ่า คนที่โจมตีข้ามันเจ้าไม่ใช่หรือไงกันน่ะ!”

จู่ๆ เทพธิดาเรสต้าก็พูดขึ้น อันที่จริงความทรงจำของเธอกลับมาจนแทบหมดแล้วขาดแค่ความทรงจำบางส่วนเท่านั้น

และอาจจะเป็นเพราะเธอได้รับอิทธิพลจากเศษเสี้ยววิญญาณของเลทิเซียมากเกินไป จนเลทิเซียยังรู้สึกเหมือนว่าเรสต้าเป็นส่วนหนึ่งของตัวเองได้เลย

และเรสต้าเองก็ได้รับอิทธิพลบางอย่างมามาก ขนาดชื่อเลทิเซีย ตัวของเลทิเซียยังไม่ได้เป็นคนบอกเอง

เหมือนว่าเรสต้าเธอจะรับรู้เรื่องนี้ด้วยตัวของเธอเอง ซึ่งอาจจะเป็นเพราะแบบนั้นลักษณะนิสัยของเธอจึงดูเปลี่ยนไปเล็กน้อย

แถมความรู้สึกบางอย่างของเลทิเซียยังแทรกซึมเข้าไปในตัวของเธอด้วย อาจจะเป็นผลแทรกซ้อนจากการเอาเศษเสี้ยววิญญาณหลอมผสานใส่ตัวเรสต้า

และอาจจะเป็นเพราะแบบนั้นเหมือนกัน ความรู้สึกเลทิเซียมีให้เรสต้าจึงไม่ได้เหมือนคนที่พึ่งเจอ แต่เหมือนคนร่วมสายเลือดต่างหาก

“ฉันก็บอกไปแล้วไงว่าขอโทษไง”

“ไอ้ที่ขอโทษเมื่อตอนนั้น มันหมายถึงเรื่องนี้เองสินะ!แต่เจ้านังไม่บอกข้าเลยนะว่าทำไมถึงโจมตีข้าน่ะ”

“ก็เธอเล่นเปิดห้วงมิติแบบนั้นมา เป็นใครใครก็ต้องตกใจอยู่แล้วสิ”

เลทิเซียยักไหล่พลางตอบกลับ

“แต่ทำไมเจ้าต้องโจมตีข้าด้วยล่ะ ถ้างั้น?”

“เอ่อ.. เรื่องนั้น”

เลทิเซียรู้สึกไม่รู้จะบอกยังไง โจมตีเพราะถูกจับได้ว่าตัวเองไปขโมยวิญญาณมา? แบบนั้นจะบอกได้ไงกันล่ะ

เพราะเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของเลทิเซียเรสต้าก็เอียงคอด้วยความสงสัย ก่อนที่จะเบิกสนใจ

“ช่างเถอะ แต่พวกเราต้องรีบกลับนะ ถ้าหากตามที่เจ้าอธิบายมานี่คือโลกที่อยู่คนละโลกกับโลกเดิมสินะ”

“ใช่แล้ว.. จะพูดให้ถูกคือคนละต้นกำเนิดเลยล่ะ”

อันที่จริงพอพูดถึงคนละต้นกำเนิดเลทิเซียก็อยากจะถามว่าทำไมเรสต้าถึงพาตัวเองข้ามต้นกำเนิดมาได้

แต่พอสังเกตดูท่าทางของเรสต้าที่เหมือนจะไม่รู้จักคำว่าต้นกำเนิดก็ทำให้เธอไม่ได้ถาม แถมนั่นเป็นเรื่องในอนาคตอีกห้าร้อยปีข้างหน้าด้วยนะ

หลังจากนั้นเรสต้าอาจจะค่อยรู้จักหลังจากนั้นก็ได้ แถมดูจากความแข็งแกร่งเรสต้าตอนที่เลทิเซียโจมตี

เลทิเซียมั่นใจว่าคนที่พาเธอข้ามต้นกำเนิดมาไม่ใช่เรสต้าอย่างแน่นอน เพราะความแข็งแกร่งของเธอไม่สามารถเทียบได้แม้เพียงเสี้ยวของเลทิเซียในยามนี้

กล่าวคือ อาจจะมีคนเบื้องหลังกว่านี้ก็ได้..?

แต่ต่อให้คิดเรื่องเหล่านี้ในตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร เพราะเรื่องของเลทิเซียเป็นเรื่องในอนาคตละนะ

“ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจก็เถอะ แต่ข้าพึ่งเป็นเทพแห่งการเกิดได้ไม่นาน เพราะงั้นงานของข้าล้นมือมากๆ เลยล่ะ ตอนนี้ตอนที่ข้าไม่อยู่ก็มีคนมากมายกำลังถือกำเนิดขึ้นและดับสลายลง”

“ฉันรู้แล้วน่า แล้วเธอจำวิธีการใช้พลังได้แล้วใช่ไหม?”

“อืม จำได้แล้ว”

“งั้นก็มาเริ่มกันเถอะ”

ทั้งคู่ไม่ได้รีรอ เลทิเซียยื่นมือไปหาเรสต้าก่อนที่เรสต้าจะจับมือกับเลทิเซีย ราวกับว่าทั้งสองคนกำลังเชื่อมโยงกันด้วยเส้นด้ายที่มองไม่เห็น

พลัง, จิตใจ ทุกสิ่งทุกอย่างของคนทั้งสองถูกหลอมรวมกันเป็นหนึ่งและไม่เป็นหนึ่งในเวลาเดียวกัน

นี่คือผลของพลังลูกบาศก์นั่นอย่างแน่นอน เพื่อที่จะได้ใช้พลังลูกบาศก์ได้เต็มที่ ทั้งสองคนต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว

ยังดีที่ในตัวของเรสต้าครึ่งหนึ่งเป็นของเลทิเซีย บัดนั้นในจังหวะที่มั้งสองคนหลอมผสานกันนั้นราวกับว่าความคิดของทั้งสองคนได้แชร์ร่วมกัน

มือของเรสต้ากำมือของเลทิเซียแน่นขึ้นเล็กน้อย..

“ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอยู่อีกเยอะแยะเลย.. หลังจากที่พวกเรากลับไปแล้ว พวกเราจะได้เจอกันอีกใช่ไหม?”

“….”

เลทิเซียไม่ได้ตอบกลับทันที แต่ในตอนนั้นเองลูกบาศก์สีดำพลันปรากฏขึ้นในมือของเลทิเซียและในเวลาถัดมาลูกบาศก์นั้นก็ขยายใหญ่

ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นเหมือนประตูบานหนึ่ง.. แต่ในตอนนั้นเองดวงตาของเรสต้าก็เบิกกว้าง

เธอปล่อยมือออกจากมือของเลทิเซียก่อนจะวิ่งไปเข้าห้องน้ำ

“เรสต้า?”

เลทิเซียประหลาดใจเล็กน้อย ถึงแม้จะตัดการเชื่อมต่อของพลังกับเรสต้าไปแล้ว แต่ลูกบาศก์ที่กลายเป็นประตูก็ไม่ได้หายไปไหน

ตราบใดที่มันถูกสร้างขึ้นมามันสามารถทั้งดำรงอยู่และไม่ดำรงอยู่ได้ในเวลาเดียวกัน

หากยังไม่สร้างผลลัพธ์ที่เลทิเซียต้องการมันจะไม่มีทางหายไปโดยเด็ดขาด นั่นแหละคือพลังของลูกบาศก์

เลทิเซียรู้สึกสับสนที่จู่ๆ เรสต้าก็วิ่งไปเข้าห้องน้ำ พอเดินไปดูก็พบว่าเธอกำลังอ้วกอยู่.. เพราะเมื่อครู่จู่ๆ เธอก็รู้สึกคลื่นไส้โดยไม่ทราบสาเหตุ

“เพราะใช้พลังมากไปจนท้องปั่นป่วนงั้นเหรอ เป็นไปได้ด้วยเหรอแบบนั้นน่ะ”

“ไม่รู้สิ ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”

เรสต้าส่ายหน้าตอบหลังจากที่เธอล้างหน้าล้างตาเสร็จก็กลับมาปกติ ความจริงแล้วเธอก็เป็นแบบนี้มาสักพักแล้วล่ะนะ

แถมต่อให้ไม่มีอะไรอยู่ในท้องพออ้วกแล้วไม่มีอะไรออกมาเธอจะรู้สึกทรมานจนต้องหาอะไรมาทานให้ได้เลยล่ะ

แต่ก็ไม่ได้บอกกับเลทิเซีย เพราะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบอก เธอออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับมองประตูที่ทำจากพลังของเลทิเซีย

เลทิเซียไม่ได้พูดอะไร ทั้งสองเดินเข้าไปในลูกบาศก์ที่มีรูปร่างของประตู ก่อนที่ประตูนั้นจะหายไปแทบทันทีอย่างไร้ร่องรอย

ราวกับว่าบนโลกนี้ไม่เคยมีสิ่งนี้ปรากฏอยู่.. ปลายทางของเลทิเซียกับเรสต้าไม่เหมือนกัน เรสต้าเลือกปลายทางคือบนแดนเทพ

ส่วนเลทิเซียคือแดนมนุษย์ แม้ทั้งสองจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันน้อยมากเมื่อเทียบกับไอรีนและเวโรเน่…หรือคนสำคัญอื่นๆ ของเลทิเซีย

แต่สำหรับเทพธิดาคนนี้แล้วเลทิเซียในตอนแรกเธอมีความรู้สึกอคติต่อเธอเล็กน้อย แต่ในตอนนี้ไม่ได้เป็นแบบนั้นแล้ว

เธอในตอนนี้กลับรู้สึกขอบคุณเรสต้าด้วยซ้ำที่ทำให้เลทิเซียได้มีโอกาสได้รู้จักกับสิ่งที่เธอไม่เคยรู้จัก แม้เรสต้าจะถูกใครสักคนบงการอยู่อีกที

แต่ความจริงที่เรสต้าให้เลทิเซียมาเกิดใหม่ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง แม้ในตอนนี้เรสต้าจะยังไม่ได้ทำแบบนั้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าในอนาคตจะไม่ทำ

อีกทั้งทั้งสองคนยังแทบกลายเป็นเหมือนส่วนหนึ่งของกันและกันเพราะอีกครึ่งหนึ่งของดวงวิญญาณเลทิเซียอยู่ในตัวของเรสต้า

ความรู้สึกบางอย่างของเรสต้าย่อมได้รับอิทธิพลมาจากเลทิเซียไม่มากก็น้อย แถมในบางระดับเรสต้าอาจจะมีความทรงจำของเลทิเซียอยู่ในหัวตัวเองด้วยซ้ำ

แม้ตอนนี้อาจจะยังไม่มี แต่ในอนาคตที่ความทรงจำค่อยๆ ฟื้นฟูกลับมาเธออาจจะได้รู้.. ไม่สิ คงไม่ถึงขั้นเห็นความทรงจำหรอก

คงแค่ได้รัยปณิธาน แต่สำหรับเรสต้าคงเหมือนเห็นทัศนคติของเลทิเซียตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ได้เลยล่ะ

และสิ่งที่เธอมั่นใจคือเลทิเซียกำลังทำอะไรบางอย่างเพื่อใครสักคนอยู่.. และเหมือนว่าเลทิเซียจะเกลียดมนุษย์มาก..

ไม่สิ จะบอกว่าเกลียดมนุษย์คงไม่ถูก เพราะเธอเกลียดสิ่งมีชีวิต แต่ก็ไม่ถึงขั้นต้องการจะฆ่าล้างบาง

แต่สำหรับเธอมนุษย์นั้นเป็นต้นเหตุที่พรากชีวิตของคนสำคัญเธอ อย่างตอนผู้กล้าสองคนนั้น หรือแม้แต่มนุษย์ที่ประหารชาร์ล็อต

หรือแม้แต่สิ่งที่เนลต้องเจอ มันทำให้เลทิเซียเกลียด..แต่เธอก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาของโลกใบนี้ ดังนั้นตอนที่ไอรีนถามเลทิเซียคราวนั้น

เลทิเซียจึงตอบว่า ‘ฉันน่ะไม่ได้สนใจเรื่องสงครามเลยแม้แต่น้อย’

“แต่ว่า.. เพื่อที่จะช่วยคนสำคัญของฉัน การหยุดสงครามน่ะเป็นเหมือนทางผ่าน.. เอาล่ะ.. มาเริ่มปฏิบัติการขั้นสุดท้ายเลย!”

ร่างของเลทิเซียปรากฏขึ้นแถวเทือกเขารอบจักรวรรดิมังกรพร้อมกับกล่าว..

“แผนการสุดท้าย.. เพียงแค่นี้.. เพียงแค่นี้เธอก็จะสามารถช่วยทุกคนได้แล้ว.. อีกแค่นิดเดียวนะ เลทิเซีย..”

เลทิเซียเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพึมพำ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+