การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 243

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 243 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 243 – เสียงสะอึกและความสิ้นหวัง

 

กลางดึกเลทิเซียเธอนอนหลับอยู่บนเตียงห้องพยาบาล ลาน่าได้จากไปแล้วในตอนนี้จึงมีแค่เลทิเซียกับเซเรสที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่

เลทิเซียในตอนนี้กำลังมีสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานราวกับเจอเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดอยู่..

“ไม่.. สเตฟานี่.. จะไม่พูดแบบนั้น.. ไม่”

เธอพึมพำออกมา ก่อนที่ดวงตาจะเปิดขึ้นและก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย

“แฮ่กๆ .. ฝันงั้นเหรอ..”

เธอพึมพำแต่สายตาก็หันไปเห็นร่างของเซเรสที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ ความทรงจำก่อนที่จะหมดสติก็ไหลเข้ามาในหัว

“ฉัน…”

เธอพูดไม่ออก สีหน้าเจ็บปวดทรมานมันฉายบนใบหน้าของเธอ เธอกัดฟันเอาไว้ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งข้างๆ เซเรส

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเธองั้นเหรอ.. ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้.. นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่

“ฉันเป็นคนทำให้ทุกอย่าง..บิดเบี้ยว..”

เลทิเซียกัดฟัน.. อันที่จริงหากมาลองคิดดูราวกับว่าเลทิเซียเป้นเหมือนตัวดวงซวยสำหรับโลกใบนี้

การกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอในตอนแรกมันนำพาไปสู่อนาคตที่ผิดแปลกออกไป.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชิ้นส่วนเวหา

เรื่องเซเรสกับสเตฟานี่.. หรือแม้แต่เรื่องของโคลเอ้ที่ตอนนี้เลทิเซียยังไม่ทราบด้วยซ้ำ การกระทำของเธอมันสอดคล้องไปยังความตายของคนที่อยู่รอบข้างทั้งหมด

ราวกับว่าเธอคือบ่วงโซ่แห่งความโชคร้าย..

“ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง.. ฉันขอโทษ..”

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ.. แต่ในตอนนั้นเองฝ่ามือของเซเรสก็ยื่นมาจับแขนเลทิเซียไว้แน่น

“ไม่.. ข้า.. ข้าน่ะ…”

เธอพึมพำออกมาแม้ตอนไม่ได้สติมือข้างนั้นคว้าแขนเลทิเซียแน่นจนเป็นรอยช้ำ.. หางตาของเซเรสมีน้ำตาไหลออกมา

สภาพของเธอดูทรมานมาก เลทิเซียกัดริมฝีปากหัวใจเหมือนกับถูกบางอย่างกรีดแทง.. ความเจ็บปวดที่เซเรสได้เจในตอนนี้เป็นเพราะเธอ

ไม่ใช่แค่นั้นในอดีตเธอยังต้องสัมผัสกับความรู้สึกสูญเสียความทรงจำไปเหมือนกับมีเงามืดวิ่งไล่ตามหลังมาเรื่อยๆ ..

ความเจ็บปวดในยามหลับ.. ความทรมานในการที่ต้องฆ่าฟันกับเพื่อน.. ความเสียใจที่ดาบในมือของตัวเองมันตัดคร่าชีวิตเพื่อน..

“มันเป็นเพราะฉันเอง…”

เสียงสะอึกสะอื้นดังออกจากปากของเลทิเซียเงียบๆ เธอใช้มือของตัวเองจับมือของเซเรสเอาไว้.. น้ำตาสีใสหยดลงบนมือของเซเรส

ไม่ใช่ความหวาดกลัวเจ็บปวดทรมาน.. แต่เป็นความสะอึกสะอื้นอย่างเงียบงัน.. ในตอนนี้ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะพรรณนาออกมาได้มันมีมากเกินไป

แม้แต่การกรีดร้องก็ไม่อาจช่วยอะไร การระเบิดอารมณ์ไม่ช่วยอะไร.. ความรู้สึกที่มากมายเหลือจะกล่าวนั้นสุดท้ายจึงกลายเป็นความสิ้นหวังที่ไร้ทางแก้

มันไม่มีทางออกสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว.. สุดท้ายจึงมีความสะสะอื้นที่จนปัญญาสิ้นทั้งพลังกายหรือพลังใจ

ใบหน้าของเธอก้มลงจนแทบแนบกับมือของเซเรส.. เสียงสะอึกสะอื้นที่สิ้นหวังนี้แทบจะก่อให้เกิดเรื่องเล่าประหลาดขึ้น..

“ฉัน.. จะต้องทำยังไงดี..”

“ฉันควรทำยังไงดี.. ฉัน.. ฉันน่ะ..”

เธอพึมพำอย่างเสียใจ..

“ฉันยังพยายามไม่มากพอเหรอพี่.. ฉันยังไม่เปลี่ยนไปงั้นเหรอ.. ทำไม.. ฉันถึงกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว..”

“ทุกครั้งที่ไร้ซึ่งหนทางฉันก็จะเรียกหาพี่.. เป็นแบบนั้นอีกแล้วเหรอ.. ทำไมกันล่ะ.. การเป็นผู้ใหญ่ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้กัน..”

“ฉันไม่อยากเป็นแล้ว.. ไม่เอาแล้ว.. อนาคต.. ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้.. ใครก็ได้… ช่วยฉันที”

เสียงร้องไห้ของเธอนั้นไม่ได้ดังแต่กลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และอ้อนวอนต่อพระเจ้า..

“ได้โปรด.. คืนทุกอย่างกลับคืนมา.. ต่อให้ฉันต้องหายไป.. ก็เอาชีวิตทุกคนกลับมาเถอะ.. ถ้าหากทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน.. แค่ให้ฉันหายไปก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง.. ทำไมกัน.. ทำไมกัน”

เธอพึมพำ.. แต่ทว่าโลกกลับไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลย.. ประตูห้องพยาบาลถูกผลักออก.. พร้อมกับใครสักคนที่เลทิเซียไม่รู้จักที่วิ่งเข้ามา

“ท่านเลทิเซียแย่แล้ว!!”

เสียงนั้นดูตื่นตระหนกมาก ทำให้เลทิเซียหันกลับมาหาต้นเสียง.. แต่ยังไม่ทันได้ให้เธอเช็ดน้ำตาหรือแม้แต่กล่าวตอบคำพูดสั้นๆ ก็ดังขึ้น..

“มีคนเจอศพของโคลเอ้อัศวินที่มาที่โรงเรียนนี้กับท่านที่ป่าแถวนอกโรงเรียน”

“….”

สีหน้าเลทิเซียแปรเปลี่ยน ภาพของโคลเอ้ลอยขึ้นมาในหัวของเธอ.. สีหน้าของเลทิเซียบิดเบี้ยว..

ตาย..? โคลเอ้น่ะนะ.. พูดอะไรน่ะ..มันเป็นไปไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ.. ตั้งแต่จบเรื่อง.. เธอก็ไม่ได้คุยกับโคลเอ้เลยนะ..

แล้วมาบอกว่าตาย..มัน.. โคลเอ้ที่เติบโตมาด้วยกัน โคลเอ้ที่ฝึกดาบด้วยกัน โคลเอ้ที่รู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้เหมือนกัน

“….”

เลทิเซียไร้ซึ่งคำพูด ดวงตาของเธอมืดมัวแล้วก็ดึงแขนออกจากฝ่ามือของเซเรสก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปในทันที สีหน้าของเธอในตอนนี้ดูไม่ได้เลยสักนิด

“มันไม่ใช่เรื่องจริง..”

เลทิเซียกัดฟันพูด เธอเร่งรีบจนไม่ได้มองดูด้านหลังเลยว่าทันทีที่เธอวิ่งออกจากห้องพยาบาลแห่งนี้ไปพร้อมกับคนที่มาบอกเธอนั้น

ดวงตาของเซเรสก็ลืมขึ้นอย่างช้า มือของเธอคว้าได้เพียงความว่างเปล่า..

สีหน้าของเธอสับสนเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มจำทุกอย่างได้.. รอยบิดเบี้ยวบนใบหน้าของเธอก็ปรากฏขึ้น

“ไม่.. ไม่”

นั่นคือสิ่งแรกที่เธอพูดขึ้นเสียงตะโกนของเธอไม่ดังมากเพราะไม่ได้เปล่งเสียงมาเกือบสองเดือน.. มือสองข้างยกขึ้นกุมหัว

“ข้า.. ข้า.ง ทุกอย่างเป็นเพราะข้า.. ข้าฆ่าสเตฟานี่.. อ้ากกกก”

เธอในตอนนี้แทบจะกลายเป็นคนเสียสติ อันที่จริงนั่นเป็นเพราะการสูญเสียสเตฟานี่สำหรับเซเรสนั้นมากเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียคนสำคัญ.. หรือสิ่งที่เลทิเซียพูดกับเธอมันกระทบกับจิตใจจนทำให้หัวใจเธอพังทลายลง

อันที่จริงยังไงซะเธอก็เป็นแค่เด็กดังนั้นเมื่อเจอเรื่องที่รุนแรงขนาดนั้นเข้าไป มันคงเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากกว่าที่เธอยังสามารถเสียใจได้อยู่

ดีที่ความรู้สึกของเธอไม่หายไป.. อย่างไรก็ตามเมื่อไร้ที่พักพิง.. เธอก็เหมือนมีอาการประสาทหลอนเช่นเดียวกัน..

ความกลัว ความรู้สึกผิด ความเกลียดชังตัวเอง.. ทุกอย่างมันทำให้เธอเริ่มเห็นภาพหลอนในแทบจะทันที..

“ไม่.. ไม่…ไม่ ข้า.. ข้า… ข้า”

คำพูดที่เปล่งออกจากปากของเธอไม่เป็นประโยคราวกับคนบ้า.. ไม่สิ เธอในตอนนี้คงกลายเป็นบ้าไปแล้วเสียมากกว่า

“ตายซะเถอะ.. เซเรส”

“ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอเซเรส..”

“ไม่ต้องห่วงเซเรสถ้าเธอตาย โดยฝีมือฉันเสร็จ ฉันก็จะฆ่าตัวตายตามเธอไปเอง ฮ่าๆ”

คำพูดของเลทิเซียและสเตฟานี่มันวนอยู่รอบข้างเธอ มันทำให้เธอหวาดกลัว เสียงกรีดร้องโหยหวนทรมานดังออกมาจากปาก

แต่เพราะห้องพยาบาลไม่ได้อยู่ใกล้หอพักของครูบาอาจารย์หรือหอพักนักเรียนเลย.. เสียงร้องของเธอก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง

เธอเอาหมอนมาปิดหูไว้.. แต่ภาพหลอนอันน่ากลัวก็ยังลอยเคว้งอยู่ตรงหน้าเธอ ภาพของสเตฟานี่ที่หัวขาดในมือถือหัวตัวเองแล้วพูดกับเธอ

ในขณะที่ด้านข้างมีเลทิเซียด่าทอเธออย่างบ้าคลั่ง.. ไอ้คนฆ่าเพื่อนน่ะ..มันสมควรตายสมควรหายไป..

“ไม่.. ทำไม.. ไม่ ทำไม ไม่.. ข้า.. อ่า.. นะ..”

คำพูดไม่เป็นคำพ่นออกมาจากก้นบึ้งแห่งจิตใจที่อัดแน่นไปด้วยความกลัว..เธอถอยหลังไปจนตกเตียง

“ไม่.. อย่า.. ข้าไม่.. ไม่ใช่ .. ข้า”

ความกลัวมันมากมายจนกัดเซาะหัวของเธอและในตอนนั้นเองดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น..ภายในหัวของเธอมีเสียงดังสนั่น

“ข้า..จำทุกอย่างได้..แล้ว..”

“ฮ่าๆ .. ข้าจำได้แล้ว..ข้าจำได้แล้ว.. ฮ่าๆๆ”

จู่ๆ เสียงหัวเราอันบ้าคลั่งดังออกมาจากปากของเซเรสทั้งอย่างนั้น เธอหัวเราะทั้งน้ำตา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 243

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 243 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 243 – เสียงสะอึกและความสิ้นหวัง

 

กลางดึกเลทิเซียเธอนอนหลับอยู่บนเตียงห้องพยาบาล ลาน่าได้จากไปแล้วในตอนนี้จึงมีแค่เลทิเซียกับเซเรสที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่

เลทิเซียในตอนนี้กำลังมีสีหน้าที่เจ็บปวดทรมานราวกับเจอเรื่องราวที่แสนเจ็บปวดอยู่..

“ไม่.. สเตฟานี่.. จะไม่พูดแบบนั้น.. ไม่”

เธอพึมพำออกมา ก่อนที่ดวงตาจะเปิดขึ้นและก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาพร้อมกับหอบหายใจอย่างเหน็ดเหนื่อย

“แฮ่กๆ .. ฝันงั้นเหรอ..”

เธอพึมพำแต่สายตาก็หันไปเห็นร่างของเซเรสที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ ความทรงจำก่อนที่จะหมดสติก็ไหลเข้ามาในหัว

“ฉัน…”

เธอพูดไม่ออก สีหน้าเจ็บปวดทรมานมันฉายบนใบหน้าของเธอ เธอกัดฟันเอาไว้ก่อนที่จะลุกขึ้นจากเตียงไปนั่งข้างๆ เซเรส

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะเธองั้นเหรอ.. ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้.. นี่มันคือเรื่องอะไรกันแน่

“ฉันเป็นคนทำให้ทุกอย่าง..บิดเบี้ยว..”

เลทิเซียกัดฟัน.. อันที่จริงหากมาลองคิดดูราวกับว่าเลทิเซียเป้นเหมือนตัวดวงซวยสำหรับโลกใบนี้

การกระทำที่ไม่คิดหน้าคิดหลังของเธอในตอนแรกมันนำพาไปสู่อนาคตที่ผิดแปลกออกไป.. ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชิ้นส่วนเวหา

เรื่องเซเรสกับสเตฟานี่.. หรือแม้แต่เรื่องของโคลเอ้ที่ตอนนี้เลทิเซียยังไม่ทราบด้วยซ้ำ การกระทำของเธอมันสอดคล้องไปยังความตายของคนที่อยู่รอบข้างทั้งหมด

ราวกับว่าเธอคือบ่วงโซ่แห่งความโชคร้าย..

“ทุกอย่างมันเป็นความผิดของฉันเอง.. ฉันขอโทษ..”

น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอ.. แต่ในตอนนั้นเองฝ่ามือของเซเรสก็ยื่นมาจับแขนเลทิเซียไว้แน่น

“ไม่.. ข้า.. ข้าน่ะ…”

เธอพึมพำออกมาแม้ตอนไม่ได้สติมือข้างนั้นคว้าแขนเลทิเซียแน่นจนเป็นรอยช้ำ.. หางตาของเซเรสมีน้ำตาไหลออกมา

สภาพของเธอดูทรมานมาก เลทิเซียกัดริมฝีปากหัวใจเหมือนกับถูกบางอย่างกรีดแทง.. ความเจ็บปวดที่เซเรสได้เจในตอนนี้เป็นเพราะเธอ

ไม่ใช่แค่นั้นในอดีตเธอยังต้องสัมผัสกับความรู้สึกสูญเสียความทรงจำไปเหมือนกับมีเงามืดวิ่งไล่ตามหลังมาเรื่อยๆ ..

ความเจ็บปวดในยามหลับ.. ความทรมานในการที่ต้องฆ่าฟันกับเพื่อน.. ความเสียใจที่ดาบในมือของตัวเองมันตัดคร่าชีวิตเพื่อน..

“มันเป็นเพราะฉันเอง…”

เสียงสะอึกสะอื้นดังออกจากปากของเลทิเซียเงียบๆ เธอใช้มือของตัวเองจับมือของเซเรสเอาไว้.. น้ำตาสีใสหยดลงบนมือของเซเรส

ไม่ใช่ความหวาดกลัวเจ็บปวดทรมาน.. แต่เป็นความสะอึกสะอื้นอย่างเงียบงัน.. ในตอนนี้ความเจ็บปวดที่ไม่อาจจะพรรณนาออกมาได้มันมีมากเกินไป

แม้แต่การกรีดร้องก็ไม่อาจช่วยอะไร การระเบิดอารมณ์ไม่ช่วยอะไร.. ความรู้สึกที่มากมายเหลือจะกล่าวนั้นสุดท้ายจึงกลายเป็นความสิ้นหวังที่ไร้ทางแก้

มันไม่มีทางออกสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว.. สุดท้ายจึงมีความสะสะอื้นที่จนปัญญาสิ้นทั้งพลังกายหรือพลังใจ

ใบหน้าของเธอก้มลงจนแทบแนบกับมือของเซเรส.. เสียงสะอึกสะอื้นที่สิ้นหวังนี้แทบจะก่อให้เกิดเรื่องเล่าประหลาดขึ้น..

“ฉัน.. จะต้องทำยังไงดี..”

“ฉันควรทำยังไงดี.. ฉัน.. ฉันน่ะ..”

เธอพึมพำอย่างเสียใจ..

“ฉันยังพยายามไม่มากพอเหรอพี่.. ฉันยังไม่เปลี่ยนไปงั้นเหรอ.. ทำไม.. ฉันถึงกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว..”

“ทุกครั้งที่ไร้ซึ่งหนทางฉันก็จะเรียกหาพี่.. เป็นแบบนั้นอีกแล้วเหรอ.. ทำไมกันล่ะ.. การเป็นผู้ใหญ่ทำไมมันถึงได้เจ็บปวดขนาดนี้กัน..”

“ฉันไม่อยากเป็นแล้ว.. ไม่เอาแล้ว.. อนาคต.. ทำไมมันน่ากลัวแบบนี้.. ใครก็ได้… ช่วยฉันที”

เสียงร้องไห้ของเธอนั้นไม่ได้ดังแต่กลับเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง และอ้อนวอนต่อพระเจ้า..

“ได้โปรด.. คืนทุกอย่างกลับคืนมา.. ต่อให้ฉันต้องหายไป.. ก็เอาชีวิตทุกคนกลับมาเถอะ.. ถ้าหากทุกอย่างมันเป็นเพราะฉัน.. แค่ให้ฉันหายไปก็พอแล้วไม่ใช่หรือไง.. ทำไมกัน.. ทำไมกัน”

เธอพึมพำ.. แต่ทว่าโลกกลับไม่เคยอ่อนโยนกับเธอเลย.. ประตูห้องพยาบาลถูกผลักออก.. พร้อมกับใครสักคนที่เลทิเซียไม่รู้จักที่วิ่งเข้ามา

“ท่านเลทิเซียแย่แล้ว!!”

เสียงนั้นดูตื่นตระหนกมาก ทำให้เลทิเซียหันกลับมาหาต้นเสียง.. แต่ยังไม่ทันได้ให้เธอเช็ดน้ำตาหรือแม้แต่กล่าวตอบคำพูดสั้นๆ ก็ดังขึ้น..

“มีคนเจอศพของโคลเอ้อัศวินที่มาที่โรงเรียนนี้กับท่านที่ป่าแถวนอกโรงเรียน”

“….”

สีหน้าเลทิเซียแปรเปลี่ยน ภาพของโคลเอ้ลอยขึ้นมาในหัวของเธอ.. สีหน้าของเลทิเซียบิดเบี้ยว..

ตาย..? โคลเอ้น่ะนะ.. พูดอะไรน่ะ..มันเป็นไปไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอ.. ตั้งแต่จบเรื่อง.. เธอก็ไม่ได้คุยกับโคลเอ้เลยนะ..

แล้วมาบอกว่าตาย..มัน.. โคลเอ้ที่เติบโตมาด้วยกัน โคลเอ้ที่ฝึกดาบด้วยกัน โคลเอ้ที่รู้จักความโหดร้ายของโลกใบนี้เหมือนกัน

“….”

เลทิเซียไร้ซึ่งคำพูด ดวงตาของเธอมืดมัวแล้วก็ดึงแขนออกจากฝ่ามือของเซเรสก่อนจะวิ่งออกจากห้องไปในทันที สีหน้าของเธอในตอนนี้ดูไม่ได้เลยสักนิด

“มันไม่ใช่เรื่องจริง..”

เลทิเซียกัดฟันพูด เธอเร่งรีบจนไม่ได้มองดูด้านหลังเลยว่าทันทีที่เธอวิ่งออกจากห้องพยาบาลแห่งนี้ไปพร้อมกับคนที่มาบอกเธอนั้น

ดวงตาของเซเรสก็ลืมขึ้นอย่างช้า มือของเธอคว้าได้เพียงความว่างเปล่า..

สีหน้าของเธอสับสนเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มจำทุกอย่างได้.. รอยบิดเบี้ยวบนใบหน้าของเธอก็ปรากฏขึ้น

“ไม่.. ไม่”

นั่นคือสิ่งแรกที่เธอพูดขึ้นเสียงตะโกนของเธอไม่ดังมากเพราะไม่ได้เปล่งเสียงมาเกือบสองเดือน.. มือสองข้างยกขึ้นกุมหัว

“ข้า.. ข้า.ง ทุกอย่างเป็นเพราะข้า.. ข้าฆ่าสเตฟานี่.. อ้ากกกก”

เธอในตอนนี้แทบจะกลายเป็นคนเสียสติ อันที่จริงนั่นเป็นเพราะการสูญเสียสเตฟานี่สำหรับเซเรสนั้นมากเกินไป

ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียคนสำคัญ.. หรือสิ่งที่เลทิเซียพูดกับเธอมันกระทบกับจิตใจจนทำให้หัวใจเธอพังทลายลง

อันที่จริงยังไงซะเธอก็เป็นแค่เด็กดังนั้นเมื่อเจอเรื่องที่รุนแรงขนาดนั้นเข้าไป มันคงเป็นเรื่องน่าแปลกใจมากกว่าที่เธอยังสามารถเสียใจได้อยู่

ดีที่ความรู้สึกของเธอไม่หายไป.. อย่างไรก็ตามเมื่อไร้ที่พักพิง.. เธอก็เหมือนมีอาการประสาทหลอนเช่นเดียวกัน..

ความกลัว ความรู้สึกผิด ความเกลียดชังตัวเอง.. ทุกอย่างมันทำให้เธอเริ่มเห็นภาพหลอนในแทบจะทันที..

“ไม่.. ไม่…ไม่ ข้า.. ข้า… ข้า”

คำพูดที่เปล่งออกจากปากของเธอไม่เป็นประโยคราวกับคนบ้า.. ไม่สิ เธอในตอนนี้คงกลายเป็นบ้าไปแล้วเสียมากกว่า

“ตายซะเถอะ.. เซเรส”

“ทุกอย่างเป็นความผิดของเธอเซเรส..”

“ไม่ต้องห่วงเซเรสถ้าเธอตาย โดยฝีมือฉันเสร็จ ฉันก็จะฆ่าตัวตายตามเธอไปเอง ฮ่าๆ”

คำพูดของเลทิเซียและสเตฟานี่มันวนอยู่รอบข้างเธอ มันทำให้เธอหวาดกลัว เสียงกรีดร้องโหยหวนทรมานดังออกมาจากปาก

แต่เพราะห้องพยาบาลไม่ได้อยู่ใกล้หอพักของครูบาอาจารย์หรือหอพักนักเรียนเลย.. เสียงร้องของเธอก็ไร้ซึ่งการตอบสนอง

เธอเอาหมอนมาปิดหูไว้.. แต่ภาพหลอนอันน่ากลัวก็ยังลอยเคว้งอยู่ตรงหน้าเธอ ภาพของสเตฟานี่ที่หัวขาดในมือถือหัวตัวเองแล้วพูดกับเธอ

ในขณะที่ด้านข้างมีเลทิเซียด่าทอเธออย่างบ้าคลั่ง.. ไอ้คนฆ่าเพื่อนน่ะ..มันสมควรตายสมควรหายไป..

“ไม่.. ทำไม.. ไม่ ทำไม ไม่.. ข้า.. อ่า.. นะ..”

คำพูดไม่เป็นคำพ่นออกมาจากก้นบึ้งแห่งจิตใจที่อัดแน่นไปด้วยความกลัว..เธอถอยหลังไปจนตกเตียง

“ไม่.. อย่า.. ข้าไม่.. ไม่ใช่ .. ข้า”

ความกลัวมันมากมายจนกัดเซาะหัวของเธอและในตอนนั้นเองดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น..ภายในหัวของเธอมีเสียงดังสนั่น

“ข้า..จำทุกอย่างได้..แล้ว..”

“ฮ่าๆ .. ข้าจำได้แล้ว..ข้าจำได้แล้ว.. ฮ่าๆๆ”

จู่ๆ เสียงหัวเราอันบ้าคลั่งดังออกมาจากปากของเซเรสทั้งอย่างนั้น เธอหัวเราะทั้งน้ำตา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+