การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 364

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 364 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 364 – เวโรเน่..?

 

เลทิเซียค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ .. เธอมองเห็นท้องฟ้าสีครามแต่ในตอนนี้รอบด้านอึมครึมไปด้วยบรรยากาศที่มืดมนนิดหน่อย

ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้างหญ้าแม้ไม่อาจจะกล่าวได้ว่าเขียวขจีแต่ก็ยังคงงดงามหากเทียบกับโลกเดิมเลทิเซียที่เต็มไปด้วยตึกราวบ้านช่อง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันสดใสแต่อย่างใด.. ภาพทุกอย่างค่อยๆ ย้อนทวนขึ้นมาในหัวของเลทิเซีย..

“อามาเระ…ทุกคน”

เธอกัดริมฝีปากเบาๆ .. ยกแขนพาดผ่านดวงตาทั้งสองข้าง ในมือข้างนั้นถือจี้สีแดงอันหนึ่งอยู่ เลทิเซียไม่ใช่ปีศาจไร้หัวใจ

ทุกครั้งที่เห็นคนสำคัญสลายไปต่อหน้าต่อตาไม่มีทางที่เธอจะชิน แม้จะรู้ว่าอามาเระไม่ได้เป็นอะไร

แต่ทว่า..ภายในหัวใจของเลทิเซียก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี.. อีกทั้งชาร์ล็อตเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีทางช่วยจริงๆ ไหม..

“ฉันมัน…”

ในขณะที่เลทิเซียกำลังนอนอยู่บนพื้นนั้นเอง จู่ก็พลันมีเสียงอันสุขุมและอ่อนโยนดังขึ้นด้านข้าง

“เอ่อ.. เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

พอเลทิเซียได้ยินแบบนั้นเธอก็ตกใจพร้อมกับดีดตัวถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมกับเก็บจี้สีแดงเข้าไปทันที.. ด้านข้างมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งยองมองเธออยู่

เธอคนนี้มีผมสีดำกับเลทิเซียแท้ๆ .. แต่ผมนั้นดูเงางามไม่เหมือนผมสีดำของเลทิเซียกับไวท์เลยสักนิด

ใบหน้าของเธอ… เข้าขั้นน่าเกลียดน่ากลัวเลยก็ว่าได้.. เพราะใบหน้าของเธอครึ่งใบหน้าเป็นแผลเป็นถูกเผาตั้งแต่คางไปจนถึงใต้ดวงตา

แต่ดวงตาทั้งสองข้างนั้นงดงามราวกับเทพธิดาไม่มีผิด.. บางทีหากไม่มีแผลเป็นตรงไฟไหม้นั้นเธอคงสวยน่าดูเลยล่ะ

พอเห็นเลทิเซียตกใจเด็กผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“อะ.. ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้จะทำให้เจ้าตกใจจริงๆ นะ”

เธอรีบพูดขอโทษพร้อมกับใช้ผ้าสีขาวขึ้นมาพันใบหน้าที่มีแผลเป็นไฟไหม้เอาไว้..  เพราะเธอคิดว่าเลทิเซียกำลังกลัวใบหน้าที่อัปลักษณ์ของเธอ

แถมเลทิเซียในตอนนี้ก็ดูเหมือนเด็กอายุสิบกว่าปีเท่านั้นด้วย เวทมนตร์ที่ปกปิดรูปร่างนั้นหายไปพร้อมกับการปะทะกับภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างแล้วล่ะนะ

แต่น่าเสียดายที่ของแบบนั้นไม่ได้ทำให้เลทิเซียกลัวหรอก เพราะที่เลทิเซียแสดงท่าทางแบบนี้ออกมามันแทบเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอดของเธอแล้ว

แต่หญิงสาวคนนั้นก็เหมือนจะมีความคิดของตัวเองน่าดู เพราะเธอเห็นที่ดวงตาเลทิเซียมีน้ำตาไหลอู่ด้วย

“อ่า.. ข้าไม่ได้ต้องการจะทำให้เจ้ากลัวนะ ข้าขอโทษ เพราะงั้นหยุดร้องไห้เถอะนะ … จริงสิ ข้ามีดอกไม้นะ.. เจ้าต้องการไหม?”

“ฉันไม่ได้ร้องไห้”

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกทันที.. หากยังร้องไห้แบบนี้มีหวังกลายเป็นคนขี้แยไปพอดีสิ..

พอเห็นเลทิเซียพูดแบบนั้น เธอก็เหมือนจะรู้ว่าควรจะพูดอะไรไม่ควรจะพูดอะไร….

“จ๊อกกกกกก”

แต่ในตอนนั้นเองท้องของเลทิเซียก็ร้องขึ้นมา.. ทำให้หญิงสาวไม่ทราบนามคนนั้นตกใจทันที เธอมองเลทิเซียด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“อืมมมม”

แน่นอนว่าเพราะก่อนหน้านี้เธอยังกินอาหารไม่เต็มอิ่มด้วยซ้ำ รีบออกมาเพราะความกังวลเสียก่อน

ทำให้ท้องยังไม่เต็ม แถมยังต้องใช้พลังงานอย่างมากในการข้ามเวลาแต่ละครั้งจึงไม่แปลกที่จะท้องว่าง

อีกอย่างแม้เลทิเซียจะไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่มก็ไม่ตายก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าท้องของเธอนั้นต้องเต็มอิ่มอยู่เสมอ

ที่ทำให้เธอไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มเพราะเลือดเธอไม่ต้องการสิ่งที่เรียกว่าสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงแล้ว เพราะเลือดนั้นมันจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ตลอดอยู่แล้วนั่นเอง

ดังนั้นแม้จะไม่จำเป็นต้องหิว.. แต่หากไม่อยากท้องร้องก็ต้องกินด้วยนะ

“เจ้าหิวงั้นสินะ.. มาบ้านข้าสิ เดี๋ยวข้าแบ่งอะไรให้กิน แถมดูเจ้าตอนนี้สิ”

อีกฝ่ายมองเลทิเซียด้วยสายตาจ้องลึก.. เลทิเซียในตอนนี้สวมเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะกับขนาดตัว นั่นก็แน่นอนเพราะว่าก่อนหน้าเลทิเซียขยายร่างเพื่อหลอกตาชาร์ล็อต

แต่พอตอนนี้กลับเป้นร่างปกติของเธอเองชุดเลยไม่เหมาะกับตัวเธอ ไม่เพียงแค่นั้น ชุดของเธอยังขาดๆ เกินๆ ราวกับหลุดมาจากสลัมที่ไหนสักแห่งเลยงั้นแหละ

ถ้าหากมีปลอกคอด้วย.. เธอคงคิดว่าเลทิเซียเป็นทาสหลบหนีแล้วล่ะ.. แถมเนื้อตัวยังมอมแมมอีกต่างหาก

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว เธอในตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์เลยว่าเธออยู่ที่ไหนช่วงเวลาใด

แต่ที่มั่นใจคือเธอไม่ได้หลุดไปโลกอื่นแน่นอนเพราะว่าเส้นเวลาที่เธอถูกพัดมานั้นเป็นโลกเดิมแน่นอน

แค่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนเท่านั้นแหละ.. ทางที่ดีตอนนี้ควรจะหาที่ไหนปักหลักสักแห่งสักก่อน.. แล้วก็ต้องวางแผนรับมือด้วยสิ

แต่การหลีกเลี่ยงพบปะกับคนอื่นจะดีกว่านะ..

“ไม่สิ.. คิดสิตัวฉันคิดสิ.. หากตามที่อาจารย์ชิสุว่ามาเป็นความจริงแล้วละก็.. มีอีกวิธีหนึ่งนี่ที่ยังไม่ได้ลอง.. วิธีที่อ้างอิงมาจาก ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกน่ะ”

เลทิเซียคิดแบบนั้น บางทีหากสร้างพันธมิตรหรือแปรเปลี่ยนอะไรเล็กๆ น้อยอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีก็ได้

ทั้งตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นในอดีตหรืออนาคตด้วยสิ.. ทางทีดี..

“อืม.. เข้าใจแล้ว”

เลทิเซียพยักหน้าตอบตกลงทันที.. แม้จะควบคุมไม่ได้แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้วก็ต้องมาลองกันสักตั้งแล้วกัน

“งั้นตกลงตามนี้ กลับบ้านกันเถอะ ฮึบ”

เธอกล่าวแบบนั้นพร้อมกับยกถังน้ำขึ้นแล้วก็เดินนำเลทิเซียไปทางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง.. เลทิเซียเห็นอีกฝ่ายดูท่าจะหนักเลยไม่ได้ชวนคุย

เพราะถังที่ใส่น้ำก็ไม่ใช่เล็กๆ .. แต่พอยิ่งมองเธอก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด เพราะทุกครั้งที่เธอก้าวขาไปข้างหน้าน้ำที่อยู่ในถังก็หกออก

จนแทบจะหมดแล้ว เลทิเซียถึงจะไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเป็นคนใจดีเหมือนอยู่ในโรงเรียนแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะการแสดงแบบนั้น

มันทำให้เธอเปลี่ยนไป.. หรืออาจจะเพราะแต่แรกเดิมทีเลทิเซียไม่ใช่คนใจจืดใจดำแต่แรกแล้ว.. เลทิเซียถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น

“เดี๋ยวฉันช่วย”

เธอเดินไปยกถังออกจากมือของอีกฝ่าย แต่เหมือนทางนั้นจะปฏิเสธ

“เอ.. เอ๊ะ ?… ไม่เป็นไ— ว้าว ไม่หนักเลยงั้นเหรอคะ?”

แต่พอเห็นเลทิเซียยกขึ้นแบบสบายๆ ดวงตาของเธอก็เผยแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เด็กคนนี้ตัวเล็กกว่าเธอซะอีก

แต่ยกถังน้ำที่เธอยกขึ้นได้อย่างทุลักทุเลง่ายๆ เลยเนี่ยนะ.. แถมไม่รู้ว่าตาฝาดไปเองไหมเหมือนน้ำในถังที่หกไปจะกลับมาเต็มเหมือนเดิมด้วย

“อ้อ.. มันคือเวทมนตร์น่ะ”

เลทิเซียพูดเบาๆ อันที่จริงร่างกายเธอในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเสริมพลังด้วยเวทมนตร์แล้วล่ะ สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่า ‘ทักษะ’ ที่เธอได้รับมานั้น

มันมีบางอันที่เพิ่มลักษณะทางกายภาพโดยตรง ทำให้ไม่แปลกที่เลทิเซียจะแข็งแรงอย่างที่เห็น.. ไม่เพียงแค่นั้นเลทิเซียยังใช้เวทเติมน้ำกลับมาเต็มถังให้อีกด้วย

“ว้าว.. เจ้าใช้เวทมนตร์เป็นด้วยเหรอเนี่ย?”

พอเลทิเซียได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย.. เวทมนตร์คือศาสตร์ที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวันจนเป็นเหมือนเรื่องปกติ

นั่นแน่นอนว่ารวมถึงเด็กบ้านนอกเช่นกัน แม้จะมีคนใช้เวทมนตรืง์ไม่เป็นอยู่บ้างก็จริง.. แต่ทุกๆ หมู่บ้านจะมีสถานที่ฝึกสอนฝึกหัดอยู่

ทำให้เด็กๆ ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงเวทมนตร์ได้.. แต่จากคำพูดของเด็กคนนี้หมายความว่า.. สถานที่ฝึกสอนฝึกหัดยังไม่มีสินะ

จากการศึกษาประวัติศาสตร์มา สถานที่ฝึกสอนฝึกหัดนี้ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การของราชาที่ประกาศออกมาโดยตรง

ซึ่งองค์การนี้เผยแพร่ออกมาครั้งแรกเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อนปัจจุบัน.. ซึ่งแพร่หลายในปัจจุบัน.. หมายความว่า..

ตอนนี้อาจจะเป็นช่วงสองร้อยปีก่อน..หรือประมาณนั้นสินะ..

“มีอะไรเหรอ?”

“เปล่าหรอก..”

อีกฝ่ายถามเลทิเซียแต่เลทิเซียก็ปฏิเสธ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นว่า

“จริงสิ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรเหรอ?”

“ฉันเหรอ..”

เลทิเซียคิดอยู่ครู่หนึ่ง คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้งนะ..

“ฉันชื่อเลทิเซีย”

“อ่า.. เลทิเซียงั้นเหรอ? ยินดีที่ได้รู้จักนะเลทิเซีย ข้าชื่อว่า เวโรเน่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

พอได้ยินแบบนั้นหนังตาเลทิเซียกระตุกเล็กน้อย หันไปหาเวโรเน่

“เวโรเน่งั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว ทำไมเหรอ”

“อ้ะ.. เปล่าหรอก ชื่อเหมือนคนรู้จักฉันน่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 364

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 364 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 364 – เวโรเน่..?

 

เลทิเซียค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ .. เธอมองเห็นท้องฟ้าสีครามแต่ในตอนนี้รอบด้านอึมครึมไปด้วยบรรยากาศที่มืดมนนิดหน่อย

ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่โล่งกว้างหญ้าแม้ไม่อาจจะกล่าวได้ว่าเขียวขจีแต่ก็ยังคงงดงามหากเทียบกับโลกเดิมเลทิเซียที่เต็มไปด้วยตึกราวบ้านช่อง

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่ามันสดใสแต่อย่างใด.. ภาพทุกอย่างค่อยๆ ย้อนทวนขึ้นมาในหัวของเลทิเซีย..

“อามาเระ…ทุกคน”

เธอกัดริมฝีปากเบาๆ .. ยกแขนพาดผ่านดวงตาทั้งสองข้าง ในมือข้างนั้นถือจี้สีแดงอันหนึ่งอยู่ เลทิเซียไม่ใช่ปีศาจไร้หัวใจ

ทุกครั้งที่เห็นคนสำคัญสลายไปต่อหน้าต่อตาไม่มีทางที่เธอจะชิน แม้จะรู้ว่าอามาเระไม่ได้เป็นอะไร

แต่ทว่า..ภายในหัวใจของเลทิเซียก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี.. อีกทั้งชาร์ล็อตเองก็ไม่รู้ว่าตอนนี้จะมีทางช่วยจริงๆ ไหม..

“ฉันมัน…”

ในขณะที่เลทิเซียกำลังนอนอยู่บนพื้นนั้นเอง จู่ก็พลันมีเสียงอันสุขุมและอ่อนโยนดังขึ้นด้านข้าง

“เอ่อ.. เป็นอะไรหรือเปล่าคะ?”

พอเลทิเซียได้ยินแบบนั้นเธอก็ตกใจพร้อมกับดีดตัวถอยหลังไปหลายก้าวพร้อมกับเก็บจี้สีแดงเข้าไปทันที.. ด้านข้างมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งยองมองเธออยู่

เธอคนนี้มีผมสีดำกับเลทิเซียแท้ๆ .. แต่ผมนั้นดูเงางามไม่เหมือนผมสีดำของเลทิเซียกับไวท์เลยสักนิด

ใบหน้าของเธอ… เข้าขั้นน่าเกลียดน่ากลัวเลยก็ว่าได้.. เพราะใบหน้าของเธอครึ่งใบหน้าเป็นแผลเป็นถูกเผาตั้งแต่คางไปจนถึงใต้ดวงตา

แต่ดวงตาทั้งสองข้างนั้นงดงามราวกับเทพธิดาไม่มีผิด.. บางทีหากไม่มีแผลเป็นตรงไฟไหม้นั้นเธอคงสวยน่าดูเลยล่ะ

พอเห็นเลทิเซียตกใจเด็กผู้หญิงคนนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“อะ.. ข้าขอโทษ ข้าไม่ได้จะทำให้เจ้าตกใจจริงๆ นะ”

เธอรีบพูดขอโทษพร้อมกับใช้ผ้าสีขาวขึ้นมาพันใบหน้าที่มีแผลเป็นไฟไหม้เอาไว้..  เพราะเธอคิดว่าเลทิเซียกำลังกลัวใบหน้าที่อัปลักษณ์ของเธอ

แถมเลทิเซียในตอนนี้ก็ดูเหมือนเด็กอายุสิบกว่าปีเท่านั้นด้วย เวทมนตร์ที่ปกปิดรูปร่างนั้นหายไปพร้อมกับการปะทะกับภาพสะท้อนของเทพผู้สร้างแล้วล่ะนะ

แต่น่าเสียดายที่ของแบบนั้นไม่ได้ทำให้เลทิเซียกลัวหรอก เพราะที่เลทิเซียแสดงท่าทางแบบนี้ออกมามันแทบเป็นสัญชาตญาณเอาตัวรอดของเธอแล้ว

แต่หญิงสาวคนนั้นก็เหมือนจะมีความคิดของตัวเองน่าดู เพราะเธอเห็นที่ดวงตาเลทิเซียมีน้ำตาไหลอู่ด้วย

“อ่า.. ข้าไม่ได้ต้องการจะทำให้เจ้ากลัวนะ ข้าขอโทษ เพราะงั้นหยุดร้องไห้เถอะนะ … จริงสิ ข้ามีดอกไม้นะ.. เจ้าต้องการไหม?”

“ฉันไม่ได้ร้องไห้”

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบพูดพร้อมกับเช็ดน้ำตาออกทันที.. หากยังร้องไห้แบบนี้มีหวังกลายเป็นคนขี้แยไปพอดีสิ..

พอเห็นเลทิเซียพูดแบบนั้น เธอก็เหมือนจะรู้ว่าควรจะพูดอะไรไม่ควรจะพูดอะไร….

“จ๊อกกกกกก”

แต่ในตอนนั้นเองท้องของเลทิเซียก็ร้องขึ้นมา.. ทำให้หญิงสาวไม่ทราบนามคนนั้นตกใจทันที เธอมองเลทิเซียด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“อืมมมม”

แน่นอนว่าเพราะก่อนหน้านี้เธอยังกินอาหารไม่เต็มอิ่มด้วยซ้ำ รีบออกมาเพราะความกังวลเสียก่อน

ทำให้ท้องยังไม่เต็ม แถมยังต้องใช้พลังงานอย่างมากในการข้ามเวลาแต่ละครั้งจึงไม่แปลกที่จะท้องว่าง

อีกอย่างแม้เลทิเซียจะไม่จำเป็นต้องกินหรือดื่มก็ไม่ตายก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าท้องของเธอนั้นต้องเต็มอิ่มอยู่เสมอ

ที่ทำให้เธอไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มเพราะเลือดเธอไม่ต้องการสิ่งที่เรียกว่าสารอาหารเพื่อหล่อเลี้ยงแล้ว เพราะเลือดนั้นมันจะอยู่ในสภาพสมบูรณ์ตลอดอยู่แล้วนั่นเอง

ดังนั้นแม้จะไม่จำเป็นต้องหิว.. แต่หากไม่อยากท้องร้องก็ต้องกินด้วยนะ

“เจ้าหิวงั้นสินะ.. มาบ้านข้าสิ เดี๋ยวข้าแบ่งอะไรให้กิน แถมดูเจ้าตอนนี้สิ”

อีกฝ่ายมองเลทิเซียด้วยสายตาจ้องลึก.. เลทิเซียในตอนนี้สวมเสื้อผ้าที่ไม่เหมาะกับขนาดตัว นั่นก็แน่นอนเพราะว่าก่อนหน้าเลทิเซียขยายร่างเพื่อหลอกตาชาร์ล็อต

แต่พอตอนนี้กลับเป้นร่างปกติของเธอเองชุดเลยไม่เหมาะกับตัวเธอ ไม่เพียงแค่นั้น ชุดของเธอยังขาดๆ เกินๆ ราวกับหลุดมาจากสลัมที่ไหนสักแห่งเลยงั้นแหละ

ถ้าหากมีปลอกคอด้วย.. เธอคงคิดว่าเลทิเซียเป็นทาสหลบหนีแล้วล่ะ.. แถมเนื้อตัวยังมอมแมมอีกต่างหาก

เลทิเซียที่ได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้ว เธอในตอนนี้ยังไม่รู้สถานการณ์เลยว่าเธออยู่ที่ไหนช่วงเวลาใด

แต่ที่มั่นใจคือเธอไม่ได้หลุดไปโลกอื่นแน่นอนเพราะว่าเส้นเวลาที่เธอถูกพัดมานั้นเป็นโลกเดิมแน่นอน

แค่ไม่รู้ว่าเป็นที่ไหนเท่านั้นแหละ.. ทางที่ดีตอนนี้ควรจะหาที่ไหนปักหลักสักแห่งสักก่อน.. แล้วก็ต้องวางแผนรับมือด้วยสิ

แต่การหลีกเลี่ยงพบปะกับคนอื่นจะดีกว่านะ..

“ไม่สิ.. คิดสิตัวฉันคิดสิ.. หากตามที่อาจารย์ชิสุว่ามาเป็นความจริงแล้วละก็.. มีอีกวิธีหนึ่งนี่ที่ยังไม่ได้ลอง.. วิธีที่อ้างอิงมาจาก ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีกน่ะ”

เลทิเซียคิดแบบนั้น บางทีหากสร้างพันธมิตรหรือแปรเปลี่ยนอะไรเล็กๆ น้อยอาจจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีก็ได้

ทั้งตอนนี้ยังยืนยันไม่ได้ว่าเป็นในอดีตหรืออนาคตด้วยสิ.. ทางทีดี..

“อืม.. เข้าใจแล้ว”

เลทิเซียพยักหน้าตอบตกลงทันที.. แม้จะควบคุมไม่ได้แต่ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่นแล้วก็ต้องมาลองกันสักตั้งแล้วกัน

“งั้นตกลงตามนี้ กลับบ้านกันเถอะ ฮึบ”

เธอกล่าวแบบนั้นพร้อมกับยกถังน้ำขึ้นแล้วก็เดินนำเลทิเซียไปทางหมู่บ้านแห่งหนึ่ง.. เลทิเซียเห็นอีกฝ่ายดูท่าจะหนักเลยไม่ได้ชวนคุย

เพราะถังที่ใส่น้ำก็ไม่ใช่เล็กๆ .. แต่พอยิ่งมองเธอก็ยิ่งรู้สึกอึดอัด เพราะทุกครั้งที่เธอก้าวขาไปข้างหน้าน้ำที่อยู่ในถังก็หกออก

จนแทบจะหมดแล้ว เลทิเซียถึงจะไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเป็นคนใจดีเหมือนอยู่ในโรงเรียนแล้ว แต่อาจจะเป็นเพราะการแสดงแบบนั้น

มันทำให้เธอเปลี่ยนไป.. หรืออาจจะเพราะแต่แรกเดิมทีเลทิเซียไม่ใช่คนใจจืดใจดำแต่แรกแล้ว.. เลทิเซียถอนหายใจก่อนจะพูดขึ้น

“เดี๋ยวฉันช่วย”

เธอเดินไปยกถังออกจากมือของอีกฝ่าย แต่เหมือนทางนั้นจะปฏิเสธ

“เอ.. เอ๊ะ ?… ไม่เป็นไ— ว้าว ไม่หนักเลยงั้นเหรอคะ?”

แต่พอเห็นเลทิเซียยกขึ้นแบบสบายๆ ดวงตาของเธอก็เผยแววประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด เด็กคนนี้ตัวเล็กกว่าเธอซะอีก

แต่ยกถังน้ำที่เธอยกขึ้นได้อย่างทุลักทุเลง่ายๆ เลยเนี่ยนะ.. แถมไม่รู้ว่าตาฝาดไปเองไหมเหมือนน้ำในถังที่หกไปจะกลับมาเต็มเหมือนเดิมด้วย

“อ้อ.. มันคือเวทมนตร์น่ะ”

เลทิเซียพูดเบาๆ อันที่จริงร่างกายเธอในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องเสริมพลังด้วยเวทมนตร์แล้วล่ะ สาเหตุนั้นเป็นเพราะว่า ‘ทักษะ’ ที่เธอได้รับมานั้น

มันมีบางอันที่เพิ่มลักษณะทางกายภาพโดยตรง ทำให้ไม่แปลกที่เลทิเซียจะแข็งแรงอย่างที่เห็น.. ไม่เพียงแค่นั้นเลทิเซียยังใช้เวทเติมน้ำกลับมาเต็มถังให้อีกด้วย

“ว้าว.. เจ้าใช้เวทมนตร์เป็นด้วยเหรอเนี่ย?”

พอเลทิเซียได้ยินแบบนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย.. เวทมนตร์คือศาสตร์ที่มนุษย์ใช้ในชีวิตประจำวันจนเป็นเหมือนเรื่องปกติ

นั่นแน่นอนว่ารวมถึงเด็กบ้านนอกเช่นกัน แม้จะมีคนใช้เวทมนตรืง์ไม่เป็นอยู่บ้างก็จริง.. แต่ทุกๆ หมู่บ้านจะมีสถานที่ฝึกสอนฝึกหัดอยู่

ทำให้เด็กๆ ทุกคนมีโอกาสเข้าถึงเวทมนตร์ได้.. แต่จากคำพูดของเด็กคนนี้หมายความว่า.. สถานที่ฝึกสอนฝึกหัดยังไม่มีสินะ

จากการศึกษาประวัติศาสตร์มา สถานที่ฝึกสอนฝึกหัดนี้ได้รับการสนับสนุนโดยองค์การของราชาที่ประกาศออกมาโดยตรง

ซึ่งองค์การนี้เผยแพร่ออกมาครั้งแรกเมื่อประมาณสองร้อยปีก่อนปัจจุบัน.. ซึ่งแพร่หลายในปัจจุบัน.. หมายความว่า..

ตอนนี้อาจจะเป็นช่วงสองร้อยปีก่อน..หรือประมาณนั้นสินะ..

“มีอะไรเหรอ?”

“เปล่าหรอก..”

อีกฝ่ายถามเลทิเซียแต่เลทิเซียก็ปฏิเสธ เด็กผู้หญิงคนนั้นก็พูดขึ้นว่า

“จริงสิ ว่าแต่เจ้าชื่ออะไรเหรอ?”

“ฉันเหรอ..”

เลทิเซียคิดอยู่ครู่หนึ่ง คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกมั้งนะ..

“ฉันชื่อเลทิเซีย”

“อ่า.. เลทิเซียงั้นเหรอ? ยินดีที่ได้รู้จักนะเลทิเซีย ข้าชื่อว่า เวโรเน่ ยินดีที่ได้รู้จักนะ”

พอได้ยินแบบนั้นหนังตาเลทิเซียกระตุกเล็กน้อย หันไปหาเวโรเน่

“เวโรเน่งั้นเหรอ?”

“ใช่แล้ว ทำไมเหรอ”

“อ้ะ.. เปล่าหรอก ชื่อเหมือนคนรู้จักฉันน่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+