การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 383

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 383 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 383 – ขโมยวิญญาณ!

 

อีฟรีบวิ่งเข้ามาดูเลทิเซียด้วยความเป็นห่วงและความสับสน เธอมาจับแขนเลทิเซียเอาไว้กลัวว่าเลทิเซียจะหน้ามืด

แม้จะเห็นว่าร่างของเลทิเซียในตอนนี้ไม่ซีดแล้ว แต่เธอไม่ใช่เมอร์สันหรือนับสู้ผู้เก่งกาจ เธอรู้เพียงแค่ว่าเมื่อครู่เลทิเซียดัดแปลงอะไรบางอย่างกับสิ่งมีชีวิตเทียม

และหนึ่งในนั้นคือถ่ายเทเลือดตัวเองให้สิ่งมีชีวิตเทียม… อีฟเธอพูดขึ้นด้วยความสับสนว่า…

“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”

เลทิเซียไม่ได้ให้อีฟช่วยพยุง เพราะเธอไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้น เธอยืนเองได้อย่างง่ายดายก่อนที่จะพูดตอบอีฟ

“ไม่ต้องห่วง… ฉันลองเอาเลือดตัวเองและลองปรับแต่ง DNA ให้เหมือนกับฉันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดูน่ะ ว่ามันจะมีชีวิตขึ้นมาได้หรือเปล่า… แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ดี.. แสดงว่าเป็นเพราะแบบนั้นจริงๆ สินะ”

เลทิเซียถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายเล็กน้อย อันที่จริงเธอคิดว่าในตอนแรกการสร้างร่างกายที่ไม่ผ่านเงื่อนไข บิดาและมารดา

มันเลยทำให้กฎโลกกำหนดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ไม่มีเหตุแน่นอนว่าเพราะแบบนั้นจึงไม่มีผลลัพธ์ที่ตัวตนของสิ่งมีชีวิตนี้จะดำรงอยู่

อย่างที่อาจารย์ชิสุได้เคยพูดไว้จริงๆ ด้วย.. สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนมีบิดามารดา ยกเว้นเผ่าอสูรที่มีและผลในการดำรงอยู่เพื่อเจอฉากจบตามประวัติศาสตร์

ซึ่งสิ่งมีชีวิตอื่นจำเป็นต้องมีบิดาและมารดาให้กำเนิดเด็กขึ้นมา และนั่นคือเหตุที่ถูกสร้างขึ้นโดยบิดาและมารดา

ผลลัพธ์คือทำให้พวกเธอมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ได้นั่นเอง ถ้าหากไม่มีมารดาหรือบิดาก็เท่ากับว่าไม่มีผลลัพธ์ที่จะดำรงอยู่ในโลกนี้

หากไม่ฝืนกฎหรือเกณฑ์ของโลกใบนี้.. ซึ่งหากสามารถฝืนกฎและเกณฑ์ได้คนคนนั้นคงมีพลังระดับที่สามารถถือครองพลังผู้กล้าได้สองคนแบบน้องสาวในโลกเดิมเลทิเซียเลยล่ะ

หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ..

แต่อันที่จริงเลทิเซียก็พอจะเดาได้แต่แรกแล้วละนะ.. เธอแค่อยากจะลองดูหลายๆ วิธีเฉยๆ เท่านั้นแหละ

เพราะตามที่อาจารย์ชิสุบอกนั่นแหละว่า เหตุและผลหรือชะตากรรมเป็นกฎแห่งความเป็นจริงที่น่ากลัวอย่างมาก

กล่าวคือหากไม่มีต้นเหตุเกิดขึ้น ผลลัพธ์ย่อมไม่เกิดเช่นกัน แต่ว่า.. ในตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเธอทบทวนกับความคิดตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้คำตอบบางอย่างที่แน่ชัดมาในที่สุด

หากผลลัพธ์จะไม่เกิดตราบใดที่ไม่มีต้นเหตุแล้วละก็นะ… เลทิเซียเพียงแค่ทำให้ต้นเหตุดังกล่าวไม่เหมือนเดิมแต่ยังทำให้มีผลลัพธ์ดังเดิมก็พอ

กล่าวคือหากต้นเหตุคือบิดาและมารดามีลูกกัน.. ก็ลองมองลึกลงไปอีกว่า ทำไมคนถึงมีลูกกันได้ เพราะมีเพศสัมพันธ์กัน?

แล้วลึกกว่านั้นอีกทีละ.. คือการที่ผู้หญิงตกไข่และอสุจิไปปฏิสนธิกันและจะก่อเกิดเป็นชีวิต.. ใช่แล้ว.. เธอเพียงแค่เริ่มตั้งแต่จุดนั้น…..

ฟังดูเหมือนปกติ แต่สุดท้ายก็คือการฝืนกฎของโลกก็จริง… แต่ทว่า…

เลทิเซียเดินไปยังที่ควบคุมหลอดแก้วก่อนที่จะกดปุ่มหนึ่งที่ทำให้เซลล์ต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ของเหลวในหลอดแก้วมีฟองโผล่ออกมาจากด้านในอย่างดุเดือด ก่อนที่สิ่งมีชีวิตเทียมตรงหน้าจะเริ่มสลายไปช้าๆ

ในตอนนี้คนอื่นก็เดินเข้ามาเห็นพอดีเช่นกัน ทุกคนต่างอ้าปากค้าง การที่จะทำให้เซลล์ไม่ตายทันทีที่มีชีวิตพวกเขาใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำสำเร็จ

และไม่รู้ว่าหากต้องสร้างขึ้นใหม่ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ทุกคนต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความสับสน

อีฟอยู่ใกล้ที่สุดเธอเดินไปดึงแขนเลทิเซียเอาไว้

“นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ?!เจ้าจะทำลายผลงานที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเพราะว่าทดลองไม่สำเร็จงั้นเหรอ?!?”

เธอแสดงความโกรธอย่างเห็นได้ชัด.. เลทิเซียเองก็ไม่ได้อธิบายทันทีเธอจ้องมองไปยังหลอดแก้วเหมือนเดิม

นักวิจัยคนอื่นเดิมเข้ามาพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความโกรธ

“นี่เจ้าทำบ้าอะไร”

“คิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมาคนเดียวหรือไงกัน?”

“คนที่ทำผิกดต้องโดนกักขังในคุกปีหนึ่งเพื่อสำนึกผิดในนั้น!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายดังขึ้น พวกเขาเป็นนักวิจัยที่แทบจะไม่เคยเห็นพวกเขาใช้อารมณ์เลย

เพราะนักวิจัยต้องมีความยืดหยุ่นและใจเย็นคอยวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น.. แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป

พวกเขาแสดงความโกรธออกมาเพราะอย่างไรซะ นี่คือผลงานที่พวกเขาใช้เวลานานแรมปีสร้างขึ้นมา … ก่อนที่เลทิเซียจะเข้ามาด้วยซ้ำ

แต่กลับถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตาแบบนี้

แต่ในตอนนั้นเองฟองอากาศในหลอดแก้วค่อยๆ หายไป เพราะอีฟอยู่ใกล้สุดเธอจึงหันไปเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก่อนใครเพื่อน

“นั่นมัน… อะไร…?”

เสียงคำพูดของอีฟทำให้ทุกคนหันเหไปสนใจกันโดยพร้อมเพรียง.. ภายในหลอดแก้วไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตอีกต่อไป!

แต่ทว่าในนั้นกลับมี… บางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แน่นอนว่ามันคือมดลูกเทียมนั่นเอง..

และราวกับพวกเขากำลังมองเห็นคือเหมือนกับว่าภายในมดลูกนั้นได้สร้างตัวอ่อนขึ้นมาสำเร็จแล้ว.. และมองเห็นได้ว่าเป็นเซลล์กำลังเคลื่อนที่ไปตามท่อนำไข่

และเซลล์ที่ปกติจะตายลงทันทีหากมีอยู่จำนวนน้อยนิด แต่คราวนี้ราวกับมันได้มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะ… แยกตัวได้และเพิ่มจำนวนเซลล์!

“สำเร็จแล้ว!”

แม้แต่เลทิเซียที่ไม่ใช่คนดีใจออกนอกหน้านอกตา พอเห็นหนทางที่จะช่วยเพื่อนแล้วแบบนี้เธอก็กำหมัดพร้อมกับพึมพำด้วยความตื่นเต้น

อีฟที่ได้ยินเลทิเซียพูดแบบนั้นเธอก็สับสนเล็กน้อย..

“นี่มันหมายความว่าไงเหรอ..?”

เลทิเซียเองก็ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง.. ก่อนจะที่จะยกนิ้วขึ้นและอธิบายสิ่งที่เธอต้องการจะทำ..

เพราะว่าการที่พวกเขาสร้างร่างกายตั้งแต่แรกแล้วทำให้ร่างกายไม่มีชีวิต พวกเราจึงต้องเริ่มตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การปฏิสนธิ

ท้องก่อนจะคลอดตามปกติใช้เวลาประมาณเก้าเดือน และสิ่งที่เลทิเซียทำคือสร้างมดลูกเทียมที่เหมาะแก่การเติบโตของสิ่งมีชีวิตขึ้นมา

เพียงแค่นี้กระบวนการทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นในรูปแบบเดียวกับ ‘บิดามารดาสร้างเด็ก’ นั่นเอง และท้ายที่สุดก็จะสร้างเด็กขึ้นมาสำเร็จ

แต่อย่างที่บอกกฎโลกไม่ได้ยืดหยุ่นขนาดนั้น เลทิเซียเดาว่าสาเหตุหลักที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเทียมไม่มีชีวิตขึ้นมาเพราะ…

มันไม่มีวิญญาณ!วิญญาณที่เปรียบเหมือนเนื้อแท้ของมนุษย์เพราะการสร้างร่างกายขึ้นมาแบบทันที คงไม่สามารถดึงดูดวิญญาณเข้ามาสู่ร่างได้

วิญญาณตามที่อาจารย์ชิสุเคยบอกคือ วิญญาณไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่หรือทำลายลงได้ กล่าวคือหากมีคนตายก็จะไปชำระวิญญาณและรอวันมาเกิดใหม่

และต่อให้สามารถบรรจุวิญญาณใหม่ลงร่างของคนที่เติบโตแล้วมันก็จะกลายเป็นว่าเป็นทารกในร่างผู้ใหญ่ไปด้วยนั่นเอง..

ซึ่งคงจะมีฉากสิ่งมีชีวิตเทียมนั่งร้องห่มร้องไห้.. ซึ่งคงดูไม่ดี ดังนั้นสิ่งที่เลทิเซียจะทำคือเริ่มตั้งแต่ 1 อย่างแท้จริง…

เริ่มตั้งแต่เป็นทารกและค่อยๆ เติบโตขึ้นมา อันที่จริงเรื่องนี้เลทิเซียไปคุยกับเมอร์สันไว้แล้วแหละ.. เพราะนี่เป็นข้อตกลงของเธอกับเมอร์สัน

อีฟที่ได้ฟังแบบนั้นก็แย้งขึ้นมา

“แต่ว่านะ.. ถึงจะทำแบบนั้นไป ก็ไม่ได้แปลว่าวิญญาณจะมาสู่ร่างทารกนี้สักหน่อย.. เพราะหากเป็นตามที่เจ้าว่ามาจริงแล้วละก็ สุดท้ายวิธีจำลองมดลูกแบบนี้มันก็เป็นการแหกกฎโลกรูปแบบหนึ่งอยู่ดี เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ว่าทำให้ไข่และอสุจิปฏิสนธิกันก็มีเหตุมาจาก ผู้ชายและผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กันอยู่ดีนี่น่า?”

“ถูกต้อง… เพราะงั้นหลังจากนี้ฉันมีเรื่องต้องไปทำยังไงล่ะ.. เพราะงั้นการดูแลทารกในครรภ์นี้ต้องให้พวกเธอดูแลแทน”

เลทิเซียไม่ปฏิเสธกลับกันเธอก็ยอมรับว่าเป็นตามนั้น.. เพราะหลังจากนี้คือสิ่งที่มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้บนทวีปแห่งนี้..

ใช่แล้ว.. วิญญาณที่ผ่านปรโลกชำระวิญญาณแล้วจะถูกส่งไปยังทะเลวิญญาณ สถานที่ที่เลทิเซียเคยไปปรากฏตัวอยู่

และพอมันจะถือกำเนิดมันจะถูกส่งมายังแดนเทพ.. เพื่อให้เหล่าเทพมอบทักษะให้.. สำหรับเลทิเซียแม้ไม่มั่นใจว่าจะสามารถบุกไปยังทะเลวิญญาณได้หรือเปล่าก็ตามแต่…

แต่.. เธอคิดว่าตัวเองนั้นสามารถแอบฉกเอาวิญญาณจากเทพธิดาบนแดนเทพลงมาโดยที่เทพธิดาไม่รู้ตัวได้!

ใช่แล้ว.. ที่เลทิเซียจะทำก็คือการ…

ขโมยวิญญาณมาจากเทพธิดา!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม 383

Now you are reading การถือกำเนิดจอมมารผู้เหนือโลกที่สิบสาม Chapter 383 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 383 – ขโมยวิญญาณ!

 

อีฟรีบวิ่งเข้ามาดูเลทิเซียด้วยความเป็นห่วงและความสับสน เธอมาจับแขนเลทิเซียเอาไว้กลัวว่าเลทิเซียจะหน้ามืด

แม้จะเห็นว่าร่างของเลทิเซียในตอนนี้ไม่ซีดแล้ว แต่เธอไม่ใช่เมอร์สันหรือนับสู้ผู้เก่งกาจ เธอรู้เพียงแค่ว่าเมื่อครู่เลทิเซียดัดแปลงอะไรบางอย่างกับสิ่งมีชีวิตเทียม

และหนึ่งในนั้นคือถ่ายเทเลือดตัวเองให้สิ่งมีชีวิตเทียม… อีฟเธอพูดขึ้นด้วยความสับสนว่า…

“เจ้าทำอะไรของเจ้า?”

เลทิเซียไม่ได้ให้อีฟช่วยพยุง เพราะเธอไม่ได้เป็นปัญหาขนาดนั้น เธอยืนเองได้อย่างง่ายดายก่อนที่จะพูดตอบอีฟ

“ไม่ต้องห่วง… ฉันลองเอาเลือดตัวเองและลองปรับแต่ง DNA ให้เหมือนกับฉันมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ดูน่ะ ว่ามันจะมีชีวิตขึ้นมาได้หรือเปล่า… แต่ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ดี.. แสดงว่าเป็นเพราะแบบนั้นจริงๆ สินะ”

เลทิเซียถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดายเล็กน้อย อันที่จริงเธอคิดว่าในตอนแรกการสร้างร่างกายที่ไม่ผ่านเงื่อนไข บิดาและมารดา

มันเลยทำให้กฎโลกกำหนดว่าสิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ไม่มีเหตุแน่นอนว่าเพราะแบบนั้นจึงไม่มีผลลัพธ์ที่ตัวตนของสิ่งมีชีวิตนี้จะดำรงอยู่

อย่างที่อาจารย์ชิสุได้เคยพูดไว้จริงๆ ด้วย.. สิ่งมีชีวิตทุกอย่างล้วนมีบิดามารดา ยกเว้นเผ่าอสูรที่มีและผลในการดำรงอยู่เพื่อเจอฉากจบตามประวัติศาสตร์

ซึ่งสิ่งมีชีวิตอื่นจำเป็นต้องมีบิดาและมารดาให้กำเนิดเด็กขึ้นมา และนั่นคือเหตุที่ถูกสร้างขึ้นโดยบิดาและมารดา

ผลลัพธ์คือทำให้พวกเธอมีตัวตนอยู่บนโลกนี้ได้นั่นเอง ถ้าหากไม่มีมารดาหรือบิดาก็เท่ากับว่าไม่มีผลลัพธ์ที่จะดำรงอยู่ในโลกนี้

หากไม่ฝืนกฎหรือเกณฑ์ของโลกใบนี้.. ซึ่งหากสามารถฝืนกฎและเกณฑ์ได้คนคนนั้นคงมีพลังระดับที่สามารถถือครองพลังผู้กล้าได้สองคนแบบน้องสาวในโลกเดิมเลทิเซียเลยล่ะ

หรืออาจจะมากกว่านั้นด้วยซ้ำ..

แต่อันที่จริงเลทิเซียก็พอจะเดาได้แต่แรกแล้วละนะ.. เธอแค่อยากจะลองดูหลายๆ วิธีเฉยๆ เท่านั้นแหละ

เพราะตามที่อาจารย์ชิสุบอกนั่นแหละว่า เหตุและผลหรือชะตากรรมเป็นกฎแห่งความเป็นจริงที่น่ากลัวอย่างมาก

กล่าวคือหากไม่มีต้นเหตุเกิดขึ้น ผลลัพธ์ย่อมไม่เกิดเช่นกัน แต่ว่า.. ในตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาเธอทบทวนกับความคิดตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนได้คำตอบบางอย่างที่แน่ชัดมาในที่สุด

หากผลลัพธ์จะไม่เกิดตราบใดที่ไม่มีต้นเหตุแล้วละก็นะ… เลทิเซียเพียงแค่ทำให้ต้นเหตุดังกล่าวไม่เหมือนเดิมแต่ยังทำให้มีผลลัพธ์ดังเดิมก็พอ

กล่าวคือหากต้นเหตุคือบิดาและมารดามีลูกกัน.. ก็ลองมองลึกลงไปอีกว่า ทำไมคนถึงมีลูกกันได้ เพราะมีเพศสัมพันธ์กัน?

แล้วลึกกว่านั้นอีกทีละ.. คือการที่ผู้หญิงตกไข่และอสุจิไปปฏิสนธิกันและจะก่อเกิดเป็นชีวิต.. ใช่แล้ว.. เธอเพียงแค่เริ่มตั้งแต่จุดนั้น…..

ฟังดูเหมือนปกติ แต่สุดท้ายก็คือการฝืนกฎของโลกก็จริง… แต่ทว่า…

เลทิเซียเดินไปยังที่ควบคุมหลอดแก้วก่อนที่จะกดปุ่มหนึ่งที่ทำให้เซลล์ต่างๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง

ของเหลวในหลอดแก้วมีฟองโผล่ออกมาจากด้านในอย่างดุเดือด ก่อนที่สิ่งมีชีวิตเทียมตรงหน้าจะเริ่มสลายไปช้าๆ

ในตอนนี้คนอื่นก็เดินเข้ามาเห็นพอดีเช่นกัน ทุกคนต่างอ้าปากค้าง การที่จะทำให้เซลล์ไม่ตายทันทีที่มีชีวิตพวกเขาใช้เวลาหลายปีกว่าจะทำสำเร็จ

และไม่รู้ว่าหากต้องสร้างขึ้นใหม่ต้องใช้เวลานานแค่ไหน ทุกคนต่างพากันเบิกตากว้างด้วยความสับสน

อีฟอยู่ใกล้ที่สุดเธอเดินไปดึงแขนเลทิเซียเอาไว้

“นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ?!เจ้าจะทำลายผลงานที่พวกเราร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเพราะว่าทดลองไม่สำเร็จงั้นเหรอ?!?”

เธอแสดงความโกรธอย่างเห็นได้ชัด.. เลทิเซียเองก็ไม่ได้อธิบายทันทีเธอจ้องมองไปยังหลอดแก้วเหมือนเดิม

นักวิจัยคนอื่นเดิมเข้ามาพร้อมวิพากษ์วิจารณ์ด้วยความโกรธ

“นี่เจ้าทำบ้าอะไร”

“คิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นมาคนเดียวหรือไงกัน?”

“คนที่ทำผิกดต้องโดนกักขังในคุกปีหนึ่งเพื่อสำนึกผิดในนั้น!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายดังขึ้น พวกเขาเป็นนักวิจัยที่แทบจะไม่เคยเห็นพวกเขาใช้อารมณ์เลย

เพราะนักวิจัยต้องมีความยืดหยุ่นและใจเย็นคอยวิเคราะห์ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น.. แต่ครั้งนี้กลับต่างออกไป

พวกเขาแสดงความโกรธออกมาเพราะอย่างไรซะ นี่คือผลงานที่พวกเขาใช้เวลานานแรมปีสร้างขึ้นมา … ก่อนที่เลทิเซียจะเข้ามาด้วยซ้ำ

แต่กลับถูกทำลายลงต่อหน้าต่อตาแบบนี้

แต่ในตอนนั้นเองฟองอากาศในหลอดแก้วค่อยๆ หายไป เพราะอีฟอยู่ใกล้สุดเธอจึงหันไปเห็นความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวก่อนใครเพื่อน

“นั่นมัน… อะไร…?”

เสียงคำพูดของอีฟทำให้ทุกคนหันเหไปสนใจกันโดยพร้อมเพรียง.. ภายในหลอดแก้วไม่ได้มีสิ่งมีชีวิตอีกต่อไป!

แต่ทว่าในนั้นกลับมี… บางสิ่งบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน แน่นอนว่ามันคือมดลูกเทียมนั่นเอง..

และราวกับพวกเขากำลังมองเห็นคือเหมือนกับว่าภายในมดลูกนั้นได้สร้างตัวอ่อนขึ้นมาสำเร็จแล้ว.. และมองเห็นได้ว่าเป็นเซลล์กำลังเคลื่อนที่ไปตามท่อนำไข่

และเซลล์ที่ปกติจะตายลงทันทีหากมีอยู่จำนวนน้อยนิด แต่คราวนี้ราวกับมันได้มีความแข็งแรงเพียงพอที่จะ… แยกตัวได้และเพิ่มจำนวนเซลล์!

“สำเร็จแล้ว!”

แม้แต่เลทิเซียที่ไม่ใช่คนดีใจออกนอกหน้านอกตา พอเห็นหนทางที่จะช่วยเพื่อนแล้วแบบนี้เธอก็กำหมัดพร้อมกับพึมพำด้วยความตื่นเต้น

อีฟที่ได้ยินเลทิเซียพูดแบบนั้นเธอก็สับสนเล็กน้อย..

“นี่มันหมายความว่าไงเหรอ..?”

เลทิเซียเองก็ครุ่นคิดสักพักหนึ่ง.. ก่อนจะที่จะยกนิ้วขึ้นและอธิบายสิ่งที่เธอต้องการจะทำ..

เพราะว่าการที่พวกเขาสร้างร่างกายตั้งแต่แรกแล้วทำให้ร่างกายไม่มีชีวิต พวกเราจึงต้องเริ่มตั้งแต่ต้น ตั้งแต่การปฏิสนธิ

ท้องก่อนจะคลอดตามปกติใช้เวลาประมาณเก้าเดือน และสิ่งที่เลทิเซียทำคือสร้างมดลูกเทียมที่เหมาะแก่การเติบโตของสิ่งมีชีวิตขึ้นมา

เพียงแค่นี้กระบวนการทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นในรูปแบบเดียวกับ ‘บิดามารดาสร้างเด็ก’ นั่นเอง และท้ายที่สุดก็จะสร้างเด็กขึ้นมาสำเร็จ

แต่อย่างที่บอกกฎโลกไม่ได้ยืดหยุ่นขนาดนั้น เลทิเซียเดาว่าสาเหตุหลักที่ทำให้สิ่งมีชีวิตเทียมไม่มีชีวิตขึ้นมาเพราะ…

มันไม่มีวิญญาณ!วิญญาณที่เปรียบเหมือนเนื้อแท้ของมนุษย์เพราะการสร้างร่างกายขึ้นมาแบบทันที คงไม่สามารถดึงดูดวิญญาณเข้ามาสู่ร่างได้

วิญญาณตามที่อาจารย์ชิสุเคยบอกคือ วิญญาณไม่สามารถสร้างขึ้นใหม่หรือทำลายลงได้ กล่าวคือหากมีคนตายก็จะไปชำระวิญญาณและรอวันมาเกิดใหม่

และต่อให้สามารถบรรจุวิญญาณใหม่ลงร่างของคนที่เติบโตแล้วมันก็จะกลายเป็นว่าเป็นทารกในร่างผู้ใหญ่ไปด้วยนั่นเอง..

ซึ่งคงจะมีฉากสิ่งมีชีวิตเทียมนั่งร้องห่มร้องไห้.. ซึ่งคงดูไม่ดี ดังนั้นสิ่งที่เลทิเซียจะทำคือเริ่มตั้งแต่ 1 อย่างแท้จริง…

เริ่มตั้งแต่เป็นทารกและค่อยๆ เติบโตขึ้นมา อันที่จริงเรื่องนี้เลทิเซียไปคุยกับเมอร์สันไว้แล้วแหละ.. เพราะนี่เป็นข้อตกลงของเธอกับเมอร์สัน

อีฟที่ได้ฟังแบบนั้นก็แย้งขึ้นมา

“แต่ว่านะ.. ถึงจะทำแบบนั้นไป ก็ไม่ได้แปลว่าวิญญาณจะมาสู่ร่างทารกนี้สักหน่อย.. เพราะหากเป็นตามที่เจ้าว่ามาจริงแล้วละก็ สุดท้ายวิธีจำลองมดลูกแบบนี้มันก็เป็นการแหกกฎโลกรูปแบบหนึ่งอยู่ดี เพราะสุดท้ายแล้วผลลัพธ์ที่ว่าทำให้ไข่และอสุจิปฏิสนธิกันก็มีเหตุมาจาก ผู้ชายและผู้หญิงมีเพศสัมพันธ์กันอยู่ดีนี่น่า?”

“ถูกต้อง… เพราะงั้นหลังจากนี้ฉันมีเรื่องต้องไปทำยังไงล่ะ.. เพราะงั้นการดูแลทารกในครรภ์นี้ต้องให้พวกเธอดูแลแทน”

เลทิเซียไม่ปฏิเสธกลับกันเธอก็ยอมรับว่าเป็นตามนั้น.. เพราะหลังจากนี้คือสิ่งที่มีเพียงแค่เธอเท่านั้นที่ทำได้บนทวีปแห่งนี้..

ใช่แล้ว.. วิญญาณที่ผ่านปรโลกชำระวิญญาณแล้วจะถูกส่งไปยังทะเลวิญญาณ สถานที่ที่เลทิเซียเคยไปปรากฏตัวอยู่

และพอมันจะถือกำเนิดมันจะถูกส่งมายังแดนเทพ.. เพื่อให้เหล่าเทพมอบทักษะให้.. สำหรับเลทิเซียแม้ไม่มั่นใจว่าจะสามารถบุกไปยังทะเลวิญญาณได้หรือเปล่าก็ตามแต่…

แต่.. เธอคิดว่าตัวเองนั้นสามารถแอบฉกเอาวิญญาณจากเทพธิดาบนแดนเทพลงมาโดยที่เทพธิดาไม่รู้ตัวได้!

ใช่แล้ว.. ที่เลทิเซียจะทำก็คือการ…

ขโมยวิญญาณมาจากเทพธิดา!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+