การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 117 อดีตของจิงเจ้อหรง

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 117 อดีตของจิงเจ้อหรง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 117 อดีตของจิงเจ้อหรง

บทที่ 117 อดีตของจิงเจ้อหรง

เมื่อได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรง ถังซวงพยักหน้าเข้าใจทันที “เข้าใจแล้วค่ะ ต้องรบกวนคุณจิงด้วยนะคะ”

เมื่อได้ยินเธอเรียกว่าคุณจิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เมื่อกี้เธอยังเรียกฉันว่าลุงอยู่เลย ทำไมเธอถึงเรียกฉันว่าคุณอีกแล้วล่ะ ฉันคิดว่าคุณลุงฟังดูดีกว่านะ”

“ค่ะ ลุงจิง”

ถังซวงเปลี่ยนคำพูดของเธออย่างไม่อิดออด

เมื่อได้ยินลูกสาวของเธอเรียกจิงเจ้อหรงว่าลุง เฮ่อหลานก็หันมองจิงเจ้อหรงโดยไม่รู้ตัว ทันใดนั้นดวงตาของอีกฝ่ายก็มองมาเหมือนกัน ทำให้ทั้งสองบังเอิญสบตากัน จู่ ๆ ใบหน้าของเฮ่อหลานก็เปลี่ยนเป็นสีแดงในทันที เหตุการณ์ก่อนหน้าที่จิงเจ้อหรงบอกทุกคนว่าเขาเป็นคนรักของเธอก็ผ่านเข้ามาในความคิดอีกครั้ง

แต่ในไม่ช้า เฮ่อหลานก็พยายามไม่นึกถึงมัน

จิงเจ้อหรงเสียสละตัวเองเพื่อช่วยเธอจากสือจีสูแท้ ๆ เธอจะต้องไม่สร้างปัญหาให้เขาเด็ดขาด หญิงสาวจึงรีบเอ่ยขอบคุณจิงเจ้อหรงทันที “คุณจิงคะ เหตุการณ์ก่อนหน้านี้ขอบคุณมากนะคะ ถ้าคุณไม่มา สือจีสูและคนอื่น ๆ ก็คงรังแกพวกเราต่อไปแน่”

“คุณเฮ่อ ความจริงแล้วสิ่งที่ผมเพิ่งพูดไปก็ค่อนข้างเป็นเรื่องใหญ่อยู่ เพราะแบบนั้น… คุณ…พอจะให้โอกาสผมได้ไหมครับ?”

ครั้งล่าสุดที่เขาได้รับบาดเจ็บ ชายหนุ่มรู้ตัวดีว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเฮ่อหลานมันเปลี่ยนไป กลายเป็นความประทับใจ เดิมทีเขาวางแผนที่จะใช้เวลาในวันหยุดจัดการกับเรื่องอื่น แต่เมื่อเขาเห็นท่าทีของสือจีสู จิงเจ้อหรงก็ทนไม่ไหวที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวในเรื่องนี้ และประกาศออกไปโดยตรงว่าเป็นคนรักของเฮ่อหลาน

ในเมื่อพูดออกไปแล้ว ก็ไม่มีเจตนาที่จะคืนคำ ดังนั้นเขาจึงแสดงความรู้สึกอย่างตรงไปตรงมา

“คุณจิง นี่คุณ… คุณ…”

เฮ่อหลานตกใจมากจนเธอพูดไม่ออก จากนั้นใบหน้าก็แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เธอหลบสายตาของจิงเจ้อหรง ก้มศีรษะลงมองปลายเท้าแล้วรีบถามว่า “คุณจิง คุณกินข้าวหรือยังคะ ฉันไปหาอะไรให้คุณกินก่อนนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็รีบวิ่งไปที่ครัว

เมื่อเห็นเฮ่อหลานรีบออกไปอย่างรวดเร็ว จิงเจ้อหรงก็ถอนหายใจอย่างเจื่อน ๆ

ดูเหมือนว่าเขายังต้องพยายามมากกว่านี้…

ในความเป็นจริง ไม่ต้องพูดถึงเฮ่อหลานเลย แม้แต่สองพี่น้องถังซวงกับถังเซวี่ยก็ยังตกตะลึง พวกเธอมองไปที่จิงเจ้อหรงด้วยสายตาไม่เชื่อ ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพูดอะไรเช่นนี้ออกมาเพราะแม่

โม่เจ๋อหยวนเองก็มองไปที่จิงเจ้อหรงด้วยความไม่เชื่อเช่นกัน และชะงักค้างไปครู่หนึ่ง

เมื่อเห็นท่าทางตกตะลึงของทั้งสามคน จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “มันเหลือเชื่อขนาดนั้นเลยหรือ? อันที่จริงคุณเฮ่อโดดเด่นจริง ๆ นะ โดดเด่นจนเปล่งประกายเลย”

เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงชื่นชมแม่ของเธออย่างตรงไปตรงมา ถังซวงมองเขาด้วยสายตาจริงจังแล้วถามว่า “ลุงจิง ฉันขอถามว่าคุณจริงจังใช่ไหมคะ?”

“แน่นอน ฉันจริงจัง ฉันอยากคุยกับคุณเฮ่อเรื่องแต่งงาน”

จิงเจ้อหรงรู้ว่าถังซวงไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา และรู้ด้วยว่าถ้าเขาต้องการจีบเฮ่อหลานจริง ๆ เขาต้องได้รับการยอมรับจากถังซวงและถังเซวี่ยเสียก่อน และคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาเองคงได้การยอมรับจากพวกเธอไม่มากก็น้อย

แม้ถังซวงจะเห็นแววตาจริงจังของจิงเจ้อหรง แต่เธอก็ไม่ปล่อยมันผ่านไปง่าย ๆ

“ลุงจิง แม้ว่าฉันจะเชื่อในตัวคุณ แต่ฉันก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับคุณเลยค่ะ ไม่รู้ด้วยว่าครอบครัวของคุณจะคิดยังไง เมื่อถึงเวลานั้นแล้วครอบครัวของคุณไม่ยอมรับขึ้นมา แบบนั้นคนเจ็บปวดที่สุดจะเป็นแม่ของฉัน ดังนั้นเรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของคุณคนเดียวเท่านั้นนะคะ”

ถังซวงมองไปที่จิงเจ้อหรงอย่างสงสัยและถามว่า “ลุงจิง ตอนนี้คุณโสดจริง ๆ หรือ? คนอย่างคุณไม่น่าขาดคนเข้าหานะคะ ทำไมยังโสดอยู่ล่ะ? คุณเคยแต่งงานมาก่อนหรือเปล่าคะ? หรือแต่งงานแล้ว หย่าแล้วหรือคะ?” แม้ว่าคำถามนี้จะไม่เหมาะสม แต่ถังซวงไม่ค่อยใส่ใจนักในเมื่อมันส่งผลถึงแม่ของเธอ เธอจึงต้องถามให้ชัดเจน

จิงเจ้อหรงได้ยินคำถามรัว ๆ ของเด็กสาวก็หัวเราะออกมา “ฉันโสดจริง ๆ และไม่เคยแต่งงานด้วย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงมองไปที่จิงเจ้อหรงอย่างสงสัย

ผู้ชายที่ยังไม่แต่งงานในวัยนี้ต้องมีปัญหาแล้ว การที่เขามาสารภาพรักกับแม่ เป็นไปได้ไหมว่าอาจเป็นเพราะมีบางอย่างผิดปกติกับร่างกายของเขา?

แต่ในไม่ช้า ถังซวงส่ายหัว

เธอเคยจับชีพจรของจิงเจ้อหรงมาก่อน และร่างกายของเขาก็ไม่มีอะไรผิดปกติ

งั้น… หรือว่าจิงเจ้อหรงจะชอบผู้ชาย? ในสมัยโบราณก็มีหลงหยาง*[1]แล้ว จิงเจ้อหรงคนนี้จะเป็นแบบนั้นหรือเปล่า? ตอนนี้เขาก็มีอายุแล้ว คงช่วยไม่ได้จริง ๆ เลยต้องหาผู้หญิงสักคนเพื่อกลบเกลื่อนอดีตงั้นหรือ?

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถังซวงมองไปที่จิงเจ้อหรงด้วยสายตาแปลก ๆ

เมื่อเห็นการมองของถังซวง จิงเจ้อหรงรู้สึกว่าเธอไม่ได้คิดเรื่องดี ๆ แน่ ดังนั้นเขาจึงรีบอธิบายว่า “พูดตามตรงเลยแล้วกัน เดิมทีฉันมีคู่หมั้น แต่สุดท้ายเธอก็ไปแต่งงานกับคนอื่น จากนั้นฉันก็ไม่เจอคนที่อยากจะแต่งงานด้วยอีกเลย”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็ยิ่งกังวลมากขึ้น

“คู่หมั้นของคุณคือแสงจันทร์ขาว*[2] สินะ คุณยังลืมเธอไม่ได้ ดังนั้นคุณเลยยังไม่แต่งงานจนถึงตอนนี้หรือ?”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าแสงจันทร์ขาวที่เด็กสาวพูดหมายถึงอะไร แต่จิงเจ้อหรงสามารถเข้าใจสิ่งที่ ถังซวงต้องการจะบอก ชายหนุ่มจึงรีบโบกมือและพูดว่า “ไม่แน่นอน การแต่งงานระหว่างอดีตคู่หมั้นกับฉัน เกิดจากความต้องการของสองตระกูล ฉันไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเธอเลย และเธอก็ถือว่าฉันเป็นพี่ชาย เมื่อเธอพบคนที่เธอชอบจริง ๆ สัญญาการแต่งงานระหว่างสองครอบครัวจะถูกยกเลิก และฉันไม่เคยเจอใครที่ ทำให้ฉันหวั่นไหวหรือทำให้รัก ฉันเลยยังไม่ได้แต่งงาน”

ในเวลานี้ โม่เจ๋อหยวนพูดขึ้นจากด้านข้างว่า “นี่เป็นความจริง การแต่งงานระหว่างตระกูลจิงและตระกูลเหม่ยทำให้ผู้หญิงหลายคนที่ชอบคุณจิงรู้สึกเศร้า และยอมถอนตัว แต่ต่อมาหญิงสาวตระกูลเหม่ยก็ไปแต่งงานกับคนอื่น การแต่งงานจึงสิ้นสุดลง และหลังจากนั้นคุณจิงก็เป็นโสดจนถึงตอนนี้”

เมื่อนึกถึงคำถามของถังซวง ในตอนนี้จิงเจ้อหรงก็ตอบกลับต่อไปว่า “อีกอย่างฉันสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเองว่าอยากแต่งงานกับใครโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบของตระกูล นอกจากนี้คนในครอบครัวของฉันก็เป็นคนดีมาก ดังนั้นเธอไม่ต้องห่วง”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็รู้สึกโล่งใจ

และถังเซวี่ยที่ไม่ได้พูดอะไรตั้งแต่ก่อนหน้านี้ จู่ ๆ ก็ถามขึ้นว่า “ลุงจิง คุณชอบลูกสาวไหมคะ?”

เมื่อได้ยินคำถามนี้ ถังซวงหันไปมองถังเซวี่ยด้วยความประหลาดใจและรู้สึกสลดใจเล็กน้อย เสี่ยวเซวี่ยมักจะเสียใจเสมอกับความจริงที่ว่าเธอเป็นผู้หญิงพ่อถึงไม่รัก…

แต่จิงเจ้อหรงตอบเธอทันที โดยไม่ต้องคิด “แน่นอน ฉันชอบ เธอกับซวงเอ๋อร์เป็นเด็กดีมาก เป็นเด็กที่คนอื่นใฝ่ฝันถึงเลย ฉันชอบพวกเธอมากนะ”

“ลุงจิง ลุงจะเป็นพ่อของพวกเราจริง ๆ หรือคะ?”

ในความทรงจำของถังเซวี่ย พ่อของเธอเป็นคนที่คอยทุบตีหรือดุด่าเธออยู่เสมอ ความเจ็บปวดและความยากลำบากที่เธอได้รับตั้งแต่ยังเด็กนั้นมาจากพ่อแท้ ๆ ของเธอเอง แต่จิงเจ้อหรงตรงหน้าเธอนั้นแตกต่างจากพ่อที่เธอจินตนาการไว้อย่างสิ้นเชิง ชายผู้น่าเกรงขามคนนี้จะกลายเป็นพ่อของเธอและพี่สาวของเธอจริง ๆ หรือ?

“เสี่ยวเซวี่ย ถ้าแม่ของเธอชอบฉันด้วย ฉันก็เป็นพ่อของเธอแน่นอน”

“เสี่ยวเซวี่ย…”

ถังซวงรีบตะโกนเรียกเมื่อเธอสังเกตเห็นประกายความหวังในดวงตาของถังเซวี่ย ถังเซวี่ยก็หยุดถามทันที

เธอแตกต่างจากถังเซวี่ยที่ยังเป็นเด็กสาวไร้เดียงสาโหยหาความรักของพ่อจากส่วนลึกของจิตใจ

[1] หลงหยาง หมายถึง ผู้ชายที่ชอบพอผู้ชายด้วยกัน

[2] แสงจันทร์ขาว หมายถึง คนที่หลงรักแต่ไม่สามารถอยู่ด้วยกัน และไม่มีวันลืมเลือน

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *