การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 75 วันสุดท้าย(รีไรท์)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 75 วันสุดท้าย(รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 75 วันสุดท้าย(รีไรท์)

บทที่ 75 วันสุดท้าย(รีไรท์)

เฉินกวงหยางมองไปที่ถังซวง ซึ่งยังเด็กและหน้าตาสะสวย ดวงตาของเธอสดใสและมีฟันที่ขาวสะอาด เขารู้สึกว่าความแตกต่างนั้นมากเกินจะรับไหว “สาวน้อย เธอดูดีมากเลย มากเกินไปด้วยซ้ำ…”

เดิมทีเฉินกวงหยางยังคงอยากพูดต่อ แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นสายตาที่เย็นชาลงกะทันหันของถังซวง เขาก็รีบหุบปากและไม่พูดอะไรต่อ

เฮ่อหลานถามด้วยความสงสัยว่า “เมื่อก่อนเธอก็แต่งตัวแบบนี้นะคะ ซวงเอ๋อร์ ตอนที่มาที่นี่ลูกไม่ได้แต่งตัวแบบนี้มาหรือ?”

เฉินกวงหยางโบกมืออย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และพูดว่า “ไม่ใช่ครับ ๆ เธอก็แต่งตัวเป็นแบบนี้แหละ ผมแค่จำผิดไป เอ่อ… ผู้เฒ่ารออยู่ข้างในแล้ว รีบเข้าไปกันเถอะ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็ไม่ถามอะไรอีกและเข้าไปด้านใน

จวงเหวินเหอได้ยินเฉินกวงหยางบอกว่า วันนี้ถังซวงจะมาทำพิธีมอบตัวเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะจัดแจงตัวเองให้เรียบร้อยและนั่งตัวตรงบนเก้าอี้นวม

เมื่อเห็นจวงเหวินเหอ ถังซวงก็เรียกด้วยความเคารพว่า “อาจารย์ปู่”

“สวัสดีค่ะ คุณคือคุณจวงใช่ไหมคะ ฉันคือแม่ของซวงเอ๋อร์ เฮ่อหลานค่ะ เดิมทีซวงเอ๋อร์ต้องการมาที่นี่คนเดียว แต่คงจะดีกว่าถ้าเราจริงจังกับสำหรับพิธีใหญ่แบบนี้น่ะค่ะ” ในขณะที่พูด เฮ่อหลานก็เตรียมของทำพิธีไปด้วย

ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็เรียก ‘คุณจวง’ ด้วยความเคารพ

จวงเหวินเหอยิ้มให้เธอและกล่าว “สวัสดี” จากนั้นเขาก็ขอให้เฉินกวงหยางไปที่ห้องของเขาเพื่อเอาถุงผ้าและมอบของขวัญให้กับถังเซวี่ยด้วย

เมื่อเห็นพี่สาวของเธอพยักหน้าให้ ถังเซวี่ยก็ยอมรับของนั้น

หลังจากนั้น ถังซวงนำชาที่เตรียมไว้แล้ว ทำพิธีด้วยความเคารพ และในที่สุดก็นำชาไปให้จวงเหวินเหอ

จวงเหวินเหอรับถ้วยชามาจิบ และหยิบเม็ดหยกออกมาจากแขนเสื้อ เขาสัมผัสมันด้วยความคิดถึง จากนั้นมอบให้ถังซวง และพูดว่า “นี่คือมรดกตกทอดของตระกูลจวงของเรา และตอนนี้มันถูกส่งต่อไปถึงเธอแล้ว” เดิมทีเขาวางแผนที่จะมอบให้กับลูกศิษย์คนนี้เมื่อเขากำลังจะตาย แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน จะให้ก่อนหรือหลังก็ไม่ได้สร้างความแตกต่างใด ๆ ดังนั้นเขาจึงส่งมอบมันในวันนี้

ถังซวงมองไปที่หยกด้วยความลังเลใจ

เนื่องจากมันเป็นมรดกตกทอดของตระกูลจวง มันจึงต้องมีค่ามาก แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นลูกศิษย์ของจวงเหวินเหอแล้ว หากแต่เธอไม่ได้มีสายเลือดตระกูลจวงจริง ๆ

เมื่อเห็นความลังเลของถังซวง จวงเหวินเหอก็ยัดเม็ดหยกใส่มือเธอโดยตรง

“ในเมื่อเธอได้มอบตัวเป็นศิษย์แล้ว แน่นอนว่าสิ่งนี้คู่ควรกับเธอ” เขาเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ของตระกูลจวงหลัก และสำหรับตระกูลรองเหล่านั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึง

เมื่อมองไปที่หยกในมือของเธอ ถังซวงลูบมันอย่างแผ่วเบา เธอเงยหน้าขึ้นมองจวงเหวินเหอ และพูดว่า “เข้าใจแล้วค่ะ อาจารย์ปู่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ จวงเหวินเหอก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ

“ดี ๆ”

หลังจากพิธีสิ้นสุดลง ถังซวงก็เป็นลูกศิษย์ที่แท้จริงของจวงเหวินเหอและเป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา

“จากนี้ไป ฉันจะเรียกเธอว่าซวงเอ๋อร์นะ”

เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานเรียกชื่อเล่นของถังซวง จวงเหวินเหอก็รู้สึกว่าดูสนิทกันดี ดังนั้นเขาจึงเรียกเธออย่างนั้นเช่นกัน

ถังซวงพยักหน้า

จากนั้นจวงเหวินเหอก็พูดถึงแผนการของเขา “ซวงเอ๋อร์ ต่อไป ฉันหวังว่าเธอจะมาที่นี่ในทุกวัน แม้ว่าฉันจะไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังอยากจะสอนเธอเป็นครั้งสุดท้าย”

“อาจารย์ปู่…”

มีความกังวลในดวงตาของถังซวง อวัยวะภายในของจวงเหวินเหออ่อนแรงแล้ว และการสอนเธอทุกวันมันจะทำให้เขาเหนื่อยมากแน่

เฉินกวงหยางที่อยู่ด้านข้างก็กังวลเช่นกัน เขารู้สุขภาพของจวงเหวินเหอดีที่สุด ถ้าเขาสอนแพทย์แผนจีนให้ถังซวงทุกวัน ร่างกายที่ทรุดโทรมอยู่แล้วของชายชราจะยิ่งทรุดโทรมมากขึ้นอย่างแน่นอน

แต่จวงเหวินเหอก็ได้ตัดสินใจแล้ว

ชายชรามองไปที่ถังซวงด้วยดวงตาที่ลุกโชนและพูดขึ้นว่า “มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะมีลูกศิษย์อย่างเธอในช่วงชีวิตสุดท้ายของฉัน ฉันต้องการสอนทุกอย่างที่ฉันรู้ให้เธอให้ได้มากที่สุด”

เมื่อเห็นสายตาที่แน่วแน่ของจวงเหวินเหอ ในที่สุดถังซวงก็พยักหน้าและพูดว่า “ตกลงค่ะ”

เมื่อเห็นถังซวงพยักหน้า จวงเหวินเหอก็พูดอย่างตื่นเต้น “งั้นเรามาเริ่มกันวันนี้เลยดีไหม!”

ถังซวงไม่คัดค้าน

เฮ่อหลานที่ต้องไปที่บ้านพักของซูเหนียนอวิ๋นเพื่อเรียนเย็บปักถักร้อยต่อ เธอจึงให้ถังเซวี่ยรออยู่ที่นี่ โชคดีที่เด็กสาวนำหนังสือมาด้วย หลังจากที่พี่สาวของเธอไปเรียนแพทย์กับผู้เฒ่าจวง เธอก็เอาหนังสือออกมาและอ่านอย่างเงียบ ๆ

เมื่อเห็นถังเซวี่ยอ่านหนังสืออย่างจริงจัง เฉินกวงหยางก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “น้องถังเซวี่ย งั้นเธออ่านหนังสือไปก่อนนะ ฉันอยู่แถว ๆ นี้แหละ”

“ค่ะพี่เฉิน” ถังเซวี่ยตอบรับออกไป เธอเห็นว่าพี่สาวเรียกเขาว่า ‘พี่เฉิน’ ดังนั้นเธอจึงเรียกเฉินกวงหยางว่าพี่เฉินด้วย

เมื่อถึงตอนเที่ยง ในที่สุดถังซวงก็เรียนช่วงเช้าเสร็จ

เดิมทีจวงเหวินเหอต้องการสอนต่อในช่วงบ่าย แต่ถังซวงรู้ว่าร่างกายของเขาจะไม่สามารถฝืนต่อได้ ดังนั้นเธอจึงปฏิเสธออกไปตรง ๆ ว่า “อาจารย์ปู่คะ ในตอนบ่ายคุณควรพักผ่อนให้เพียงพอนะคะ แล้วพรุ่งนี้ฉันสัญญาว่าจะมาเรียนแต่เช้าเลยค่ะ”

“ฉันพักแค่ช่วงเที่ยงก็พอแล้ว ไม่ต้องรอถึงพรุ่งนี้หรอก”

เมื่อเขากำลังสอนถังซวงเมื่อเช้านี้ เขาตระหนักว่าตัวเองเบาปัญญาเพียงใด เด็กสาวคนนี้คุ้นเคยกับสรรพคุณทางยาของวัสดุยาต่าง ๆ มานานแล้ว ไม่ว่าเขาจะพยายามทดสอบอย่างไรเธอก็สามารถตอบได้ทั้งหมด

ต่อมาเขาได้ทดสอบวัสดุยาที่เธอน่าจะไม่เคยเห็น ซึ่งเธอก็มีหยุดชะงักไปบ้าง ดังนั้นเขาจึงเริ่มกำหนดทิศทางการสอนถังซวงได้แล้วในอนาคต

เมื่อได้ยินคำพูดนั้นของจวงเหวินเหอ ถังซวงก็พูดกับเขาด้วยใบหน้าที่จริงจัง “อาจารย์ปู่ หากคุณยังทำแบบนี้ต่อไป พรุ่งนี้เช้าฉันจะไม่มาแล้วนะคะ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ถังซวงพูด จวงเหวินเหอก็ผงะไปครู่หนึ่งแล้วทอดถอนหายใจ “ตกลง ๆ ฉันทำอะไรเธอไม่ได้จริง ๆ”

ในเวลานี้ เฉินกวงหยางได้เตรียมอาหารกลางวันเสร็จแล้ว และบอกให้ถังซวงกับถังเซวี่ยมาทานอาหารก่อนที่จะให้พวกเธอกลับบ้าน

จากวันนี้ไป ถังซวงจะมาในตำบลเพื่อเรียนแพทย์แผนจีนกับจวงเหวินเหอทุกเช้า และดูแล้วสภาพจิตใจของจวงเหวินเหอก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และเวลาในการเรียนของถังซวงก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าเขามุมานะมากแค่ไหน

เมื่อเห็นจวงเหวินเหอเช่นนี้ เฉินกวงหยางก็กังวลอย่างมากเช่นกัน

“น้องถังซวง ผู้เฒ่า… ดูเหมือนช่วงนี้เขาจะสุขภาพดีขึ้น มันจะไม่เป็นไรจริง ๆ หรือ?” แม้ว่าอาการของจวงเหวินเหอจะดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่ชายหนุ่มก็ยังกังวลโดยไม่มีเหตุผล

เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงก็เงียบไป

เมื่อเฉินกวงหยางเห็นท่าทางแบบนี้ หัวใจของเขาก็เต้นระรัว

“น้องถังซวง บอกความจริงกับฉันเถอะ ผู้เฒ่า… ช่วงนี้อาการของเขาดีขึ้นจริง ๆ หรือเปล่า ไม่ใช่ว่าที่เขาดูดีขึ้น แต่… วันเวลาของเขาใกล้เข้ามาแล้วใช่ไหม?”

เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่พูด เฉินกวงหยางก็หายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “บอกฉันเถอะ ฉันรับได้”

“ใช่”

ถังซวงหลับตาลง เธอเองก็รู้สึกอึดอัดไม่แพ้กัน

นั่นคืออาจารย์ของเธอ อาจารย์ผู้ให้ความรู้ อาจารย์ผู้สอนทักษะทางการแพทย์ โดยเธอไม่ต้องพูดอะไรออกมาสักนิด นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตระหนักว่าการเป็นลูกศิษย์นั้นช่างมีความสุข แต่ก็น่าเสียดายที่วันเวลาเหล่านั้นช่างสั้นนัก

เมื่อได้ยินคำตอบยืนยันของถังซวง เฉินกวงหยางก็พูดอย่างกระวนกระวาย “ถ้าฉันไปหาวัตถุดิบดี ๆ ให้เขา แล้วเธอ… เธอจะใช้มันทำยาให้เขาได้ไหม”

“ไม่มีประโยชน์…”

ถ้ามันได้ผล เธอก็คงเอาโสมอายุร้อยปีออกมานานแล้ว น่าเสียดาย ร่างกายของอาจารย์ไม่สามารถใช้ยาบำรุงได้อีกแล้ว ซ้ำร้ายยาเหล่านั้นจะยิ่งส่งผลร้ายต่อร่างกายของเขา

แม้ว่าเขาจะเตรียมใจมานานแล้ว แต่เฉินกวงหยางก็ยังไม่สามารถทำใจได้โดยที่ไม่รู้สึกอะไรเลย เขายกมือเช็ดน้ำตา “น้องถังซวง ถ้าอย่างนั้นเขา… เขาคงจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่กี่วัน งั้นเธออยู่ที่นี่ได้นะ ฉันกลัวว่า…”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *