การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 289 โรงเรียนใหม่

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 289 โรงเรียนใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 289 โรงเรียนใหม่

บทที่ 289 โรงเรียนใหม่

จิงเจ้อหรงได้ยินคำถามของพ่อ ก็พยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “ครับ ผมไปดูมาแล้ว โรงเรียนของซวงเอ๋อร์คือโรงเรียนมัธยมปลายอันดับสอง ของเสี่ยวเซวี่ยคือโรงเรียนมัธยมต้นอวี้ไฉครับ มันอยู่ไม่ไกลกันมาก เดินทางได้สะดวก”

คุณชายจิงพยักหน้าแล้วตอบว่า “อืม ดีแล้ว”

หลังจากนั้นคุณชายจิงจึงย้ำเตือนซวงเอ๋อร์กับถังเซวี่ยเกี่ยวกับการเรียน “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ถ้ามีคำถามอะไรสามารถพูดกับเหวินหยวนและเหวินรุ่ยได้เลยนะ ทั้งคู่เป็นเด็กฉลาด น่าจะให้คำตอบได้”

“ขอบคุณค่ะคุณปู่”

ทั้งถังซวงและถังเซวี่ยพยักหน้ารับ

จิงซิ่วหรงมองลูกชายอย่างคลางแคลงใจ “เหวินรุ่ยน่ะหรือ? ผมไม่แน่ใจเลยว่าใครจะถามใครกันแน่ ไม่รู้ว่าเหวินรุ่ยจะเทียบซวงเอ๋อร์เก่งได้หรือเปล่าด้วยซ้ำ” สูตรยาที่ถังซวงมอบให้ก็ถือเป็นสิ่งยืนยันได้แล้วว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวธรรมดา ในอนาคตถังซวงจะประสบความสำเร็จอย่างมากแน่นอน

จิงเหวินรุ่ยหันมองพ่อของเขาด้วยสีหน้าคาดเดายาก

“พ่อครับ นี่เห็นผมเป็นคนไร้ประโยชน์หรือไง”

จิงซิ่วหรงชำเลืองมองลูกชายของตัวเองก่อนจะพูดว่า “ไม่ใช่อย่างนั้น แต่เป็นเพราะเธอเก่งมากต่างหาก ลูกเทียบไม่ได้หรอก”

เมื่อเห็นพ่อชื่นชมถังซวงขนาดนั้น จิงเหวินรุ่ยจึงไม่พูดอะไรต่อ

แต่เมิ่งผิงขมวดคิ้วมุ่น ตอนนี้ลูกชายกำลังรู้สึกแย่ เธอย่อมรู้สึกแย่ตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นต้นเหตุคือสามีและเป็นพ่อแท้ ๆ ของเขาอีก

เมื่อเห็นบรรยากาศเริ่มอึดอัด ถังซวงเลยรีบพูดขึ้นว่า “ลุงรองคะ ฉันเพิ่งอยู่มัธยมปลายปีหนึ่ง ยังไงซะฉันก็มีคำถามต้องถามมากมายอยู่แล้ว ฉันจะมาถามทั้งสองคนแน่นอนค่ะ”

ถังเซวี่ยกล่าวเสริม “ใช่ค่ะ ถ้าฉันเข้าเรียนเมื่อไหร่ ฉันก็หวังว่าลูกพี่ลูกน้องจะช่วยชี้แนะให้ ฝากตัวด้วยนะคะ”

จิงซิ่วหรงได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย เขายิ้มกว้างก่อนจะตอบว่า “อืม เสี่ยวเซวี่ย ถ้ามีคำถามอะไรสามารถถามเจ้าสองคนนี้ได้เลย พวกเขาไม่ได้ยุ่งอะไรมากอยู่แล้ว”

จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยปิดปากเงียบ เขาสองคนต่างก็มีเรื่องต้องทำอยู่ทั้งวัน แต่พอลูกพี่ลูกน้องสองคนนี้เข้ามาในครอบครัว สถานะของทั้งสองคนกลับถูกด้อยค่าในทันที แต่ถึงยังไงมันก้ดีที่น้องสาวของพวกเขาเป็นคนน่ารัก และจิตใจดี ไม่อย่างนั้นเขาสองคนคนระเบิดลงแน่

“อื้ม ถ้าพวกเธอมีคำถามอะไร มาถามพวกฉันได้เลยนะ”

คุณนายจิงมีความสุขมากที่เห็นว่าครอบครัวของตนพูดคุยกันอย่างสนิทสนม และเวลานี้กับข้าวในครัวก็พร้อมแล้ว

“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ไปทานอาหารกันเถอะจ้ะ”

“ค่าคุณย่า”

ถังซวงและถังเซวี่ยเดินตามคุณชายจิงและคุณนายจิงไปที่ห้องอาหาร นั่งลงบนเก้าอี้ และตอนนี้บรรยากาศก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

“กินข้าวกันเถอะ”

คุณชายจิงขยับตะเกียบก่อน จากนั้นทุกคนจึงร่วมรับประทานอาหารด้วยกัน

หลังจากทานมื้อกลางวันแล้ว ถังซวงกับน้องจะกลับไปที่บ้านหลังจากที่อวยพรปีใหม่เสร็จสิ้น

“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันก่อนค่อยกลับสิจ๊ะ”

“คุณย่าคะ เราอยู่ทานมื้อเย็นไม่ได้หรอกค่ะ แต่ต่อจากนี้เราจะมาทานอาหารกับคุณย่าทุกวันเลย”

ได้ยินอย่างนั้น คุณนายจิงถึงกับหลุดหัวเราะออกมา เธอกอดถังเซวี่ยแน่น “อ่า… เสี่ยวเซวี่ยนี่ช่างพูดจริง ๆ” อย่างไรแล้วเธอรู้ดีว่าซูเหนียนอวิ๋นและคนอื่น ๆ ยังอยู่ที่กู่โหลว จึงยอมหลานทั้งสองกลับไป และยังให้เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงติดตามไปด้วย

“อาเจ้อ อาหลาน ทั้งสองควรไปด้วยนะ พวกลูกใช้เวลาในช่วงนี้ดูแลอาจารย์ซูกับคุณหลี่ให้ดีเถอะจ้ะ”

เฮ่อหลานลังเลเล็กน้อยว่าจะไปที่นั่นพรุ่งนี้เช้า หรือกลับไปพร้อมกับลูกสาววันนี้ดี

แต่จิงเจ้อหรงตัดสินใจแล้ว “อาหลาน เรากลับไปกับซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยดีกว่านะครับ จะได้มีเวลาให้ลุงหลี่กับอาจารย์มากขึ้น”

เฮ่อหลานพยักหน้า “ค่ะ อย่างนั้นฉันไปเก็บของก่อนนะคะ แล้วค่อยกลับ”

หลังจากที่เฮ่อหลานเก็บข้าวของเรียบร้อยแล้ว จิงเจ้อหรงพาสามแม่ลูกมุ่งหน้าสู่กู่โหลว

เมื่อเห็นลูกชายคนเล็กจากไปแล้ว คุณนายจิงนึกถึงของขวัญที่ถังซวงมอบให้ เธอเปิดมันออกและพบว่าด้านในคือขวดหลายใบ “อ๊ะ… ของพวกนี้คืออะไรกัน”

คุณชายจิงมองดู และเมื่อพบอักษรบนขวดเล็ก ๆ เหล่านี้เขารีบพูดขึ้นว่า “ของดี เก็บมันไว้ล่ะ นี่คือความกตัญญูของซวงเอ๋อร์ที่มอบให้เรา เราต้องกินมันก่อนนอนทุกคืน วันละหนึ่งเม็ด”

ได้ยินอย่างนั้นแล้ว คุณนายจิงพยักหน้าก่อนจะตอบกลับ “ค่ะ”

เมื่อจิงซิ่วหรงได้ยินพ่อแม่พูดคุยกันอย่างนั้น เขารีบก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับถามว่า “พ่อครับ แม่ครับ ขอดูหน่อยสิว่าซวงเอ๋อร์ให้อะไรมา”

“ลูกไม่ได้หรือ? นึกว่าจะเหมือนกันซะอีก”

จิงซิ่วหรงนึกได้อย่างนั้น เขารีบหันมองภรรยาของตนก่อนจะพูดว่า “คุณลองเปิดดูหน่อยสิว่าซวงเอ๋อร์ให้อะไรมา”

เมื่อเห็นว่าผู้อาวุโสทั้งสองมองมา เมิ่งผิงเปิดกล่องของขวัญที่ถังซวงให้ ข้างในมีกล่องใบเล็กและขวดเล็กใสสองขวด

จิงซิ่วหรงไม่สนใจกล่องเล็ก ๆ นั้น เขาหยิบขวดแก้วทั้งสองออกมา และเมื่อเห็นยาบำรุงที่อยู่ในขวด เขายิ้มกว้าง “ซวงเอ๋อร์และเสี่ยวเซวี่ยทำสิ่งนี้ด้วยตัวเอง น่าสนใจจริง ๆ”

“มันคืออะไรหรือคะ?”

“มันคือยาเม็ดเพื่อสุขภาพน่ะครับ ซวงเอ๋อร์ทำมันเอง มันจะต้องวเป็นยาที่ยอดเยี่ยมแน่ เก็บมันไว้ให้ดีและกินมันให้ตรงเวลาล่ะ”

“คุณคิดว่ายาเม็ดพวกนี้เป็นน้ำตาลหรือไง ควรกินมันแต่พอดีสิ อย่าทานมันเยอะนัก” หลังจากเมิ่งผิงชำเลืองมองสามีแล้ว เธอเปิดกล่องเล็ก ๆ ด้านในและพบว่ามีขวดที่ดูสวยงามบรรจุอยู่ เธอไม่รู้ว่าอะไรอยู่ในนั้น แต่โชคดีที่ถังซวงเขียนการ์ดใบเล็กเพื่ออธิบายเอาไว้

“อ่า… นี่สำหรับทาหน้างั้นหรือ มันดูแตกต่างจากยาที่วางขายทั่วไปเลย”

เวลานี้อวี๋หมิ่นเปิดกล่องของขวัญที่ถังซวงมอบให้อย่างฉงน และพบว่าทั้งหมดเหมือนกับเมิ่งผิง เธอจึงรู้สึกสนใจสิ่งที่ใช้สำหรับทาหน้า

จิงซิ่วหรงก็ยังคงเป็นเช่นเดิม เขากล่าวขึ้นจากด้านข้าง “ไม่ว่าอะไรที่ถังซวงทำด้วยตนเอง มันต้องเป็นของดีแน่นอน ถ้ามันมีไว้สำหรับทาผิวหน้า พวกคุณก็ทาได้”

คุณชายจิงพยักหน้าเช่นกัน “ใช่ ซวงเอ๋อร์เชื่อถือได้อยู่แล้ว เอาล่ะ พวกเราแยกย้ายกันไปพักผ่อนได้แล้ว”

อีกด้านหนึ่ง จิงเจ้อหรงพาสามแม่ลูกกลับมาที่บ้าน

ซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทั้งหมดกลับมาพร้อมกัน

“อาหลาน ทำไมถึงกลับมาด้วยล่ะ ไม่ใช่ว่าจะกลับมาพรุ่งนี้หรือ”

เฮ่อหลานรีบกล่าวอธิบาย “พ่อแม่ให้ฉันกับอาเจ้อมาด้วยกัน ยังไงซะจะมาวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ไม่แตกต่างกันมากหรอกค่ะ”

เมื่อเห็นว่าคุณชายจิงและคุณนายจิงบอกกล่าว ซูเหนียนอวิ๋นไม่พูดคัดค้านอะไร อย่างไรแล้วเมื่อมีทั้งสองคน บ้านก็ดูจะมีชีวิตชีวามากขึ้น

วันต่อมา เฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงใช้เวลาอยู่ในกู่โหลว หลังจากนั้นจิงเจ้อหรงพาเฮ่อหลานและลูกสาวออกไปอวยพรปีใหม่กับญาติ ๆ ของตระกูลจิง แล้วก็กลับมาที่กู่โหลวอีกครั้งหลังจากเสร็จสิ้นการอวยพรปีใหม่

วันที่เจ็ดของตรุษจีน ซูเหนียนอวิ๋น เกอชิงเหม่ย และหลี่จงอี้จึงวางแผนว่าจะกลับมณฑลเจียง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด