การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 181 โถงยี่ชี

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 181 โถงยี่ชี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 181 โถงยี่ชี

บทที่ 181 โถงยี่ชี

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฟ่ยไห่ชางมองไปยังพี่หลิวที่ลูกน้องของตนพูดถึงด้วยแววตาโหดเหี้ยม และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อแกกล้าที่จะคุกคามนายหญิงของเรา อย่าคิดว่าจะไปได้ง่าย ๆ” ขณะพูดอย่างนั้นเขาออกคำสั่งโดยตรง “คนพวกนี้ติดคุกไปก็ไม่น่าจะทำให้พวกมันดีขึ้นได้”

หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลิวซานอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้นมอง เขาไม่รู้จักเฟ่ยไห่ชาง แต่เขามองตรงไปยังคนที่รู้จักแทน เวลานี้เขาเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดเจน ใบหน้าเผยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว “นาย… นายคือเฝิงอิงจากโถงยี่ชี?”

เฝิงอิงที่อยู่ด้านหลังของเฟ่ยไห่ชางยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่”

หลังได้รับการยืนยันแล้ว หลิวซานเริ่มลนลานด้วยความหวาดกลัว

เขาเคยได้ยินชื่อของโถงยี่ชีมานาน และก็รู้ถึงความทรงพลังของที่นั่นเป็นอย่างดี วันนี้เขาคิดว่าเพียงจับตัวหญิงสาวตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง แต่กลับต้องถูกสาวน้อยคนนี้จัดการอย่างหมดท่า ตอนนี้พวกเขายังกำลังเผชิญหน้ากับโถงยี่ชีอีก

ในที่สุด หลิวซานก็จดจำสิ่งที่เฟ่ยไห่ชางและเฝิงอิงพูดขึ้นมาได้ เขามองถังซวงด้วยความไม่เชื่อถือ “ทำไม… เป็นไปได้ยังไง เธอเป็นนายหญิงโถงยี่ชีได้ยังไง ฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนว่ามีผู้หญิงอยู่ในโถงยี่ชีด้วย”

“หืม… ถึงตอนนี้ก็ยังคิดว่าไม่มีอยู่หรือ?”

ใบหน้าของเฟ่ยไห่ชางยิ่งเย็นชา เขาไม่พูดคุยกับหลิวซานให้มากความ และพาพวกเขาทั้งหมดออกไปทันที

ถังซวงก็อยากรู้อยากเห็นเหมือนกันว่าตนเองกลายเป็นนายหญิงของโถงยี่ชีตั้งแต่เมื่อไหร่ เพราะก่อนหน้านี้เธอเพียงช่วยผู้เฒ่าฉีไว้โดยบังเอิญเท่านั้น แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะพูดต่อหน้าบุคคลภายนอก “คุณเฟ่ยคะ เดี๋ยวก่อนค่ะ คนพวกนี้รับคำสั่งจากคนอื่นมา ฉันเลยอยากรู้ว่าพวกเขารับคำสั่งจากใคร”

เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว สีหน้าของเฟ่ยไห่ชางยิ่งบิดเบี้ยว

“อะไรกัน… รับคำสั่งจากคนอื่นงั้นหรือ อย่างนี้หมายความว่ามีคนคิดจัดการกับนายหญิงของพวกเรา!”

ตอนท้าย เฟ่ยไห่ชางไม่ต้องพูดอะไรมาก เฝิงอิงเดินไปด้านหน้าเพื่อสอบถามทันที

ถังซวงพูดซ้ำในสิ่งที่หลิวซานพูดก่อนหน้านี้ว่า “ฉันรู้ค่ะ เป็นซูยี่ที่ต้องการจับตัวฉันไป แต่ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้ซูยี่รออยู่ที่ไหน เพราะถ้าคนพวกนี้จับตัวฉันได้ พวกเขาจะส่งฉันให้กับซูยี่แน่นอน”

“เป็นตระกูลซูสินะ”

ใบหน้าของเฟ่ยไห่ชางนึกคิด แต่ไม่ช้าเขาก็ตะคอกเย็นชาว่า “เป็นตระกูลซูแล้วยังไง? คนของโถงยี่ชีไม่ใช่บุคคลที่ตระกูลซูต้องการกลั่นแกล้งได้ตามต้องการ!”

ถังซวงมองเฟ่ยไห่ชางแล้วสับสน ทั้งหมดนี้คือเรื่องของเธอคนเดียว และเธอไม่คิดที่จะเอาตัวเองไปเกี่ยวข้องกับโถงยี่ชีด้วย

“คุณเฟ่ยคะ ฉันจะไปหาซูยี่เพื่อจัดการเรื่องนี้ทีหลัง คุณไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยค่ะ”

หลิวซานมองถังซวงอย่างสงสัย ก่อนจะหันมองเฟ่ยไห่ชาง เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ต่างจากคนของโถงยี่ชีจริง ๆ และเธอเรียกอีกฝ่ายว่าคุณเฟ่ย ซึ่งเป็นสรรพนามที่ประหลาดไม่น้อย แต่เวลานี้หลิวซานไม่กล้าพูดอะไร เมื่อเขาเห็นแววตาของถังซวงแล้ว เขารีบสารภาพทันที “พวกเรานัดกับนายน้อยซูไว้ว่าจะไปพบที่ลานด้านข้างเมื่อจัดการทุกอย่างสำเร็จ”

เขาพูดถึงสถานที่อีกครั้ง

หลังจากได้ยินหลิวซานพูดแล้ว เฟ่ยไห่ชางสั่งให้เฝิงอิงมัดพวกเขาทั้งหมดไว้ และพาพวกเขาออกไป ส่วนคนที่เหลือยังคงอยู่ที่เดิม “คุณถังครับ เราไปที่นั่นกันเถอะครับ”

“คุณเฟ่ย ฉันไม่อยากรบกวนเลยค่ะ”

เฟ่ยไห่ชางยิ้มแล้วพูดว่า “คุณถังครับ เอ่อ… ไม่สิ จริง ๆ แล้วพวกเราต้องเรียกคุณว่าผู้นำโถงยี่ชี และเวลานี้ผู้นำของพวกเรากำลังถูกคุกคาม พวกเราจะกลับไปได้ยังไง ไม่ว่ายังไงพวกเราก็จะติดตามไปครับ”

หลังจากได้ยินแล้ว ดวงตาของถังซวงพลันเบิกกว้าง

“ผู้นำ?”

เฟ่ยไห่ชางที่หลุดปากออกไปก็ตกใจ แต่เขาเพิ่งได้รับข่าวจากประธานฉีเมื่อวานนี้ว่าถังซวงคือตัวแทนของเขา ดังนั้นเขาจึงพูดมันออกไปอย่างตรงไปตรงมา ท้ายที่สุดแล้วเรื่องนี้จะเป็นยังไงแต่เธอก็คือผู้นำของโถงยี่ชีไม่เปลี่ยนแปลง

“หัวหน้าครับ ประธานฉีน่าจะต้องส่งต่อตราประทับให้กับคุณแล้ว ใครก็ตามที่ครอบครองตราประทับก็จะเป็นผู้นำโถงยี่ชี เวลานี้คุณจึงเป็นหัวหน้าของพวกเราครับ”

แน่นอนว่าถังซวงเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กไม่สามารถโน้มน้าวใจใครได้ แต่เมื่อประธานฉีออกคำสั่งแล้วก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ยิ่งไปกว่านั้นถังซวงเคยช่วยชีวิตประธานฉีเอาไว้ก่อนหน้านี้ และขณะเดียวกันเธอก็เป็นคนทำลายแผนการของเหวินจิง ดังนั้นพวกเขาจึงยอมรับเธอแต่โดยดี

“ตราประทับอะไร…”

แต่จู่ ๆ ถังซวงคล้ายจะจดจำสิ่งที่ผู้เฒ่าฉีมอบไว้ให้เธอได้ มันถูกดึงออกจากกระเป๋าอย่างเชื่องช้า ก่อนที่เธอจะหยิบจี้หยกชิ้นหนึ่งออกมา “อันนี้หรือ?”

“เคารพท่านผู้นำ”

เมื่อเห็นจี้หยกชิ้นนี้ เฟ่ยไห่ชางและคนอื่น ๆ ตะโกนด้วยความเคารพ จากนั้นเฟ่ยไห่ชางพูดขึ้นว่า “ครับ ท่านผู้นำ นี่คือรอยฝ่ามือที่ยืนยันตัวตนของสถานะท่านผู้นำของโถงยี่ชี”

ถังซวงมองจี้หยกในมือ ด้วยความสับสนและร้อนรนเล็กน้อย

เธอไม่เคยคาดหวังให้ผู้เฒ่าฉีมอบสิ่งนี้ให้กับเธอโดยไม่บอกกล่าว เขาตั้งใจจะมอบโถงยี่ชีให้กับเธอ เดิมทีเธอคิดว่าโถงยี่ชีเป็นเพียงผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่ในเมืองเหวินซาน แต่ตอนนี้เห็นว่ามีคนของโถงยี่ชีจำนวนมากในก่างเฉิง เห็นชัดว่าโถงยี่ชีนี้มีอิทธิพลมากกว่าที่เธอคิด นี่ผู้เฒ่าฉีคิดจะทำอะไรกันแน่?

เมื่อเห็นถังซวงไม่พูด เฟ่ยไห่ชางจึงพูดต่อว่า “หัวหน้าครับ เราไปหาซูยี่กันเถอะ พวกเราคงไม่สบายใจแน่ถ้าคุณจะไปที่นั่นคนเดียว คุณคงยังไม่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าของตระกูลซูพยายามกลับตัวจากดำกลายเป็นขาวก่อนจะก่อตั้งตระกูลซูขึ้นมา ตระกูลซูนับว่ามีอำนาจมาก และตอนนี้พวกเขายังครอบครองกองกำลังใต้ดินด้วย เราไม่ควรประมาทนะครับ”

หลังจากได้ยินแล้ว ถังซวงก็คิดไตร่ตรอง

ไม่แปลกใจเลยที่ซูยี่จะกล้าลงมือ ตระกูลซูของเขาเคยเป็นอันธพาลมาก่อนนี่เอง พอได้ยินอย่างนั้น เธอจึงล้มเลิกความตั้งใจเดิมทันที

“อย่างนั้นรบกวนหัวหน้าเฟ่ยด้วยนะคะ”

หลังจากได้ยินถังซวงเรียกชื่อเขาอย่างนั้น เฟ่ยไห่ชางรีบพูดอย่างร้อนรน “หัวหน้าครับ เรียกชื่อผมเฉย ๆ ก็ได้”

เฟ่ยไห่ชางอายุมากพอที่จะเป็นพ่อของถังซวงได้ด้วยซ้ำ เธอจึงไม่คิดเรียกชื่อเขาโดยตรง เวลานี้เธอเรียกเขาว่า “งั้นลุงไห่ วันนี้ขอรบกวนคุณลุงพาฉันไปที่นั่นด้วยนะคะ”

“ครับ ๆ”

ถังซวงเดินนำหน้า ตามด้วยเฟ่ยไห่ชางและคนอื่น ๆ ก่อนทั้งหมดมุ่งหน้าสู่สถานที่ที่ซูยี่กำลังรออยู่

“เป็นที่นี่สินะ”

ถังซวงเงยหน้ามองลานด้านหน้าพร้อมกับเคาะประตู

“มาแล้ว มาแล้ว”

คนด้านในรีบวิ่งมาเปิดประตู “เฒ่าหลิว ทำไมช้าจัง ก็แค่จับผู้หญิงคนเดียว ทำไมถึงไปนาน…”

เมื่อเสียงเปิดประตูดังขึ้น คำพูดนั้นหยุดลงทันที เขามองถังซวงและกลุ่มคนด้านหลังด้วยใบหน้าตกตะลึง “คุณ… คุณ…”

“สวัสดีค่ะ”

ถังซวงทักทายด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดสบาย ๆ ว่า “คุณชายซูอยู่ในนั้นรึเปล่า? ฉันมีธุระจะคุยกับเขานิดหน่อยน่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด