การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 171 ทำให้เชื่อง

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 171 ทำให้เชื่อง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 171 ทำให้เชื่อง

บทที่ 171 ทำให้เชื่อง

เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วทำให้เฮ่อเจียรุ่ยและพานลั่วเฉิงต่างตื่นตระหนก ความเร็วของพวกเขาไม่อาจเทียบเท่าม้า แน่นอนว่าถังซวงที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็ไม่มีทางหลบพ้น

“ซวงเอ๋อร์!”

เฮ่อเจียรุ่ยตะโกนทั้งน้ำตา ขณะเดียวกันก็พุ่งไปด้านหน้าด้วยความเร็วสูงสุด

ทั้งที่วันนี้เขาต้องการพาลูกพี่ลูกน้องทั้งสองออกมาเที่ยวแท้ ๆ แต่ทำไมเรื่องแบบนี้ต้องเกิดขึ้น ถ้าถังซวงเป็นอะไรไปแม้เพียงนิดเดียว เขาก็ไม่รู้เลยว่าต้องไปสู้หน้าคนอื่นยังไง

อีกด้าน ถังซวงมองตรงไปยังม้าที่กำลังวิ่งตรงมา ความคิดที่เธอจะฝึกขี่ม้าทีละขั้นตอนเพื่อลดความประหลาดใจของคนอื่นก็หายไป จากนั้นเธอก็เหยียบโกลน คว้าบังเหียนแล้วพลิกตัวขึ้นนั่งบนหลังม้าอย่างรวดเร็ว

“ไป…”

ถังซวงกระชับบังเหียนและดึงเชือกขึ้นสูง

ม้ากรีดร้องยกกีบหน้าขึ้นสูง มันพยายามที่จะเหวี่ยงถังซวงออกไป

ถังซวงมองพื้นที่คับแคบภายในคอกม้าและพยายามบังคับบังเหียนก่อนจะตีก้นเจ้าม้าอย่างแรงเพื่อให้มันรีบออกจากตรงนี้ “ไป…”

หลังจากม้าถูกตี มันก็วิ่งทะยานไปด้านหน้าทันที

“พี่…” หลังตื่นตระหนกเสร็จแล้ว ในที่สุดถังเซวี่ยก็รู้สึกตัวและวิ่งออกไปตรงนั้น

ด้านเฮ่อเจียรุ่ยและพานลั่วเฉิงที่อยู่ด้านข้างเด็กสาวก็รู้สึกตัวแล้วเช่นกัน พวกเขาจึงติดตามเธอไป แต่พานลั่วเฉิงกลับนึกคิดถึงท่วงท่าที่ยอดเยี่ยมของถังซวงบนหลังม้าเมื่อครู่นี้ เขาอดไม่ได้ที่จะพูดกับเจียเฮ่อรุ่ยว่า “พี่เจียรุ่ย ถังซวงเก่งมาก นี่เธอเคยขี่ม้ามาก่อนงั้นหรือ แต่เมื่อกี้พี่เพิ่งบอกว่าจะตั้งใจสอนเธอไม่ใช่หรือ นี่เธอเก่งกว่าพี่เจียรุ่ยอีกนะครับ”

เมื่อคิดถึงทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของถังซวง เจียรุ่ยเองก็ตระหนักได้ว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับถังซวง ทุกอย่างมันก็จะผ่านพ้นไปทั้งหมด “ลูกพี่ลูกน้องของฉันคงจะเคยขี่ม้ามาก่อน แต่น้องถังเซวี่ยไม่เคยแน่นอน อืม แล้วฉันจะสอนน้องถังเซวี่ยทีหลัง”

แต่ท้ายที่สุด เฮ่อเจียรุ่ยก็เริ่มกังวลอีกครั้ง

“ถึงน้องถังซวงจะขี่ม้าได้ แต่ม้าตัวนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นม้าป่าดูไม่เชื่องเลยสักนิด สนามแข่งปล่อยให้ม้าแบบนี้หลุดออกมาได้ยังไงกัน”

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของพานลั่วเฉิงก็จริงจังขึ้นมา

“อืม เรื่องแบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในสนามนี้ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่น้องถังซวงเกือบต้องเจ็บตัวแล้ว”

เฮ่อเจียรุ่ยเป็นห่วงถังซวงมาก เขารีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และกวาดสายตามองรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าถังซวงยังปลอดภัยอยู่บนหลังม้า เขาก็โล่งใจพร้อมพูดว่า “โชคดีที่น้องถังซวงไม่เป็นไร ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้เลยจะอธิบายให้กับคุณอาเข้าใจได้ยังไง”

และถังเซวี่ยที่มองถังซวงควบม้าอย่างชำนาญ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “พี่คะ… พี่เก่งจังเลย”

ถังซวงเห็นถังเซวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังวิ่งออกมา แต่ม้าตัวนี้ยังไม่ได้รับการฝึกฝน เวลานี้เธอจึงพยายามกระชับบังเหียนเอาไว้และควบม้าไปบนสนาม

เวลานี้ ผู้ดูแลสนามรีบวิ่งมาเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นถังซวงขี่ม้าป่าที่หลุดออกมาอยู่ก็มีสีหน้าประหลาดใจกันถ้วนหน้า แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็ยิ้มกว้าง แขกของสนามคนนี้ยอดเยี่ยมมาก ดีที่ไม่มีใครบาดเจ็บ มิฉะนั้นสนามแข่งของพวกเขาจะต้องถูกตำหนิแน่นอน

ผู้รับผิดชอบรู้จักเฮ่อเจียรุ่ยและพานลั่วเฉิง เวลานี้เขารีบก้าวเข้าไปด้านหน้าพร้อมกล่าวขอโทษ “คุณชายเฮ่อ คุณชายพาน ผมต้องขอโทษด้วยกับเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ด้วยครับ สนามแข่งของเราต้องขออภัยอย่างยิ่งครับ”

เฮ่อเจียรุ่ยเหลือบมองผู้รับผิดชอบสนามแล้วพูดขึ้นทันที “หึ… ไม่ใช่พวกเราที่คุณจะต้องขอโทษ แต่เป็นน้องสาวของผมต่างหาก ถ้าเธอขี่ม้าไม่เป็น ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเกิดอะไรขึ้น แล้วพวกคุณจะสามารรับผิดชอบได้ไหม”

“ครับ ทั้งหมดเป็นความผิดของพวกเราครับ หลังจากเธอลงจากม้า ผมจะเข้าไปขอโทษเธอด้วยตัวเองแน่นอนครับ”

เดิมที ผู้รับผิดชอบคิดว่าถังซวงและถังเซวี่ยเป็นเพียงเพื่อนสาวคนสนิทของเฮ่อเจียรุ่ยและพานลั่วเฉิง แต่เขาไม่คาดคิดว่าทั้งหมดจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน จู่ ๆ เขาก็เห็นความสำคัญของถังซวงขึ้นมา

อีกด้านหนึ่ง หลังจากถังซวงจัดการม้าป่าตัวนี้ให้เชื่องแล้ว เวลานี้ม้าตัวนั้นก็กำลังพาถังซวงวิ่งในสนามอย่างสวยงาม แม้แต่ศีรษะของมันยังเอนเอียงไปให้ถังซวงลูบไล้อย่างออดอ้อน

เมื่อเห็นว่าม้าป่าดูเชื่องแล้ว ถังซวงก็หัวเราะออกมา เธอมีความสุขมากที่ได้ฝึกม้าป่าด้วยตัวเอง และเวลานี้ม้าตัวนี้ก็ได้เลือกเธอแล้ว

“น้องถังซวงนี่สวยจริง ๆ”

เมื่อพานลั่วเฉิงมองถังซวงที่กำลังขี่ม้ากลางสนามภายใต้แสงแดดอ่อน ๆ รอยยิ้มสดใสบนใบหน้านั้นทำให้ชายหนุ่มยิ้มตามโดยไม่รู้ตัว เขารู้สึกว่าดวงตาทั้งสองข้างถูกดึงดูดเอาไว้ไม่อาจละสายตาไปที่อื่นได้

เฮ่อเจียรุ่ยตอบอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอน ลูกพี่ลูกน้องของฉันต้องหน้าตาดีอยู่แล้ว ในตระกูลของพวกเราไม่มีใครน่าเกลียดสักคน”

แต่ไม่นาน เฮ่อเจียรุ่ยก็รู้สึกตัวแล้วมองพานลั่วเฉิงอย่างสงสัย “นี่นายมองเธอด้วยสายตาแบบไหนกัน? รีบเก็บมันไปเลยนะ คิดว่าน้องถังซวงเป็นยังไงกัน”

หลังจากได้ยินอย่างนี้แล้ว พานลั่วเฉิงก็รีบเอนตัวเข้าหาลูกพี่ลูกน้องแล้วพูดว่า “พี่เจียรุ่ย พี่ก็รู้จักฉันดี เอาล่ะ ตอนนี้พี่รีบบอกมาซะดี ๆ ว่าน้องถังซวงคนนี้ชอบอะไรบ้าง”

“หึ… ฉันไม่บอกหรอก เก็บของฟุ่มเฟือยของนายไปซะ นายไม่มีหวังสักนิด”

แม้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาจะมีภูมิหลังครอบครัวที่ดี อีกทั้งยังหน้าตาดีมาก แต่เฮ่อเจียรุ่ยคนนี้ก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายนั้นเปลี่ยนเพื่อนสาวข้างกายแทบจะทุกวัน อย่างกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาจึงไม่ใช่ผู้ชายที่คู่ควรกับน้องสาวเด็ดขาด

“อ้าว… พี่เจียรุ่ย เราไม่ใช่พี่น้องกันหรือไง?”

เวลานี้ ถังซวงเข้ามาแล้วมองเฮ่อเจียรุ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่คะ กำลังคุยอะไรกันอยู่หรือ?”

“น้องสาว เรากำลังคุยว่าเธอสุดยอดมากน่ะ”

ถังซวงกระโดดลงจากหลังม้าแล้วยิ้ม “จริงหรือคะ?”

“จริงค่ะ พี่คะ พี่เก่งเกินไปแล้ว” ถังเซวี่ยวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกอดถังซวงเอาไว้แน่น “พี่คะ… ทำไมพี่เก่งจัง แล้วตอนอยู่บนหลังม้า พี่ก็สวยมาก”

หลังเห็นท่าทางตื่นเต้นของถังเซวียแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “เธออยากทำแบบนั้นบ้างไหม?”

“ฉันอยากทำ ๆ”

ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ดวงตาฉายแววความตื่นเต้น

“แล้วพี่จะสอนเธอทีหลังนะ”

“ตกลงค่ะ”

ถังเซวี่ยพยักหน้าตอบรับ เธอแทบจะรอไม่ไหวที่จะฝึกขี่ม้า

อีกด้านผู้รับผิดชอบสนามรีบวิ่งเข้ามาและทำการขอโทษถังซวงอย่างจริงใจ “คุณผู้หญิงครับ ผมเสียใจจริง ๆ กับเรื่องที่เกิดขึ้น ทั้งหมดเป็นเพราะความประมาทเลินเล่อของสนามเรา ผมอยากจะขอโทษในนามของสนามแข่งม้าแห่งนี้ เพื่อชดเชยเรื่องทั้งหมด ผมจะยกม้าให้กับคุณผู้หญิง และคุณสามารถเลือกม้าทั้งหมดที่มีในสนามได้เลยนะครับ”

ม้าในสนามแบ่งออกเป็นระดับต่าง ๆ ราคาของม้าพันธุ์ดีจึงสูงมาก และม้าบางตัวที่คุณสมบัติไม่ดีจะถูกกว่าเป็นธรรมดา เวลานี้ตราบใดที่ถังซวงชอบมัน ไม่ว่าจะเป็นม้าพันธุ์ที่ดีที่สุด พวกเขาจะยอมมอบมันออกไปแต่โดยดี

เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นสูงก่อนจะชี้ไปยังม้าตัวข้าง ๆ ว่า “ถ้าอย่างนั้น ฉันจะเอาม้าตัวนี้”

“เอ๊ะ?”

ผู้รับผิดชอบสนามถึงกับประหลาดใจเล็กน้อยแล้วพูดติดขัดด้วยความลังเล “แต่… ม้าตัวนี้ยังดุและควบคุมยากนะครับ”

“ฉันเพิ่งขี่มันเมื่อกี้ แล้วมันก็ค่อนข้างใช้ได้เลยทีเดียว”

หลังจากนึกถึงท่าทางยอดเยี่ยมของถังซวงบนหลังม้าเมื่อครู่ ผู้รับผิดชอบสนามหยุดพูดทันทีก่อนจะพยายามฝืนยิ้มอย่างแข็งขัน “คุณผู้หญิงครับ แน่ใจจริง ๆ หรือว่าจะรับม้าตัวนี้ ความจริงแล้วเรายังมีม้าพันธุ์ดีอีกหลายตัวในสนามนะครับ”

ก่อนถังซวงจะพูดอะไร เฮ่อเจียรุ่ยดึงแขนเสื้อของเธอแล้วกระซิบว่า “น้องถังซวง ที่นี่มีม้าพันธุ์ดีมากมาย ถ้าเธอบอกว่าต้องการมัน พวกเขายินดีจะมอบให้เชียวนะ”

ถังซวงยิ้มแล้วตอบว่า “ฉันต้องการม้าตัวนี้ค่ะ”

หลังจากได้รับคำยืนยันจากถังซวงแล้ว เฮ่อเจียรุ่ยไม่ได้พูดอะไรอีก และผู้รับผิดชอบสนามยกยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ครับ จากนี้ไปม้าตัวนี้จะเป็นของคุณผู้หญิงครับ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด