การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 67 มีคนมาหา(รีไรท์)

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 67 มีคนมาหา(รีไรท์) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 67 มีคนมาหา(รีไรท์)

บทที่ 67 มีคนมาหา(รีไรท์)

เมื่อได้ยินคำพูดของข่งหม่านจู ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะจ้องหญิงวัยกลางคนตรงหน้า พวกเธอไม่เคยบอกใครเกี่ยวกับการรับศิษย์ของแม่เธอ แต่ข่งหม่านจูกลับรู้เรื่องนี้

แม่ของเธอได้รับการยอมรับจากซูเหนียนอวิ๋นด้วยความสามารถและการพยายามอย่างหนักของเธอเอง นี่เป็นเรื่องที่น่ายินดี ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ดังนั้นถังซวงจึงพยักหน้าและพูดออกไปตามตรงว่า “ใช่ แม่ของฉันทำพิธีรับศิษย์ไปแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง ใบหน้าของข่งหม่านจูก็มืดมนลงทันที

“เป็นไปได้ยังไง…”

แม้ว่าเฮ่อหลานจะรู้วิธีปักผ้า แต่เธอไม่ใช่คนเดียวที่รู้วิธีปักผ้าเสียหน่อย แล้วทำไมเฮ่อหลานถึงได้รับเลือกในท้ายที่สุดกัน

เธอได้ยินข่าวนี้โดยบังเอิญเมื่อเธอไปตำบลวันนี้ ว่ากันว่าเฮ่อหลานเข้าร่วมการฝึกที่ร้านขายผ้า และมีอาจารย์คนหนึ่งที่เก่งมากมาที่นั่น และเธอก็ดันไปเข้าตาอาจารย์คนนั้น เฮ่อหลานคนนั้นน่ะหรือ อาจารย์คนนั้นถูกใจในฝีมือของเฮ่อหลานทันทีและยอมรับเธอเป็นลูกศิษย์

เมื่อเธอได้ยินมาแบบนี้ เธอก็ยังไม่เชื่อ แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง

เมื่อเห็นใบหน้าที่น่าเกลียดของข่งหม่านจู ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ทักษะการปักผ้าของแม่ฉันดีมากอยู่แล้ว และแม่ก็ทำงานอย่างหนัก อาจารย์ซูเลยรับแม่เป็นศิษย์ มันก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้นี่”

“เหอะ… เฮ่อหลานจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว”

เมื่อเห็นท่าทางอิจฉาของข่งหม่านจู ถังซวงยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าแม่ของฉันยอดเยี่ยมมาก แม่ไม่เพียงแต่สวยเท่านั้น แต่ยังเก่งในด้านงานฝีมือด้วย ตอนนี้แม่อาศัยความสามารถของตัวเองเพื่อเลี้ยงดูเราพี่น้อง แบบนี้แล้วยังไม่เก่งพออีกหรือ?” ในตอนท้ายถังซวงมองข่งหม่านจูหัวจรดเท้า และพูดว่า “คุณมักมีปัญหากับแม่ของฉันเสมอ คงอิจฉาแม่มากสินะ”

“เธอ… เธอกำลังพูดไร้สาระอะไร”

ตั้งแต่ยังเด็ก ข่งหม่านจูรู้สึกมาตลอดว่าเฮ่อหลานนั้นสวยและมีความสามารถ แต่หลังจากที่เฮ่อหลานแต่งงานออกไป อีกฝ่ายก็มีแต่เรื่องน่าสมเพชมากมายในบ้านของอดีตสามี เธอไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ เฮ่อหลานจะลุกขึ้นยืนหยัด ไม่เพียงอาศัยอยู่กับลูกสาวสองคนเท่านั้น เธอยังได้รับการยอมรับให้เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์ผู้มีชื่อเสียง เพราะอย่างนั้นมันก็เป็นไปไม่ได้แล้วที่เธอจะเอาตนเองไปเปรียบเทียบพวกเธอในอนาคตได้

ถังซวงรู้ว่าตัวเองเดาถูกเมื่อเห็นท่าทางของข่งหม่านจู

“ป้าข่งคะ ถ้ามีเวลา ก็กลับบ้านไปฝึกฝนตัวเองหนัก ๆ นะ ทุกวันนี้เอาแต่อิจฉาไปเรื่อย ไม่เหนื่อยหรือคะ?”

เดิมทีข่งหม่านจูต้องการให้บทเรียนแก่ถังซวง แต่เมื่อเธอสังเกตเห็นสายตาของผู้คนรอบตัว เธอก็รู้ว่าตัวเองไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้อีกต่อไป ดังนั้นเธอจึงดึงจางย่าหนาน และพูดว่า “ทำไมแกยังอยู่ที่นี่อีก ไป กลับบ้าน และละอายใจตัวเองบ้าง”

“แม่ ทำไมแม่พูดกับหนูแบบนั้น หนู…”

จางย่าหนานก็ถูกแม่ของเธอลากออกไปก่อนที่เธอจะได้ถามเกี่ยวกับเรื่องของโม่เจ๋อหยวนจบ

หลังจากที่แม่ลูกข่งหม่านจูจากไป คนอื่น ๆ ในหมู่บ้านก็มองไปที่ถังซวง และถามว่า “หนูซวง อาหลานได้รับความสนใจจากบุคคลที่มีชื่อเสียงมากจริง ๆ สินะ น่าทึ่งจริง ๆ พวกเธอแม่ลูกก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้วล่ะ”

“ใช่ ๆ ฉันรู้ว่าอาหลานต้องมีอนาคตที่ดีแน่ เธอทั้งสวยและมีความสามารถมากตั้งแต่ยังเด็กแล้ว”

“ใช่แล้ว ๆ แม้อายุปูนนี้ อาหลานก็ยังมีความสามารถอยู่”

คนรอบข้างส่วนใหญ่ใจดีกับพวกเธอมาก และแน่นอน มีบางคนที่พูดจาหยาบคายเช่นกัน

“ไม่คาดฝันเลยว่าเฮ่อหลาน ผู้หญิงที่หย่าร้างจะมีโอกาสแบบนั้น มันน่าทึ่งมาก”

“ใช่ เราไม่มีใครเทียบได้เลย ท้ายที่สุดแล้วใครบ้างที่จะกล้าหย่าร้าง มีเพียงเฮ่อหลานเท่านั้นแหละที่มีความสามารถแบบนี้”

“คิคิ… ใครว่าไม่ใช่ละ”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงเงยหน้าขึ้นและพบว่าเป็นสะใภ้คนหนึ่งในหมู่บ้านและผู้หญิงอีกสองคนที่มีอายุใกล้เคียงกัน ในตอนแรกเธอรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของคนเหล่านี้ แต่ในไม่ช้า เธอก็เข้าใจได้ในทันที เธอจึงชี้ไปที่คนที่พูดจาหยาบคาย และพูดว่า “ฉันรู้จักคุณ ลูกสะใภ้ของตระกูลเฉียนในหมู่บ้านใช่ไหมคะ? คุณเคยเข้าร่วมการฝึกอบรมที่ร้านขายผ้ามาก่อน น่าเสียดายที่ทักษะของคุณไม่ดีพอ แม้แต่งานปักพื้นฐานยังทำไม่ได้เลย แล้วจะทำอะไรกินกันล่ะคะ”

“เหอะ… ถึงฉันไม่ได้งานปักผ้า อย่างน้อยครอบครัวสามีก็ปฏิบัติต่อฉันอย่างดี ไม่เหมือนแม่ของเธอที่ถูกทอดทิ้งหรอก”

“นี่… ฉันคิดว่าคุณพูดผิดไปหน่อยนะ แม่ของฉันไม่ได้ถูกทิ้ง ถังเจี้ยนกั๋วต่างหากที่ถูกทิ้ง”

ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่รู้เรื่องนี้เลย

บางคนที่เคยได้ยินข่าวกล่าวว่า “ที่ได้ยินมา ดูเหมือนว่าตอนนั้นถังเจี้ยนกั๋วก็จะไม่เต็มใจที่จะหย่าร้างนะ แต่เป็นอาหลานเองที่ต้องการ และในที่สุดเธอก็พาลูกสาวอย่างซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยออกมาด้วย”

“จริงหรือ? ปรากฏว่าเป็นอาหลานที่เสนอก่อนสินะ”

“ตอนแรกฉันไม่เชื่อ แต่พอวันนี้ถังซวงพูดแบบนั้น แสดงว่าเรื่องนี้ต้องเป็นความจริงแน่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ลูกสะใภ้คนเล็กของตระกูลเฉียนก็ตกตะลึงเช่นกัน เธอไม่รู้จริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่แล้วยังไงล่ะ “หึ… ถึงยังไง เฮ่อหลาน…”

แต่ก่อนที่ลูกสะใภ้คนเล็กของตระกูลเฉียนจะพูดจบ หลิวเหลียงไคหัวหน้าหมู่บ้านก็รีบวิ่งมาทางด้านนี้และตะโกนขณะที่เขาวิ่งมาที่เด็กสาว “หนูซวง… หนูซวง…”

เมื่อถังซวงเห็นว่าหลิวเหลียงไคกำลังตามหาเธอ ดวงตาของเธอก็เต็มไปด้วยความสงสัย เมื่อหลิวเหลียงไคเข้ามาใกล้ เธอรีบถามทันที “คุณลุง ตามหาหนูมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?”

“หนูซวง คนจากโรงงานผลิตเครื่องจักรมาหาเธอเพราะเรื่องบางอย่างน่ะ เพราะงั้นรีบไปที่หมู่บ้านกับฉันเถอะ พวกเขารอเธออยู่ที่นั่น”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของถังซวงเป็นประกายอย่างชัดเจน

ปรากฏว่ามีคนจากโรงงานเครื่องจักรมาหาเธองั้นหรือ

“ได้ค่ะ ฉันจะไปทันที”

โม่เจ๋อหยวนได้ยินว่าผู้คนจากโรงงานเครื่องจักรมาหาถังซวง ก็เกิดความสงสัย แต่เขาไม่ได้ถามคำถามอะไรเธอ และเดินตามหลังถังซวงไป

หลังจากพวกเธอออกไป คนที่เหลือก็พูดคุยกันต่อ

“เมื่อกี้ฉันได้ยินถูกต้องใช่ไหม? หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่ามีคนจากโรงงานเครื่องจักรมาหาถังซวง?”

“เธอได้ยินถูกแล้ว ฉันก็ได้ยินเหมือนกัน นี่แสดงว่า… ถังซวงรู้จักคนจากโรงงานผลิตเครื่องจักรด้วยงั้นหรือ? ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลยล่ะ”

“ใช่ ฉันก็ไม่ได้ยินมาก่อนเลย”

“ฉันเป็นคนเดียวรึเปล่าที่สงสัยว่าทำไมคนจากโรงงานเครื่องจักรถึงมาหาถังซวง?”

“ไม่ใช่แค่เธอ แต่พวกเราก็อยากรู้เหมือนกัน”

ทุกคนรวมตัวกันและพูดคุยด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็ไม่ได้รู้เรื่องอะไรเพิ่มขึ้นจากการสนทนา

อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ถังซวงติดตามหลิวเหลียงไคไปที่หมู่บ้าน และเธอก็เห็นเหลียงจุนเฟิงที่เคยพบกัน

ทันทีที่เหลียงจุนเฟิงเห็นถังซวง เขารีบวิ่งไปข้างหน้าด้วยความตื่นเต้น “โอ้… เสี่ยวถัง เจอเธอสักที มากับเราที่โรงงานเครื่องจักรเถอะ”

ถังซวงถามหลังจากได้ยิน “คุณมีอุปกรณ์เสริมทั้งหมดครบแล้วหรือคะ? ถ้าคุณมีชิ้นส่วนทั้งหมดแล้วก็ไปกันตอนนี้เลยก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามีไม่ครบ ถึงฉันจะไปมันก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะ”

“สหายเสี่ยวถัง เรามีทุกอย่างพร้อมแล้ว เพราะงั้นเราไปกันเลยเถอะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น ถังซวงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าและพูดว่า “ได้ค่ะ งั้นไปกันเถอะ” จากนั้นเธอก็มองไปที่หลิวเหลียงไค และพูดว่า “คุณลุงคะ ฉันรบกวนคุณลุงบอกเสี่ยวเซวี่ยให้หน่อยนะคะ ไม่งั้นเธอจะกังวลเอา”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *