การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 204 ตาสับปะรด

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 204 ตาสับปะรด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 204 ตาสับปะรด

บทที่ 204 ตาสับปะรด

หลังได้ยินคำพูดของเหมาเจียวเจียว นักเรียนที่อยู่ด้านหน้าและด้านหลังของห้อง ทั้งหมดต่างหันมามองถังซวงด้วยความอยากรู้

ถังซวงยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ที่จริงก็ไม่มีอะไรมากหรอก อาจเป็นเพราะฉันมีความจำดี เลยจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้หลังจากอ่านหนังสือทบทวนครั้งสองครั้ง ถึงสามารถสอบเลื่อนระดับชั้นจากมัธยมต้นปี 1 มาชั้นมัธยมต้นปี 3 ได้น่ะ”

“โอ้โห จริงหรือ นี่มันสุดยอดมากเลยนะ”

เหมาเจียวเจียวมองถังซวงอย่างชื่นชม และเธอก็ยิ่งรู้สึกประทับใจมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นักเรียนคนอื่น ๆ กลับไม่คิดอย่างนั้น พวกเขารู้สึกว่าถังซวงคนนี้ขี้เหนียววิชาและไม่ต้องการบอกวิธีของตนกับใคร ทั้งหมดจึงเลิกสนใจถังซวงทันที

เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ถังซวงเลิกคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เธอต้องการเรียนจบชั้นมัธยมต้นให้เร็วที่สุดแล้วไปต่อในมัธยมปลาย เธอไม่สนใจเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ที่เพิ่งได้พบเหล่านี้สักนิด

ส่วนเหมาเจียวเจียวไม่สนใจสายตาของผู้คนโดยรอบ เธอเอ่ยพูดออกไปตรง ๆ ว่า “ถังซวง ถ้าในอนาคตฉันมีคำถาม ฉันขอมาถามเธอได้ไหม?”

“แน่นอนสิ”

เมื่อถังซวงยินดี เหมาเจียวเจียวก็โล่งอก

ทว่ายังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังของเหมาเจียวเจียว พอได้ยินอย่างนั้น อีกฝ่ายก็หัวเราะอย่างเย้ยหยัน “นี่เหมาเจียวเจียว เธอไม่อายหรือที่ตัวเองเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้นปี 3 แต่จะไปถามหาคำตอบจากเด็กชั้นมัธยมต้นปี 1 เธอกำลังทำให้พวกเราอับอายนะ”

“หลี่ฟาง เพราะเธอไม่ชอบเรียนต่างหาก เธอจะมาตัดสินคนอื่นว่าเป็นเหมือนตัวเองไม่ได้นะ แล้วรู้อะไรไหม ถ้าถังซวงเรียนไม่เก่ง เธอจะสอบเลื่อนระดับมาได้ยังไง? ฉันอยากจะรู้ว่าเธอสามารถทำแบบนี้ได้ไหม”

“เธอ… เหมาเจียวเจียว นังเด็กบ้านนอกตัวเหม็น อย่างเธอแค่ได้เรียนชั้นมัธยมต้นก็ดีเท่าไรแล้ว จะเรียนต่อมัธยมปลายยังยากเลย คงได้แค่ฝัน เด็กบ้านนอกอย่างเธอไม่มีปัญญาหรอก!”

หลังได้ยินอย่างนี้แล้ว เหมาเจียวเจียวก็พลันตอบกลับด้วยใบหน้าสดใส “ไม่ว่าฉันจะได้เรียนต่อหรือเปล่า มันไม่ใช่เรื่องของเธอ เธอควรเอาเวลาไปห่วงตัวเองมากกว่านะ”

“เธอ…”

หลี่ฟางตกตะลึงจนพูดไม่ออก ก่อนจะตะคอกกลับด้วยความโกรธจัด “ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอดูว่าเธอจะเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายได้ไหม และครอบครัวของเธอจะสามารถส่งเสียเลี้ยงดูจนเธอเรียนจบได้ไหม!”

เหมาเจียวเจียวเพียงเม้มริมฝีปากแต่ไม่ตอบกลับ ความโศกเศร้าก็เผยชัดในแววตา

ความจริงแล้ว สิ่งที่หลี่ฟางพูดก็ถูกต้อง แม้เธอจะได้เรียนต่อในชั้นมัธยมปลายจริง ๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะสามารถเรียนจนจบได้ไหม เพราะครอบครัวของเธอลำบากมาก หากทำอย่างนั้นมันจะเป็นการเพิ่มภาระให้กับครอบครัวเข้าไปอีก

ถังซวงมองเหมาเจียวเจียวนิ่ง แต่ก่อนที่เธอจะทันได้พูดอะไร ชั้นเรียนที่สองก็เริ่มขึ้นแล้ว

หลังชั้นเรียนในช่วงเช้าสิ้นสุดลง ถังซวงเก็บข้าวของและเตรียมตัวกลับบ้านทันที

“พี่คะ… ทางนี้ ๆ”

ทันทีที่ถังซวงยืนขึ้นและเดินออกจากห้อง เธอเห็นถังเซวี่ยยืนโบกไม้โบกมืออยู่หน้าประตู หญิงสาววิ่งไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยถามว่า “เสี่ยวเซวี่ยทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ?”

“ก็วันนี้เป็นวันแรกของพี่ในชั้นมัธยมต้นปี 3 นี่ ฉันเลยมาดูน่ะ แต่ฉันไม่ได้มาคนเดียวนะ พี่โม่ก็มาด้วยค่ะ”

จากนั้นถังซวงจึงเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนยืนอยู่ด้านหลังของถังเซวี่ย

ชายหนุ่มมองถังซวงแล้วเอ่ยถามว่า “เป็นยังไงบ้างเรียนวันแรก?”

“ก็ดีค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเพียงแค่บอกว่า “งั้นเรารีบกลับบ้านกันเถอะ คุณปู่หลี่คงทำอาหารรอพวกเราแล้ว เดี๋ยวมันจะเย็นซะก่อน”

“ค่ะ กลับบ้านกันเถอะ”

ถังซวงถูกถังเซวี่ยดึงและเดินไปที่ประตูโรงเรียนอย่างรวดเร็ว ขณะที่โม่เจ๋อหยวนเดินตามหลังทั้งสองด้วยรอยยิ้ม

เหมาเจียวเจียวมองแผ่นหลังของถังซวงและคนอื่น ๆ ที่จากไปด้วยความอิจฉา แต่เธอไม่ได้มองนานก็หันมาอ่านหนังสือเพื่อทบทวนบทเรียนต่อไป

อีกด้านหนึ่ง เมื่อถังซวงและคนอื่นมาถึง หลี่จงอี้เตรียมอาหารเสร็จแล้ว “เร็วเข้า รีบล้างมือเร็ว วันนี้มีอาหารจานเด็ด ๆ เพียบเลย”

ถังซวงมองอาหารหรูบนโต๊ะอาหารพร้อมกับพูดว่า “คุณปู่ทำอาหารเยอะเกินไปแล้วค่ะ”

“ไม่เยอะเกินไปหรอก วันนี้พวกเธอไปโรงเรียนวันแรกคงจะเหนื่อยมาก ต้องเติมพลังกันสักหน่อย” พอพูดจบแล้ว หลี่จงอี้ก็รีบเชิญชวนให้พวกเขามารับประทานอาหาร

เมื่อเห็นหลี่จงอี้พูดอย่างนั้น ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนก็ไม่พูดอะไร เพียงก้มหน้ากินข้าวอย่างตั้งใจ

หลังมื้ออาหารจบลง ถังซวงรู้สึกเหนื่อยกับการกินมากเกินไป เธอเอนกายอย่างเกียจคร้านเพื่อย่อยอาหาร ก่อนจะเอ่ยปากชมหลี่จงอี้ว่า “ฝีมือการทำอาหารของคุณปู่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ นะคะ อาหารทุกจานอร่อยมากเลยค่ะ”

“ฮ่า ๆ ๆ … จะกินมากแค่ไหนก็ได้นะ เอาเถอะ ยังพอมีเวลา งีบพักสักหน่อยแล้วค่อยกลับไปโรงเรียนเถอะ”

“ค่ะ”

หลังถังซวงและคนอื่น ๆ พักผ่อนได้ครู่หนึ่ง พวกเขาก็กลับไปเรียนในตอนบ่าย

เวลานี้ถังซวงกลายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมต้นปี 3 โดยสมบูรณ์ และมีชีวิตที่สุดแสนจะวุ่นวายในทุก ๆ วัน

เมื่อถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ถังซวงไม่คาดคิดว่าจะมีคนมาเยี่ยมถึงที่บ้าน

“ชุนหยาน มาได้ยังไงเนี่ย?”

ถังชุนหยานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อเห็นถังซวง “พี่ซวง ฉัน… ฉันแค่มาหาพี่กับเสี่ยวเซวียน่ะ” จากนั้นเธอก็วางกระสอบในมือลงแล้วพูดว่า “พวกนี้เป็นผักราคาถูกที่ฉันปลูกเองที่บ้านค่ะ”

เมื่อเห็นกระสอบใบใหญ่นี้ ถังซวงพยักหน้าให้กับถังชุนหยานแล้วตอบว่า “ขอบคุณนะ เธอคงเหนื่อยมาก แบกมันมาตั้งไกล”

ส่วนถังเซวี่ยไม่ได้เจอถังชุนหยานมานานแล้ว และเธอก็มีความสุขมากที่ได้พบเธออีกครั้ง เพราะยังไงถังชุนหยานก็เคยร่วมเป็นร่วมตายกับพวกเธอมาก่อน

ถังชุนหยานโบกมือเมื่อได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ก่อนจะตอบว่า “ก็ไม่ได้หนักอะไรมากหรอกค่ะ นิดหน่อยเอง”

“ชุนหยาน เข้ามานั่งพักดื่มชาก่อนนะ”

เมื่อเห็นท่าทางเกรงใจของถังชุนหยานแล้ว ถังซวงยกยิ้มแล้วบอกกล่าวให้เธอนั่งลง

หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ถังซวงเอ่ยถามอีกครั้ง “ชุนหยาน เธอมีอะไรให้ฉันช่วยหรือเปล่า?”

ถังชุนหยานหน้าแดง ก่อนจะกัดฟันกล่าวว่า “พี่ซวง พรุ่งนี้พี่ว่างไหมคะ? ช่วยไปสถานที่หนึ่งกับฉันหน่อยได้ไหม?”

“ที่ไหนหรือ?”

แน่นอนว่าถังซวงไม่ตอบตกลงในทันที แต่เอ่ยถามกลับไป

ถังชุนหยานจึงอธิบายเรื่องราวทั้งหมดอย่างกระชับ

“พี่ซวง ครอบครัวของฉันแนะนำให้ฉันรู้จักกับเมิ่งก่วงจี๋ ลูกชายของหัวหน้าหมู่บ้านหลี่ซาน ครอบครัวเมิ่งดีมาก และเมิ่งก่วงจี๋กับครอบครัวของเขาก็ดีกับฉันมาก ดังนั้นแม่ของฉันจึงอยากให้เราสองคนแต่งงานกันโดยเร็วที่สุด”

เมื่อนึกถึงอายุของถังชุนหยานแล้ว ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว มันเร็วเกินไปสำหรับเธอที่จะแต่งงานในเวลานี้

“ทำไมรีบร้อนนักล่ะ?”

ถังชุนหยานไม่รู้สึกว่าตนอายุน้อย “ความจริงแล้วฉันก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร และฉันก็ถึงวัยที่จะแต่งงานได้แล้ว”

“…”

ถังซวงถึงกับพูดไม่ออก

“ก็ในเมื่อเธอคิดอยากจะแต่งงาน แล้วทำไมต้องกังวลด้วยล่ะ?”

ถังชุนหยานตระหนักได้ว่าเธอกำลังถูกชักนำให้หลงทาง ดังนั้นจึงรีบวนกลับมาที่หัวข้อบทสนทนาเดิม “พี่ซวงคะ ฟังฉันก่อน ฉันรู้สึกว่ามีบางอย่างเกี่ยวกับเมิ่งก่วงจี๋ที่ผิดปกติ ฉันเลยอยากให้พี่ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด