การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 216 ปรับปรุงให้ดี

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 216 ปรับปรุงให้ดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 216 ปรับปรุงให้ดี

บทที่ 216 ปรับปรุงให้ดี

เฮ่อหลานได้ยินสิ่งที่จิงเจ้อหรงพูด จึงถามเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในหมู่บ้านหลี่ซาน “ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ? แล้วซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวโม่มีส่วนร่วมกับเรื่องนี้มากเลยหรือคะ?”

“แน่นอน ถ้าทั้งสองคนไม่สังเกตว่ามีบางอย่างผิดปกติกับที่นั่น เราคงไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในหมู่บ้านหลี่ซานเลย อีกอย่างเบื้องบนให้ความสำคัญกับมันมากเพราะนั่นคือเหมืองทองคำและเหมืองลิเธียมที่มีขนาดใหญ่ มันจะเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของประเทศ พวกเขาทั้งสองเป็นคนสร้างความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ให้กับพวกเราจริง ๆ”

เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว เฮ่อหลานรู้สึกโล่งอก แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังลอบหวาดหวั่นในใจ

“โชคดีที่ซวงเอ๋อร์และเสี่ยวโม่ปลอดภัย ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้เลยว่าจะทำยังไงดี”

เมื่อนึกถึงเรื่องอันตรายที่เกิดขึ้นในคราวนี้ จิงเจ้อหรงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ครับ โชคดีที่พวกเขาปลอดภัย”

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกัน ถังซวง ถังเซวี่ยเดินเข้ามาพร้อมกับโม่เจ๋อหยวน และเมื่อเฮ่อหลานเห็นว่าพวกเขากลับมาแล้วจึงเอ่ยถามออกไปอย่างสงสัย “วันนี้ทำไมพวกลูกกลับมาเร็วจัง?”

“อ้อ วันนี้ไม่มีเรียนค่ะ อาจารย์มีประชุมช่วงบ่าย พวกเราเลยกลับบ้านได้”

เฮ่อหลานรีบถามทันที “แล้วหิวกันหรือยัง เดี๋ยวแม่จะไปทำอาหารมาให้”

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ พวกเรายังไม่หิว”

ถังซวงรีบบอกแม่ของตนอย่างรวดเร็วแล้วหันมองจิงเจ้อหรง “ลุงจิงก็มาที่นี่หรือคะ?”

จิงเจ้อหรงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วตอบว่า “ใช่ ทุกอย่างที่หมู่บ้านหลี่ซานเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้มีคนที่รับผิดชอบแทนฉันเข้าประจำการแทนแล้ว ฉันเลยกลับมาน่ะ” ขณะพูดอย่างนั้น เขาก็พูดถึงรางวัลที่ผู้บังคับบัญชามอบให้กับเขาทั้งสองด้วย “อีกสองวันจะมีคนมามอบธงให้พวกเธอทั้งคู่ด้วย”

ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนมีความสุขมาก เป็นเพราะพวกเขาทำให้ทุกคนได้รู้ถึงเรื่องใหญ่แบบนี้หากพวกเขาไม่รู้สึกสงสัย คงไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าชาวฝูซางจะสูบเลือดสูบเนื้อจากประเทศจีนไปมากเท่าไร

แต่กลับกัน ถังเซวี่ยยิ่งตื่นเต้นกว่าพี่สาวเสียอีก

“พี่คะ พี่โม่ พวกพี่เก่งกันเกินไปแล้ว”

เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของถังเซวี่ยแล้ว ถังซวงก็หัวเราะ

หลังจากนั้นสองสามวัน ก็มีคนมาเคาะประตู และคนที่มาเยือนคือคนคุ้นเคยของถังซวงและโม่เจ๋อหยวน เขาคือซุนหง

“ฮ่า ๆ ๆ… สหายถังซวง สหายโม่ พวกเธอทำผลงานได้ยอดเยี่ยมจริง ๆ ต้องขอบคุณพวกเธอมาก” ขณะพูดอย่างนั้นซุนหงก้าวไปด้านหน้าแล้วตบไหล่โม่เจ๋อหยวน ก่อนจะหันมองถังซวงแล้วพูดถึงความสำเร็จของทั้งสองด้วยน้ำเสียงยินดี

ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “ลุงซุน พวกเราแค่ไปพบมันโดยบังเอิญค่ะ”

“ถึงจะเป็นเรื่องบังเอิญก็เถอะ แต่พวกเธอสองคนเก่งมาก” ซุนหงชื่นชมพวกเขาไม่ขาดปาก ก่อนจะหยิบรางวัลออกมาแล้วพูดว่า “ถึงมันจะไม่มากนัก แต่น้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ พวกเธอรับไว้เถอะ”

เนื่องจากมันคือของที่มาจากผู้บังคับบัญชา ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนย่อมไม่คัดค้านและรับมันไว้

ซุนหงอยากจะอยู่คุยต่อ แต่เขายังมีหลายสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นจึงรีบจากไปหลังพูดคุยกับจิงเจ้อหรงเสร็จ

ถังเซวี่ยที่หลบอยู่ด้านหลังเห็นว่าซุนหงจากไปแล้ว เธอรีบวิ่งออกมาด้านหน้าเพื่อดูรางวัลที่ถังซวงได้รับ แต่มันก็ไม่ค่อยแตกต่างกันมากนักและเลิกสนใจไปเอง

ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

ถังซวงเปิดประตูและเห็นถังชุนหยานยืนอยู่ตรงนั้นคนเดียว

“ทำไมมาที่นี่ได้ล่ะ รีบเข้ามาก่อนเร็วเข้า”

ถังชุนหยานมองถังซวงก่อนจะรีบตามเข้าไปในห้อง แต่เธอไม่คาดคิดว่าจะมีคนจำนวนมากอยู่ที่นี่ เธอจึงเริ่มทักทายทีละคนก่อนจะหันกลับมามองถังซวงอีกครั้ง

“พี่ซวงคะ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ฉันคงต้องแต่งงานกับคนในหมู่บ้านหลี่ซานไปแล้ว ขอบคุณพี่มาก ๆนะคะ”

เวลานี้เรื่องราวภายในหมู่บ้านหลี่ซานแพร่กระจายออกไปอย่างช้า ๆ ทันทีที่ตระกูลถังทราบเรื่องนี้ พวกเขารู้สึกว่าหัวใจแตกสลายทันที สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องใหญ่มากจนแม่เฒ่าถังกลัวว่ามันจะกระทบมาถึงพวกตน

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้ม “พวกเราเองก็เจอมันโดยบังเอิญน่ะ”

ถังชุนหยานรู้สึกว่าตัวเองรอดตายแล้ว และยังรู้สึกเสมอว่าถังซวงช่วยชีวิตตนไว้อีกครั้ง “ไม่ว่าจะยังไงฉันก็อยากขอบคุณทุกคนนะคะ”

จิงเจ้อหรงเห็นว่ามีเด็ก ๆ หลายคนกำลังอยู่ที่นี่ เขาจึงจูงมือเฮ่อหลานออกไปด้านนอก

เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานไม่อยู่แล้ว ถังชุนหยานก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น ทว่าเวลานี้เธอต้องรีบกลับไปที่หมู่บ้านหลู่ฮวา เลยอยู่ที่นี่ได้ไม่นานนัก

เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นค่อย ๆ สงบลง จนกระทั่งเฮ่อหลานมีเวลากลับไปยังหมู่บ้านเถาฮวา ยังไม่มีใครรู้ว่าเธอจะสร้างโรงงานเย็บปัก ดังนั้นเฮ่อหลานจึงต้องเร่งมือให้เร็วขึ้น

แต่พอหลิวเหลียงไคทราบถึงสิ่งที่เฮ่อหลานกำลังจะทำ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“จริงหรือที่ว่าหมู่บ้านของเราจะมีโรงงานเย็บปักเป็นของตัวเอง?”

เฮ่อหลานยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ใช่ค่ะ ถ้าผู้หญิงในหมู่บ้านต้องการเรียนรู้ทักษะเย็บผ้า พวกเขาสามารถมาที่นี่ในฐานะเด็กฝึกงานได้ ถึงแม้จะได้เงินไม่มาก แต่ก็เพียงพอสำหรับค่าอาหารในทุกวัน”

“เป็นเรื่องจริงหรือที่จะมีการรับเด็กฝึกงานเข้ามาทำงานด้วย?”

“จริงค่ะ”

เฮ่อหลานพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “อีกอย่างฉันต้องการหาคุณป้าสักสองคนมาทำอาหารให้คนในโรงงาน เงินเดือนสามสิบหยวนค่ะ”

“จริงหรือ?”

เงินเดือนเท่านี้นับว่ายอดเยี่ยม หากชาวบ้านรู้เรื่องนี้พวกเขาต้องอยากมาทำงานที่นี่แน่

“ใช่ค่ะ ฉันหวังว่าชาวบ้านคงจะไม่รังเกียจ”

หลิวเหลียงไคโบกมือพร้อมพูดว่า “จะรังเกียจได้อย่างไรละ พวกเขาจะแย่งกันเข้ามาทำงานด้วยซ้ำ”

จากนั้นทั้งสองพูดคุยกันเกี่ยวกับโรงงานเย็บปักอย่างละเอียด ขณะเดียวกันหลิวเหลียงไคก็อนุมัติที่ดินผืนหนึ่งให้กับเฮ่อหลาน “ที่ดินตรงนี้ยังว่างอยู่ เธอสามารถสร้างโรงงานเย็บปักได้เลย”

เมื่อเฮ่อหลานและหลิวเหลียงไคตกลงที่จะสร้างโรงงานเย็บปักแล้ว ซูเหนียนอวิ๋นและเกอชิงเหม่ยก็มาที่นี่ด้วย

เมื่อเห็นทั้งสองแล้ว เฮ่อหลานเผยสีหน้าประหลาดใจ “อาจารย์ พี่สาว ทำไมมาที่นี่ได้ล่ะคะ เข้ามานั่งด้านในก่อนค่ะ”

ซูเหนียนอวิ๋นยิ้มแล้วตอบว่า “เรายังไม่เคยคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ที่มาวันนี้เพราะจะมาช่วยเธอ ถ้าเป็นไปได้ในอนาคตฉันกับชิงเหม่ยก็จะมาอยู่ที่นี่สักพัก”

“จริงหรือคะ?”

เฮ่อหลานยิ่งประหลาดใจมากกว่าเดิม “อาจารย์คะ ถ้ามีโอกาสพวกคุณสามารถอยู่ที่นี่ได้เลยนะคะ”

“ฮ่า ๆ เดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เอง”

ซูเหนียนอวิ๋นยังไม่ตอบรับในทันที แต่ยังไงเธอก็ต้องมาดูแลที่นี่แน่ หากที่นี่น่าอยู่จริง ๆ เธอก็จะพิจารณาเรื่องการมาอยู่ที่นี่ได้ เพราะเธอไม่มีอะไรต้องเป็นกังวลอีกแล้วในเมืองซู

เมื่อถังซวงและคนอื่น ๆ กลับมา พวกเขาจึงทราบว่าซูเหนียนอวิ๋นและเกอชิงเหม่ยอยู่ที่นี่ด้วย ทุกคนรู้สึกยินดีมากที่ได้พบกันอีกครั้ง

วันรุ่งขึ้น เฮ่อหลานพาทุกคนไปที่หมู่บ้านเถาฮวา

เมื่อมาถึง เฮ่อหลานรีบพาอาจารย์และพี่สาวไปที่บ้านใหม่ของพวกเขาทันที “อาจารย์คะ พี่คะ พวกคุณสามารถอาศัยอยู่ที่นี่ได้เลยนับจากวันนี้ไป”

“ว้าว… อาหลาน บ้านเธอสวยมาก”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด