การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 314 ดูตัว

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 314 ดูตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 314 ดูตัว

บทที่ 314 ดูตัว

เมื่อเห็นถังซวงปฏิเสธที่จะยอมรับความผิด แต่ยังทำราวกับว่าทั้งหมดนี้คือความผิดของเธอด้วยซ้ำ สิ่งนี้ทำให้กัวเฟยน่าโกรธจัดทันที

“เธอนี่อวดดีจริง ๆ นะ เกือบทำฉันล้มแท้ ๆ ยังปัดความรับผิดชอบอีก ทำไมถึงไม่ยอมรับผิด? คนอย่างเธอมีอยู่บนโลกนี้ด้วยหรือเนี่ย!”

กัวเฟยน่าส่งเสียงดังมาก ผู้คนโดยรอบจึงเริ่มหันมาสนใจ

ถังซวงเองเกียจคร้านเกินกว่าจะเข้าไปยุ่งกับคนเช่นนี้ เธอจึงพูดไปว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ขณะเดียวกันมองพนักงานที่ยืนอยู่ตรงมุมทางเดินด้วยแววตาจริงจังแล้วพูดขึ้นว่า “คุณยืนอยู่ที่นี่นานแล้ว คุณน่าจะรู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง บอกหน่อยสิคะว่าสิ่งที่ฉันพูดเป็นความจริงไหม”

พนักงานผู้นั้นไม่คิดว่าทุกสิ่งจะมาถึงตนเอง

เธอรู้จักกัวเฟยน่าเพราะอีกฝ่ายมาทานอาหารที่นี่บ่อยครั้ง แต่เมื่อมองการแต่งกายของถังซวงแล้วก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายไม่ธรรมดาเช่นกัน เธอจึงไม่กล้าจะเข้าข้างใครคนใดคนหนึ่ง

“ฉัน… ฉัน…”

เดิมทีพนักงานอยากจะบอกว่าเธอเห็นไม่ชัดเจน แต่สุดท้ายเธอก็พูดออกไป

“ฉันเห็นสถานการณ์ทั้งหมดค่ะ เป็นเธอที่ล้มลงด้วยตัวเอง แต่กลับโทษคนอื่นทั้งที่ไม่มีใครเดินเข้าไปใกล้ด้วยซ้ำ”

หลังจากพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว พนักงานปิดปากของตัวเองอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเธอเผยความหวาดหวั่น เห็นชัดว่าสิ่งที่เธอกำลังจะพูดไม่ใช่ประโยคนี้ นี่เธอกล่าวความจริงทั้งหมดออกไปได้ยังไง

“โอ้…”

เมื่อคนรอบข้างทั้งหมดได้ยินอย่างนั้น พวกเขาหันมองกัวเฟยน่าด้วยแววตาซับซ้อน

กัวเฟยน่าไม่คิดว่าพนักงานจะพูดความจริง เวลานี้เธอกล่าวตามตรงพร้อมสายตาแข็งกร้าว “เพราะเธอเข้าข้างยัยนี่น่ะสิ ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดออกมาเป็นความจริง”

พนักงานคนนั้นโพล่งตอบออกมาทันทีว่า “ฉันพูดความจริงค่ะ”

เมื่อเห็นว่าตัวเองพูดความจริงออกไปอีกครั้ง เธอทำได้เพียงรู้สึกกลัวและไม่กล้าที่จะเงยหน้ามอง

“เฟยน่า มาทำอะไรตรงนี้หรือครับ? ทุกคนรอทานข้าวอยู่นะ”

ขณะนั้นมีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาประหลาดใจเล็กน้อยที่เห็นคนมารวมตัวกันที่นี่ จึงถามขึ้นว่า “มีอะไรหรือเปล่า?”

เมื่อเห็นผู้ที่เดินเข้ามา กัวเฟยน่ารีบก้าวไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะคว้าแขนอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ เรารีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”

ผู้ชายคนนั้นไม่ถามอะไรอีกพร้อมกับเดินออกไปพร้อมกับกัวเฟยน่า

“นี่…”

ถังซวงหยุดทั้งสองคนเอาไว้ เธอตรงเข้าไปหากัวเฟยน่าแล้วพูดเน้นย้ำว่า “ขอโทษฉันก่อน”

“เธอ…”

กัวเฟยน่าไม่สนใจเรื่องนี้อีกแล้ว แต่สาวน้อยตรงหน้ายังไม่ยอมและรั้งเธอเอาไว้

ในเวลานั้นเองที่ชายข้างกายของกัวเฟยน่าหันมองถังซวง และเพราะก่อนหน้านี้เขาไม่ทันเห็นอีกฝ่าย เมื่อหันไปมองอีกครั้งถึงรู้ว่าผู้หญิงคนนี้สวยมาก และได้ดึงดูดสายตาของเขาไปทั้งหมด

กัวเฟยน่าเห็นสายตานั้นชัดเจน เธอก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที แต่เธอก็รู้ว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะสร้างปัญหาให้บานปลาย ดังนั้นเธอจึงกล่าวขอโทษถังซวงอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ฉันขอโทษ เป็นฉันเองที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ คราวหน้าฉันจะระวังให้มากกว่านี้ละกัน”

หลังพูดจบ กัวเฟยน่าดึงผู้ชายคนนั้นออกไปทันที

เมื่อได้รับคำขอโทษจากอีกฝ่ายแล้ว ถังซวงก็ไม่คิดจะอยู่ต่อ พร้อมกับเดินกลับไปยังห้องอาหารของตัวเอง

ถังเซวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าถังซวงกลับมาแล้ว “พี่คะ กลับมาสักที ถ้าพี่ยังไม่กลับมา ฉันจะออกไปตามแล้วนะเนี่ย”

“ฉันไม่เป็นไร แค่เจอคนสมองไม่ปกตินิดหน่อยน่ะ”

“ใครหรือคะ?”

ถังเซวี่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ถังซวงส่ายหัวพร้อมตอบปัดว่า “ไม่มีอะไรหรอก”

เห็นว่าถังซวงไม่อยากพูดถึง ถังเซวี่ยจึงไม่ถามอะไรอีก

ระหว่างมื้ออาหาร เฮ่อหลานเองก็ได้กลายเป็นเพื่อนที่ดีกับหลูเยี่ยนและหวงเหล่ยเหล่ย ทั้งสามพูดคุยกันถูกคออย่างมาก

เดิมทีหลูเยี่ยนและหวงเหล่ยเหล่ยคิดว่าพวกเธอคงเข้ากับเฮ่อหลานไม่ได้ เพราะพวกเธอเติบโตในสภาพแวดล้อมที่แตกต่าง

ทว่าหลังจากมื้ออาหารในคราวนี้ ทั้งสองได้ทราบว่าเฮ่อหลานนั้นไร้ที่ติทั้งการพูดคุยและมารยาท อีกทั้งเธอยังมีความรู้ไม่น้อยไปกว่าพวกตนเลย แล้วยังมีความสามารถในการเย็บปักถักร้อยที่ยอดเยี่ยมอีกด้วย ผู้หญิงที่เติบโตในชนบทคนนี้ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้คนในเมืองหลวง ทั้งสามจึงสนิทกันได้อย่างรวดเร็ว

เมื่อถังซวงและถังเซวี่ยเห็นว่าแม่ของตนมีเพื่อนคุยแล้ว พวกเธอรู้สึกยินดีไปด้วย ทั้งสองจึงก้มหน้ารับประทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย

หลังสิ้นสุดมื้ออาหาร ครอบครัวจิงเจ้อหรงก็กล่าวคำลากับครอบครัวของหนิงฮ่าวและหลิวเชา

เมื่อมาถึงบ้าน ถังซวงและถังเซวี่ยกลับไปที่ห้อง ส่วนจิงเจ้อหรงจับมือเฮ่อหลานเดินไปที่ห้องของพวกเขา แล้วพูดคุยกันระหว่างทาง “อาหลาน ถ้าคุณชอบภรรยาของหนิงฮ่าวกับหลิวเชา คุณสามารถเป็นเพื่อนกับพวกเธอได้นะครับ”

ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ค่ะ ฉันคงจะติดต่อกับพวกเธอบ่อย ๆ แน่ เราให้ข้อมูลการติดต่อกันไว้ระหว่างทานอาหารแล้วค่ะ”

จิงเจ้อหรงหัวเราะเมื่อได้ยินอย่างนั้น “อ้อ อาหลานของผมทิ้งข้อมูลติดต่อไว้ให้เรียบร้อยแล้วนี่เอง”

ทั้งสองเดินเข้าห้องขณะพูดคุย เวลานี้เมื่อเข้าไปในห้อง จิงเจ้อหรงอุ้มเฮ่อหลานขึ้นอย่างรวดเร็ว

เห็นอย่างนั้น ใบหน้าของเฮ่อหลานเห่อร้อนทันที

“อาเจ้อ… คุณ… คุณจะทำอะไรคะ ปล่อยฉันลงเร็วเข้า”

“ไม่ครับ… ผมอยากกอดคุณตลอดเวลาเลย”

วันถัดมา เฮ่อหลานตื่นสายเล็กน้อย เมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ เธอเห็นก็ว่าคุณนายจิงและพี่สะใภ้ทั้งสองนั่งอยู่ก่อนแล้ว “คุณแม่ พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง ทานข้าวเช้าแล้วหรือยังคะ?”

“พวกเราทานเรียบร้อยแล้วล่ะ เธอรีบทานข้าวเถอะจ้ะ”

คุณนายจิงมองเฮ่อหลานด้วยรอยยิ้มก่อนจะให้คนนำอาหารออกจากครัว “อาหลาน รีบกินข้าวเร็วเข้า”

เพราะเฮ่อหลานหิวมาก เธอรีบลงมือกินทันที

และเมิ่งผิงพูดถึงการดูตัวที่เธอจัดเตรียมไว้ให้ลูกชายของตนว่า “คุณแม่คะ ฉันจัดการเรื่องดูตัวให้เหวินรุ่ยแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ดี อายุน้อยกว่าเหวินรุ่ยสองปี สวยมากด้วยค่ะ แล้วหน้าที่การงานก็ไม่เลวเลย ฉันคิดว่าจะให้เหวินรุ่ยไปทานอาหารกับผู้หญิงคนนั้นวันพรุ่งนี้น่ะค่ะ”

ได้ยินอย่างนั้น อวี๋มินมองเมิ่งผิงแล้วพูดขึ้นว่า “้เธอพบคนที่จะมาดูตัวกับเหวินรุ่ยเร็วจัง ฝั่งฉันยังไม่เจอคนที่เหมาะสมเลย ฉันกังวลจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”

เมื่อเห็นท่าทางเป็นกังวลของลูกสะใภ้ทั้งสอง คุณนายจิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ๆ ไม่ต้องกังวลมากนักหรอก โชคชะตาถูกกำหนดไว้แล้ว ยังไงมันก็มาถึงในเร็ววัน ไม่ต้องรีบร้อนหรอกนะ”

ได้ยินหญิงชราพูดอย่างนั้น อวี๋มินไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่หันกลับมาพูดกับเมิ่งผิงสองสามคำ

“ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นตอบตกลงแล้ว เธอก็เตรียมตัวให้ดีล่ะ”

“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่สะใภ้ใหญ่ ฉันจะเตรียมตัวอย่างดีแน่นอน และจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นประทับใจพวกเราให้ได้ค่ะ”

เฮ่อหลานไม่พูดอะไรนัก เพราะเธอไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เลย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยินดีจะช่วยเหลือในวันที่ผู้หญิงคนนั้นมาเยี่ยมด้วยเช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด