การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 276 กลับมา

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 276 กลับมา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 276 กลับมา

บทที่ 276 กลับมา

เฮ่อหลานพยักหน้ารับเมื่อได้ยินที่จิงเจ้อหรงพูด “ค่ะ ฉันจะรอคุณนะคะ”

เช้าวันต่อมา จิงเจ้อหรงกลับเข้าเมือง และเฮ่อหลานพาลูกสาวทั้งสองไปที่โรงเรียนมัธยมเพื่อแจ้งให้อาจารย์ทราบว่าเด็กทั้งสองจะลาออกหลังจากจบภาคการศึกษานี้แล้ว

ซึ่งอาจารย์ประจำชั้นของถังซวงประหลาดใจเมื่อได้ทราบเรื่องว่าถังซวงจะลาออก เขาจึงกลัวว่าเฮ่อหลานจะคิดเช่นเดียวกับครอบครัวอื่น ๆ ที่มักจะคิดว่าเด็กผู้หญิงไม่จำเป็นต้องเรียนหนังสือ เขาจึงรีบเกลี้ยกล่อมอีกฝ่ายทันที

“คุณแม่ของถังซวงครับ ผลการเรียนของถังซวงก็ยอดเยี่ยมมาก จะให้เธอออกจากโรงเรียนไปเฉย ๆ คงไม่ดีหรอกมั้งครับ”

ทันทีที่เฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้น เธอรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายกำลังเข้าใจผิด จึงรีบอธิบายต่อ “อาจารย์คะ ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลยค่ะ ซวงเอ๋อร์จะเรียนต่อแน่ แต่เพราะครอบครัวของเรากำลังจะย้ายบ้านน่ะค่ะ เธอเลยต้องย้ายไปเรียนที่อื่น”

อาจารย์โจวโล่งใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่เขาก็ยังรู้สึกหดหู่เล็กน้อยเมื่อคิดว่าต้นกล้าที่ยอดเยี่ยมอย่างถังซวงต้องย้ายไปที่อื่น

“คุณแม่ถังซวงครับ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณจะย้ายไปที่ไหน แต่ผลการเรียนของถังซวงนั้นดีมาตลอด สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าโรงเรียนของเราก็ไม่ด้อยไปกว่าที่อื่นนะครับ”

“อาจารย์โจวคะ ที่นี่คือโรงเรียนมัธยมอันดับหนึ่งของเมือง แน่นอนว่ามันไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร แต่เพราะครอบครัวของเรากำลังจะย้ายเข้าเมืองหลวงค่ะ เลยไม่สะดวกที่จะให้ลูกสาวเดินทางไกล เราเลยอยากเปลี่ยนโรงเรียนน่ะค่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว อาจารย์โจวก็ไม่พูดอะไรมากนักเพราะรู้ดีว่าไม่มีประโยชน์

“อ้อ พวกคุณกำลังจะย้ายเข้าเมืองหลวงนี่เอง อย่างนั้นก็ดีแล้วครับ โรงเรียนในเมืองหลวงดีมาก ๆ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ต้องให้ถังซวงได้เรียนหนังสือต่อนะครับ”

เฮ่อหลานพยักหน้า “ค่ะ ฉันเข้าใจ”

หลังจากพูดคุยกับอาจารย์ประจำชั้นของถังซวงเสร็จ เฮ่อหลานก็ไปหาอาจารย์ประจำชั้นของถังเซวี่ยต่อ และเวลานี้ทุกคนในโรงเรียนทราบแล้วว่าถังซวงและถังเซวี่ยจะไม่มาเรียนหลังจากจบภาคการศึกษานี้

เมื่อเหมาเจียวเจียวได้ยินข่าวเช่นนี้ เธอหันมองถังซวงอย่างไม่ผิดหวังก่อนจะถามด้วยความเสียใจว่า “ถังซวง เธอจะย้ายโรงเรียนจริง ๆ หรือ? แล้วจะกลับมาที่นี่อีกไหม?”

“ฉันจะกลับมา”

ถังซวงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เพราะที่นี่เป็นบ้านเกิดของฉัน”

เหมาเจียวเจียวได้ยินอย่างนั้นก็ยกยิ้ม พร้อมกับดึงถังซวงมากระซิบ “ถังซวง แล้วหลังจากนี้ฉันจะติดต่อเธอยังไง?”

“หลังจากที่ฉันย้ายไปเมืองหลวง และจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ฉันจะเขียนจดหมายมาหาเธอ เราสามารถติดต่อกันทางจดหมายได้”

เหมาเจียวเจียวได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มกว้าง เธอพยักหน้าก่อนจะตอบว่า “ตกลง อย่างนั้นเธออย่าลืมเขียนจดหมายมาหาฉันนะ”

“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ลืมแน่”

ส่วนถังเซวี่ยก็มีจี้อิงที่เป็นคนอาลัยอาวรณ์เธอมากที่สุด

“ถังเซวี่ย ฉันจะทำงานหนักและคืนเงินเธอให้เร็วที่สุดนะ”

ถังเซวี่ยโบกมือทันที ก่อนจะตอบกลับว่า “จี้อิง เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ใช้เวลากับการเรียนให้เต็มที่นะ ถึงฉันจะต้องย้ายโรงเรียน แต่เธอก็ต้องพยายามต่อไปนะ”

จี้อิงพยักหน้า “อืม ฉันจะตั้งใจเรียนแน่”

ซึ่งจี้อิงก็ได้ขอที่อยู่เพื่อติดต่อถังเซวี่ยด้วย แต่ถังเซวี่ยไม่รู้ว่าตนจะได้ไปอยู่ที่ไหนหลังย้ายไปที่เมืองหลวง เด็กสาวเลยไม่ได้ทิ้งที่อยู่ไว้

ทว่าเธอทำเช่นเดียวกันกับถังซวง คือเมื่อย้ายไปที่เมืองหลวงเรียบร้อยแล้ว เธอจะเขียนจดหมายกลับมาหาจี้อิงภายหลัง

“ตกลง อย่าลืมนะ ยังไงเธอก็รู้ที่อยู่ของฉันแล้ว”

“จ้ะ ๆ”

แม้สองพี่น้องกำลังจะย้ายโรงเรียน แต่พวกเธอก็ยังตั้งใจเรียนเช่นเคย ไม่มีความหย่อนยานใดใดเลย จนอาจารย์ประจำชั้นเห็นอย่างนี้ก็พลันโล่งใจขึ้นมา

ในตอนนี้สิ้นสุดฤดูหนาวแล้ว และในที่สุดโม่เจ๋อหยวนก็กลับมา

“พี่โม่ ในที่สุดพี่ก็กลับมาสักที”

เมื่อถังซวงได้พบกับโม่เจ๋อหยวน เธอรู้สึกว่าทั้งสองไม่ได้พบกันนานมาก เธอเดินเข้าไปหาเขาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเอ่ยถามว่า “พี่โม่ เสร็จงานในเมืองไห่เฉิงแล้วหรือ?”

โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงที่เขาไม่ได้พบตั้งนาน และจับจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอราวกับจะทะลวงความคิดของอีกฝ่าย จากนั้นจึงพยักหน้ารับแล้วตอบกลับว่า “อืม ฉันทำงานเสร็จแล้ว ไม่ต้องกลับไปที่เมืองไห่เฉิงแล้วละ”

“ดีจังเลยค่ะ”

เวลานี้ หลี่จงอี้ก้าวมาด้านหน้า ก็เห็นโม่เจ๋อหยวนที่ซูบผอมลงไปมาก ชายชราขมวดคิ้วก่อนจะถามว่า “เสี่ยวโม่ ผอมลงหรือเปล่าเนี่ย แต่ก็ดีแล้วที่เธอกลับมาสักที เดี๋ยวฉันจะทำให้กลับมาอ้วนพีเหมือนเดิม ฮ่า ๆ ๆ”

“ครับคุณปู่ ผมคงต้องกินให้มากขึ้นซะแล้ว”

เฮ่อหลานยิ้มกว้างก่อนจะกล่าวเสริม “เอาเถอะ เราทุกคนจะช่วยเธอเอง หลังจากนี้เธอต้องกินให้มาก ๆ นะจ๊ะ”

การกลับมาของโม่เจ๋อหยวนทำให้บรรยากาศในบ้านเต็มไปด้วยความอบอุ่น แต่เมื่อเขารู้ว่าถังซวงกับคนอื่น ๆ จะย้ายเข้าเมืองหลวงช่วงสิ้นปีนี้ ชายหนุ่มก็ยกยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า

“จริงหรือ ดีจัง ฉันก็คิดจะบอกเหมือนกันว่าจะไปเมืองหลวงในช่วงปีใหม่ ไม่คิดเลยว่าพวกเราจะใจตรงกันขนาดนี้ โชคชะตาคงกำหนดให้พวกเราอยู่ด้วยกันตลอดไปจริง ๆ สินะ”

ถังซวงยิ้มแล้วตอบว่า “ค่ะ ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่อยากให้เราแยกจากกัน”

เพราะทั้งสองไม่ได้เจอกันนาน พวกเขาจึงมีเรื่องมากมายให้คุยกันไม่รู้จบ

แม้จะนั่งคุยกันนานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเรื่องราวยังไม่ลดน้อยลงเลย แต่พอถังซวงเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนดูเหนื่อยล้า เธอจึงบอกให้เขาไปพักผ่อน ทว่าเขาก็ยังปฏิเสธอยู่นานกว่าจะยินยอม

“ซวงเอ๋อร์ งั้นฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ แล้วค่อยคุยกัน”

“ค่ะ พี่โม่ไปพักผ่อนเถอะ”

โม่เจ๋อหยวนรู้สึกเหนื่อยมาก ๆ เขาเลยผล็อยหลับไปในทันที

….

“เจ๋อหยวน ตื่นได้แล้ว รีบไปล้างมือมากินข้าวเถอะ”

เพราะโม่เจ๋อหยวนเพิ่งกลับมา อาหารจึงถูกวางเรียงรายเต็มโต๊ะ และทั้งหมดล้วนแต่เป็นจานโปรดของเขา

เฮ่อหลานยกยิ้มพร้อมกับบอกกล่าวให้โม่เจ๋อหยวนกินให้มาก “เจ๋อหยวน เธอผอมไปมากเลย เพราะอย่างนั้นกินเยอะ ๆ นะจ๊ะ”

หลี่จงอี้ที่อยู่ด้านข้างก็บอกให้เขากินเยอะ ๆ เช่นกัน

ส่วนโม่เจ๋อหยวนเองก็หิวมาก เขากินข้าวจนกินต่อไม่ไหว

“ป้าหลานครับ ฝีมือของคุณป้าดีขึ้นทุกวันเลย มันอร่อยมากเลยครับ”

เฮ่อหลานยกยิ้ม “ถ้าเธอชอบ หลังจากนี้ฉันจะทำให้เธอกินทุกวันเลยจ้ะ”

“แม่คะ หนูก็อยากกินด้วยเหมือนกัน แล้วก็ซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานเมื่อคืนอร่อยมากเลย พรุ่งนี้ขอกินอีกนะคะ”

เมื่อได้ยินลูกสาวคนโตพูดออกมาอย่างนั้น เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ถ้าลูกชอบกินก็ดีเลยจ้ะ ซี่โครงใช่ไหม? อย่างนั้นพรุ่งนี้เราจะกินซี่โครงหมูผัดเปรี้ยวหวานนะ”

หลังโม่เจ๋อหยวนกลับมาที่บ้าน อาหารในบ้านก็ถูกจัดวางเต็มโต๊ะทุกวัน และภายในไม่กี่วันโม่เจ๋อหยวนก็กลับมาสมบูรณ์ดังเดิม

เวลานี้รูปร่างของเขากลับมาสมส่วนแล้ว และดึงดูดสายตาของหญิงสาวเหมือนเดิม

เทศกาลล่าปา[1]*

จิงเจ้อหรงกลับมาแล้ว

“อาเจ้อ…”

เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงกลับมา เฮ่อหลานก็รีบก้าวไปด้านหน้าพร้อมกับมองเขาด้วยความประหลาดใจก่อนจะถามว่า “คุณมาได้ยังไงคะ? ไหนบอกว่าจะมาวันที่สิบห้าไม่ใช่หรือ?”

“ผมรีบทำงานให้เสร็จก่อนกำหนดน่ะ”

จิงเจ้อหรงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม แม้ว่าตัวเขาจะเหนื่อยมาก แต่การตอบอย่างนี้ก็เพื่อไม่ให้เฮ่อหลานต้องกังวล

เมื่อเห็นว่าทั้งสองเป็นห่วงกันมากแค่ไหน หลี่จงอี้ก็อดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะพร้อมยกยิ้ม ก่อนจะหันมองจิงเจ้อหรงแล้วถามว่า “อาเจ้อ แล้วจะให้พวกเราไปเมืองหลวงเมื่อไหร่กันล่ะ? เราจะได้เตรียมตัวกันตั้งแต่เนิ่น ๆ”

[1] เทศกาลล่าปาตรงกับวันที่ 8 เดือนที่ 12 ตามจันทรคติจีน เป็นเทศกาลที่เกี่ยวข้องกับ ทางพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเทศกาลที่รำลึกถึงการประสบความสำเร็จของพระพุทธศักยมุนี ได้รับความนิยมในภาคเหนือของจีน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด