การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 147 เจิ้งหง

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 147 เจิ้งหง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 147 เจิ้งหง

บทที่ 147 เจิ้งหง

เมื่อผู้เฒ่าโม่ได้ยินคำพูดของถังซวง เขาก็หยุดพูดอย่างรวดเร็วและพูดเพียงเบา ๆ ว่า “จริงด้วย ให้เจ๋อหยวนพักผ่อนให้เต็มที่เถอะ”

หลังจากที่โม่ถิงฮวาและหลินเหม่ยเจินกลับมาจากการเตรียมอาหาร พวกเขาเห็นลูกชายหลับตาอีกครั้ง ก็รู้สึกเป็นกังวลขึ้นมากลัวเขาจะเป็นอะไรอีก แต่หลังจากรู้ว่าโม่เจ๋อหยวนเพียงหลับไป ก็โล่งใจ จากนั้นทั้งสองจึงเรียกถังซวงและหลี่จงอี้ไปทานข้าวด้วยกัน

จนถึงตอนนี้ถังซวงที่ทำงานมาหนักมาก เธอหิวจนไส้กิ่ว จึงเรียกหลี่จงอี้เพื่อทานอาหารเย็นด้วยกัน

เมื่อเห็นว่าถังซวงกับหลี่จงอี้รับประทานอาหารเสร็จแล้ว หลินเหม่ยเจินก็รีบพูดว่า “ลุงหลี่คะ ซวงเอ๋อร์ ช่วงนี้พวกคุณมาอยู่ที่บ้านเราก่อนเถอะนะคะ ฉันจะจัดการเรื่องที่พักให้เอง”

“เราไม่รบกวนดีกว่า ฉันกับซวงเอ๋อร์มีที่พักกันอยู่แล้วน่ะ”

เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ผู้เฒ่าโม่ก็รีบพูดว่า “ไม่ ๆ นายจะหาที่อยู่เองได้ยังไง ไปอยู่บ้านฉันเถอะ ยังไงซะ ห้องรับแขกก็ว่างอยู่”

ผู้เฒ่าโม่ตื้อหนักมาก และในที่สุดถังซวงกับหลี่จงอี้ก็ตกลงที่จะอาศัยอยู่ในบ้านหลังเก่าของตระกูลโม่

แต่ถังซวงไม่ได้วางแผนที่จะไปที่นั่นในตอนนี้ “คุณปู่คะ คุณปู่ไปพักก่อนได้เลยค่ะ หนูจะอยู่เฝ้าพี่โม่ก่อน”

หลี่จงอี้นึกถึงความเป็นกังวลของถังซวงก่อนหน้านี้ เขาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ก็ได้ เธออยู่ที่นี่กับเสี่ยวโม่ไปเถอะ ฉันจะกลับไปกับหยานซงก่อน”

จากนั้นผู้เฒ่าโม่และโม่ถิงฮวาก็ได้พาหลี่จงอี้กลับไปที่บ้านเก่าของตระกูลโม่ ในขณะที่หลินเหม่ยเจินอยู่ที่นี่กับถังซวง

เมื่อเห็นลูกชายของเธอนอนหลับสนิท หลินเหม่ยเจินก็เริ่มชวนถังซวงคุย “ซวงเอ๋อร์ เธออายุเท่าไหร่แล้วหรือ? ยังเรียนอยู่หรือเปล่า?” ก่อนหน้านี้ลูกชายของเธอไม่ค่อยได้พูดถึงซวงเอ๋อร์นัก เธอจึงไม่รู้จักถังซวงเลย..

“ฉันอายุสิบแปดปี ยังเรียนอยู่ที่โรงเรียนค่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นเธอก็อายุน้อยกว่าเจ๋อหยวนแค่หนึ่งปีน่ะสิ เธอสองคนก็รุ่นราวคราวเดียวกัน คงจะคุยกันรู้เรื่อง ก่อนหน้านี้ที่เจ๋อหยวนอาศัยอยู่ในมณฑลเจียง ต้องขอบคุณเธอมากนะที่ช่วยเขาไว้หลายอย่าง” มีช่วงหนึ่งที่น้องชายของเธอ หลินหมิงซู่ไม่ค่อยอยู่บ้าน ลูกชายของเธอจึงอยู่ในมณฑลเจียงเพียงคนเดียว แต่ก็ต้องขอบคุณหลี่จงอี้ และคนอื่น ๆ ที่ดูแลเขาเป็นอย่างดี

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงก็พูดด้วยรอยยิ้ม “พี่โม่เองก็ช่วยพวกเราไว้มากเช่นกันค่ะ และลุงหลินก็ดีกับพวกเรามากด้วย”

เมื่อได้ยินที่ถังซวงพูด หลินเหม่ยเจินก็หัวเราะทันที “ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะจ๊ะ” หลังจากนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามถังซวงเกี่ยวกับสารทุกข์สุกดิบ เพราะยังไง นี่ก็คือคนที่ลูกชายของเธอหลงรัก เธอต้องอยากรู้เป็นธรรมดา

ถังซวงเป็นคนตรงไปตรงมา เธอตอบทุกคำถามที่หลินเหม่ยเจินถาม เพราะมันก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไร

เมื่อหลินเหม่ยเจินถามเกี่ยวกับพ่อแม่ของเธอ ถังซวงก็พูดออกไปตามตรงว่า “ตอนนี้ฉันกับน้องสาวของฉันอาศัยอยู่กับแม่ค่ะ” จากนั้นเธอก็พูดคุยสั้น ๆ เกี่ยวกับการหย่าร้างระหว่างแม่กับถังเจี้ยนกั๋ว

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของหลินเหม่ยเจินเต็มไปด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก เธอจึงรู้สึกกระดากอายเล็กน้อย และหยุดถามคำถามมากกว่านี้แล้วเปลี่ยนเรื่อง

แต่ยิ่งคุยกันมากเท่าไหร่ หลินเหม่ยเจินก็ยิ่งประหลาดใจมากขึ้นเท่านั้น เด็กสาวตัวเล็ก ๆ ตรงหน้าเธอมีความรู้เยอะมาก เธอสามารถพูดคุยเกี่ยวกับหัวข้อใดก็ได้ที่หญิงสาวชวนคุย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความรู้ของเธอกว้างขวางเพียงใด เธอไม่เหมือนเด็กสาวจากชนบทเลยแม้แต่น้อย

เมื่อหลินเหม่ยเจินกำลังจะถามอย่างอื่น จู่ ๆ หลินหมิงซู่ก็เข้ามา และเขาก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นถังซวงในห้องนี้ “ถังซวง ทำไมเธอถึงมาที่นี่ได้? แล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ลุงหลิน”

ถังซวงทักทายหลินหมิงซู่ด้วยรอยยิ้ม

จากนั้นหลินเหม่ยเจินรีบพูดจากด้านข้างว่า “หมิงซู่ นายมาทันเวลาพอดี ฉันกำลังจะเรียกนายเลย” หญิงสาวพูดด้วยใบหน้าที่มีความสุข “เจ๋อหยวนได้สติแล้วนะ”

“จริงหรือ?!”

หลินหมิงซู่ประหลาดใจมาก แต่เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนยังคงหลับอยู่ เขาจึงรีบถามว่า “เจ๋อหยวนได้สติแล้วหลับไปหรือครับ?”

“ใช่ ๆ”

หลินเหม่ยเจินพยักหน้าแล้วพูดว่า “ต้องขอบคุณซวงเอ๋อร์ เธอรักษาเจ๋อหยวนทันทีที่มาถึง แล้วเจ๋อหยวนก็ตื่นขึ้นหลังจากนั้น”

หลินหมิงซู่รู้มาก่อนว่าถังซวงเก่งเรื่องยา แต่ไม่คิดมาก่อนว่าเธอจะเก่งขนาดนี้ “ซวงเอ๋อร์ ขอบคุณเธอมากนะ”

ถังซวงที่สนิทกับหลินหมิงซู่อยู่แล้ว ดังนั้นเธอจึงพูดแบบสบาย ๆ “ลุงหลินไม่ต้องขอบคุณหรอกค่ะ แต่ลุงควรบอกฉันก่อนหน้านี้นะคะ ถ้าฉันมาช้าไปหนึ่งวัน พี่โม่คงอาการหนักแล้ว”

ถ้าไม่ใช่ว่าเขาเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน หลินหมิงซู่จะไม่เชื่อเลย แต่ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินแบบนี้ หลินหมิงซู่ก็ขนลุกอยู่พักหนึ่ง “เอาล่ะ ๆ ตกลงซวงเอ๋อร์ เธอมาถูกเวลาจริง ๆ”

“อ้อ ลุงหลินคะ คุณปู่ก็อยู่ที่นี่ด้วยนะ”

ดวงตาของหลินหมิงซู่เต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “ดีเลย ไว้ฉันไปคุยกับผู้เฒ่าหลี่ทีหลังนะ”

หลินหมิงซู่อยู่ที่นั่นเพื่อพูดคุยกับถังซวงสักพัก เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนยังไม่ตื่น เขาก็กลับไป

หลินเหม่ยเจินกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วก็มีคนเข้ามาอีกครั้ง

“พี่สะใภ้ ฉันได้ยินมาว่าเจ๋อหยวนได้สติแล้ว เป็นเรื่องจริงหรือคะ?”

ผู้หญิงหน้าตาสดใสคนหนึ่งเดินเข้ามา เธอดูมีอายุประมาณ 30 ปี แต่เมื่อมองที่มุมตาของเธอ หญิงสาวมีรอยตีนกาอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเธอยิ้ม ซึ่งแสดงถึงอายุอานามของเธอ

หลินเหม่ยเจินอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นใครมา “อาหง เธอมาได้ยังไงน่ะ เข้ามา ๆ”

หลังจากที่เจิ้งหงเข้ามา เธอเหลือบมองไปที่โม่เจ๋อหยวนบนเตียงเป็นอย่างแรก และเมื่อเห็นว่าเขายังไม่ตื่น เธอจึงถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “พี่สะใภ้ เจ๋อหยวนตื่นแล้วจริงหรือเปล่าคะ?”

“จริงสิ”

ดวงตาและคิ้วของหลินเหม่ยเจินโค้งงอเพราะยกยิ้ม เธอชี้ไปที่ถังซวง และพูดว่า “ครั้งนี้เป็นเพราะซวงเอ๋อร์ที่ช่วยเขาไว้น่ะ” ขณะที่พูด เธอเล่าทุกอย่างที่ถังซวงช่วยเหลือโม่เจ๋อหยวน

เจิ้งหงมองไปที่ถังซวงอย่างประหลาดใจเมื่อได้ยินอย่างนั้น และแววตาของเธอมีแววสงสัย แต่หญิงสาวก็ไม่ได้พูดอะไร เธอแค่ยิ้มและพูดว่า “จริงหรือ? ถังซวงน่าทึ่งจริง ๆ”

“ใช่ ซวงเอ๋อร์น่าทึ่งมากจริง ๆ”

หลินเหม่ยเจินรีบพยักหน้าเห็นด้วย

เจิ้งหงได้แต่ยิ้ม

ส่วนถังซวงไม่ได้พูดอะไรเลยเมื่อเห็นสิ่งนี้ เพียงมองไปที่โม่เจ๋อหยวน แล้วในขณะนี้เขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง

“พี่โม่ ตื่นแล้ว อาการดีขึ้นหรือยัง?”

โม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวงทันทีที่เขาลืมตา แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความยินดีและความอ่อนโยนที่ไม่อาจปกปิดได้ เด็กหนุ่มพยักหน้า “อืม ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลย”

เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนตื่นขึ้นแล้ว หลินเหม่ยเจินและเจิ้งหงก็เดินเข้าไปด้วยความประหลาดใจ

“เจ๋อหยวน ในที่สุดลูกก็ตื่นแล้ว ลูกหิวรึเปล่า? อยากกินอะไรไหม?”

หัวใจและดวงตาของหลินเหม่ยเจินล้วนเต็มไปด้วยลูกชายของเธอ

ในทางกลับกัน เจิ้งหงมองไปที่โม่เจ๋อหยวนที่กำลังจับมือถังซวง อารมณ์ที่สงสัยก็ฉายในดวงตา และอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว แต่ในเมื่อโม่เจ๋อหยวนเพิ่งตื่นขึ้น หญิงสาวที่มาใหม่ก็ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงถามด้วยความเป็นห่วงไม่กี่คำเท่านั้น

ส่วนโม่เจ๋อหยวนเมื่อเห็นแม่และป้าของเขา ก็ยกยิ้ม “แม่ครับ คุณป้า ผมสบายดี แต่ผมหิวมาก อยากกินข้าวต้มจัง”

“ได้สิ แม่จะทำข้าวต้มให้เดี๋ยวนี้แหละ”

เมื่อเห็นว่าหลินเหม่ยเจินกำลังจะออกไป เจิ้งหงก็รีบเดินตามไป “พี่สะใภ้ ฉันจะไปด้วยค่ะ”

หลังจากที่ทั้งสองเดินออกจากห้องผู้ป่วย เจิ้งหงก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่สะใภ้คะ เจ๋อหยวนชอบถังซวงคนนั้นหรือเปล่าคะ?”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด