การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 173 ชนะP

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 173 ชนะP at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 173 ชนะ

บทที่ 173 ชนะ

หลังได้ยินคำพูดของเฮ่อเจียรุ่ยแล้ว ซูยี่ก็ขมวดคิ้วทันที

“ทำไมล่ะครับคุณชายเฮ่อ ยังไงทั้งสองคนก็มาที่นี่เพื่อขี่ม้า ทำไมถึงห้ามไม่ให้พวกเธอมาสนุกกับเราล่ะ? ที่พูดมานี่ดูเหมือนจะเป็นความคิดของคุณมากกว่านะครับ”

จูเหลียนพยักหน้าก่อนกล่าวเสริมอย่างเห็นด้วย “ใช่ ได้พบกันทั้งที ออกไปขี่ม้าด้วยกันดีกว่าค่ะ” ท้ายที่สุดก็เธอมองถังซวงด้วยความสงสัยว่า “หรือว่าคุณถังทั้งสองไม่รู้วิธีขี่ม้า? น่าเสียดายนะคะ”

เธอได้ยินสิ่งที่เฮ่อเจียรุ่ยพูดเมื่อครู่ ถังซวงและถังเซวี่ยเป็นลูกสาวของคุณอาที่ครอบครัวเฮ่อเพิ่งได้พบ ผู้คนในแวดวงของพวกเธอย่อมรู้เกี่ยวกับตระกูลเฮ่อดี พวกเขาได้ยินว่าน้องสาวของผู้เฒ่าเฮ่อหายไปเมื่อหลายปีก่อน ดังนั้นสองคนที่อยู่ตรงหน้านี้น่าจะเป็นลูกของคุณยายเฮ่อที่สาบสูญไปแน่นอน

หญิงสาวที่หลงทางในแผ่นดินใหญ่ เป็นไปได้ว่าถังซวงและถังเซวี่ยคงมีชีวิตที่ลำบากไม่น้อย ถึงแม้ทั้งสองจะสวยมาก แต่ชีวิตของพวกเธอคงไม่ได้ดีเลิศอะไร แล้วจะขี่ม้าเป็นได้ยังไง?

ก่อนเฮ่อเจียรุ่ยจะทันพูดอะไร พานลั่วเฉิงก็พูดแทรกขึ้นก่อนว่า “จูเหลียน เธอผิดแล้ว ถังซวงขี่ม้าเป็น และทักษะขี่ม้าของเธอก็ยอดเยี่ยมมากด้วย”

เมื่อเห็นว่าพานลั่วเฉิงก็พูดถึงถังซวงด้วยน้ำเสียงสนิทสนม ใบหน้าของจูเหลียนก็ยิ่งบิดเบี้ยว

“ก็ในเมื่อเธอขี่ม้าเป็น ก็มาเล่นด้วยกันสิ เมื่อก่อนพวกเราขี่ม้าจนได้เงินมากมายไม่ใช่หรือ? วันนี้เราก็จะใช้กฎเดิม แต่วันนี้ฉันอารมณ์ดีเลยขอเพิ่มอีกหน่อย เดิมพันหนึ่งแสน ถ้าใครชนะที่หนึ่ง ก็จะได้มันไป อย่างนี้เป็นไง”

หลังพูดจบ จูเหลียนหยิบธนบัตรออกมา

“ธนบัตรปึกนี้บังเอิญครบแสนพอดี บังเอิญจัง”

หลิวหลิงหลิงซึ่งยืนอยู่ข้างจูเหลียนพูดว่า “ถ้าเสี่ยวเหลียนจ่ายหนึ่งแสน แน่นอนว่าฉันก็จะยอมจ่าย วันนี้พวกคุณทำให้เต็มที่แล้วกัน แต่ยังไง ฉันก็จะเป็นผู้ชนะอยู่” จากนั้นเธอจึงหยิบธนบัตรออกมา

ทักษะการขี่ม้าของเธอถือว่าดีมากในหมู่คนพวกนี้ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเสียอันดับหนึ่งให้ใครไป

เมื่อเห็นจูเหลียนและหลิวหลิงหลิงวางเงินเดิมพันหนึ่งแสนหยวนแล้ว คนอื่นก็ไม่รอช้า พวกเขาเริ่มวางเดิมพันทันที

ด้านเฮ่อเจียรุ่ยที่เคยอยู่ที่มณฑลเจียง เขาจึงพอรู้สถานการณ์ของถังซวงและน้องสาว ดังนั้นจึงอาสาที่จะจ่ายเงินให้ทั้งสองคน “ฉัน…”

แต่ก่อนที่เฮ่อเจียรุ่ยจะพูดจบ ถังซวงก็กล่าวแทรกขึ้นมา เธอหยิบกำไลหยกสองชิ้นออกมาแล้วพูดว่า “พวกเราไม่มีเงินมากขนาดนั้น แต่มูลค่าของกำไลหยกนี้มากกว่าหนึ่งแสน ฉันจะใช้มันเป็นของเดิมพันของฉันกับน้องสาว”

กำไลนี้คือของหายาก ทั้งยังเป็นที่นิยมมากในก่างเฉิง และมูลค่าก็ไม่น้อยเลย

จูเหลียนและคนอื่น ๆ เลิกคิ้วสูงเมื่อเห็นกำไลหยกที่ถังซวงนำออกมา กำไลทั้งสองชิ้นนี้สวยมากจริง ๆ หากมันเป็นอย่างที่ถังซวงพูด นับว่าเป็นรางวัลที่คุ้มค่า และน่าจะมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งแสนหยวน

เดิมทีถังเซวี่ยกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นว่าพี่สาวของตนหยิบกำไลหยกออกมา เธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวลใจ เพราะยังไงเธอก็ยังขี่ม้าไม่เป็น เลยดึงแขนพี่สาวแล้วพูดว่า “พี่คะ ฉันไม่แข่ง…”

“ไม่เป็นไร ก็แค่เล่นด้วยกัน ไม่ต้องคิดมาก…”

ตอนท้ายถังซวงหัวเราะเบา ๆ ข้างหูของถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “ถ้าฉันชนะ ทั้งหมดนี้จะกลายเป็นของเรา…”

หลังจากได้ยินแล้ว ดวงตาของถังเซวี่ยเป็นประกาย และเธอพยักหน้าอย่างเข้าใจและตอบว่า “ค่ะ เข้าใจแล้ว”

เมื่อนึกถึงทักษะการขี่ม้าของพี่สาวในการกำราบม้าป่าก่อนหน้านี้ เธอเชื่อว่าพี่สาวตนจะต้องชนะแน่นอน

ส่วนเฮ่อเจียรุ่ยก็ประหลาดใจมากที่ถังซวงหยิบกำไลหยกออกมา แต่มันไม่ใช่เวลาที่จะถาม ดังนั้นเขาจึงไม่พูดอะไรต่อ

“อ่า หลังจากทุกคนวางเดิมพันแล้ว เรามาเริ่มแข่งกันเลย”

จูเหลียนมองถังซวง แววตาเต็มไปด้วยความยั่วยุ แม้ถังซวงจะขี่ม้าได้ แต่ทักษะการขี่ม้าของอีกฝ่ายย่อมไม่ดีเท่าเธอแน่

หลังได้ยินคำพูดของเจียรุ่ยแล้ว คนอื่น ๆ พยักหน้ารับแล้วตอบว่า “ตกลง”

แต่จูเหลียนคล้ายกับนึกบางอย่างขึ้นได้ ก่อนจะหันมองถังซวงและถังเซวี่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เราทุกคนมีม้าในสนามแข่งนี้แล้ว พวกเธอมีม้าหรือยัง? ถ้ายังก็ไปเลือกก่อนได้เลยนะ”

“ไม่รบกวนคุณจูหรอกค่ะ ฉันกับน้องสาวมีม้าแล้ว” ถังซวงเป่านกหวีดก่อนที่เสี่ยวเฮยจะวิ่งมาหยุดตรงหน้าของถังซวงและเอียงศีรษะเข้าหาเธออย่างรักใคร่

เมื่อเห็นว่าถังซวงมีม้าแล้ว คนอื่น ๆ ก็มองอย่างสับสน เพราะสองสาวนี้มาที่สนามแข่งม้าเป็นครั้งแรก แต่พอนึกว่าพวกเธอเป็นคนของตระกูลเฮ่อ ทั้งหมดจึงหมดความสงสัยไป

ถังซวงไม่สนใจสายตาของคนอื่น เธอเดินเข้าไปหาถังเซวี่ยแล้วกระซิบว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอสามารถขี่อย่างสบาย ๆ ได้เลยนะ แต่อย่าลืมว่าความปลอดภัยคือสิ่งสำคัญ ไม่ต้องกังวลเรื่องชัยชนะ เรื่องนั้นฉันจะจัดการเอง”

ถังเซวี่ยพยักหน้ารับ “เข้าใจแล้วค่ะพี่”

หลังจากนึกถึงสายตาของจูเหลียน ถังซวงยังคงกังวลเล็กน้อย “เสี่ยวเซวี่ย ยังไงซะวันนี้เธอเพิ่งขี่ม้าเป็นครั้งแรก หรือจะลองไปนั่งข้างสนามดูก่อน?”

ถังเซวียรีบยืนยัน “พี่คะ พี่ไม่ต้องกังวลเลย ฉันจะอยู่ด้านหลังและขี่ช้า ๆ ฉันอยากมีส่วนร่วมด้วย ยังไงก็วางเดิมพันไปแล้วนี่”

หลังได้ยินดังนั้น ถังซวงก็พยักหน้าแล้วตอบกลับว่า “อืม งั้นเธอต้องระวังตัวให้มาก และออกไปทันทีถ้าเห็นว่ามีอะไรผิดปกติ”

“ตกลงค่ะ ฉันจะจำไว้ค่ะ”

เพราะเหล่าคุณชายและผู้ดีในเมืองก่างเฉิงมารวมตัวกันที่นี่ พนักงานทั้งหมดก็เข้ามาดูแลเป็นอย่างดี เมื่อรู้ว่าทั้งหมดกำลังจะแข่งขัน พวกเขาจึงเตรียมสนามอย่างพร้อมเพรียง และจัดการทุกอย่างให้เป็นระเบียบเรียบร้อยก่อนการแข่งขันจะเริ่มต้น อีกทั้งยังมีผู้ตัดสินมืออาชีพมาร่วมตัดสินการแข่งขันด้วย

เคร้ง เคร้ง เคร้ง…

หลังจากเสียงระฆังดังขึ้น ทุกคนควบม้าออกตัวทันที

ถังซวงยังคงกังวลเกี่ยวกับถังเซวี่ย และเมื่อมองย้อนกลับไปเห็นว่าคนอื่น ๆ ออกห่างแล้ว และถังเซวี่ยยังอยู่ด้านหลังสุด เธอก็รู้สึกโล่งใจ จากนั้นเธอก็หยุดรั้งเสี่ยวเฮยและปล่อยให้มันควบออกไปสุดกำลัง

ด้านจูเหลียนที่กังวลเรื่องของถังซวงกับถังเซวี่ยมาก แต่เวลานี้เธอไม่คิดสนใจทั้งสอง เธอพยายามจะวิ่งสุดแรงเพื่อไปที่ด้านหน้า ตราบใดที่เธอนำอยู่ในอันดับหนึ่ง ทุกคนก็จะต้องอยู่ด้านหลังเธอ

ม้าทุกตัวเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ทุกคนจึงอยู่ในระดับไล่เลี่ยกัน

เมื่อจูเหลียน พานลั่วเฉิง และคนอื่น ๆ เทียบเคียงกัน มีหนึ่งคนกับม้าหนึ่งตัวพุ่งมาจากด้านหลังวิ่งแซงทุกคนไปอยู่ด้านหน้าทันที

เมื่อมองม้าสีดำตรงหน้า เส้นผมยาวสลวยของถังซวงพร้อมรอยยิ้มสดใสบนหลังม้า ทำให้ทุกคนตกตะลึง

ดวงตาของจูเหลียนกลายเป็นขุ่นเคือง เธอเร่งม้าสุดกำลังเพื่อไล่ตามถังซวง “ไป…”

ด้านถังซวงก็เร่งความเร็วหนีห่างจากทุกคนอีก เธอทิ้งห่างออกไปและในวินาทีสุดท้ายเธอกระโดดเข้าเส้นชัยไปพร้อมกับเสี่ยวเฮย

“อ่า… ฉันชนะ ชนะแล้ว…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด