การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวยบทที่ 252 จับผิด โต้กลับ

Now you are reading การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย Chapter บทที่ 252 จับผิด โต้กลับ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 252 จับผิด โต้กลับ

บทที่ 252 จับผิด โต้กลับ

เมื่อมองเฮ่อหลานที่มีผิวพรรณอ่อนเยาว์ตรงหน้า เฉินเยว่จือไม่สามารถนึกถึงหญิงม่ายแก่ชราในชนบทซึ่งมีลูกติดถึงสองคนได้อีกเลย คนตรงหน้าแตกต่างจากที่เธอคิดไว้อย่างสิ้นเชิง ใครจะเชื่อว่าเฮ่อหลานเป็นผู้หญิงที่ใครหลาย ๆ คนใฝ่ฝัน

สื่อจวินอี๋ที่อยู่ด้านข้างก็ตกตะลึงกับรูปลักษณ์ของเฮ่อหลานด้วยเช่นกัน

ผู้หญิงคนนี้กำลังจะสี่สิบแล้วจริง ๆ งั้นหรือ? ทำไมเธอถึงดูอ่อนเยาว์ราวกับเด็กสาวอายุยี่สิบต้น ๆ ล่ะ? นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว เธอทำได้ยังไง และหญิงชนบทจะสามารถทำให้ตนเองดูอ่อนเยาว์ได้มากขนาดนี้เชียวหรือ? เธอดูไม่เหมือนสาวบ้านนอกแม้แต่นิดเดียว คำว่าสวยอาจไม่เพียงพอ เพราะเธอสวยเกินกว่าจะบรรยาย

เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว สื่อจวินอี๋รู้สึกว่าตนด้อยกว่าอีกฝ่ายโดยสมบูรณ์

หลังได้ยินคำอุทานของเฉินเยว่จือแล้ว เฮ่อหลานเหลือบมองเธอและสื่อจวินอี๋อย่างอยากรู้อยากเห็น อย่างไรก็ตามเพราะจิงเจ้อหรงไม่ได้แนะนำ เธอจึงต้องเพิกเฉยต่อทั้งสองไป เวลานี้เธอมองคุณชายจิงและคุณนายจิงด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ ฉันเฮ่อหลานค่ะ” พลางจึงหยิบของขวัญที่ตระเตรียมไว้ออกมา

“คุณลุงคะ คุณป้าคะ นี่คือเสื้อผ้าที่ฉันทำเองค่ะ หวังว่าพวกคุณทั้งสองจะชอบนะคะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว คุณนายจิงกลับมามีสติอีกครั้ง เธอรีบรับถุงของขวัญจากมือของเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “ชอบจ้ะ ฉันชอบมันมากเลยจ้ะ” เธอมองสาวสวยตรงหน้าพลางหันมองลูกชายคนเล็กของตน ไม่ว่าอย่างไรทั้งสองก็เหมาะสมกันมาก ช่างเป็นคู่รักที่สวรรค์สรรค์สร้างจริง ๆ

เมื่อเห็นคุณนายจิงกระตือรือร้นอย่างนี้ เฮ่อหลานลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะยื่นพัดทรงกลมที่ปักสองด้านให้ “คุณป้าคะ นี่เป็นพัดที่ฉันปักเองค่ะ บังเอิญว่าช่วงนี้อาการร้อน ฉันจึงทำมันมาให้ด้วย หวังว่าคุณจะชอบนะคะ”

คุณนายจิงหยิบพัดมาถือไว้ ทว่าไม่ได้สนใจในคราวแรก และเมื่อเห็นว่ามันเป็นงานปักสองด้าน ลวดลายไม่เหมือนกัน เธอพลันพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “นี่มัน… งานปักสองด้าน”

“ใช่ค่ะ มันคืองานปักสองด้าน แต่ฉันเพิ่งจะฝึกฝนได้ไม่นาน อาจจะยังไม่ค่อยสวยมากนะคะ”

เมื่อได้ยินคำพูดของเฮ่อหลาน คุณนายจิงรีบกล่าวชื่นชม “เท่านี้ก็เก่งมากแล้วจ้ะ ดูสิว่าลูกแมวกับกระต่ายนี้สมจริงมากแค่ไหน มองคราวแรกฉันคิดว่ามันคือของจริงเสียด้วยซ้ำ”

เมื่อได้ยินคำพูดของคุณนายจิงแล้ว คนอื่น ๆ หันมองพัดปักสองด้านเป็นตาเดียว และพบว่ามันคือลูกแมวด้านหนึ่ง และอีกด้านคือกระต่ายขาวตัวเล็กซึ่งดูคล้ายของจริงมาก เห็นได้ชัดว่าทักษะการเย็บปักของเฮ่อหลานมีความประณีตเพียงใด

หลังจากที่เงียบไปนาน คุณชายจิงกลับมามีสติอีกครั้ง ทว่าใบหน้าของเขายังคงสงบนิ่ง

เขาควรจะคิดได้ตั้งนานแล้วว่าแม่ของถังซวงจะเป็นคนธรรมดาได้อย่างไร ดูจากใบหน้าและรูปลักษณ์ของถังซวงสิ

“คุณปู่จิง คุณย่าจิง ไม่พบกันนานเลยนะคะ”

เมื่อถังซวงเห็นว่าแม่ของตนและคุณนายจิงพูดคุยกันด้วยดี เธอก็รู้สึกยินดีด้วยเช่นกัน และหลังจากนี้แม่ของเธอไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว

“ซวงเอ๋อร์ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ต่อไปเธอต้องหาเวลามาหาย่าให้มากกว่านี้นะจ้ะ”

คุณนายจิงชอบถังซวงมาก ดังนั้นจึงรีบกุลีกุจอมาจับมือของเธอเอาไว้

ส่วนถังเซวี่ยก้าวไปด้านหน้าแล้วพูดว่า “คุณปู่จิง คุณย่าจิง สวัสดีค่ะ ฉันถังเซวี่ย”

“สวัสดีจ้ะถังเซวี่ย”

เมื่อเห็นถังเซวี่ยที่น่ารักสดใส ทั้งยังมีมารยาทดี คุณนายจิงก็ชอบเธอมาก และเมื่อคิดว่าเธอจะมีหลานสาวที่น่ารักถึงสองคนพร้อมกัน เธอก็อดไม่ได้ที่จะลอบชื่นชมลูกชายคนเล็กในใจ

แม้แต่คุณชายจิงก็ยังชอบถังซวงและถังเซวี่ยมาก เขาและภรรยาไม่มีลูกสาวหรือหลานสาวเลยสักคน ทว่าตอนนี้พวกเขากลับมีหลานสาวถึงสองคน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ

เมื่อเห็นสามแม่ลูกและผู้อาวุโสตระกูลจิงพูดคุยกันอย่างมีความสุข เฉินเยว่จืออดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “บางคนก็โชคดีเสียจริง ลูกสาวโตจนตัวเองแก่แล้ว ยังสามารถพบชายโสดที่ยอดเยี่ยมอย่างอาเจ้อของพวกเราที่ไม่เคยแต่งงานมาก่อนได้ ไม่รู้จริง ๆ ว่าชาติที่แล้วคนเหล่านี้ทำบุญด้วยอะไรมา ชาตินี้ถึงได้โชคดีเสียเต็มประดา”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ผู้อาวุโสทั้งสองพร้อมด้วยจิงเจ้อหรงขมวดคิ้วแน่น

ส่วนถังซวงมองตรงไปที่เฉินเยว่จือแล้วยกยิ้ม “แม่ของฉันโชคดีจริง ๆ แหละค่ะที่ได้พบกับลุงจิง และมีลูกสาวที่น่ารักสองคนอย่างฉันและเสี่ยวเซวี่ย แต่ดูแล้วคุณคงจะไม่ใช่คนโชคดีสินะคะ ดูเหมือนคนขี้อิจฉาที่สะสมโชคร้ายไว้เต็มตัวซะมากกว่า”

“นี่… ฉันก็โชคดีเหมือนกัน นังเด็กไม่มีหัวนอน…”

“หุบปาก”

คิ้วของคุณนายจิงขมวดเข้าหากันแน่น เส้นเลือดปูดโปนด้วยความโกรธเกรี้ยว เธอควรจะไล่ทั้งสองคนนี้ออกไปเสียตั้งนานแล้ว “เยว่จือ พาพี่สะใภ้ของเธอกลับบ้านไปซะ พวกเรามีแขกมาเยี่ยม เพราะอย่างนั้นบ้านของเราคงไม่มีเวลาจะมาต้อนรับพวกเธอหรอก”

แน่นอนว่าเฉินเยวี่จือไม่คิดจะจากไปง่าย ๆ เธอจึงยืนอยู่ตรงนี้เช่นเดิม หรือคุณนายจิงจะสั่งใครบางคนให้มาลากพวกเธอออกไป? “พี่คะ เราก็เป็นแขกเหมือนกัน ดังนั้นร่วมกินมื้อเที่ยงด้วยกันเถอะค่ะ”

เมื่อคุณนายจิงกำลังจะขับไล่เธอออกไป ครอบครัวของจิงไค่หรงและจิงซิวหรงก็เข้ามา

ทันทีที่จิงซิวหรงเห็นถังซวง เขารีบก้าวไปด้านหน้าพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สหายถัง เธอมาแล้ว สุดยอดเลย ใช่ สำหรับสิ่งที่เธอทิ้งไว้คราวที่แล้ว…” ทว่าจิงซิวหรงเหลือบไปเห็นเฉินเยว่จือและสื่อจวินอี๋ เขารีบกลืนสิ่งที่ตนกำลังจะพูด พร้อมกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “สวัสดีครับป้าเล็ก ไม่คิดว่าคุณจะมาที่นี่ด้วย”

เฉินเยว่จืออยากรู้อยากเห็นสิ่งที่จิงซิวหรงกำลังจะพูด

“ซิวหรง รู้จักหล่อนมาก่อนงั้นหรือ? ไปรู้จักกันได้ยังไง? หล่อนยังเป็นเด็กวัยเรียนด้วยซ้ำ”

จิงซิวหรงไม่ได้พูดอะไรมากนัก เขาตอบสั้น ๆ ว่า “เราได้พบกันตอนที่สหายถังมาที่เมืองหลวงคราวก่อนน่ะครับ”

เฉินเยว่จือต้องการจะถามอีกครั้ง แต่เมิ่งผิงซึ่งเป็นภรรยาของจิงซิวหรงยกยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณแม่คะ ไม่คิดจะแนะนำเฮ่อหลานให้พวกเรารู้จักกันหน่อยหรือคะ?”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว คุณนายจิงรีบดึงเฮ่อหลานออกมาเพื่อแนะนำ “นี่คือเฮ่อหลาน เรียกเธอว่าอาหลานก็ได้ เธอสวยมากเลยใช่ไหมล่ะ อาเจ้อของพวกเราโชคดีจริง ๆ ที่มีคนรักที่สวยขนาดนี้”

แม้จะคาดเดาไว้บ้างแล้ว แต่ทั้งเมิ่งผิงและอวี๋มินต่างประหลาดใจเมื่อได้ยินว่าสาวสวยตรงหน้านี้คือเฮ่อหลาน ทั้งที่อีกฝ่ายอายุน้อยกว่าพวกหล่อนเพียงเจ็ดหรือแปดปีเท่านั้น แต่มันไม่เกินจริงเลยหากจะบอกว่าเธออายุยี่สิบต้น ๆ เพราะเธอมีใบหน้าที่อ่อนเยาว์และยังสวยมากอีกด้วย

“สวัสดีค่ะอาหลาน ฉันอวี๋มิน เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของอาเจ้อค่ะ”

“สวัสดีค่ะอาหลาน ฉันเมิ่งผิง เป็นพี่สะใภ้รองของอาเจ้อค่ะ”

เมื่อเฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอรีบก้าวไปด้านหน้าเพื่อทักทาย “สวัสดีค่ะ” ขณะพูดอย่างนั้นเธอมอบของขวัญที่เตรียมไว้สำหรับอวี๋มินและเมิ่งผิงด้วย นี่คือผ้าที่เธอปักด้วยตนเอง แน่นอนว่าเธอมอบทุกอย่างให้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม ไม่มีใครได้มากกว่าหรือน้อยกว่ากันแน่

เมื่ออวี๋มินและเมิ่งผิงรู้ว่าของขวัญที่ได้รับเป็นสิ่งที่เฮ่อหลานทำขึ้นเอง แววตาของพวกเขาพลันเปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ “อาหลาน เธอเก่งเกินไปแล้วนะ”

เฉินเยว่จืออดไม่ได้ที่ต้องยืนมองจากด้านข้าง อีกฝ่ายเก่งเรื่องงานปักงั้นหรือ? แม้งานปักจะดีมาก แต่มันน่าชื่นชมตรงไหนกัน? ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาและถามออกไปอย่างกังวล “เฮ่อหลาน แล้วเข้ามาเมืองหลวงอย่างนี้ พวกคุณไปพักอยู่ที่ไหนหรือคะ?”

ขณะพูดอย่างนั้น ก็มีความเหยียดหยามในแววตา

แม้พวกเธอจะดูดีและเก่งเรื่องงานปัก แต่แล้วยังไง? พวกเธอก็เป็นเพียงคนชนบท ไม่มีบ้านในเมืองหลวงด้วยซ้ำ เพราะสำหรับตระกูลจิง ทุกคนล้วนแต่เกิดและเติบโตในเมืองหลวง ส่วนเฮ่อหลานกับคนอื่น ๆ ล้วนแต่มาจากชนบททั้งสิ้น

ซึ่งเฮ่อหลานสัมผัสได้ว่าเฉินเยว่จือไม่ชอบตน ดังนั้นเธอยกยิ้มพร้อมตอบกลับว่า “ค่ะ เรามีบ้านอยู่ย่านกู่โหลวค่ะ พวกเราทั้งสามพักอยู่ที่บ้านของเราเองหลังจากมาถึงเมืองหลวงน่ะค่ะ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด