ราชินีพลิกสวรรค์ 162 เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 162 เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฆ่ามู่หว่านโหรวอย่างนั้นหรือ

 

 

วันนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

 

 

หากฆ่านางตายจริงๆ ทางราชสำนักจักต้องหมายหัวตระกูลลู่เป็นแน่ นางไม่สามารถทำลายโอกาสของฮ่องเต้ที่รอมานานได้

 

 

วันนี้เจียงหลีแค่ต้องการแสดงเจตนารมณ์เพียงเท่านั้น

 

 

ถึงแม้คนทั้งโลกจะทอดทิ้งลู่เจี้ย ถึงแม้จะไม่มีใครสนใจเขา เขาก็ยังมีนางที่คอยปกป้อง นางไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาดูหมิ่นเหยียดหยามเขาได้

 

 

ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางเห็นลู่เจี้ยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วรู้สึกสงสารเขาในใจ

 

 

“วันนี้ฆ่าไม่ตายก็ฆ่าวันหน้า หากวันหน้าฆ่าไม่ตายมันต้องมีสักวันที่ข้าจะฆ่าให้ตายอย่างหมดจด ขอแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่คำสาบานนี้ไม่มีวันดับสูญ”

 

 

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนรับรู้เจตนารมณ์ของเจียงหลีอย่างชัดเจน

 

 

บางทีอาจทำให้นายน้อยตระกูลลู่ที่ไม่ได้มางานวสันต์ฤดูล่าสัตว์อย่างลู่เจี้ยตกเป็นที่ฮือฮาได้

 

 

“ลู่เจี้ยเอ๋ยลู่เจี้ย จู่ๆ ข้าก็นึกอิจฉาเจ้าขึ้นมา” หรงจิ่งสายตาจดจ้องไปที่เจียงหลีจากระยะห่างไกลพร้อมทั้งพึมพำเสียงเบา

 

 

ตู้ม!

 

 

เจียงหลีปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตัวเองออกมา

 

 

วิญญาณยุทธ์แรกคือเลี่ยเทียนซื่อตัวแทนพลังทำลายล้างที่บ้าคลั่งดุเดือด ส่วนตัวที่สอง…

 

 

เมื่อเสวียนกังกุยปรากฏกายออกมา ผู้ที่เคยรู้จักมันต่างอุทานด้วยความตะลึง “เป็นเสวียนกังกุย ก่อนหน้านี้ทั่วหนานฮวงแคว้นแข็งแกร่งไม่น้อยกำลังตามหาหญิงสาวที่มีวิญญาณยุทธ์เป็นเสวียนกังกุย หรือว่าคนที่พวกเขาตามหาจะเป็นนาง”

 

 

เจียงหลีกลับไม่รู้ถึงเหตุนี้ ตอนที่เกิดเรื่องนางผสานร่างกับเสวียนกังกุย ถึงแม้ลู่เจี้ยจะให้ลู่จ้านปิดบังข้อมูลนี้เอาไว้แต่ว่าเจียงหลีปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ต่อหน้าสาธารณชนก็เท่ากับว่าได้ทำลายความลับนี้ไปเสียแล้ว

 

 

โชคดีมีเพียงคนผู้เดียวที่อุทานออกมาและเสียงของเขาถูกเสียงความวุ่นวายของฝูงชนกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว

 

 

แต่ทว่าแววตาอาฆาตของจิ่งเยี่ยยังคงจดจ้องแน่นิ่งภายในกลุ่มคน

 

 

“โอ้โห! เป็นวิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งเหมือนกันเสียด้วย วันนี้วิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งกลายเป็นว่ามีมากมายเยี่ยงนี้เลยหรือ องค์หญิงมีไม่ว่า แม้กระทั่งนางทาสคนหนึ่งก็มีเหมือนกัน ตระกูลลู่ช่างมีบารมียิ่งใหญ่นัก”

 

 

“ต่อไปนี้มีงิ้วสนุกๆ ให้ได้ดูกันแล้ว”

 

 

“…”

 

 

“เฟิงเหลย!” หมูหว่านโหรวตะโกนลั่นเรียกใช้ทักษะพรสวรรค์ในวิญญาณยุทธ์ของตน

 

 

เจียงหลีเองก็มิได้หยุดหย่อน นางตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เกราะเสวียนกัง!”

 

 

ทันใดนั้นเงาลวงตาของเสวียนกังกุยปกคลุมร่างของเจียงหลีกลายเป็นเกราะกระดองกำบังภายนอกร่างกายของนาง ส่วนภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อทะยานสู่ท้องฟ้าตามนางขึ้นไปแล้วพุ่งเข้าใส่มู่หว่านโหรวที่ใช้พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์พุ่งเข้าหาเช่นกัน

 

 

“สิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์โจมตีส่วนอีกสิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์ป้องกัน เจียงหลีผู้นี้คิดกระทำการป้องกันและโจมตีพร้อมกันหรือ”

 

 

“เช่นนี้แม้จะดูรอบคอบแต่มันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างอ่อนกำลังลงน่ะสิ”

 

 

“ช่างอัจฉริยะจริงๆ ลงมือพร้อมกันได้”

 

 

“…”

 

 

เจียงหลีทะยานสู่ท้องฟ้าเผชิญหน้าต่อสู้กับมู่หว่านโหรว

 

 

ในขณะที่กำลังปะทะกันอย่างดุเดือด แสงพลังวิญญาณทิ่มแทงบดบังสายตาผู้คน พวกเขาจึงเห็นเพียงสีหน้าดุดันของมู่หว่านโหรวและเจียงหลีที่ถูกแสงสว่างปกคลุมไปทั่วร่าง

 

 

จบแล้ว!

 

 

“ความสามารถขององค์หญิงไม่ได้มีแค่ลมปาก ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ต่อสู้เอาจริงเอาจัง พอถึงตอนนี้เอาจริงขึ้นมาแล้วเจียงหลีจะเผชิญหน้าต่อสู้ได้เยี่ยงไร”

 

 

“ใช้ทักษะพรสวรรค์สู้กันซึ่งๆ หน้า แพ้ราบคาบแน่นอน!”

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ”

 

 

“…”

 

 

ฝูงชนต่างคิดว่าเจียงหลีพ่ายแพ้แล้ว

 

 

คนที่ไม่เชื่อเกรงว่าจะเหลือเพียงจิ่งเยี่ยกับลู่เสวียนกระมัง

 

 

จากนั้นเมื่อแสงสลายไปแล้ผู้คนกลับตกตะลึงเห็นเจียงหลีปรากฏตรงหน้ามู่หว่านโหรวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด เกราะบนร่างนางส่องแสงประกายสี่ทิศอย่างกล้าหาญชาญชัย

 

 

“พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมความว่องไวเป็นเลิศแต่น่าเสียดายกลับทลายเกราะป้องกันของข้ามิได้ ฉะนั้นจึงไร้ผล” เจียงหลียิ้มมุมปากภายใต้สีหน้าตกตะลึงของมู่หว่านโหรว

 

 

ในเวลาเดียวกันพลังวิญญาณออกมาจากร่างของนาง เลี่ยเทียนซื่อคำรามกึกก้องกรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่มู่หว่านโหรว

 

 

ดวงตาทั้งคู่ของมู่หว่านโหรวเบิกกว้างริมฝีปากแดงสดอ้าค้าง

 

 

ตู้มมม!

 

 

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นางรู้สึกเพียงความเจ็บปวดที่หน้าอกของตนราวกับถูกฉีกขาด ร่างทั้งร่างลอยล่ะลิ่วออกไป

 

 

นางกระอักเลือดกลางอากาศพรวดพราดอย่างคาดไม่ถึง

 

 

ซวยแล้ว!

 

 

องค์หญิงอันผิงพะ…แพ้แล้ว…

 

 

จุดจบเช่นนี้ทำให้สถานการณ์เงียบสงบโดยไม่คาดคิด เจียงหลีลงสู่พื้นดินอย่างสงบมองมู่หว่านโหรวที่หล่นกระแทกพื้น เสื้อผ้าอาภรณ์ชาววังสวยงามหรูหราของนางอยู่ในสภาพหลุดลุ่ยดูไม่ได้ ผมยาวสลวยกระจัดกระจายอย่างน่าอดสู

 

 

ภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อและเสวียนกังกุยถูกเจียงหลีเก็บคืนไป ชุดเกราะบนร่างของนางก็หายไปเช่นเดียวกัน

 

 

เกราะเสวียนกังคือทักษะพรสวรรค์ของเสวียนกังกุย ตอนนี้ทำได้เพียงเป็นเกราะป้องกันให้กับเจียงหลีเท่านั้นแต่ทว่าตามการยกระดับขั้นของนาง รูปแบบที่ดีที่สุดของเกราะเสวียนกังสามารถปกคลุมรอบด้านป้องกันผืนฟ้าปฐพี

 

 

สวบๆ

 

 

เจียงหลีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่หว่านโหรว

 

 

เมื่อรู้สึกถึงเงาทะมึนบดบังมู่หว่านโหรวก็กุมหน้าอกแน่นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวในอาภรณ์สีดำ

 

 

ท่าทางเย็นชาไร้อารมณ์ของนางทำให้คนตกใจ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าร่างเล็กๆ นี้อาจจะมีวิญญาณที่แข็งแกร่งน่ากลัวซ่อนอยู่

 

 

“ท่านจงจำบทเรียนในวันนี้ให้ดี หากกล้าทำร้ายลู่เจี้ยอีก ข้าไม่สนว่าท่านจะมีสถานะเป็นใครข้าจะฆ่าท่านแน่นอน” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

 

 

มู่หว่านโหรวโกรธแค้นในใจ นี่ข้าถูกเชือดไก่ให้ลิงดูหรือ หากจนถึงตอนนี้นางยังมองจุดประสงค์ของเจียงหลีไม่ออกก็เอาหัวโขกให้ตายไปซะ

 

 

นางเข้าใจชัดเจนแล้ว เข้าใจแล้วว่าเจียงหลีอยากหยิบยืมโอกาสนี้บอกคนทั้งโลกว่าถึงแม้ลู่เจี้ยจะเป็นนายน้อยอายุสั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถฝึกตนได้ แต่ก็ไม่สามารถรังแกได้ตามอำเภอใจเช่นกัน!

 

 

เพราะว่าเขามีหลิงเจี้ยงสาวอายุสิบสามยืนอยู่ข้างกายเขา!

 

 

“เจียงหลี” สายตาของมู่หว่านโหรวส่อแววเกลียดชัง

 

 

การต่อสู้ในวันนี้คือความอัปยศอดสูในชีวิตนาง

 

 

เจียงหลียิ้มเย้ยหยัน “ไม่พอใจหรือ ข้าจะรอเจ้ามาหาข้าอีก”

 

 

“โอโห! เยี่ยมมาก” ดวงตาทั้งคู่ของลู่เสวียนเป็นประกายดาวเล็กๆ เขารู้สึกว่าชั่ววินาทีนี้เจียงหลียอดเยี่ยมจริงๆ มีเสน่ห์มาก

 

 

และนี่ยังไม่ใช่จุดจบ

 

 

ด้วยอุปนิสัยของเจียงหลีจริงจังก็ส่วนจริงจังเล่นก็ส่วนเล่น

 

 

นางไม่ลืมว่าคนที่ทำให้ลู่เจี้ยอับอายต่อหน้านางนอกจากมู่หว่านโหรวแล้วยังมีใครอีกบ้าง

 

 

ทันใดนั้นนางก็หันไปยังทิศทางที่หรงจิ่งยืนอยู่

 

 

ฝูงชนมองตามสายตานางไปเมื่อเห็นหรงจิ่งแล้วจึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

 

ฉิบหายแล้ว! นางคงไม่ท้าทายหรงจิ่งหรอกกระมัง

 

 

นี่…นี่…มันจะพลิกล่าฟ้าเขียวอะไรขนาดนั้น!

 

 

หรงจิ่งเป็นถึงอันดับหนึ่งในสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง ฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ยากที่จะคาดเดาความคิด แม้กระทั่งคนคาดเดาเขาได้อาจจะเหยียบขาข้างหนึ่งเข้าไปในระดับหลิงไซว่ได้แล้ว

 

 

เจียงหลีท้าทายเขาหรือ

 

 

หาเหาใส่หัวอีกแล้ว!

 

 

“คุณชายจิ่งลงมาเถอะ” ในขณะที่ผู้คนกำลังคิดคาดเดาเจียงหลีเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น

 

 

ซวยแล้ว! เดาถูกจริงๆ ด้วย!

 

 

ฝูงชนต่างอึ้งและหยุดหายใจ

 

 

ลู่เสวียนแทบจะกัดลิ้นตัวเองขาดแต่กลับไม่ลืมบูชานาง เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ กล้าท้าทายหรงจิ่งได้

 

 

มู่หว่านโหรวลุกขึ้นยืนจากพื้นแล้วยิ้มเย็นชาให้กับเจียงหลี “สาแก่ใจเจ้าแล้วล่ะสิ”

 

 

เจียงหลีกลับไม่สนใจนางเพียงแต่มองหรงจิ่งที่เดินเข้ามาหานาง

 

 

“เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ” หรงจิ่งมาเผชิญหน้ากับเจียงหลีอมยิ้มเอ่ยถาม รอยยิ้มราวกับสายลมนั้นมิรู้ว่ารบกวนหัวใจของสาวๆ ได้มากแค่ไหน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 162 เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 162 เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฆ่ามู่หว่านโหรวอย่างนั้นหรือ

 

 

วันนี้เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด

 

 

หากฆ่านางตายจริงๆ ทางราชสำนักจักต้องหมายหัวตระกูลลู่เป็นแน่ นางไม่สามารถทำลายโอกาสของฮ่องเต้ที่รอมานานได้

 

 

วันนี้เจียงหลีแค่ต้องการแสดงเจตนารมณ์เพียงเท่านั้น

 

 

ถึงแม้คนทั้งโลกจะทอดทิ้งลู่เจี้ย ถึงแม้จะไม่มีใครสนใจเขา เขาก็ยังมีนางที่คอยปกป้อง นางไม่อนุญาตให้ใครหน้าไหนมาดูหมิ่นเหยียดหยามเขาได้

 

 

ไม่รู้ว่ามันเริ่มต้นตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางเห็นลู่เจี้ยต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้วรู้สึกสงสารเขาในใจ

 

 

“วันนี้ฆ่าไม่ตายก็ฆ่าวันหน้า หากวันหน้าฆ่าไม่ตายมันต้องมีสักวันที่ข้าจะฆ่าให้ตายอย่างหมดจด ขอแค่ข้ายังมีชีวิตอยู่คำสาบานนี้ไม่มีวันดับสูญ”

 

 

ประโยคนี้ทำให้ทุกคนรับรู้เจตนารมณ์ของเจียงหลีอย่างชัดเจน

 

 

บางทีอาจทำให้นายน้อยตระกูลลู่ที่ไม่ได้มางานวสันต์ฤดูล่าสัตว์อย่างลู่เจี้ยตกเป็นที่ฮือฮาได้

 

 

“ลู่เจี้ยเอ๋ยลู่เจี้ย จู่ๆ ข้าก็นึกอิจฉาเจ้าขึ้นมา” หรงจิ่งสายตาจดจ้องไปที่เจียงหลีจากระยะห่างไกลพร้อมทั้งพึมพำเสียงเบา

 

 

ตู้ม!

 

 

เจียงหลีปล่อยวิญญาณยุทธ์ของตัวเองออกมา

 

 

วิญญาณยุทธ์แรกคือเลี่ยเทียนซื่อตัวแทนพลังทำลายล้างที่บ้าคลั่งดุเดือด ส่วนตัวที่สอง…

 

 

เมื่อเสวียนกังกุยปรากฏกายออกมา ผู้ที่เคยรู้จักมันต่างอุทานด้วยความตะลึง “เป็นเสวียนกังกุย ก่อนหน้านี้ทั่วหนานฮวงแคว้นแข็งแกร่งไม่น้อยกำลังตามหาหญิงสาวที่มีวิญญาณยุทธ์เป็นเสวียนกังกุย หรือว่าคนที่พวกเขาตามหาจะเป็นนาง”

 

 

เจียงหลีกลับไม่รู้ถึงเหตุนี้ ตอนที่เกิดเรื่องนางผสานร่างกับเสวียนกังกุย ถึงแม้ลู่เจี้ยจะให้ลู่จ้านปิดบังข้อมูลนี้เอาไว้แต่ว่าเจียงหลีปลดปล่อยวิญญาณยุทธ์ต่อหน้าสาธารณชนก็เท่ากับว่าได้ทำลายความลับนี้ไปเสียแล้ว

 

 

โชคดีมีเพียงคนผู้เดียวที่อุทานออกมาและเสียงของเขาถูกเสียงความวุ่นวายของฝูงชนกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว

 

 

แต่ทว่าแววตาอาฆาตของจิ่งเยี่ยยังคงจดจ้องแน่นิ่งภายในกลุ่มคน

 

 

“โอ้โห! เป็นวิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งเหมือนกันเสียด้วย วันนี้วิญญาณยุทธ์ชั้นหนึ่งกลายเป็นว่ามีมากมายเยี่ยงนี้เลยหรือ องค์หญิงมีไม่ว่า แม้กระทั่งนางทาสคนหนึ่งก็มีเหมือนกัน ตระกูลลู่ช่างมีบารมียิ่งใหญ่นัก”

 

 

“ต่อไปนี้มีงิ้วสนุกๆ ให้ได้ดูกันแล้ว”

 

 

“…”

 

 

“เฟิงเหลย!” หมูหว่านโหรวตะโกนลั่นเรียกใช้ทักษะพรสวรรค์ในวิญญาณยุทธ์ของตน

 

 

เจียงหลีเองก็มิได้หยุดหย่อน นางตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เกราะเสวียนกัง!”

 

 

ทันใดนั้นเงาลวงตาของเสวียนกังกุยปกคลุมร่างของเจียงหลีกลายเป็นเกราะกระดองกำบังภายนอกร่างกายของนาง ส่วนภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อทะยานสู่ท้องฟ้าตามนางขึ้นไปแล้วพุ่งเข้าใส่มู่หว่านโหรวที่ใช้พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์พุ่งเข้าหาเช่นกัน

 

 

“สิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์โจมตีส่วนอีกสิ่งหนึ่งคือวิญญาณยุทธ์ป้องกัน เจียงหลีผู้นี้คิดกระทำการป้องกันและโจมตีพร้อมกันหรือ”

 

 

“เช่นนี้แม้จะดูรอบคอบแต่มันจะทำให้ต่างฝ่ายต่างอ่อนกำลังลงน่ะสิ”

 

 

“ช่างอัจฉริยะจริงๆ ลงมือพร้อมกันได้”

 

 

“…”

 

 

เจียงหลีทะยานสู่ท้องฟ้าเผชิญหน้าต่อสู้กับมู่หว่านโหรว

 

 

ในขณะที่กำลังปะทะกันอย่างดุเดือด แสงพลังวิญญาณทิ่มแทงบดบังสายตาผู้คน พวกเขาจึงเห็นเพียงสีหน้าดุดันของมู่หว่านโหรวและเจียงหลีที่ถูกแสงสว่างปกคลุมไปทั่วร่าง

 

 

จบแล้ว!

 

 

“ความสามารถขององค์หญิงไม่ได้มีแค่ลมปาก ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้ต่อสู้เอาจริงเอาจัง พอถึงตอนนี้เอาจริงขึ้นมาแล้วเจียงหลีจะเผชิญหน้าต่อสู้ได้เยี่ยงไร”

 

 

“ใช้ทักษะพรสวรรค์สู้กันซึ่งๆ หน้า แพ้ราบคาบแน่นอน!”

 

 

“ก็ใช่น่ะสิ”

 

 

“…”

 

 

ฝูงชนต่างคิดว่าเจียงหลีพ่ายแพ้แล้ว

 

 

คนที่ไม่เชื่อเกรงว่าจะเหลือเพียงจิ่งเยี่ยกับลู่เสวียนกระมัง

 

 

จากนั้นเมื่อแสงสลายไปแล้ผู้คนกลับตกตะลึงเห็นเจียงหลีปรากฏตรงหน้ามู่หว่านโหรวโดยไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด เกราะบนร่างนางส่องแสงประกายสี่ทิศอย่างกล้าหาญชาญชัย

 

 

“พรสวรรค์ด้านวรยุทธ์ของท่านยอดเยี่ยมความว่องไวเป็นเลิศแต่น่าเสียดายกลับทลายเกราะป้องกันของข้ามิได้ ฉะนั้นจึงไร้ผล” เจียงหลียิ้มมุมปากภายใต้สีหน้าตกตะลึงของมู่หว่านโหรว

 

 

ในเวลาเดียวกันพลังวิญญาณออกมาจากร่างของนาง เลี่ยเทียนซื่อคำรามกึกก้องกรงเล็บแหลมคมพุ่งเข้าใส่มู่หว่านโหรว

 

 

ดวงตาทั้งคู่ของมู่หว่านโหรวเบิกกว้างริมฝีปากแดงสดอ้าค้าง

 

 

ตู้มมม!

 

 

เสียงดังสนั่นหวั่นไหว นางรู้สึกเพียงความเจ็บปวดที่หน้าอกของตนราวกับถูกฉีกขาด ร่างทั้งร่างลอยล่ะลิ่วออกไป

 

 

นางกระอักเลือดกลางอากาศพรวดพราดอย่างคาดไม่ถึง

 

 

ซวยแล้ว!

 

 

องค์หญิงอันผิงพะ…แพ้แล้ว…

 

 

จุดจบเช่นนี้ทำให้สถานการณ์เงียบสงบโดยไม่คาดคิด เจียงหลีลงสู่พื้นดินอย่างสงบมองมู่หว่านโหรวที่หล่นกระแทกพื้น เสื้อผ้าอาภรณ์ชาววังสวยงามหรูหราของนางอยู่ในสภาพหลุดลุ่ยดูไม่ได้ ผมยาวสลวยกระจัดกระจายอย่างน่าอดสู

 

 

ภาพมายาของเลี่ยเทียนซื่อและเสวียนกังกุยถูกเจียงหลีเก็บคืนไป ชุดเกราะบนร่างของนางก็หายไปเช่นเดียวกัน

 

 

เกราะเสวียนกังคือทักษะพรสวรรค์ของเสวียนกังกุย ตอนนี้ทำได้เพียงเป็นเกราะป้องกันให้กับเจียงหลีเท่านั้นแต่ทว่าตามการยกระดับขั้นของนาง รูปแบบที่ดีที่สุดของเกราะเสวียนกังสามารถปกคลุมรอบด้านป้องกันผืนฟ้าปฐพี

 

 

สวบๆ

 

 

เจียงหลีเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้ามู่หว่านโหรว

 

 

เมื่อรู้สึกถึงเงาทะมึนบดบังมู่หว่านโหรวก็กุมหน้าอกแน่นเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวในอาภรณ์สีดำ

 

 

ท่าทางเย็นชาไร้อารมณ์ของนางทำให้คนตกใจ ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าร่างเล็กๆ นี้อาจจะมีวิญญาณที่แข็งแกร่งน่ากลัวซ่อนอยู่

 

 

“ท่านจงจำบทเรียนในวันนี้ให้ดี หากกล้าทำร้ายลู่เจี้ยอีก ข้าไม่สนว่าท่านจะมีสถานะเป็นใครข้าจะฆ่าท่านแน่นอน” เจียงหลีพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยือก

 

 

มู่หว่านโหรวโกรธแค้นในใจ นี่ข้าถูกเชือดไก่ให้ลิงดูหรือ หากจนถึงตอนนี้นางยังมองจุดประสงค์ของเจียงหลีไม่ออกก็เอาหัวโขกให้ตายไปซะ

 

 

นางเข้าใจชัดเจนแล้ว เข้าใจแล้วว่าเจียงหลีอยากหยิบยืมโอกาสนี้บอกคนทั้งโลกว่าถึงแม้ลู่เจี้ยจะเป็นนายน้อยอายุสั้นเป็นคนไร้ประโยชน์ที่ไม่สามารถฝึกตนได้ แต่ก็ไม่สามารถรังแกได้ตามอำเภอใจเช่นกัน!

 

 

เพราะว่าเขามีหลิงเจี้ยงสาวอายุสิบสามยืนอยู่ข้างกายเขา!

 

 

“เจียงหลี” สายตาของมู่หว่านโหรวส่อแววเกลียดชัง

 

 

การต่อสู้ในวันนี้คือความอัปยศอดสูในชีวิตนาง

 

 

เจียงหลียิ้มเย้ยหยัน “ไม่พอใจหรือ ข้าจะรอเจ้ามาหาข้าอีก”

 

 

“โอโห! เยี่ยมมาก” ดวงตาทั้งคู่ของลู่เสวียนเป็นประกายดาวเล็กๆ เขารู้สึกว่าชั่ววินาทีนี้เจียงหลียอดเยี่ยมจริงๆ มีเสน่ห์มาก

 

 

และนี่ยังไม่ใช่จุดจบ

 

 

ด้วยอุปนิสัยของเจียงหลีจริงจังก็ส่วนจริงจังเล่นก็ส่วนเล่น

 

 

นางไม่ลืมว่าคนที่ทำให้ลู่เจี้ยอับอายต่อหน้านางนอกจากมู่หว่านโหรวแล้วยังมีใครอีกบ้าง

 

 

ทันใดนั้นนางก็หันไปยังทิศทางที่หรงจิ่งยืนอยู่

 

 

ฝูงชนมองตามสายตานางไปเมื่อเห็นหรงจิ่งแล้วจึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้

 

 

ฉิบหายแล้ว! นางคงไม่ท้าทายหรงจิ่งหรอกกระมัง

 

 

นี่…นี่…มันจะพลิกล่าฟ้าเขียวอะไรขนาดนั้น!

 

 

หรงจิ่งเป็นถึงอันดับหนึ่งในสิบผู้องอาจแห่งเมืองหลวง ฝึกฝนตั้งแต่วัยเยาว์ยากที่จะคาดเดาความคิด แม้กระทั่งคนคาดเดาเขาได้อาจจะเหยียบขาข้างหนึ่งเข้าไปในระดับหลิงไซว่ได้แล้ว

 

 

เจียงหลีท้าทายเขาหรือ

 

 

หาเหาใส่หัวอีกแล้ว!

 

 

“คุณชายจิ่งลงมาเถอะ” ในขณะที่ผู้คนกำลังคิดคาดเดาเจียงหลีเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็น

 

 

ซวยแล้ว! เดาถูกจริงๆ ด้วย!

 

 

ฝูงชนต่างอึ้งและหยุดหายใจ

 

 

ลู่เสวียนแทบจะกัดลิ้นตัวเองขาดแต่กลับไม่ลืมบูชานาง เยี่ยมมาก เยี่ยมจริงๆ กล้าท้าทายหรงจิ่งได้

 

 

มู่หว่านโหรวลุกขึ้นยืนจากพื้นแล้วยิ้มเย็นชาให้กับเจียงหลี “สาแก่ใจเจ้าแล้วล่ะสิ”

 

 

เจียงหลีกลับไม่สนใจนางเพียงแต่มองหรงจิ่งที่เดินเข้ามาหานาง

 

 

“เจ้ายอมทำเพื่อเขาขนาดนี้เชียวหรือ” หรงจิ่งมาเผชิญหน้ากับเจียงหลีอมยิ้มเอ่ยถาม รอยยิ้มราวกับสายลมนั้นมิรู้ว่ารบกวนหัวใจของสาวๆ ได้มากแค่ไหน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+