ราชินีพลิกสวรรค์ 359 เปลี่ยนหน้า แล้วจะเอาอย่างไรกับข้า

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 359 เปลี่ยนหน้า แล้วจะเอาอย่างไรกับข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง!

ท่าทางตะเกียกตะกายและหน้าถูลู่ถูกังบนพื้นกลายเป็นกากเดนของไป๋เซี่ยงเลี่ยเหมือนหมาจนตรอก

เขาอยากลุกขึ้นมาแต่เจียงหลีกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้วยกเท้าเหยียบกลางหลังเพื่อไม่ให้เขาขยับไปไหนได้

ไป๋เซี่ยงเลี่ยพยายามเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวที่อยู่เบื้องสูง นางไพล่มือไว้ข้างหลัง มีสีหน้าเย็นชาและแววตาเต็มไปด้วยความทระนงเหนือผู้ใดที่กำลังจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็นราวกับว่าเขาเป็นมดก็มิปาน

สายตาของเจียงหลีช่างเย็นชา ไป๋เซี่ยงเลี่ยในสายตาของนางเปรียบเสมือนคนที่ตายไปแล้ว “เจ้าสมควรตาย” ในน้ำเสียงเย็นเยียบ ราวกับกำลังตัดสินคดี

นางไม่ถึงกับแค้นไป๋เซี่ยงเลี่ย แต่ไอสังหารยิ่งหนักรุนแรงขึ้น

เพราะว่าภาพจุดอ่อนของลู่เจี้ยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในใจของเธอ ตอนที่นางออกจากอาณาเขตหลิงอู่แล้วกลับไปจวนตระกูลลู่ สภาพลู่เจี้ยอ่อนแรงมาก

เขาในตอนนั้น เนื่องจากเสียแรงในอาณาเขตหลิงอู่มากเกินไปจึงทำให้อ่อนแอเช่นนี้

เป็นเพราะไป๋เซี่ยงเลี่ย เป็นเพราะพวกเขา!

หากไม่ใช่เพราะพวกเขา ลู่เจี้ยจะสูญเสียพลังจิตได้อย่างไร

“อย่า อย่าฆ่าข้า” ความกลัวความตายทำให้ความเกลียดแค้นในดวงตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยหายไปอย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะชิงชังเจียงหลีและเขาก็ไม่กล้าที่จะฆ่านางอีกต่อไป ความหวังเดียวของเขาตอนนี้คือเจียงหลีจะปล่อยเขาไปและไว้ชีวิตเขา

ขอแค่มีชีวิตอยู่ ต่อให้ต้องเป็นหมารับใช้เจียงหลีเขาก็ยอม!

“ไม่ให้ฆ่าเจ้าหรือ” เจียงหลียิ้มเหยียดหยัน “เก็บเจ้าไว้จนถึงปีใหม่หรือไร” นางยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบลงไปที่ท้องของไป๋เซี่ยงเลี่ยอีกครั้ง

พลังที่รุนแรงพุ่งเข้าสู่ท้องของไป๋เซี่ยงเลี่ย อวัยวะภายในของเขาดูเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ทำให้เขาตายทั้งเป็น

จากนั้นเจียงหลีได้ปิดผนึกเส้นเสียงของเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่มีโอกาสกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ปังๆๆ!

เจียงหลีใช้วิธีที่หยาบคายที่สุดในการจัดการกับเขาและเขาทำได้เพียงอดทนต่อการโจมตีของเจียงหลีเหมือนสุนัขที่ตายแล้วไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะหอน

กร็อบๆ!

เสียงกระดูกหักยังคงดังขึ้นหลังจากถูกเจียงหลีทารุณเป็นเวลานาน ทั้งร่างของไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่มีกระดูกที่สมบูรณ์แล้ว

เขานอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดินเละแฉะเหมือนแอ่งโคลน

ด้วยความทรมานเช่นนี้ ตอนนี้เขาแค่อยากตายอย่างรวดเร็วและไม่มีความคิดที่จะมีชีวิตรอดอีกต่อไปเขาไปทำกรรมอะไรไว้หนอ

จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวด้วยซ้ำ

แค่ก!

ลำคอของไป๋เซี่ยงเลี่ยที่ถูกผนึกเกิดเสียงที่น่ารังเกียจ ไม่ใช่ว่าเขากำลังพูด แต่เป็นเสียงเท้าของเจียงหลีที่เหยียบคอของเขาจนลูกกระเดือกแตก

เขามองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่พร่ามัวและไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนเขาก็เห็นเพียงเงาร่างที่พร่ามัวท่ามกลางสีเลือด

ส่วนหญิงสาวตกลงมาจากที่สูงแล้วทุบไปที่ส่วนลึกถึงแก่นวิญญาณของเขา…

“ข้าขอภาวนาให้เจ้าอย่าได้เจอะได้เจอข้าในชาติหน้าอีก มิฉะนั้น ข้าก็ยังจะฆ่าเจ้าตายซ้ำอีกครั้ง!”

แกร็ก!

นางออกแรงที่เท้าแล้วเหยียบไป๋เซี่ยงเลี่ยจนคอหัก

“เจ้าไม่ต้องฆ่าเขาก็ได้ เก็บเขาไว้ถึงจะเป็นหลักฐานได้ว่าเจ้าไม่ได้ฆ่าคนพวกนี้ ฆ่าเขาตาย บาปที่ฆ่าคนพวกนี้ก็จะไปตกอยู่ที่ตัวเจ้านั่นแหละ” หลังจากความเงียบและว่างเปล่า เงาร่างของเงาก็ค่อยๆ มาปรากฏตัวที่ด้านหลังของเจียงหลี

เจียงหลีไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ นางมองเข้าไปในป่าหมอกและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “แล้วจะทำไม”

แล้วจะทำไม่อย่างนั้นหรือ

แสงในดวงตาของเงาหดตัวมองด้านหลังของหญิงสาวสูงสง่า ความหมายในคำพูดของนางราวกับว่าสะใจที่ได้ฆ่าไป๋เซี่ยงเลี่ย ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรแล้วก็ไม่สนใจการถูกใส่ร้ายป้ายสี ฆ่าแล้วก็ฆ่าเลย

นางชอบทำเช่นนี้แหละ!

แววตาของเงากลับมาสงบดังเดิมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากรออยู่ข้างกายเจียงหลี เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในความมืด แต่ถ้าไม่ใช่เพราะร่างเดิมของเขา เจียงหลีก็ไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาใกล้เพื่อปกป้องดูแล แม้ว่าจะไปสำรวจความลับของสุสานโบราณในครั้งนี้ แต่เขาก็อยู่ห่างจากสุสานโบราณและไม่ได้ตามเข้าไป แน่นอนว่านี่เป็นคำสั่งของเจียงหลีเช่นกัน

สำหรับเจ้านายคนใหม่ เขาดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเช่นกัน

“เงา เจ้ารู้เรื่องในอาณาเขตหลิงอู่หรือไม่” เจียงหลีหันหลังดวงตาที่เปล่งประกายพลันสงบลง

การจ้องมองอย่างสงบนี้ทำให้เงาที่ยืนอยู่ตรงหน้านางโดยไม่สามารถปกปิดอะไรได้ เขาจึงส่ายหน้า “คนที่ตามนายน้อยเข้าไปในอาณาเขตหลิงอู่คือลู่จ้าน ข้าไม่ได้เข้าไปด้วย เพียงแต่ตอนที่นายน้อยกลับมาร่างกายก็อ่อนแอลง ข้าเดาว่าน่าจะใช้พลังจิตเกินกำลังในอาณาเขตหลิงอู่ ส่วนรายละเอียดข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“จริงหรือ” เจียงหลีเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง

นางมองดูซากศพที่เกลื่อนพื้น คนของตระกูลไป๋เซี่ยงเหล่านี้มีส่วนน้อยที่นางเป็นคนฆ่า แต่ส่วนใหญ่ตายด้วยน้ำมือของไป๋เซี่ยงเลี่ย

เจียงหลีขี้เกียจเกินไปที่จะทำสิ่งต่างๆ เช่นทำลายศพและทำลายร่องรอย

ไม่ว่านางจะปกปิดทุกอย่างที่นี่หรือไม่ ความแค้นระหว่างนางและตระกูลไป๋เซี่ยงก็ยากที่จะแก้ไขเสียแล้ว

จากการฝึกประสบการณ์นี้ กองทัพทั้งหมดของตระกูลไป๋เซี่ยงถูกกวาดล้างจึงเหลือเพียงสามคน และตระกูลไป๋เซี่ยงจะตามตรวจสอบอย่างถึงที่สุดแน่นอน

“ป่ะ เรากลับชิ่งตูกันเถอะ” เจียงหลีออกคำสั่งแล้วออกไปจากภูเขา

ณ อาณาจักรเป่ยโหรว เมืองชิ่งตู

ลู่เสวียนรีบกลับมาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิตของเขา เมื่อเขาเห็นประตูเมืองชิ่งตูร่างกายของเขาแทบก็จะไร้เรี่ยวแรง

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพยุงเขาอีกแรง แววตามีความซับซ้อนและมีความเป็นห่วงเล็กน้อย

ลู่เสวียนส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบกลับเข้าวังไปหาฮ่องเต้เป่ยโหรวเร็วเข้า”

“ได้! ถ้าอย่างนั้นเจ้าเดินระวังด้วยล่ะ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพยักหน้าแล้วเดินแยกคนละทางกับลู่เสวียน

หลังจากที่ลู่เสวียนฟื้นฟูพลังก็รีบกลับที่เรือนรับรองพระราชอาคันตุกะ

จากนั้น เมื่อเขากลับไปรวมพลเตรียมออกไปช่วยเจียงหลี และในขณะกำลังเดินออกจากเรือนรับรองซื่อฟางก็ถูกคนในวังมาขวางทางเอาไว้

“หยวนหวัง ฝ่าบาทมีรับเชิญให้ตามพวกกระหม่อมเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ” คนที่มาตามเขานั้นคือหัวหน้าองครักษ์ของฮ่องเต้เป่ยโหรว เขาพูดจามีมารยาทกับลู่เสวียนแต่เหล่าทหารที่ตามหลังมานั่นกลับเป็นการให้เชื่อฟังห้ามขัดขืนกรายๆ

“ข้าไม่ว่าง!” ลู่เสวียนปฏิเสธตามตรง แต่ในใจกลับเป็นห่วงขึ้นมา เขาตกลงกับเหวินเหรินชิ่งชิ่งเสียดิบดี ทั้งสองแยกคนละทาง เขาไปช่วยเจียงหลี ส่วนเหวินเหรินชิ่งชิ่งไปกราบทูลให้ฝ่าบาทช่วยออกหน้าแทนเพื่อกดดันพวกตระกูลไป๋เซี่ยงแล้วแก้ปัญหาเรื่องนี้

ยามนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง ในวังยังส่งหัวหน้าองครักษ์มาอีก จะมีเรื่องอะไรพลิกผันหรือไม่

“หยวนหวัง ไม่มีผู้ใดฝ่าฝืนคำรับเชิญของฝ่าบาทได้พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยเตือน

“ตอนนี้ข้าไม่ว่าง! รอข้าเสร็จธุระก่อนข้าจะกลับไปรับโทษกับฝ่าบาทที่วังเอง” ลู่เสวียนขมวดคิ้ว

“หยวนหวังกำลังจะออกไปเพื่อแม่นางเซ่าจวินหรือพ่ะย่ะค่ะ” จู่ๆ หัวหน้าองครักษ์ก็เอ่ยถาม

ลู่เสวียนตกใจ เม้มริมฝีปากนิ่งเงียบ

หัวหน้าองครักษ์ทำท่าผายมือเชิญแล้วเอ่ยขึ้นกับเขา “ฝ่าบาทเชิญท่านก็เพราะเรื่องของแม่นางเซ่า

จวินพอดี หยวนหวังตามกระหม่อมไปดีกว่า อย่าทำให้กระหม่อมต้องเดือดร้อนเลยพระย่ะค่ะ”

“…” หัวใจของลู่เสวียนกระโดดโลดเต้น ในระหว่างที่เผ่นกลับมาในวันนี้ บนเขาจะมีเหตุการณ์อะไรพลิกผันใช่หรือไม่

เมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงทำได้เพียงตามหัวหน้าองครักษ์เข้าวังไปก่อน

ในขณะเดียวกันเจียงหลีก็ได้มาถึงด้านนอกเมืองชิ่งตูแล้ว นางยังไม่ทันได้เข้าไปก็เห็นประกาศตามจับกุมตัวบนกำแพงเมืองซึ่งใบหน้าคนในรูปวาดนี้คือตัวเองพอดี

ปฏิกิริยาของพวกตระกูลไป๋เซี่ยงเร็วใช้ได้เลยนี่ เจียงหลีกระตุกคิ้ว เมื่อพิจารณาในใจ รูปลักษณ์ใบหน้าและสง่าราศีของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลง จะฆ่าข้าหรือ

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 359 เปลี่ยนหน้า แล้วจะเอาอย่างไรกับข้า

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 359 เปลี่ยนหน้า แล้วจะเอาอย่างไรกับข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปัง!

ท่าทางตะเกียกตะกายและหน้าถูลู่ถูกังบนพื้นกลายเป็นกากเดนของไป๋เซี่ยงเลี่ยเหมือนหมาจนตรอก

เขาอยากลุกขึ้นมาแต่เจียงหลีกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้วยกเท้าเหยียบกลางหลังเพื่อไม่ให้เขาขยับไปไหนได้

ไป๋เซี่ยงเลี่ยพยายามเงยหน้าขึ้นไปมองหญิงสาวที่อยู่เบื้องสูง นางไพล่มือไว้ข้างหลัง มีสีหน้าเย็นชาและแววตาเต็มไปด้วยความทระนงเหนือผู้ใดที่กำลังจ้องมองเขาอย่างเยือกเย็นราวกับว่าเขาเป็นมดก็มิปาน

สายตาของเจียงหลีช่างเย็นชา ไป๋เซี่ยงเลี่ยในสายตาของนางเปรียบเสมือนคนที่ตายไปแล้ว “เจ้าสมควรตาย” ในน้ำเสียงเย็นเยียบ ราวกับกำลังตัดสินคดี

นางไม่ถึงกับแค้นไป๋เซี่ยงเลี่ย แต่ไอสังหารยิ่งหนักรุนแรงขึ้น

เพราะว่าภาพจุดอ่อนของลู่เจี้ยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในใจของเธอ ตอนที่นางออกจากอาณาเขตหลิงอู่แล้วกลับไปจวนตระกูลลู่ สภาพลู่เจี้ยอ่อนแรงมาก

เขาในตอนนั้น เนื่องจากเสียแรงในอาณาเขตหลิงอู่มากเกินไปจึงทำให้อ่อนแอเช่นนี้

เป็นเพราะไป๋เซี่ยงเลี่ย เป็นเพราะพวกเขา!

หากไม่ใช่เพราะพวกเขา ลู่เจี้ยจะสูญเสียพลังจิตได้อย่างไร

“อย่า อย่าฆ่าข้า” ความกลัวความตายทำให้ความเกลียดแค้นในดวงตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยหายไปอย่างสมบูรณ์ อย่างน้อยในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะชิงชังเจียงหลีและเขาก็ไม่กล้าที่จะฆ่านางอีกต่อไป ความหวังเดียวของเขาตอนนี้คือเจียงหลีจะปล่อยเขาไปและไว้ชีวิตเขา

ขอแค่มีชีวิตอยู่ ต่อให้ต้องเป็นหมารับใช้เจียงหลีเขาก็ยอม!

“ไม่ให้ฆ่าเจ้าหรือ” เจียงหลียิ้มเหยียดหยัน “เก็บเจ้าไว้จนถึงปีใหม่หรือไร” นางยกเท้าขึ้นแล้วเหยียบลงไปที่ท้องของไป๋เซี่ยงเลี่ยอีกครั้ง

พลังที่รุนแรงพุ่งเข้าสู่ท้องของไป๋เซี่ยงเลี่ย อวัยวะภายในของเขาดูเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บปวดที่ไม่อาจบรรยายได้ทำให้เขาตายทั้งเป็น

จากนั้นเจียงหลีได้ปิดผนึกเส้นเสียงของเขาเพื่อที่เขาจะได้ไม่มีโอกาสกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด

ปังๆๆ!

เจียงหลีใช้วิธีที่หยาบคายที่สุดในการจัดการกับเขาและเขาทำได้เพียงอดทนต่อการโจมตีของเจียงหลีเหมือนสุนัขที่ตายแล้วไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะหอน

กร็อบๆ!

เสียงกระดูกหักยังคงดังขึ้นหลังจากถูกเจียงหลีทารุณเป็นเวลานาน ทั้งร่างของไป๋เซี่ยงเลี่ยไม่มีกระดูกที่สมบูรณ์แล้ว

เขานอนเกลือกกลิ้งอยู่บนพื้นดินเละแฉะเหมือนแอ่งโคลน

ด้วยความทรมานเช่นนี้ ตอนนี้เขาแค่อยากตายอย่างรวดเร็วและไม่มีความคิดที่จะมีชีวิตรอดอีกต่อไปเขาไปทำกรรมอะไรไว้หนอ

จนถึงตอนนี้เขายังไม่รู้ตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวด้วยซ้ำ

แค่ก!

ลำคอของไป๋เซี่ยงเลี่ยที่ถูกผนึกเกิดเสียงที่น่ารังเกียจ ไม่ใช่ว่าเขากำลังพูด แต่เป็นเสียงเท้าของเจียงหลีที่เหยียบคอของเขาจนลูกกระเดือกแตก

เขามองไปที่หญิงสาวด้วยสายตาที่พร่ามัวและไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหนเขาก็เห็นเพียงเงาร่างที่พร่ามัวท่ามกลางสีเลือด

ส่วนหญิงสาวตกลงมาจากที่สูงแล้วทุบไปที่ส่วนลึกถึงแก่นวิญญาณของเขา…

“ข้าขอภาวนาให้เจ้าอย่าได้เจอะได้เจอข้าในชาติหน้าอีก มิฉะนั้น ข้าก็ยังจะฆ่าเจ้าตายซ้ำอีกครั้ง!”

แกร็ก!

นางออกแรงที่เท้าแล้วเหยียบไป๋เซี่ยงเลี่ยจนคอหัก

“เจ้าไม่ต้องฆ่าเขาก็ได้ เก็บเขาไว้ถึงจะเป็นหลักฐานได้ว่าเจ้าไม่ได้ฆ่าคนพวกนี้ ฆ่าเขาตาย บาปที่ฆ่าคนพวกนี้ก็จะไปตกอยู่ที่ตัวเจ้านั่นแหละ” หลังจากความเงียบและว่างเปล่า เงาร่างของเงาก็ค่อยๆ มาปรากฏตัวที่ด้านหลังของเจียงหลี

เจียงหลีไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ นางมองเข้าไปในป่าหมอกและพูดอย่างเย่อหยิ่ง “แล้วจะทำไม”

แล้วจะทำไม่อย่างนั้นหรือ

แสงในดวงตาของเงาหดตัวมองด้านหลังของหญิงสาวสูงสง่า ความหมายในคำพูดของนางราวกับว่าสะใจที่ได้ฆ่าไป๋เซี่ยงเลี่ย ดังนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องพิสูจน์อะไรแล้วก็ไม่สนใจการถูกใส่ร้ายป้ายสี ฆ่าแล้วก็ฆ่าเลย

นางชอบทำเช่นนี้แหละ!

แววตาของเงากลับมาสงบดังเดิมแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร หลังจากรออยู่ข้างกายเจียงหลี เขาก็ซ่อนตัวอยู่ในความมืด แต่ถ้าไม่ใช่เพราะร่างเดิมของเขา เจียงหลีก็ไม่ปล่อยให้เขาเข้ามาใกล้เพื่อปกป้องดูแล แม้ว่าจะไปสำรวจความลับของสุสานโบราณในครั้งนี้ แต่เขาก็อยู่ห่างจากสุสานโบราณและไม่ได้ตามเข้าไป แน่นอนว่านี่เป็นคำสั่งของเจียงหลีเช่นกัน

สำหรับเจ้านายคนใหม่ เขาดูเหมือนจะเข้าใจแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เข้าใจเช่นกัน

“เงา เจ้ารู้เรื่องในอาณาเขตหลิงอู่หรือไม่” เจียงหลีหันหลังดวงตาที่เปล่งประกายพลันสงบลง

การจ้องมองอย่างสงบนี้ทำให้เงาที่ยืนอยู่ตรงหน้านางโดยไม่สามารถปกปิดอะไรได้ เขาจึงส่ายหน้า “คนที่ตามนายน้อยเข้าไปในอาณาเขตหลิงอู่คือลู่จ้าน ข้าไม่ได้เข้าไปด้วย เพียงแต่ตอนที่นายน้อยกลับมาร่างกายก็อ่อนแอลง ข้าเดาว่าน่าจะใช้พลังจิตเกินกำลังในอาณาเขตหลิงอู่ ส่วนรายละเอียดข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“จริงหรือ” เจียงหลีเอ่ยเสียงเรียบนิ่ง

นางมองดูซากศพที่เกลื่อนพื้น คนของตระกูลไป๋เซี่ยงเหล่านี้มีส่วนน้อยที่นางเป็นคนฆ่า แต่ส่วนใหญ่ตายด้วยน้ำมือของไป๋เซี่ยงเลี่ย

เจียงหลีขี้เกียจเกินไปที่จะทำสิ่งต่างๆ เช่นทำลายศพและทำลายร่องรอย

ไม่ว่านางจะปกปิดทุกอย่างที่นี่หรือไม่ ความแค้นระหว่างนางและตระกูลไป๋เซี่ยงก็ยากที่จะแก้ไขเสียแล้ว

จากการฝึกประสบการณ์นี้ กองทัพทั้งหมดของตระกูลไป๋เซี่ยงถูกกวาดล้างจึงเหลือเพียงสามคน และตระกูลไป๋เซี่ยงจะตามตรวจสอบอย่างถึงที่สุดแน่นอน

“ป่ะ เรากลับชิ่งตูกันเถอะ” เจียงหลีออกคำสั่งแล้วออกไปจากภูเขา

ณ อาณาจักรเป่ยโหรว เมืองชิ่งตู

ลู่เสวียนรีบกลับมาด้วยความเร็วที่เร็วที่สุดในชีวิตของเขา เมื่อเขาเห็นประตูเมืองชิ่งตูร่างกายของเขาแทบก็จะไร้เรี่ยวแรง

“เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพยุงเขาอีกแรง แววตามีความซับซ้อนและมีความเป็นห่วงเล็กน้อย

ลู่เสวียนส่ายหน้า “ข้าไม่เป็นไร เจ้ารีบกลับเข้าวังไปหาฮ่องเต้เป่ยโหรวเร็วเข้า”

“ได้! ถ้าอย่างนั้นเจ้าเดินระวังด้วยล่ะ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพยักหน้าแล้วเดินแยกคนละทางกับลู่เสวียน

หลังจากที่ลู่เสวียนฟื้นฟูพลังก็รีบกลับที่เรือนรับรองพระราชอาคันตุกะ

จากนั้น เมื่อเขากลับไปรวมพลเตรียมออกไปช่วยเจียงหลี และในขณะกำลังเดินออกจากเรือนรับรองซื่อฟางก็ถูกคนในวังมาขวางทางเอาไว้

“หยวนหวัง ฝ่าบาทมีรับเชิญให้ตามพวกกระหม่อมเข้าวังพ่ะย่ะค่ะ” คนที่มาตามเขานั้นคือหัวหน้าองครักษ์ของฮ่องเต้เป่ยโหรว เขาพูดจามีมารยาทกับลู่เสวียนแต่เหล่าทหารที่ตามหลังมานั่นกลับเป็นการให้เชื่อฟังห้ามขัดขืนกรายๆ

“ข้าไม่ว่าง!” ลู่เสวียนปฏิเสธตามตรง แต่ในใจกลับเป็นห่วงขึ้นมา เขาตกลงกับเหวินเหรินชิ่งชิ่งเสียดิบดี ทั้งสองแยกคนละทาง เขาไปช่วยเจียงหลี ส่วนเหวินเหรินชิ่งชิ่งไปกราบทูลให้ฝ่าบาทช่วยออกหน้าแทนเพื่อกดดันพวกตระกูลไป๋เซี่ยงแล้วแก้ปัญหาเรื่องนี้

ยามนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง ในวังยังส่งหัวหน้าองครักษ์มาอีก จะมีเรื่องอะไรพลิกผันหรือไม่

“หยวนหวัง ไม่มีผู้ใดฝ่าฝืนคำรับเชิญของฝ่าบาทได้พ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าองครักษ์เอ่ยเตือน

“ตอนนี้ข้าไม่ว่าง! รอข้าเสร็จธุระก่อนข้าจะกลับไปรับโทษกับฝ่าบาทที่วังเอง” ลู่เสวียนขมวดคิ้ว

“หยวนหวังกำลังจะออกไปเพื่อแม่นางเซ่าจวินหรือพ่ะย่ะค่ะ” จู่ๆ หัวหน้าองครักษ์ก็เอ่ยถาม

ลู่เสวียนตกใจ เม้มริมฝีปากนิ่งเงียบ

หัวหน้าองครักษ์ทำท่าผายมือเชิญแล้วเอ่ยขึ้นกับเขา “ฝ่าบาทเชิญท่านก็เพราะเรื่องของแม่นางเซ่า

จวินพอดี หยวนหวังตามกระหม่อมไปดีกว่า อย่าทำให้กระหม่อมต้องเดือดร้อนเลยพระย่ะค่ะ”

“…” หัวใจของลู่เสวียนกระโดดโลดเต้น ในระหว่างที่เผ่นกลับมาในวันนี้ บนเขาจะมีเหตุการณ์อะไรพลิกผันใช่หรือไม่

เมื่อไม่มีทางเลือก เขาจึงทำได้เพียงตามหัวหน้าองครักษ์เข้าวังไปก่อน

ในขณะเดียวกันเจียงหลีก็ได้มาถึงด้านนอกเมืองชิ่งตูแล้ว นางยังไม่ทันได้เข้าไปก็เห็นประกาศตามจับกุมตัวบนกำแพงเมืองซึ่งใบหน้าคนในรูปวาดนี้คือตัวเองพอดี

ปฏิกิริยาของพวกตระกูลไป๋เซี่ยงเร็วใช้ได้เลยนี่ เจียงหลีกระตุกคิ้ว เมื่อพิจารณาในใจ รูปลักษณ์ใบหน้าและสง่าราศีของนางก็เกิดการเปลี่ยนแปลง จะฆ่าข้าหรือ

………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+