ราชินีพลิกสวรรค์ 352 เอาของออกมา!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 352 เอาของออกมา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตู้มๆๆ!

ทุกที่ในสุสานกำลังสั่นสะท้าน

รอยแตกบนผนังของสุสาน พื้นที่นูนขึ้นมา ก้อนหินมหึมาที่ตกลงมาจากด้านบนของสุสาน กลไกทั้งหมดในสุสานถูกเปิดใช้งานเพื่อโจมตีผู้คนที่บุกรุกเข้าไปในสุสานโบราณ

เจียงหลีไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ถูกผีเฒ่าที่ถูกลืมไม่รู้กี่ปีเล่นงานเข้าให้ นางจะอารมณ์ดีได้ตรงไหน

ไม่พูดไม่ได้ว่าผีเฒ่าหลิงจงตนนั้นจะมีเล่ห์เหลี่ยมล้ำลึกเพียงนี้

ก่อนหน้าที่พวกเขาบุกเข้าสุสาน กลไกลพวกนั้นที่พบเจอมันมีทางรอดท่ามกลางอันตราย จึงทำให้รู้สึกว่านี่เป็นเพียงบททดสอบแล้วทำให้ผ่อนปรนความระมัดระวัง

ในตอนนี้เมื่อสุสานถล่มลงมา การเคลื่อนไหวของฆาตกรที่แท้จริงเหล่านั้นจะถูกปลดปล่อยออกมา!

“ระวัง!” ทันใดนั้นลู่เสวียนผลักเหวินเหรินชิ่งชิ่งออกไปจนนางชนผนังสุสานที่แตกร้าว และเมื่อครู่ที่นางโดนผลัก ตรงนางยืนอยู่ตอนนี้มีเหล็กแหลมโผล่ขึ้นมาจากพื้นมีแสงจางๆ สีดำเรืองแสงที่ปลายแหลมซึ่งน่ากลัวมาก

เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองไปที่เหล็กแหลมอย่างหวาดกลัว หากเมื่อครู่นี้ลู่เสวียนไม่ผลักนางออกไป เกรงว่าร่างของนางคงถูกเหล็กแหลมทิ่มแทงจนทะลุ “ขอบคุณ” นางมองไปที่ลู่เสวียนแล้วเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าซับซ้อน

“รีบไปเถอะ” ลู่เสวียนไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้

“กลไกในสุสานถูกเปิดใช้งานแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดล่ะ” เจียงหลีออกคำสั่ง ทั้งสามจึงรีบเดินหน้าเพื่อเอาชีวิตรอด

สุสานกำลังจะถล่มลงมา พวกตระกูลไป๋เซี่ยงที่ตามมา ตอนนี้สะลัดทิ้งเรื่องตามเจียงหลีเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน

“อ้ากกก!”

“อ้ากๆๆๆ”

เสียงกรีดร้องดังลอดออกมาจากสุสานที่กำลังถล่มไม่หยุดหย่อน

เกรงว่าจะมีคนในตระกูลไป่เซี่ยงถูกฝังร่างไปพร้อมกับสุสานโบราณไม่น้อย

“สุสานโบราณนี้ใหญ่มาก ทางเข้าออกก็มีมากมาย ตอนนี้เราไม่รู้ว่าทางเข้าออกใดถูกปิดผนึกไปแล้วบ้าง” ท่ามกลางการหลบหนี เหวินเหรินชิ่งชิ่งกล่าวขณะที่หลบหลีกหินที่ตกลงมา

หลังจากสิ้นคำพูดของนาง จู่ๆ เจียงหลีก็หยุดฝีเท้าแล้วเงยหน้ามองข้างบนสุสาน

“มีอะไรหรือ รีบไปสิ” ลู่เสวียนเร่งเร้า

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเงยหน้ามองข้างบนของสุสานตามนาง แต่ก็ไม่เห็นมีเบาะแสอะไร

“พวกเขาอยู่ไหน” เวลานี้ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง

ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งหันหลังกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นพวกตระกูลไป๋เซี่ยงไล่ตามพวกเขามานางนี้อย่างไม่ลดละ

เพียงแต่สุสานที่กำลังถล่มทำให้พวกเขาล่าช้าลง

“รีบไป! พวกมันตามมาทันแล้ว” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยอย่างรีบร้อน

หากถูกคนในตระกูลไป๋เซี่ยงตามทัน ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องเปิดศึกสงครามหรอก แต่เกรงว่าพวกเขาอาจจะตายในที่แห่งนี้ก็ได้

“รอเดี๋ยว!” ตอนนี้เจียงหลีกลับเอ่ยรั้งทั้งสองที่กำลังร้อนรน

นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามจองไปที่ยอดด้านบนของสุสานที่กำลังถล่มลง เมื่อแสงที่ลอดออกมาจากรอยแตกร้าว ดวงตาของเจียงหลีเปล่งประกาย นางจึงยกมือขึ้นไปโจมตีบนยอดสุสาน

พลังวิญญาณโจมตีไปที่ยอดบนสุสาน เมื่อสองแรงรวมกันจึงทำให้ยอดสุสานที่ถูกโจมตีเกิดโพรงขนาดใหญ่

เมื่อโพรงถ้ำนี้ปรากฏ แสงด้านนอกก็ส่องผ่านเข้ามา

“เดินออกจากที่นี่” เจียงหลีเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงพุ่งทะยานออกจากปากถ้ำแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา

ลู่เสวียนตามไปเป็นคนที่สอง เหวินเหรินชิ่งชิ่งรีบตามไปติดๆ เงาร่างทั้งสามพุ่งออกไปยังนอกถ้ำ ปรากฏเสียงดัง ชิ้งๆๆ

พวกตระกูลไป่เซี่ยงที่ตามมาเห็นฉากนี้ก็เกิดแรงจูงใจเช่นกัน

พวกเขาค่อยๆ ทุบยอดสุสาน หลังจากทุบยอดสุสานจนแตกก็หนีออกมาจากสุสานที่พังทลายผ่านช่องว่าง

ท้องฟ้าด้านนอกสดใส

นี่ก็ไม่รู้ว่าเข้ามาในสุสานโบราณได้กี่วันมาแล้ว แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือเวลาฝึกประสบการณ์ยังไม่สิ้นสุด

ทั้งสามตกลงมายังดินโคลน นี่ไม่ใช่สถานที่พวกเขาเข้าไป

พื้นดินยังคงสั่นสะเทือน ราวกับภูเขาลูกนี้กำลังคำราม

เจียงหลีหันมองกลับไปก็เห็นฉากภูเขาถล่มลงมา

“ไป!” ยังไม่ทันได้หยุดพัก เจียงหลีก็เอ่ยขึ้นกับลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

ทั้งสามรีบลงมา พวกตระกูลไป๋เซี่ยงที่หนีออกมาจากสุสานโบราณตามหลังพวกเขามา พวกเขาก็ไม่มีเวลาไปใส่ใจ

ใครก็มิอาจล่วงรู้ การถล่มของสุสานจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของภูเขาทั้งลูกหรือไม่ ออกไปให้ไกลจากที่นี้ถึงจะรู้

แต่ทว่า ทั้งสามพึ่งวิ่งไปไม่เท่าไหร่ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรีบเข้ามาหา

“ตระกูลไป๋เซี่ยง!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเสียงเรียบ

เครื่องแต่งกายของพวกเขาบ่งบอกถึงสถานะได้อย่างดีเยี่ยม

ในเป่ยโหรว ตระกูลใหญ่ๆ มักจะมีเครื่องแต่งกายของตัวเองที่เหมือนกัน ในฐานะที่เหวินเหรินชิ่งชิ่งเป็นองค์หญิงเป่ยโหรวรู้สึกคุ้นเคยเครื่องแต่งกายของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งเช่นตระกูลไป๋เซี่ยงเป็นอย่างดี

ดูท่าทางคนในตระกูลไป๋เซี่ยงที่ควรเฝ้าอยู่ด้านนอกจะถูกดึงดูดจากความเคลื่อนไหวของสุสานถล่มจึงรีบตามมา

ฝีเท้าของทั้งสามคนช้าลงเพื่อเผชิญกับตระกูลไป๋เซี่ยง ในระยะทางสั้นๆ ตระกูลไป๋เซี่ยงก็ต้องได้เห็นพวกเขาเช่นกัน หากหันหลังหนีก็จะมีความผิดฐานขโมยชัดเจนใช่หรือไม่

นำโดยเจียงหลีที่เห็นชัดเจนว่าเป็นพวกไป๋เซี่ยงเลี่ยที่เจียงหลีเคยเจอในอาณาเขตหลิงอู่

“ที่แท้ก็เป็นองค์หญิงและหยวนหวังนี่เอง”

หลังจากทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน ไป๋เซี่ยงเลี่ยจึงจับมือเหวินเหรินชิ่งชิ่งแสดงเคารพ

“เลี่ยฉางเหล่า” เหวินเหรินชิ่งชิ่งรู้จักเขาเช่นกันและทักทายกลับตามารยาท

ไป๋เซี่ยงเลี่ยกวาดสายตามองทั้งสามคน เขาเผยรอยยิ้มและเอ่ยถาม “ทั้งสามท่านพึ่งออกมาจากสุสานโบราณหรือ ไม่ทราบว่าข้างในสุสานเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ สุสานถึงได้ถล่มลงมาพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกข้าก็ไม่รู้เช่นกัน จู่ๆ มันก็ถล่มลงมา พวกข้าก็พึ่งหนีออกมาได้” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยตอบ

“อ๋อ” ดวงตาไป๋เซี่ยงเลี่ยเป็นประกายวูบไหว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ แต่กลับยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้แล้วถามต่อ “เช่นนั้นแล้วคนในตระกูลไป๋เซี่ยงของกระหม่อมล่ะพ่ะย่ะค่ะ มิทราบว่าตอนองค์หญิงเสด็จออกจากสุสานได้เจอพวกเขาหรือไม่ แล้วพวกเขาปลอดภัยดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”

คนที่เขาถามคือเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แน่นอนว่าลู่เสวียนและเจียงหลีไม่อาจตอบแทนนางได้

นับว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งสงบนิ่งนัก นางไม่ได้พูดเรื่องก่อนที่สุสานจะถล่มลงมา นางเพียงตอบคำถามเขาไปเท่านั้น “ข้าไม่แน่ใจเท่าไหร่ ตอนที่สุสานโบราณเกิดความโกลาหล ทุกคนต่างหนีเอาชีวิตรอด ข้าก็ไม่ทันได้สังเกตพวกเขา หากเลี่ยฉางเหล่าเป็นห่วงก็รีบตามเข้าไปดูเองดีกว่า”

“เหอะๆ…” ไป๋เซี่ยงเลี่ยหัวเราะ

ทันใดนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังของพวกเจียงหลี และมีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่ารีบร้อน “เลี่ยฉางเหล่า ขวางแม่นางน้อยนั่นเอาไว้!”

เจียงหลีไม่หันกลับไปมอง เพียงแต่ขมวดคิ้วเบาๆ เหวินเหรินชิ่งชิ่งเองก็มีสีหน้าเย็นชา แววตาลุกลี้ลุกลน ลู่เสวียนขยับเข้าใกล้เจียงหลีแล้วพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ “หาทางเผ่นเร็ว!”

ไป๋เซี่ยงเลี่ยเก็บรอยยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนี้ ด้านหลังของเขา มัคนายกหลายคนจากตระกูลไป๋เซี่ยงวิ่งไปช่วยประคองลูกศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือล้อมรอบทั้งสามอย่างแผ่วเบาอย่างเหลือร่องรอย

“เลี่ยฉางเหล่า นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเสียงเย็น

ไป๋เซี่ยงเลี่ยเอ่ยตอบ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในเมื่อพวกเขาพูดแล้วก็น่าจะมีเหตุผล”

“เลี่ยฉางเหล่า เป็นนาง ต้องเป็นนางที่แตะต้องของบางอย่างในสุสานโบราณแน่ถึงทำให้สุสานถล่ม ทำร้ายจนพวกเราต้องฝังร่างในสุสานหลายคน” ชายที่เอ่ยปากพูดก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามาด้วยสภาพน่าสมเพช เขายืนข้างไป๋เซี่ยงเลี่ยแล้วชี้นิ้วมาทางเจียงหลี

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เจียงหลีอดมองด้วยสายตาประชดไม่ได้

สายตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยจดจ้องไปที่กระเป๋าของนาง กระเป๋าตุงนั้นช่างดึงดูดความสนใจ เขาเอ่ยขึ้น “แม่นาง เจ้าได้อะไรมาจากในสุสาน เอาออกมาสิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 352 เอาของออกมา!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 352 เอาของออกมา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตู้มๆๆ!

ทุกที่ในสุสานกำลังสั่นสะท้าน

รอยแตกบนผนังของสุสาน พื้นที่นูนขึ้นมา ก้อนหินมหึมาที่ตกลงมาจากด้านบนของสุสาน กลไกทั้งหมดในสุสานถูกเปิดใช้งานเพื่อโจมตีผู้คนที่บุกรุกเข้าไปในสุสานโบราณ

เจียงหลีไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก ถูกผีเฒ่าที่ถูกลืมไม่รู้กี่ปีเล่นงานเข้าให้ นางจะอารมณ์ดีได้ตรงไหน

ไม่พูดไม่ได้ว่าผีเฒ่าหลิงจงตนนั้นจะมีเล่ห์เหลี่ยมล้ำลึกเพียงนี้

ก่อนหน้าที่พวกเขาบุกเข้าสุสาน กลไกลพวกนั้นที่พบเจอมันมีทางรอดท่ามกลางอันตราย จึงทำให้รู้สึกว่านี่เป็นเพียงบททดสอบแล้วทำให้ผ่อนปรนความระมัดระวัง

ในตอนนี้เมื่อสุสานถล่มลงมา การเคลื่อนไหวของฆาตกรที่แท้จริงเหล่านั้นจะถูกปลดปล่อยออกมา!

“ระวัง!” ทันใดนั้นลู่เสวียนผลักเหวินเหรินชิ่งชิ่งออกไปจนนางชนผนังสุสานที่แตกร้าว และเมื่อครู่ที่นางโดนผลัก ตรงนางยืนอยู่ตอนนี้มีเหล็กแหลมโผล่ขึ้นมาจากพื้นมีแสงจางๆ สีดำเรืองแสงที่ปลายแหลมซึ่งน่ากลัวมาก

เหวินเหรินชิ่งชิ่งมองไปที่เหล็กแหลมอย่างหวาดกลัว หากเมื่อครู่นี้ลู่เสวียนไม่ผลักนางออกไป เกรงว่าร่างของนางคงถูกเหล็กแหลมทิ่มแทงจนทะลุ “ขอบคุณ” นางมองไปที่ลู่เสวียนแล้วเอ่ยขอบคุณด้วยสีหน้าซับซ้อน

“รีบไปเถอะ” ลู่เสวียนไม่ได้สนใจสิ่งเหล่านี้

“กลไกในสุสานถูกเปิดใช้งานแล้ว ทุกคนระวังตัวด้วย อย่าให้เกิดข้อผิดพลาดล่ะ” เจียงหลีออกคำสั่ง ทั้งสามจึงรีบเดินหน้าเพื่อเอาชีวิตรอด

สุสานกำลังจะถล่มลงมา พวกตระกูลไป๋เซี่ยงที่ตามมา ตอนนี้สะลัดทิ้งเรื่องตามเจียงหลีเพื่อเอาชีวิตตัวเองให้รอดก่อน

“อ้ากกก!”

“อ้ากๆๆๆ”

เสียงกรีดร้องดังลอดออกมาจากสุสานที่กำลังถล่มไม่หยุดหย่อน

เกรงว่าจะมีคนในตระกูลไป่เซี่ยงถูกฝังร่างไปพร้อมกับสุสานโบราณไม่น้อย

“สุสานโบราณนี้ใหญ่มาก ทางเข้าออกก็มีมากมาย ตอนนี้เราไม่รู้ว่าทางเข้าออกใดถูกปิดผนึกไปแล้วบ้าง” ท่ามกลางการหลบหนี เหวินเหรินชิ่งชิ่งกล่าวขณะที่หลบหลีกหินที่ตกลงมา

หลังจากสิ้นคำพูดของนาง จู่ๆ เจียงหลีก็หยุดฝีเท้าแล้วเงยหน้ามองข้างบนสุสาน

“มีอะไรหรือ รีบไปสิ” ลู่เสวียนเร่งเร้า

เหวินเหรินชิ่งชิ่งเงยหน้ามองข้างบนของสุสานตามนาง แต่ก็ไม่เห็นมีเบาะแสอะไร

“พวกเขาอยู่ไหน” เวลานี้ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลัง

ลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่งหันหลังกลับไปมองก็เห็นว่าเป็นพวกตระกูลไป๋เซี่ยงไล่ตามพวกเขามานางนี้อย่างไม่ลดละ

เพียงแต่สุสานที่กำลังถล่มทำให้พวกเขาล่าช้าลง

“รีบไป! พวกมันตามมาทันแล้ว” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยอย่างรีบร้อน

หากถูกคนในตระกูลไป๋เซี่ยงตามทัน ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องเปิดศึกสงครามหรอก แต่เกรงว่าพวกเขาอาจจะตายในที่แห่งนี้ก็ได้

“รอเดี๋ยว!” ตอนนี้เจียงหลีกลับเอ่ยรั้งทั้งสองที่กำลังร้อนรน

นางเงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่งามจองไปที่ยอดด้านบนของสุสานที่กำลังถล่มลง เมื่อแสงที่ลอดออกมาจากรอยแตกร้าว ดวงตาของเจียงหลีเปล่งประกาย นางจึงยกมือขึ้นไปโจมตีบนยอดสุสาน

พลังวิญญาณโจมตีไปที่ยอดบนสุสาน เมื่อสองแรงรวมกันจึงทำให้ยอดสุสานที่ถูกโจมตีเกิดโพรงขนาดใหญ่

เมื่อโพรงถ้ำนี้ปรากฏ แสงด้านนอกก็ส่องผ่านเข้ามา

“เดินออกจากที่นี่” เจียงหลีเอ่ยขึ้น จากนั้นจึงพุ่งทะยานออกจากปากถ้ำแล้วหายไปต่อหน้าต่อตา

ลู่เสวียนตามไปเป็นคนที่สอง เหวินเหรินชิ่งชิ่งรีบตามไปติดๆ เงาร่างทั้งสามพุ่งออกไปยังนอกถ้ำ ปรากฏเสียงดัง ชิ้งๆๆ

พวกตระกูลไป่เซี่ยงที่ตามมาเห็นฉากนี้ก็เกิดแรงจูงใจเช่นกัน

พวกเขาค่อยๆ ทุบยอดสุสาน หลังจากทุบยอดสุสานจนแตกก็หนีออกมาจากสุสานที่พังทลายผ่านช่องว่าง

ท้องฟ้าด้านนอกสดใส

นี่ก็ไม่รู้ว่าเข้ามาในสุสานโบราณได้กี่วันมาแล้ว แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือเวลาฝึกประสบการณ์ยังไม่สิ้นสุด

ทั้งสามตกลงมายังดินโคลน นี่ไม่ใช่สถานที่พวกเขาเข้าไป

พื้นดินยังคงสั่นสะเทือน ราวกับภูเขาลูกนี้กำลังคำราม

เจียงหลีหันมองกลับไปก็เห็นฉากภูเขาถล่มลงมา

“ไป!” ยังไม่ทันได้หยุดพัก เจียงหลีก็เอ่ยขึ้นกับลู่เสวียนและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

ทั้งสามรีบลงมา พวกตระกูลไป๋เซี่ยงที่หนีออกมาจากสุสานโบราณตามหลังพวกเขามา พวกเขาก็ไม่มีเวลาไปใส่ใจ

ใครก็มิอาจล่วงรู้ การถล่มของสุสานจะมีผลกระทบต่อความมั่นคงแข็งแรงของภูเขาทั้งลูกหรือไม่ ออกไปให้ไกลจากที่นี้ถึงจะรู้

แต่ทว่า ทั้งสามพึ่งวิ่งไปไม่เท่าไหร่ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังรีบเข้ามาหา

“ตระกูลไป๋เซี่ยง!” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเสียงเรียบ

เครื่องแต่งกายของพวกเขาบ่งบอกถึงสถานะได้อย่างดีเยี่ยม

ในเป่ยโหรว ตระกูลใหญ่ๆ มักจะมีเครื่องแต่งกายของตัวเองที่เหมือนกัน ในฐานะที่เหวินเหรินชิ่งชิ่งเป็นองค์หญิงเป่ยโหรวรู้สึกคุ้นเคยเครื่องแต่งกายของตระกูลใหญ่อันดับหนึ่งเช่นตระกูลไป๋เซี่ยงเป็นอย่างดี

ดูท่าทางคนในตระกูลไป๋เซี่ยงที่ควรเฝ้าอยู่ด้านนอกจะถูกดึงดูดจากความเคลื่อนไหวของสุสานถล่มจึงรีบตามมา

ฝีเท้าของทั้งสามคนช้าลงเพื่อเผชิญกับตระกูลไป๋เซี่ยง ในระยะทางสั้นๆ ตระกูลไป๋เซี่ยงก็ต้องได้เห็นพวกเขาเช่นกัน หากหันหลังหนีก็จะมีความผิดฐานขโมยชัดเจนใช่หรือไม่

นำโดยเจียงหลีที่เห็นชัดเจนว่าเป็นพวกไป๋เซี่ยงเลี่ยที่เจียงหลีเคยเจอในอาณาเขตหลิงอู่

“ที่แท้ก็เป็นองค์หญิงและหยวนหวังนี่เอง”

หลังจากทั้งสองฝ่ายเข้าใกล้กัน ไป๋เซี่ยงเลี่ยจึงจับมือเหวินเหรินชิ่งชิ่งแสดงเคารพ

“เลี่ยฉางเหล่า” เหวินเหรินชิ่งชิ่งรู้จักเขาเช่นกันและทักทายกลับตามารยาท

ไป๋เซี่ยงเลี่ยกวาดสายตามองทั้งสามคน เขาเผยรอยยิ้มและเอ่ยถาม “ทั้งสามท่านพึ่งออกมาจากสุสานโบราณหรือ ไม่ทราบว่าข้างในสุสานเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ สุสานถึงได้ถล่มลงมาพ่ะย่ะค่ะ”

“พวกข้าก็ไม่รู้เช่นกัน จู่ๆ มันก็ถล่มลงมา พวกข้าก็พึ่งหนีออกมาได้” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยตอบ

“อ๋อ” ดวงตาไป๋เซี่ยงเลี่ยเป็นประกายวูบไหว เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เชื่อ แต่กลับยังคงรักษารอยยิ้มเอาไว้แล้วถามต่อ “เช่นนั้นแล้วคนในตระกูลไป๋เซี่ยงของกระหม่อมล่ะพ่ะย่ะค่ะ มิทราบว่าตอนองค์หญิงเสด็จออกจากสุสานได้เจอพวกเขาหรือไม่ แล้วพวกเขาปลอดภัยดีไหมพ่ะย่ะค่ะ”

คนที่เขาถามคือเหวินเหรินชิ่งชิ่ง แน่นอนว่าลู่เสวียนและเจียงหลีไม่อาจตอบแทนนางได้

นับว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งสงบนิ่งนัก นางไม่ได้พูดเรื่องก่อนที่สุสานจะถล่มลงมา นางเพียงตอบคำถามเขาไปเท่านั้น “ข้าไม่แน่ใจเท่าไหร่ ตอนที่สุสานโบราณเกิดความโกลาหล ทุกคนต่างหนีเอาชีวิตรอด ข้าก็ไม่ทันได้สังเกตพวกเขา หากเลี่ยฉางเหล่าเป็นห่วงก็รีบตามเข้าไปดูเองดีกว่า”

“เหอะๆ…” ไป๋เซี่ยงเลี่ยหัวเราะ

ทันใดนั้นได้ยินเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลังของพวกเจียงหลี และมีเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่ารีบร้อน “เลี่ยฉางเหล่า ขวางแม่นางน้อยนั่นเอาไว้!”

เจียงหลีไม่หันกลับไปมอง เพียงแต่ขมวดคิ้วเบาๆ เหวินเหรินชิ่งชิ่งเองก็มีสีหน้าเย็นชา แววตาลุกลี้ลุกลน ลู่เสวียนขยับเข้าใกล้เจียงหลีแล้วพูดขึ้นเสียงทุ้มต่ำ “หาทางเผ่นเร็ว!”

ไป๋เซี่ยงเลี่ยเก็บรอยยิ้มเมื่อได้ยินประโยคนี้ ด้านหลังของเขา มัคนายกหลายคนจากตระกูลไป๋เซี่ยงวิ่งไปช่วยประคองลูกศิษย์ที่ได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่เหลือล้อมรอบทั้งสามอย่างแผ่วเบาอย่างเหลือร่องรอย

“เลี่ยฉางเหล่า นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร” เหวินเหรินชิ่งชิ่งเอ่ยเสียงเย็น

ไป๋เซี่ยงเลี่ยเอ่ยตอบ “ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ในเมื่อพวกเขาพูดแล้วก็น่าจะมีเหตุผล”

“เลี่ยฉางเหล่า เป็นนาง ต้องเป็นนางที่แตะต้องของบางอย่างในสุสานโบราณแน่ถึงทำให้สุสานถล่ม ทำร้ายจนพวกเราต้องฝังร่างในสุสานหลายคน” ชายที่เอ่ยปากพูดก่อนหน้านี้วิ่งเข้ามาด้วยสภาพน่าสมเพช เขายืนข้างไป๋เซี่ยงเลี่ยแล้วชี้นิ้วมาทางเจียงหลี

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา เจียงหลีอดมองด้วยสายตาประชดไม่ได้

สายตาของไป๋เซี่ยงเลี่ยจดจ้องไปที่กระเป๋าของนาง กระเป๋าตุงนั้นช่างดึงดูดความสนใจ เขาเอ่ยขึ้น “แม่นาง เจ้าได้อะไรมาจากในสุสาน เอาออกมาสิ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+