ราชินีพลิกสวรรค์ 383 วานรกลืนเวหากลางทะเล

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 383 วานรกลืนเวหากลางทะเล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

วันนี้เป็นวันที่เจียงหลีไม่จัดการงานบ้านเมืองและก็ไม่ได้ฝึกฝนแต่ออกจากวังไปลำพัง เพื่อไปที่หลุมฝังศพของหรงจิ่ง

“ฝ่าบาท” อาเฉวียนทำความเคารพเจียงหลีอย่างนอบน้อม

เจียงหลีพยักหน้าให้เขา “ลำบากแย่เลย”

อาเฉวียนส่ายหัว “ข้าน้อยดูแลคุณชายมาตั้งแต่ข้าน้อยยังเด็กๆ วันนี้ได้มาเป็นคนเฝ้าสุสานให้คุณชาย ข้าน้อยพอใจมากแล้วขอรับ”

เจียงหลีมองบ้านที่สร้างจากหญ้าฟางด้านหลังเขา ตั้งอยู่หน้าสุสานของหรงจิ่ง หรงจิ่งคงไม่เหงาแล้ว

“ข้าจะไปเยี่ยมเขา” เจียงหลีพูดแล้วเดินไปยังสุสานของหรงจิ่ง

อาเฉวียนรีบไปเตรียมของเซ่นไหว้

ในตอนที่เขาไปเอาของมาแล้วรีบตามไป เจียงหลีก็ได้ยืนเอามือไขว้หลังอยู่หน้าสุสานของหรงจิ่ง

“เจ้าทำความสะอาดได้เอี่ยมอ่องมาก” เจียงหลีพูดกับอาเฉวียน

อาเฉวียนยิ้มแล้วก้มหน้าจัดเรียงของเซ่นไหว้ “คุณชายชอบความสะอาด ชอบของที่เรียบง่าย ดังนั้นข้าน้อยจึงมาทำความสะอาดที่นี่วันละสามครั้ง ไม่ให้ฝุ่นจับสุสาน”

จริงสิ! หรงจิ่งก็ไม่เหมือนคนทั่วไปมาตั้งแต่ไหนแต่ไร นิสัยที่เย็นชาของเขานั้น เหมือนกับเทพที่อิสระที่ไม่ได้อาศัยอยู่บนโลกมนุษย์ ไม่จำเป็นต้องแก่งแย่งชิงดีอะไร แต่กลับบังเอิญมาเจอลู่เจี้ย แล้วก็บังเอิญมาเจอกับข้า เจียงหลีเงียบไม่พูดอะไรแต่คิดเงียบๆ อยู่ในใจ

ความที่จู่ๆ นางก็เงียบ ทำให้อาเฉวียนหยุดการกระทำในมือ ค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วหันไปมองนาง ลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วถึงพูดว่า “ฝ่าบาท คุณชายเคยบอกไว้ว่าความงามที่งามที่สุดโลก ที่ทำให้ใจของเขาหวั่นไหวมากที่สุด ได้ถูกเขาเอาเก็บไว้ในใจ การตัดสินในวันนี้ ก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง เขาได้ตายอย่างมีค่าแล้ว”

ตายอย่างมีค่า

เจียงหลียิ้มออกมา ในรอยยิ้มนั้นกลับมีความโกรธเล็กๆ ใครๆ ก็เป็นเช่นนี้รึ หรงจิ่ง เจ้านี่ช่างโง่เขลายิ่งนัก! เจ้าเพิ่งจะได้เห็นโลกกว้างแค่เท่าไหร่กันเชียว เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าในที่ใดสักที่หนึ่งบนโลกนี้จะไม่มีผู้หญิงที่ทุ่มเทให้เจ้าอย่างหมดหัวใจเล่า

เจียงหลีหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดกับอาเฉวียนว่า “ข้าไปก่อนนะ เจ้าก็ดูแลเขาดีๆ ถ้าหากว่าต้องการอะไรก็เข้าวังไปหาอวี้ซูหรือไม่ก็ลู่จ้าน”

อาเฉวียนพยักหน้า หลังจากที่จุดธูปไหว้หรงจิ่งแล้วก็เดินจากไป

ในที่สุดหนานฮวงก็เป็นหนึ่งเดียว หนึ่งปีครึ่งต่อมาหลังจากที่ยึดครองเป่ยโหรวได้ สถานการณ์ในหนานฮวงก็ค่อยๆ มั่นคงขึ้น บนดินแดนอันกว้างใหญ่ของหนานฮวง มีเพียงแค่แคว้นเดียว นั่นก็คือราชวงศ์

จยาเซียน

และจักรพรรดิของราชวงศ์จยาเซียนก็คือจักรพรรดินีที่มีอายุเพียงสิบเก้าปี…เจียงหลี

เสียงระฆังยามดังขึ้น ยามกลางคืนได้ผ่านพ้นไป

ประกาศล่าสุดของราชสำนักแปะอยู่ในที่ๆ เห็นได้ชัดบนกำแพงเมืองแต่ละเมือง

ในประกาศราชสำนัก…

อวี้ซู ขุนนางหญิงข้างกายจักรพรรดินีได้รับบรรดาศักดิ์ให้เป็นอัครเสนาบดีหญิง เพื่อดูแลการบ้านเมือง

ลู่จ้านได้รับบรรดาศักดิ์ให้เป็นเจิ่นกั๋วกงควบคุมดูแลอำนาจทางทหารทั้งใต้หล้า

ส่วนเงา เจียงหลีได้มอบสกุลลู่และมอบบรรดาศักดิ์ให้เป็นผู้ตรวจตรา ตรวจตราทั้งแคว้น ผู้ที่กระทำผิดกฎหมายและสมรู้ร่วมคิดกันต่อต้านราชวงศ์ เขาได้รับอำนาจจากจักรพรรดินีให้สามารถประหารก่อนได้เลยแล้วค่อยกราบทูล

เซียวเซียวและอีกทั้งสิบหกกลับสู่ร่มเงาของตระกูลลู่ เพื่อตรวจตราทั้งแคว้น

สามยอดปราญ์แห่งสถาบันไป๋หยวนตั้งมั่นปกป้องพระราชวัง อุทิศตนเพื่อราชวงศ์

พระอัยกา[1]ลู่หวังชวนปกครองแคว้น

คำสั่งแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ประกาศออกมาติดๆ กัน ทำให้ผู้คนส่งเสียงดังเกรียวกราว จักรพรรดินีพระองค์นี้จัดการทุกอย่างได้อย่างเหมาะสม มอบหมายหน้าที่ให้คนอื่นหมด แล้วตัวเองก็จะไม่ทำอะไรเลยอย่างนั้นเลยหรือ

มีคนบอกว่าจักรพรรดินีทำแบบนี้เพราะต้องตั้งใจฝึกฝน รีบบรรลุขั้นหลิงจงโดยเร็ว เพื่อเป็นที่สุดของแผ่นดิน ถึงเวลานั้น จะยังมีผู้ใดกล้ามาหาเรื่องจักรพรรดินีอีกหรือ

สรุปแล้วในตอนที่ว่ากันไปต่างๆ นานา เจียงหลีและหนานอู๋เฮิ่นกลับได้ขึ้นเรือมุ่งไปสู่ซีฮวงอันแสนไกลแล้ว

ในทะเลอันกว้างใหญ่ คลื่นลมทะเลที่ซัดสาด ภาพทิวทัศน์ที่งดงามและกว้างใหญ่ ทำให้รู้สึกสุขกายสบายใจ

หนานอู๋เฮิ่นเดินออกมาจากห้องในเรือ มองไปยังหญิงสาวที่ยืนรับลมอยู่บนดาดฟ้าเรือ

หญิงสาวยังคงสวมชุดดำทั้งตัว เพียงแต่บนชุดสีดำนั้น ได้ใช้ไหมสีทองปักลวดลายที่วิจิตรงดงามเป็นอย่างมาก มองดูแล้วช่างไม่ธรรมดา

นางมีรูปร่างที่ดีมาก สัดส่วนสมบูรณ์แบบ มีทรวดทรงองเอว มีน้ำมีนวล เต็มไม้เต็มมือ เมื่อลมทะเลพัดเสื้อผ้าของนางโบกสะบัด เผยให้เห็นเรียวขาที่ตรงยาวของนาง

ผมที่ยาวถึงเอว พลิ้วไสวไปตามลม มวยผมบนหัวใช้เพียงปิ่นปักผมธรรมดาๆ ปักไว้ แต่ว่าถึงว่าจะเป็นเพียงแค่ปิ่นปักผมธรรมดาๆ ก็สามารถทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกว่ามันมีค่าไม่น้อย

“เจียงหลี” หนานอู๋เฮิ่นตะโกนเรียก

นางหันมา เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆ ที่งดงามและมีเสน่ห์

ใบหน้าที่สวยหยาดเยิ้ม ต่อให้นางไม่ต้องทำอะไร ก็มีแรงดึงดูดที่น่ากลัวที่สามารถทำให้หลงใหลจนหัวปักหัวปำได้

หนานอู๋เฮิ่นอึ้งไปเมื่อเห็นรอยยิ้มที่หันมานั้น

“ท่านอาจารย์หนาน” เจียงหลีหันตัว แล้วเดินมาหาเขา

หนานอู๋เฮิ่นได้สติ ก็ส่ายหัวแล้วยิ้มแห้ง พูดในใจว่า เด็กผู้หญิงคนนี้ยิ่งโตยิ่งงามขึ้นเรื่อยๆ ชายทั้งใต้หล้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ นาง เหมือนกับโดนทดสอบจิตใจเป็นอย่างมาก

“หนทางอีกยาวไกล เกิดความรู้สึกสดชื่นที่ได้ออกทะเล แต่อย่าลืมฝึกฝน” หนานอู๋เฮิ่นกำชับขึ้นมา

เจียงหลียิ้มแล้วพูดว่า “เข้าใจแล้วๆ! ทำไมพวกท่านถึงชอบคิดว่าขี้เกียจ”

หนานอู๋เฮิ่นจ้องมองนาง เหมือนกำลังถามอีกว่า แล้วมันไม่ใช่รึ

เจียงหลียิ้มด้วยความเก้อเขิน บ่นในใจว่า ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เพราะฝึกฝนจนเหนื่อย ก็เลยงีบ พองีบนานไปหน่อยก็ถูกท่านอาวุโสทั้งสามจับได้ไปครั้งหนึ่งแล้ว

“หากตอนนี้เจ้ายิ่งสะสมพลังไปเรื่อยๆ พอถึงซีฮวง เจ้าถึงจะมีพลังป้องกันตัวเอง” หนานอู๋เฮิ่นพูดจากใจจริง

เจียงหลีพยักหน้า มองไปยังทิศทางที่เรือมุ่งไป แล้วถามขึ้นมาว่า “แท้จริงแล้วซีฮวงเป็นที่อย่างไรกันแน่”

“เป็นสถานที่ๆ โหดร้ายกว่าหนานฮวง” หนานอู๋เฮิ่นพูดอย่างทอดถอนใจ

“หนานฮวงโหดร้ายรึ” เจียงหลีบ่นพึมพำ ในหัวของนางปรากฏเรื่องราวต่างๆ ที่นางเคยเจอมา ยังมีคนที่คุ้นเคยทุกคน สุดท้ายนางก็ยิ้มออกมา “อาจจะใช่นะ หนานฮวงโหดร้าย แต่ก็เป็นสถานที่ๆ มีความผูกพันอยู่เหมือนกัน”

หนานอู๋เฮิ่นหันไปมองนาง มีความแปลกใจเล็กน้อย แต่กลับพยักหน้าเห็นด้วยกับนาง

ตกดึก ทะเลเข้าสู่ความมืด ในความมืดมีดาวอยู่เต็มท้องฟ้า

บนเรือที่เจียงหลีอยู่ มีดวงดาวอยู่รอบๆ ดาดฟ้าเรือเต็มไปหมด แสงดาวที่แวววาวล้อมรอบตัวเจียงหลี ด้านหลังของนางเหมือนมีปีศาจสมัยโบราณซ่อนอยู่อย่างไรอย่างนั้น

ร่างๆ นั้นกำลังกลืนกินแสงดาวที่รวมตัวกันอย่างตะกละตะกลาม

ความน่ากลัวของปีศาจ แต่ในขณะเดียวกันเจียงหลีที่ถูกห่อหุ้มด้วยแสงดาว กลับงดงามดั่งเทพ ผิวกายที่ถูกแสงดาวห่อหุ้มเปล่งแสงแวววาว

ร่างมายาของปีศาจโบราณนี้ ก็คือวิญญาณยุทธ์ตัวที่สี่ของนาง..วานรกลืนเวหา

ณ หนานฮวงดินแดนอันกว้างใหญ่ ผู้คนต่างคาดเดาว่านางกำลังฝึกฝนเพื่อบรรลุขั้นหลิงจง แต่กลับไม่รู้ว่านางบรรลุขั้นหลิงจงไปตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้ว

เลยเที่ยงคืนไป วานรกลืนเวหากลับเข้าสู่เนตรญาณของเจียงหลีแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

นางก็ออกจากการฝึกฝน แล้วลุกขึ้นมา

เพิ่งจะลุกขึ้นก็สังเกตเห็นคนข้างๆ ตัวเอง เจียงหลีมองไป แล้วพูดกับหนานอู๋เฮิ่นที่เป็นผู้ปกป้องนางเวลาฝึกฝนว่า “ลำบากท่านอาจารย์แล้ว”

หนานอู๋เฮิ่นยิ้มแล้วเดินมาหานาง “วานรกลืนเวหานี่ก็เหมาะสมกับเจ้า ถึงแม้เจ้าจะเป็นหญิง แต่กลับไม่ชอบอะไรที่อ่อนโยน เลี่ยเทียนซื่อ วานรกลืนเวหา วิญญาณยุทธ์ประเภทโจมตีเหมาะสมกับเจ้าที่สุดแล้ว”

…………………………..

[1] ปู่ ตำแหน่งในภาษาจีนคือไท่ซั่งหวง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด