ราชินีพลิกสวรรค์ 366 เจ้านี่มันสมองทึ่ม!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 366 เจ้านี่มันสมองทึ่ม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่มี!

ก็ต้องไม่มีอยู่แล้ว

ไป๋เซี่ยงกงและไป๋เซี่ยงไท่อย่างไรก็คงจะคิดไม่ถึงว่าคนที่พวกเขาตามหาก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“พวกเจ้าค้นดูละเอียดแล้วหรือยัง ไม่มีทางไม่มี!” รับรู้ได้ถึงสายตาที่เย็นชาของไป๋เซี่ยงกงที่มองมายังตนเอง ไป๋เซี่ยงไท่รีบพูดขึ้นมา

พวกเขาส่ายหัว “พวกเราหาดูอย่างละเอียดแล้วขอรับ ไม่มีจริงๆ” พวกเขาก็หวังว่าจะเจอเหมือนกัน!

“เหอะๆ……” เป่ยเหมินเวยหัวเราะเยาะ สายตาที่เย้ยหยันมองไปยังใบหน้าที่ดูไม่ได้ของไป๋เซี่ยงกงและไป๋เซี่ยงไท่ “ท่านทั้งสอง เป็นอย่างไร”

“…”

“…”

ไป๋เซี่ยงกงหน้าเขียว มองไป๋เซี่ยงไท่ด้วยสายตาที่แทบอยากจะฆ่าเขา พอได้รับข่าวจากเขา ไป๋เซี่ยงกงก็ทิ้งทุกอย่างแล้วรีบตามมา เพราะว่าเชื่อเขา จึงไม่เสียดายที่จะปะทะกับฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว ถึงขั้นเอาป้ายที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบไว้ให้บุกเข้าวังมา

ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ

ไอเจ้าสมองทึ่มนี่! ขายขี้หน้าวงศ์ตระกูลไป๋เซี่ยงจริงๆ ทำให้ตอนนี้เขาไม่กล้าสู้หน้าฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว

ไป๋เซี่ยงไท่ถูกเขาจ้องจนหนังหัวชาไปหมดแล้ว ความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นชัดแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มี “ต้องอยู่ในพระราชวังอย่างแน่นอน พวกท่านต้องเอานางซ่อนไว้อย่างแน่นอน!”

“พอได้แล้ว!” ไป๋เซี่ยงกงตะโกนเสียงดัง เพื่อหยุด ‘คำพูดเพ้อเจ้อ’ ของไป๋เซี่ยงไท่

เป่ยเหมินเวยยิ้มอย่างเยือกเย็นเข้าไปอีก “ทำไมรึ ไป๋เซี่ยงไท่เจ้ายังคิดจะค้นดูทั้งวังของข้าอย่างนั้นรึ”

ไป๋เซี่ยงไท่ถูกไป๋เซี่ยงกงด่าเสียงดัง ตอนนี้ยังโดนฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวพูดจาถากถางอีก ใจคิดอยากจะตอบโต้กลับไป แต่รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่สามารถพูดเพ้อเจ้อได้อีก

“ฝ่าบาท เป็นเพราะพวกเราไม่บุ่มบ่ามเกินไป” ไป๋เซี่ยงกงหายใจเข้าลึกๆ กดอารมณ์โกรธในใจเอาไว้ กัดฟัน แล้วขอโทษเป่ยเหมินเวยด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้เลย

เป่ยเหมินเวยมองอย่างเย็นชา ใบหน้าที่เคร่งขรึมมีความน่าเกรงขามของฮ่องเต้ “บุ่มบ่ามเกินไปอย่างนั้นรึ นายท่านไป๋เซี่ยง พวกเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงนี่แย่จริงๆ! บุกเข้าวัง หมิ่นพระเกียรติฮ่องเต้ ค้นตำหนักองค์หญิง แย่จริงๆ ยังมีเรื่องอะไรอีกที่พวกเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงยังไม่ได้ทำอีก ตอนนี้ คำพูดบุ่มบ่ามคำเดียว ก็คิดอยากจะเปิดโปงเรื่องนี้หรือ”

ความโกรธทั้งหมดที่เขาเก็บไว้เมื่อครู่ ในที่สุดตอนนี้ก็มีทางได้ระบายออกมาอย่างเต็มที่แล้ว

หาตัวนางไม่เจอ ไม่มีหลักฐาน ตระกูลไป๋เซี่ยงยังจะอวดดีได้อย่างไร!

“เช่นนั้นแล้วฝ่าบาทจะจัดการอย่างไร ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ข้าคนตระกูลไป๋เซี่ยงจะเข้าใจผิดไป แต่ฝ่าบาทได้โปรดเข้าใจในความรู้สึกของตระกูลพวกเราที่ต้องเจอด้วย จะไม่ยอมพลาดโอกาสเล็กๆ ที่จะสามารถจับมือสังหารได้จริงๆ” ไป๋เซี่ยงกงสีหน้าเปลี่ยนไป ถามด้วยเสียงเข้ม

น้ำเสียงที่อ่อนลง กลับไม่สามารถชดเชยกับการที่เป่ยเหมินเวยถูกกดขี่เมื่อครู่นี้ได้ เขายิ้มเยาะ “ข้ายังเข้าใจความรู้สึกของเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงไม่พออีกหรือ”

ไป๋เซี่ยงกงขมวดคิ้ว

เพราะเหตุใดคำพูดของเป่ยเหมินเวยมักจะทำให้เขารู้สึกเหมือนพวกเขาถูกเหน็บแนมอย่างนั้นหรือ

เหอะ! เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อคืนเพิ่งจะส่งคนไปวางเพลิงเผาจวนตระกูลไป๋เซี่ยงจนวุ่นวายไปหมด ตอนนี้ยังหน้าด้านมาตำหนิพวกเขาเช่นนี้

ในใจไป๋เซี่ยงกงโกรธมาก แต่กลับไม่สามารถระบายออกมาได้

แต่ว่าจะให้เขาพูดจาอ่อนโยนต่อกับเป่ยเหมินเวยอีกหรือคุกเข่าขอโทษ นั่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

“นายท่านไป๋เซี่ยง พวกท่านมาค้นตำหนักข้าโดยที่ข้าไม่ได้ชี้แจงอันใดเลย ตอนนี้อะไรก็ไม่เจอ ท่านจะไม่ชดเชยอะไรให้ข้าหน่อยหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดขึ้นมาในตอนนี้

ไป๋เซี่ยงกงแววตาเปล่งประกาย สายตาที่สบกับเป่ยเหมินเวยอยู่ ก็มามองที่เหวินเหรินชิ่งชิ่ง น้ำเสียงยังคงโอหังเช่นเดิม “รบกวนองค์หญิงเสียแล้ว ที่ทำให้ตื่นตระหนก ได้โปรดให้อภัย ตอนเย็นกระหม่อมจะสั่งคนให้เอาของเล็กๆ น้อยๆ เข้าวังมามอบให้ ถือเป็นการแสดงความขอโทษต่อองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

“แค่นี้เองหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งหัวเราะเยาะ

ไป๋เซี่ยงกงทำหน้าขรึม “เช่นนั้นองค์หญิงยังต้องการอะไรอีก”

เหวินเหรินชิ่งชิ่งยกมือขึ้นชี้ไปยังไป๋เซี่ยงไท่ “ข้าต้องการให้ไป๋เซี่ยงไท่คุกเข่าขอโทษข้า! เขาเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมาใช่หรือไม่ ทำไมตอนนี้ถึงหดตัวเป็นเต่าหลบอยู่ข้างๆ”

ฟึบ!

ลู่เสวียนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวหัวเราะออกมาเบาๆ

ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าท่าทางเยาะเย้ยคนของเหวินเหรินชิ่งชิ่งบางทีก็น่ารักเอามากๆ เลย

“เจ้า!” ไป๋เซี่ยงไท่โมโหจนหน้าแดง

เขาไม่เพียงแต่เป็นบุคคลสำคัญของตระกูลไป๋เซี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนัก ทำไมเขาต้องคุกเข่าให้กับลูกนอกสมรสด้วย

ถึงแม้จะเป็นองค์หญิง แต่ว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวนางใช่เลือดของราชนิกุลหรือไม่

ความดูถูกเหยียดหยามในสายตาของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่ว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งกลับไม่อ่อนข้อ เชิดคางขึ้น สบตากับเขา ไม่ยอมถอย

‘เจวียนเอ๋อร์’ ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ยังคงก้มหน้าก้มตา เงียบเป็นอย่างมาก

ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางหวัง จิตใจของนางตอนนี้งดงามมาก

“ไม่เลว! ไป๋เซี่ยงไท่ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าหรือที่สาบานอย่างหนักแน่นจริงใจ ในเมื่อตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าผิด เช่นนั้นเจ้าก็ควรคุกเข่ายอมรับผิดต่อข้าและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง” เป่ยเหมินเวยก็เปิดปากพูดขึ้นมา

“จะให้ข้าคุกเข่าให้กับเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นรึ” ไป๋เซี่ยงไท่ท่าทางดิ้นรน

“ไป๋เซี่ยงไท่ คุกเข่าลง!” แต่ทว่า เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของเขา กลับเป็นคำสั่งที่ยากจะฝ่าฝืนของไป๋เซี่ยงกง

“ท่านประมุข!” ไป๋เซี่ยงไท่มองเขาด้วยความตกใจหน้าถอดสี

เรื่องที่อัปยศเช่นนี้ เขาตอบตกลงได้อย่างไรกัน

“คุกเข่าลง!” ไป๋เซี่ยงกงออกคำสั่งอีกครั้ง

ไป๋เซี่ยงไท่สามารถขัดคำสั่งของเป่ยเหมินเวยได้ เพราะว่าเขามีตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลไป๋เซี่ยงอยู่ข้างหลัง แต่ว่าเขากลับไม่สามารถขัดคำสั่งของไป๋เซี่ยงกงได้ มิฉะนั้นเขาจะไม่เหลืออะไรเลย

ในใจดิ้นรน ไป๋เซี่ยงไท่งอขาทั้งสองข้าง เสียง ฟึบ! คุกเข่าลงกับพื้นแล้ว ด้วยพละกำลังที่มาก ทำให้พื้นในตำหนักของเหวินเหรินชิ่งชิ่งแตกร้าว

“ก้มหัวจนติดกับพื้น” ไป๋เซี่ยงกงพูดอีกครั้ง

“พ่ะย่ะค่ะ!” คำพูดนี้ของไป๋เซี่ยงไท่เบียดเสียดออกมาจากในลำคอของเขา ตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ ไม่ปิดบังความกล่ำกลืนและความเคียดแค้นในใจของเขาเลยแม้แต่น้อย

ไป๋เซี่ยงไท่โน้มหัวติดกับพื้นแล้ว แต่ว่าเป่ยเหมินเวยกลับไม่ได้สบายใจขึ้นเลยสักนิด

เขาจะสบายใจได้อย่างไร ไป๋เซี่ยงไท่ก็เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของเขาเหมือนกัน เขาเป็นกษัตริย์แห่งเป่ยโหรว ทุกอย่างที่นี่เป็นของเขา แต่ว่าคำสั่งของไป๋เซี่ยงกง กลับทำให้คนปฏิบัติตามได้มากกว่าคำพูดของเขาที่เป็นฮ่องเต้เสียอีก

วันนี้ ต่อหน้าขุนนางประเทศอื่น นึกไม่ถึงว่ากษัตริย์อย่างเขาจะถูกนายท่านแห่งตระกูลขุนนางบีบบังคับจนเป็นแบบนี้! ไป๋เซี่ยง…ไป๋เซี่ยง…ไป๋เซี่ยง…

เป่ยเหมินเวยพูดในใจซ้ำไปซ้ำมา ทุกครั้งที่พูด ก็ทำให้ความโกรธในใจของเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น วันนี้เขาแทบอยากจะฆ่าตระกูลไป๋เซี่ยงทั้งตระกูล อยากจะให้คนทั้งใต้หล้ารู้ว่าในแผ่นดินเป่ยโหรวนี้ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ!

“ฝ่าบาท ยอมรับผิดก็ยอมรับแล้ว พวกเราขอลาไปก่อน” ไป๋เซี่ยงกงพูดมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา ท่าทางขอไปทีเอามากๆ

ต่อมา ก็ไม่ได้สนใจว่าเป่ยเหมินเวยจะอนุญาตให้พวกเขาไปหรือไม่ แล้วได้นำคนของตระกูลไป๋เซี่ยงหันตัวเดินออกไปจากตำหนักของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

เป่ยเหมินเวยหรี่ตาทั้งสองข้าง จ้องมองพวกเขาที่เดินจากไปจากด้านหลัง ใบหน้าเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง

“คนตระกูลไป๋เซี่ยงนี่โอหังเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรเลยหรือ ปฏิบัติต่อกษัตริย์เหมือนไม่มีตัวตน!” คำอุทานของลู่เสวียนที่พูดออกมา กลับทำให้แววตาของเป่ยเหมินเวยมืดมัวลงทันที

ด้านนอกพระราชวัง ผู้คนตระกูลไป๋เซี่ยงไร้ซึ่งความเข้มแข็งห้าวหาญเหมือนก่อนหน้านี้

เดินออกจากพระราชวังอย่างหน้าม่อยคอตก กลับไปยังตระกูลของตนเอง

“ท่านประมุข…”

เพี๊ยะ!

ไป๋เซี่ยงกงสะบัดหลังมือตบเข้าที่ใบหน้าของไป๋เซี่ยงไท่อย่างแรง ทันใดนั้น หน้าของเขาก็บวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ฟันในปากก็หักไปสองซี่ ผสมกับเลือดที่เขาอมไว้อยู่ในปาก

“เจ้าคนไร้ค่า! สมองทึ่ม!” ไป๋เซี่ยงกงมองเขาด้วยสีหน้าโหดร้าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 366 เจ้านี่มันสมองทึ่ม!

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 366 เจ้านี่มันสมองทึ่ม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่มี!

ก็ต้องไม่มีอยู่แล้ว

ไป๋เซี่ยงกงและไป๋เซี่ยงไท่อย่างไรก็คงจะคิดไม่ถึงว่าคนที่พวกเขาตามหาก็ยืนอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“พวกเจ้าค้นดูละเอียดแล้วหรือยัง ไม่มีทางไม่มี!” รับรู้ได้ถึงสายตาที่เย็นชาของไป๋เซี่ยงกงที่มองมายังตนเอง ไป๋เซี่ยงไท่รีบพูดขึ้นมา

พวกเขาส่ายหัว “พวกเราหาดูอย่างละเอียดแล้วขอรับ ไม่มีจริงๆ” พวกเขาก็หวังว่าจะเจอเหมือนกัน!

“เหอะๆ……” เป่ยเหมินเวยหัวเราะเยาะ สายตาที่เย้ยหยันมองไปยังใบหน้าที่ดูไม่ได้ของไป๋เซี่ยงกงและไป๋เซี่ยงไท่ “ท่านทั้งสอง เป็นอย่างไร”

“…”

“…”

ไป๋เซี่ยงกงหน้าเขียว มองไป๋เซี่ยงไท่ด้วยสายตาที่แทบอยากจะฆ่าเขา พอได้รับข่าวจากเขา ไป๋เซี่ยงกงก็ทิ้งทุกอย่างแล้วรีบตามมา เพราะว่าเชื่อเขา จึงไม่เสียดายที่จะปะทะกับฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว ถึงขั้นเอาป้ายที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมอบไว้ให้บุกเข้าวังมา

ผลสุดท้ายเป็นอย่างไรล่ะ

ไอเจ้าสมองทึ่มนี่! ขายขี้หน้าวงศ์ตระกูลไป๋เซี่ยงจริงๆ ทำให้ตอนนี้เขาไม่กล้าสู้หน้าฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรว

ไป๋เซี่ยงไท่ถูกเขาจ้องจนหนังหัวชาไปหมดแล้ว ความหวาดกลัวที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเห็นชัดแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่มี “ต้องอยู่ในพระราชวังอย่างแน่นอน พวกท่านต้องเอานางซ่อนไว้อย่างแน่นอน!”

“พอได้แล้ว!” ไป๋เซี่ยงกงตะโกนเสียงดัง เพื่อหยุด ‘คำพูดเพ้อเจ้อ’ ของไป๋เซี่ยงไท่

เป่ยเหมินเวยยิ้มอย่างเยือกเย็นเข้าไปอีก “ทำไมรึ ไป๋เซี่ยงไท่เจ้ายังคิดจะค้นดูทั้งวังของข้าอย่างนั้นรึ”

ไป๋เซี่ยงไท่ถูกไป๋เซี่ยงกงด่าเสียงดัง ตอนนี้ยังโดนฮ่องเต้แห่งเป่ยโหรวพูดจาถากถางอีก ใจคิดอยากจะตอบโต้กลับไป แต่รู้ดีว่าตอนนี้เขาไม่สามารถพูดเพ้อเจ้อได้อีก

“ฝ่าบาท เป็นเพราะพวกเราไม่บุ่มบ่ามเกินไป” ไป๋เซี่ยงกงหายใจเข้าลึกๆ กดอารมณ์โกรธในใจเอาไว้ กัดฟัน แล้วขอโทษเป่ยเหมินเวยด้วยสีหน้าที่ดูไม่ได้เลย

เป่ยเหมินเวยมองอย่างเย็นชา ใบหน้าที่เคร่งขรึมมีความน่าเกรงขามของฮ่องเต้ “บุ่มบ่ามเกินไปอย่างนั้นรึ นายท่านไป๋เซี่ยง พวกเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงนี่แย่จริงๆ! บุกเข้าวัง หมิ่นพระเกียรติฮ่องเต้ ค้นตำหนักองค์หญิง แย่จริงๆ ยังมีเรื่องอะไรอีกที่พวกเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงยังไม่ได้ทำอีก ตอนนี้ คำพูดบุ่มบ่ามคำเดียว ก็คิดอยากจะเปิดโปงเรื่องนี้หรือ”

ความโกรธทั้งหมดที่เขาเก็บไว้เมื่อครู่ ในที่สุดตอนนี้ก็มีทางได้ระบายออกมาอย่างเต็มที่แล้ว

หาตัวนางไม่เจอ ไม่มีหลักฐาน ตระกูลไป๋เซี่ยงยังจะอวดดีได้อย่างไร!

“เช่นนั้นแล้วฝ่าบาทจะจัดการอย่างไร ถึงแม้ว่าเรื่องนี้ข้าคนตระกูลไป๋เซี่ยงจะเข้าใจผิดไป แต่ฝ่าบาทได้โปรดเข้าใจในความรู้สึกของตระกูลพวกเราที่ต้องเจอด้วย จะไม่ยอมพลาดโอกาสเล็กๆ ที่จะสามารถจับมือสังหารได้จริงๆ” ไป๋เซี่ยงกงสีหน้าเปลี่ยนไป ถามด้วยเสียงเข้ม

น้ำเสียงที่อ่อนลง กลับไม่สามารถชดเชยกับการที่เป่ยเหมินเวยถูกกดขี่เมื่อครู่นี้ได้ เขายิ้มเยาะ “ข้ายังเข้าใจความรู้สึกของเจ้าตระกูลไป๋เซี่ยงไม่พออีกหรือ”

ไป๋เซี่ยงกงขมวดคิ้ว

เพราะเหตุใดคำพูดของเป่ยเหมินเวยมักจะทำให้เขารู้สึกเหมือนพวกเขาถูกเหน็บแนมอย่างนั้นหรือ

เหอะ! เห็นๆ อยู่ว่าเมื่อคืนเพิ่งจะส่งคนไปวางเพลิงเผาจวนตระกูลไป๋เซี่ยงจนวุ่นวายไปหมด ตอนนี้ยังหน้าด้านมาตำหนิพวกเขาเช่นนี้

ในใจไป๋เซี่ยงกงโกรธมาก แต่กลับไม่สามารถระบายออกมาได้

แต่ว่าจะให้เขาพูดจาอ่อนโยนต่อกับเป่ยเหมินเวยอีกหรือคุกเข่าขอโทษ นั่นก็เป็นไปไม่ได้เช่นกัน

“นายท่านไป๋เซี่ยง พวกท่านมาค้นตำหนักข้าโดยที่ข้าไม่ได้ชี้แจงอันใดเลย ตอนนี้อะไรก็ไม่เจอ ท่านจะไม่ชดเชยอะไรให้ข้าหน่อยหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งพูดขึ้นมาในตอนนี้

ไป๋เซี่ยงกงแววตาเปล่งประกาย สายตาที่สบกับเป่ยเหมินเวยอยู่ ก็มามองที่เหวินเหรินชิ่งชิ่ง น้ำเสียงยังคงโอหังเช่นเดิม “รบกวนองค์หญิงเสียแล้ว ที่ทำให้ตื่นตระหนก ได้โปรดให้อภัย ตอนเย็นกระหม่อมจะสั่งคนให้เอาของเล็กๆ น้อยๆ เข้าวังมามอบให้ ถือเป็นการแสดงความขอโทษต่อองค์หญิงพ่ะย่ะค่ะ”

“แค่นี้เองหรือ” เหวินเหรินชิ่งชิ่งหัวเราะเยาะ

ไป๋เซี่ยงกงทำหน้าขรึม “เช่นนั้นองค์หญิงยังต้องการอะไรอีก”

เหวินเหรินชิ่งชิ่งยกมือขึ้นชี้ไปยังไป๋เซี่ยงไท่ “ข้าต้องการให้ไป๋เซี่ยงไท่คุกเข่าขอโทษข้า! เขาเป็นคนก่อเรื่องนี้ขึ้นมาใช่หรือไม่ ทำไมตอนนี้ถึงหดตัวเป็นเต่าหลบอยู่ข้างๆ”

ฟึบ!

ลู่เสวียนที่ยืนดูอยู่ข้างๆ ทนไม่ไหวหัวเราะออกมาเบาๆ

ทันใดนั้นเขาก็ค้นพบว่าท่าทางเยาะเย้ยคนของเหวินเหรินชิ่งชิ่งบางทีก็น่ารักเอามากๆ เลย

“เจ้า!” ไป๋เซี่ยงไท่โมโหจนหน้าแดง

เขาไม่เพียงแต่เป็นบุคคลสำคัญของตระกูลไป๋เซี่ยง ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของราชสำนัก ทำไมเขาต้องคุกเข่าให้กับลูกนอกสมรสด้วย

ถึงแม้จะเป็นองค์หญิง แต่ว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในตัวนางใช่เลือดของราชนิกุลหรือไม่

ความดูถูกเหยียดหยามในสายตาของเขาชัดเจนเป็นอย่างมาก แต่ว่าเหวินเหรินชิ่งชิ่งกลับไม่อ่อนข้อ เชิดคางขึ้น สบตากับเขา ไม่ยอมถอย

‘เจวียนเอ๋อร์’ ยืนอยู่ข้างๆ อย่างเงียบๆ ยังคงก้มหน้าก้มตา เงียบเป็นอย่างมาก

ทุกอย่างเป็นไปตามที่นางหวัง จิตใจของนางตอนนี้งดงามมาก

“ไม่เลว! ไป๋เซี่ยงไท่ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่เจ้าหรือที่สาบานอย่างหนักแน่นจริงใจ ในเมื่อตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าเจ้าผิด เช่นนั้นเจ้าก็ควรคุกเข่ายอมรับผิดต่อข้าและเหวินเหรินชิ่งชิ่ง” เป่ยเหมินเวยก็เปิดปากพูดขึ้นมา

“จะให้ข้าคุกเข่าให้กับเด็กผู้หญิงคนนี้อย่างนั้นรึ” ไป๋เซี่ยงไท่ท่าทางดิ้นรน

“ไป๋เซี่ยงไท่ คุกเข่าลง!” แต่ทว่า เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงของเขา กลับเป็นคำสั่งที่ยากจะฝ่าฝืนของไป๋เซี่ยงกง

“ท่านประมุข!” ไป๋เซี่ยงไท่มองเขาด้วยความตกใจหน้าถอดสี

เรื่องที่อัปยศเช่นนี้ เขาตอบตกลงได้อย่างไรกัน

“คุกเข่าลง!” ไป๋เซี่ยงกงออกคำสั่งอีกครั้ง

ไป๋เซี่ยงไท่สามารถขัดคำสั่งของเป่ยเหมินเวยได้ เพราะว่าเขามีตระกูลที่ยิ่งใหญ่อย่างตระกูลไป๋เซี่ยงอยู่ข้างหลัง แต่ว่าเขากลับไม่สามารถขัดคำสั่งของไป๋เซี่ยงกงได้ มิฉะนั้นเขาจะไม่เหลืออะไรเลย

ในใจดิ้นรน ไป๋เซี่ยงไท่งอขาทั้งสองข้าง เสียง ฟึบ! คุกเข่าลงกับพื้นแล้ว ด้วยพละกำลังที่มาก ทำให้พื้นในตำหนักของเหวินเหรินชิ่งชิ่งแตกร้าว

“ก้มหัวจนติดกับพื้น” ไป๋เซี่ยงกงพูดอีกครั้ง

“พ่ะย่ะค่ะ!” คำพูดนี้ของไป๋เซี่ยงไท่เบียดเสียดออกมาจากในลำคอของเขา ตาทั้งสองข้างของเขาแดงก่ำ ไม่ปิดบังความกล่ำกลืนและความเคียดแค้นในใจของเขาเลยแม้แต่น้อย

ไป๋เซี่ยงไท่โน้มหัวติดกับพื้นแล้ว แต่ว่าเป่ยเหมินเวยกลับไม่ได้สบายใจขึ้นเลยสักนิด

เขาจะสบายใจได้อย่างไร ไป๋เซี่ยงไท่ก็เป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่ของเขาเหมือนกัน เขาเป็นกษัตริย์แห่งเป่ยโหรว ทุกอย่างที่นี่เป็นของเขา แต่ว่าคำสั่งของไป๋เซี่ยงกง กลับทำให้คนปฏิบัติตามได้มากกว่าคำพูดของเขาที่เป็นฮ่องเต้เสียอีก

วันนี้ ต่อหน้าขุนนางประเทศอื่น นึกไม่ถึงว่ากษัตริย์อย่างเขาจะถูกนายท่านแห่งตระกูลขุนนางบีบบังคับจนเป็นแบบนี้! ไป๋เซี่ยง…ไป๋เซี่ยง…ไป๋เซี่ยง…

เป่ยเหมินเวยพูดในใจซ้ำไปซ้ำมา ทุกครั้งที่พูด ก็ทำให้ความโกรธในใจของเขาเพิ่มมากยิ่งขึ้น วันนี้เขาแทบอยากจะฆ่าตระกูลไป๋เซี่ยงทั้งตระกูล อยากจะให้คนทั้งใต้หล้ารู้ว่าในแผ่นดินเป่ยโหรวนี้ ใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของ!

“ฝ่าบาท ยอมรับผิดก็ยอมรับแล้ว พวกเราขอลาไปก่อน” ไป๋เซี่ยงกงพูดมาประโยคหนึ่งอย่างเย็นชา ท่าทางขอไปทีเอามากๆ

ต่อมา ก็ไม่ได้สนใจว่าเป่ยเหมินเวยจะอนุญาตให้พวกเขาไปหรือไม่ แล้วได้นำคนของตระกูลไป๋เซี่ยงหันตัวเดินออกไปจากตำหนักของเหวินเหรินชิ่งชิ่ง

เป่ยเหมินเวยหรี่ตาทั้งสองข้าง จ้องมองพวกเขาที่เดินจากไปจากด้านหลัง ใบหน้าเยือกเย็นดั่งน้ำแข็ง

“คนตระกูลไป๋เซี่ยงนี่โอหังเช่นนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรเลยหรือ ปฏิบัติต่อกษัตริย์เหมือนไม่มีตัวตน!” คำอุทานของลู่เสวียนที่พูดออกมา กลับทำให้แววตาของเป่ยเหมินเวยมืดมัวลงทันที

ด้านนอกพระราชวัง ผู้คนตระกูลไป๋เซี่ยงไร้ซึ่งความเข้มแข็งห้าวหาญเหมือนก่อนหน้านี้

เดินออกจากพระราชวังอย่างหน้าม่อยคอตก กลับไปยังตระกูลของตนเอง

“ท่านประมุข…”

เพี๊ยะ!

ไป๋เซี่ยงกงสะบัดหลังมือตบเข้าที่ใบหน้าของไป๋เซี่ยงไท่อย่างแรง ทันใดนั้น หน้าของเขาก็บวมขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ฟันในปากก็หักไปสองซี่ ผสมกับเลือดที่เขาอมไว้อยู่ในปาก

“เจ้าคนไร้ค่า! สมองทึ่ม!” ไป๋เซี่ยงกงมองเขาด้วยสีหน้าโหดร้าย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+