ราชินีพลิกสวรรค์ 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางกล้าลืมเขาจริงๆ ด้วย!

ความโกรธที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ากลางใจ

“เจ้ากล้ารึ! ”

ทันใดนั้น เจียงหลีก็รู้สึกได้ถึงแรงกดทรงพลังไร้รูปร่างอยู่รอบตัวและพุ่งเข้าใส่นางจนติดกับอยู่ด้านในโดยมิได้ทำร้ายตน แต่กลับทำให้นางขยับตัวไม่ได้

นางมองไปที่ชายผู้เกรี้ยวโกรธและยืนตรงอย่างภาคภูมิใจ

ท่ามกลางแรงบีบอัดที่รุนแรง นางดูเหมือนบอบบางและไร้ที่พึ่ง กระดูกของนางถูกบีบจนดัง “กร๊อบ” แต่นางมิได้พูดอะไรออกมาสักคำ ดวงตาของนางยังคงมองเขาอย่างสดใส

ลู่เจี้ย…ลู่เจี้ย…

ในสายตาของนาง ร่างของเขาปรากฏให้เห็นชัดเจนมาก เข้าใกล้มากและห่างไกลออกไป

ลืมเขาอย่างนั้นหรือ

นางทำได้อย่างไร หลังจากพูดออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ก็เป็นเพียงการเก็บซ่อนศักดิ์ศรีของตนไว้เท่านั้น

เจียงหลีไม่สามารถขยับตัวได้ ราวกับมีกระแสน้ำวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่รอบตัวนาง พร้อมกับพลังอันน่ากลัวได้ก่อตัวขึ้น โดยชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามนางกำลังเดินเข้าไปในวังน้ำวนทีละก้าวและเดินเข้ามาหานาง

เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของลู่เจี้ย

ราวกับว่าจักรวาลแห่งดวงดาวนคลานอยู่ใต้แทบเท้าเขาและขอร้องให้เขามองกลับไป

“เจียงหลี”

เขาเดินเข้ามาหานางและเรียกชื่อนางกะทันหัน ซึ่งเสียงนั้นดูเหมือนจะมาจากถิ่นทุรกันดารโบราณก็ไม่ปาน

เจียงหลีเบิกตากว้างและมองตรงไปที่เขาและรอว่าเขาจะพูดอะไรต่อด้วยความกังวลเล็กน้อย เขาจะพูดว่าไร จะลบความทรงจำของชาติที่แล้วหรือ

ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้แค่นี้แล้ว…

ความเจ็บปวดบีบคั้นออกมาจากหัวใจของเจียงหลี นางจ้องมองใบหน้าที่เฉยเมยของชายผู้นี้ โดยการแสดงออกเช่นนี้ ช่างเหมือนกับรูปปั้นแกะสลักของเทพเจ้าทั้งหลายที่นางเคยเห็นตามวิหาร

ดวงตาของพวกเขารำพึงฟ้าเวทนาคน แต่พวกเขากลับเย็นชาและไร้ความรู้สึกมากที่สุดเช่นกัน

เพราะเต๋าไร้จิต!

พวกเขามองความรักบนโลกมนุษย์อย่างเข้าใจ บรรลุจริยธรรมที่ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นเทพเจ้าที่สรรพสิ่งเคารพและศรัทธา

ตัดขาดจากชาติที่แล้วรึ นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่นางต้องการ! นางประเมินเสน่ห์ของตนสูงเกินไป หรือประเมินความต้องการของเขาต่ำเกินไปกันแน่

รอยยิ้มมุมปากปรากฏความขมขื่นเล็กน้อย

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเสียใจ วันนี้นางไม่ควรบีบบังคับเขาเช่นนี้ หากไม่บีบบังคับและคลุมเครือกันต่อไป ไม่แน่ นางอาจจะทำให้หัวใจที่สงบนิ่งมาเป็นหมื่นปีของเขาสั่นไหวก็เป็นได้

น่าเสียดายที่เสียใจในเวลาที่สายเกินไป

รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏที่มุมปากของนาง ซึ่งอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด เขารู้สึกถึงความกังวลในใจของนาง รู้สึกถึงความไม่สบายใจและความหวาดกลัวของนางด้วย

“เจียงหลี จำชื่อข้าไว้นะ”

อืมหรือ

ทันใดนั้น เจียงหลีได้เบิกตากว้างและมองหน้าเขาด้วยความตกใจ

“ข้ามีพระนามอิสริยศักดิ์เป็นเซ่า จักรพรรดิเซ่าตี้” เขาพูดกับนาง

จักรพรรดิเซ่าตี้!

จักรพรรดิเซ่าตี้หรือ

เขาบอกพระนามอิสริยศักดิ์ให้กับนาง บอกตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยหรือ นี่…นี่มันหมายความว่าอะไร

เจียงหลีมองเขาอย่างเหม่อลอย ซึ่งแตกต่างจากที่นางคาดคิดไว้ และตอนนี้นางถูกกระตุ้นจากคำพูดของชายผู้นี้จนสูญเสียความสามารถในการนึกคิดไปเสียแล้ว ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยความตะลึงงัน

ท่าทางที่ตกตะลึงของนางทำให้คนประดุจเทพเจ้ากักเก็บลมหายใจของเขาเอาไว้ และทั้งหมดก็กลับคืนสู่ที่พักแห่งนั้น

เขาจับแก้มของนางด้วยสองมือและพูดเสียงเบาว่า “เจ้าสามารถเรียกข้าว่า…ลู่เจี้ยต่อไปได้”

เจียงหลียังคงสับสนเช่นเดิม…

นางรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของตนค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น และใบหน้าของชายผู้สง่างามก็ขยายใหญ่ขึ้นต่อหน้าของนาง ทันใดนั้น ก็มีความนุ่มนวลที่เย็นเล็กน้อยลอยกระทบใส่หน้าผากของนาง ราวกับว่าริมฝีปากลอยลงมาอย่างนุ่มนวล…

ริมฝีปากของชายผู้นั้นทาบลงบนหน้าผากของนางโดยที่นางมองไม่เห็น และรอยพิเศษนั้น ได้ประทับอยู่ที่กลางหน้าผากตามริมฝีปากของชายผู้นั้นและจางหายไปในที่สุด

ในขณะนั้น นางดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างเพิ่มขึ้นในวิญญาณของนาง

“เจียงหลี เจ้าเป็นภรรยาของข้าและเป็นนายหญิงของวังเซ่าตี้” ริมฝีปากของเขาละออกจากหน้าผากของนาง และพูดบางอย่างที่ทำให้เจียงหลีถึงกับตกใจ

เขา…เขาพูดว่าอะไรนะ

ใบหน้าเล็กๆ ที่ทำให้สรรพสิ่งยอมสยบกลับเต็มไปด้วยความตกใจ เจียงหลีรู้สึกราวกับว่าตนลอยเข้าไปในก้อนเมฆ และเหมือนกับว่ากำลังดำดิ่งลงสู่ก้นน้ำในคราเดียวกัน

ทันใดนั้น นางรู้สึกว่าร่างกายของนางเบา และถูกชายหนุ่มโอบกอด นางกางแขนออกโดยไม่รู้ตัวและโอบรอบคอเขาไว้ และปล่อยให้เขาอุ้มตนไปยังเตียงหลังที่พัก

ข้างหูของนางได้ยินเพียงเสียงของผู้ชายขาดๆ หายๆ ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนอยู่ไกลและเหมือนอยู่ใกล้…

“วิญญาณของเจ้าได้รับการตราตรึงเป็นภรรยาของข้าเซ่าตี้แล้ว เจ้าจะเป็นได้เพียงชายาของข้าเซ่าตี้ในทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด ข้าก็จะหาเจ้าจนเจอ เจ้าหนีไม่รอด เลี่ยงไม่ได้…หลีเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ และไม่มีประโยชน์แล้ว หากเจ้าจะเสียใจในภายหลัง…”

ร่างกายของเจียงหลีถูกวางลงบนผ้าปูเตียงอย่างนุ่มนวล นางเบิกตากว้างและจ้องมองชายที่เข้าใกล้นางด้วยความงุนงง นางรู้สึกได้ถึงรอยจูบอันแสนละเมียดละไมไปที่ระหว่างคิ้ว จมูก ริมฝีปาก แก้ม และถึงขั้นย้ายลงไปที่ลำคอของนาง

เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างง่ายดายและเผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีขาว…

จนกระทั่งสายลมเย็นโบกพัดมายังเสื้อที่ถูกเปิดออก ทันใดนั้น นางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยผลักชายผู้นั้นออกไป “เดี๋ยว ท่านพูดว่าอะไรนะ ข้าเป็นภรรยาของท่านหรือ ในที่สุดท่านก็ยอมรับแล้วรึ”

“…” ใบหน้าของเซ่าตี้หมองลงเล็กน้อย

ดังนั้น เมื่อชั่วครู่ เขาพูดและทำมากเช่นนั้น กลับถูกมองข้ามไปอย่างนั้นหรือ

ท่าทางที่เย้ายวนของหญิงสาวซึ่งเสื้อเผยให้เนื้อท่อนบน ทำให้ดวงตาของเขาเศร้าหมอง เขายื่นมือออกมา โดยนิ้วที่เรียวยาวและงดงามลูบไล้ไปทั่วผิวอันบอบบางของนาง “ใช่ เจ้าเป็นภรรยาของข้า แต่เจ้าต้องเดินเข้าไปในพระราชวังตี้กงด้วยตัวของเจ้าเอง”

“ข้าเข้าใจ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างแรงและแววตาเผยความจริงจังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ยิ่งสูงยิ่งหนาว นางไม่รู้ว่าโลกที่เซ่าตี้อาศัยอยู่นั้นเป็นเช่นไร แต่มันคงเป็นสิ่งที่นางคาดเดาไม่ถูกในตอนนี้เป็นแน่

นางบอบบางมากจนไม่ว่าใครก็สามารถบดขยี้นางออกเป็นชิ้นเล็กๆ แม้ว่านางจะเข้าไปในตี้กงได้แล้ว จะทำอะไรได้ จะเป็นเพียงภาระของเขาเท่านั้น และไม่สามารถครองคู่กับเขาไปตลอดชั่วชีวิต

เพียงเพื่อจะอยู่กับเขาตลอดไป นางต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างไม่ลดละต่อไป!

“หนทางสายนี้ ช่างทรหดนัก” เซ่าตี้พูดอย่างจริงจังเช่นกัน

หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้นางต้องเดินบนถนนที่ขรุขระเช่นนี้ เพียงแต่หลีเอ๋อร์ของเขาไม่ใช่ดอกไม้ที่บอบบาง นางคือหงส์แท้ที่โบยบินกลางนภา

“เมื่อข้าเดินทางไปถึงพระราชวังตี้กง เราก็จะแต่งงานกัน” เจียงหลียิ้มอย่างสดใส และสาบานกับชายผู้นั้น

เดิมทีนางเคยพูดว่ารอลู่เจี้ยกลับมา พวกเขาจะแต่งงานกัน ตอนนี้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าและต้องทำอีกมากยังรอนางอยู่ข้างหน้า นางจึงเปลี่ยนใจ

เซ่าตี้เผยรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก โดยมิได้โต้ตอบแต่ย่างใด “ได้” อย่างไรก็ตามดวงตาของเขากลับจดจ้องไปที่ผิวที่เปลือยอยู่ ดวงตาของเขาปรากฏเป็นสีแดงเข้ม

เจียงหลีรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในใจของเขาทันที จึงดึงเสื้อผ้าขึ้นปิดร่างกายของนางและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ใส่เขา “ในเมื่อตกลงวันแต่งงานไว้แล้ว เรื่องบางเรื่องไว้ค่อยทำในวันแต่งงาน อีกอย่าง ตอนนี้ข้ายังเด็กอยู่”

“…” เซ่าตี้มองไปที่นาง แววตาของเขาดำมืด

เจ้ามันผู้หญิงเจ้าเล่ห์!

การประนีประนอมของฝ่ายชาย ทำให้เจียงหลียิ้มอย่างมีชัย นางมิได้รีบเดินจากไป นางหมุนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของชายผู้นั้นอย่างไม่กลัวตาย

“จริงสิ วิญญาณจักรพรรดิที่ท่านพูดถึงครั้งที่แล้วคืออะไรหรือ” นิ้วของนางวนรอบหน้าอกของเขาโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่กลับถามคำถามที่จริงจังอย่างมากออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางกล้าลืมเขาจริงๆ ด้วย!

ความโกรธที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ากลางใจ

“เจ้ากล้ารึ! ”

ทันใดนั้น เจียงหลีก็รู้สึกได้ถึงแรงกดทรงพลังไร้รูปร่างอยู่รอบตัวและพุ่งเข้าใส่นางจนติดกับอยู่ด้านในโดยมิได้ทำร้ายตน แต่กลับทำให้นางขยับตัวไม่ได้

นางมองไปที่ชายผู้เกรี้ยวโกรธและยืนตรงอย่างภาคภูมิใจ

ท่ามกลางแรงบีบอัดที่รุนแรง นางดูเหมือนบอบบางและไร้ที่พึ่ง กระดูกของนางถูกบีบจนดัง “กร๊อบ” แต่นางมิได้พูดอะไรออกมาสักคำ ดวงตาของนางยังคงมองเขาอย่างสดใส

ลู่เจี้ย…ลู่เจี้ย…

ในสายตาของนาง ร่างของเขาปรากฏให้เห็นชัดเจนมาก เข้าใกล้มากและห่างไกลออกไป

ลืมเขาอย่างนั้นหรือ

นางทำได้อย่างไร หลังจากพูดออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ก็เป็นเพียงการเก็บซ่อนศักดิ์ศรีของตนไว้เท่านั้น

เจียงหลีไม่สามารถขยับตัวได้ ราวกับมีกระแสน้ำวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่รอบตัวนาง พร้อมกับพลังอันน่ากลัวได้ก่อตัวขึ้น โดยชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามนางกำลังเดินเข้าไปในวังน้ำวนทีละก้าวและเดินเข้ามาหานาง

เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของลู่เจี้ย

ราวกับว่าจักรวาลแห่งดวงดาวนคลานอยู่ใต้แทบเท้าเขาและขอร้องให้เขามองกลับไป

“เจียงหลี”

เขาเดินเข้ามาหานางและเรียกชื่อนางกะทันหัน ซึ่งเสียงนั้นดูเหมือนจะมาจากถิ่นทุรกันดารโบราณก็ไม่ปาน

เจียงหลีเบิกตากว้างและมองตรงไปที่เขาและรอว่าเขาจะพูดอะไรต่อด้วยความกังวลเล็กน้อย เขาจะพูดว่าไร จะลบความทรงจำของชาติที่แล้วหรือ

ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้แค่นี้แล้ว…

ความเจ็บปวดบีบคั้นออกมาจากหัวใจของเจียงหลี นางจ้องมองใบหน้าที่เฉยเมยของชายผู้นี้ โดยการแสดงออกเช่นนี้ ช่างเหมือนกับรูปปั้นแกะสลักของเทพเจ้าทั้งหลายที่นางเคยเห็นตามวิหาร

ดวงตาของพวกเขารำพึงฟ้าเวทนาคน แต่พวกเขากลับเย็นชาและไร้ความรู้สึกมากที่สุดเช่นกัน

เพราะเต๋าไร้จิต!

พวกเขามองความรักบนโลกมนุษย์อย่างเข้าใจ บรรลุจริยธรรมที่ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นเทพเจ้าที่สรรพสิ่งเคารพและศรัทธา

ตัดขาดจากชาติที่แล้วรึ นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่นางต้องการ! นางประเมินเสน่ห์ของตนสูงเกินไป หรือประเมินความต้องการของเขาต่ำเกินไปกันแน่

รอยยิ้มมุมปากปรากฏความขมขื่นเล็กน้อย

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเสียใจ วันนี้นางไม่ควรบีบบังคับเขาเช่นนี้ หากไม่บีบบังคับและคลุมเครือกันต่อไป ไม่แน่ นางอาจจะทำให้หัวใจที่สงบนิ่งมาเป็นหมื่นปีของเขาสั่นไหวก็เป็นได้

น่าเสียดายที่เสียใจในเวลาที่สายเกินไป

รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏที่มุมปากของนาง ซึ่งอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด เขารู้สึกถึงความกังวลในใจของนาง รู้สึกถึงความไม่สบายใจและความหวาดกลัวของนางด้วย

“เจียงหลี จำชื่อข้าไว้นะ”

อืมหรือ

ทันใดนั้น เจียงหลีได้เบิกตากว้างและมองหน้าเขาด้วยความตกใจ

“ข้ามีพระนามอิสริยศักดิ์เป็นเซ่า จักรพรรดิเซ่าตี้” เขาพูดกับนาง

จักรพรรดิเซ่าตี้!

จักรพรรดิเซ่าตี้หรือ

เขาบอกพระนามอิสริยศักดิ์ให้กับนาง บอกตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยหรือ นี่…นี่มันหมายความว่าอะไร

เจียงหลีมองเขาอย่างเหม่อลอย ซึ่งแตกต่างจากที่นางคาดคิดไว้ และตอนนี้นางถูกกระตุ้นจากคำพูดของชายผู้นี้จนสูญเสียความสามารถในการนึกคิดไปเสียแล้ว ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยความตะลึงงัน

ท่าทางที่ตกตะลึงของนางทำให้คนประดุจเทพเจ้ากักเก็บลมหายใจของเขาเอาไว้ และทั้งหมดก็กลับคืนสู่ที่พักแห่งนั้น

เขาจับแก้มของนางด้วยสองมือและพูดเสียงเบาว่า “เจ้าสามารถเรียกข้าว่า…ลู่เจี้ยต่อไปได้”

เจียงหลียังคงสับสนเช่นเดิม…

นางรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของตนค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น และใบหน้าของชายผู้สง่างามก็ขยายใหญ่ขึ้นต่อหน้าของนาง ทันใดนั้น ก็มีความนุ่มนวลที่เย็นเล็กน้อยลอยกระทบใส่หน้าผากของนาง ราวกับว่าริมฝีปากลอยลงมาอย่างนุ่มนวล…

ริมฝีปากของชายผู้นั้นทาบลงบนหน้าผากของนางโดยที่นางมองไม่เห็น และรอยพิเศษนั้น ได้ประทับอยู่ที่กลางหน้าผากตามริมฝีปากของชายผู้นั้นและจางหายไปในที่สุด

ในขณะนั้น นางดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างเพิ่มขึ้นในวิญญาณของนาง

“เจียงหลี เจ้าเป็นภรรยาของข้าและเป็นนายหญิงของวังเซ่าตี้” ริมฝีปากของเขาละออกจากหน้าผากของนาง และพูดบางอย่างที่ทำให้เจียงหลีถึงกับตกใจ

เขา…เขาพูดว่าอะไรนะ

ใบหน้าเล็กๆ ที่ทำให้สรรพสิ่งยอมสยบกลับเต็มไปด้วยความตกใจ เจียงหลีรู้สึกราวกับว่าตนลอยเข้าไปในก้อนเมฆ และเหมือนกับว่ากำลังดำดิ่งลงสู่ก้นน้ำในคราเดียวกัน

ทันใดนั้น นางรู้สึกว่าร่างกายของนางเบา และถูกชายหนุ่มโอบกอด นางกางแขนออกโดยไม่รู้ตัวและโอบรอบคอเขาไว้ และปล่อยให้เขาอุ้มตนไปยังเตียงหลังที่พัก

ข้างหูของนางได้ยินเพียงเสียงของผู้ชายขาดๆ หายๆ ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนอยู่ไกลและเหมือนอยู่ใกล้…

“วิญญาณของเจ้าได้รับการตราตรึงเป็นภรรยาของข้าเซ่าตี้แล้ว เจ้าจะเป็นได้เพียงชายาของข้าเซ่าตี้ในทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด ข้าก็จะหาเจ้าจนเจอ เจ้าหนีไม่รอด เลี่ยงไม่ได้…หลีเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ และไม่มีประโยชน์แล้ว หากเจ้าจะเสียใจในภายหลัง…”

ร่างกายของเจียงหลีถูกวางลงบนผ้าปูเตียงอย่างนุ่มนวล นางเบิกตากว้างและจ้องมองชายที่เข้าใกล้นางด้วยความงุนงง นางรู้สึกได้ถึงรอยจูบอันแสนละเมียดละไมไปที่ระหว่างคิ้ว จมูก ริมฝีปาก แก้ม และถึงขั้นย้ายลงไปที่ลำคอของนาง

เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างง่ายดายและเผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีขาว…

จนกระทั่งสายลมเย็นโบกพัดมายังเสื้อที่ถูกเปิดออก ทันใดนั้น นางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยผลักชายผู้นั้นออกไป “เดี๋ยว ท่านพูดว่าอะไรนะ ข้าเป็นภรรยาของท่านหรือ ในที่สุดท่านก็ยอมรับแล้วรึ”

“…” ใบหน้าของเซ่าตี้หมองลงเล็กน้อย

ดังนั้น เมื่อชั่วครู่ เขาพูดและทำมากเช่นนั้น กลับถูกมองข้ามไปอย่างนั้นหรือ

ท่าทางที่เย้ายวนของหญิงสาวซึ่งเสื้อเผยให้เนื้อท่อนบน ทำให้ดวงตาของเขาเศร้าหมอง เขายื่นมือออกมา โดยนิ้วที่เรียวยาวและงดงามลูบไล้ไปทั่วผิวอันบอบบางของนาง “ใช่ เจ้าเป็นภรรยาของข้า แต่เจ้าต้องเดินเข้าไปในพระราชวังตี้กงด้วยตัวของเจ้าเอง”

“ข้าเข้าใจ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างแรงและแววตาเผยความจริงจังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ยิ่งสูงยิ่งหนาว นางไม่รู้ว่าโลกที่เซ่าตี้อาศัยอยู่นั้นเป็นเช่นไร แต่มันคงเป็นสิ่งที่นางคาดเดาไม่ถูกในตอนนี้เป็นแน่

นางบอบบางมากจนไม่ว่าใครก็สามารถบดขยี้นางออกเป็นชิ้นเล็กๆ แม้ว่านางจะเข้าไปในตี้กงได้แล้ว จะทำอะไรได้ จะเป็นเพียงภาระของเขาเท่านั้น และไม่สามารถครองคู่กับเขาไปตลอดชั่วชีวิต

เพียงเพื่อจะอยู่กับเขาตลอดไป นางต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างไม่ลดละต่อไป!

“หนทางสายนี้ ช่างทรหดนัก” เซ่าตี้พูดอย่างจริงจังเช่นกัน

หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้นางต้องเดินบนถนนที่ขรุขระเช่นนี้ เพียงแต่หลีเอ๋อร์ของเขาไม่ใช่ดอกไม้ที่บอบบาง นางคือหงส์แท้ที่โบยบินกลางนภา

“เมื่อข้าเดินทางไปถึงพระราชวังตี้กง เราก็จะแต่งงานกัน” เจียงหลียิ้มอย่างสดใส และสาบานกับชายผู้นั้น

เดิมทีนางเคยพูดว่ารอลู่เจี้ยกลับมา พวกเขาจะแต่งงานกัน ตอนนี้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าและต้องทำอีกมากยังรอนางอยู่ข้างหน้า นางจึงเปลี่ยนใจ

เซ่าตี้เผยรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก โดยมิได้โต้ตอบแต่ย่างใด “ได้” อย่างไรก็ตามดวงตาของเขากลับจดจ้องไปที่ผิวที่เปลือยอยู่ ดวงตาของเขาปรากฏเป็นสีแดงเข้ม

เจียงหลีรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในใจของเขาทันที จึงดึงเสื้อผ้าขึ้นปิดร่างกายของนางและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ใส่เขา “ในเมื่อตกลงวันแต่งงานไว้แล้ว เรื่องบางเรื่องไว้ค่อยทำในวันแต่งงาน อีกอย่าง ตอนนี้ข้ายังเด็กอยู่”

“…” เซ่าตี้มองไปที่นาง แววตาของเขาดำมืด

เจ้ามันผู้หญิงเจ้าเล่ห์!

การประนีประนอมของฝ่ายชาย ทำให้เจียงหลียิ้มอย่างมีชัย นางมิได้รีบเดินจากไป นางหมุนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของชายผู้นั้นอย่างไม่กลัวตาย

“จริงสิ วิญญาณจักรพรรดิที่ท่านพูดถึงครั้งที่แล้วคืออะไรหรือ” นิ้วของนางวนรอบหน้าอกของเขาโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่กลับถามคำถามที่จริงจังอย่างมากออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางกล้าลืมเขาจริงๆ ด้วย!

ความโกรธที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ากลางใจ

“เจ้ากล้ารึ! ”

ทันใดนั้น เจียงหลีก็รู้สึกได้ถึงแรงกดทรงพลังไร้รูปร่างอยู่รอบตัวและพุ่งเข้าใส่นางจนติดกับอยู่ด้านในโดยมิได้ทำร้ายตน แต่กลับทำให้นางขยับตัวไม่ได้

นางมองไปที่ชายผู้เกรี้ยวโกรธและยืนตรงอย่างภาคภูมิใจ

ท่ามกลางแรงบีบอัดที่รุนแรง นางดูเหมือนบอบบางและไร้ที่พึ่ง กระดูกของนางถูกบีบจนดัง “กร๊อบ” แต่นางมิได้พูดอะไรออกมาสักคำ ดวงตาของนางยังคงมองเขาอย่างสดใส

ลู่เจี้ย…ลู่เจี้ย…

ในสายตาของนาง ร่างของเขาปรากฏให้เห็นชัดเจนมาก เข้าใกล้มากและห่างไกลออกไป

ลืมเขาอย่างนั้นหรือ

นางทำได้อย่างไร หลังจากพูดออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ก็เป็นเพียงการเก็บซ่อนศักดิ์ศรีของตนไว้เท่านั้น

เจียงหลีไม่สามารถขยับตัวได้ ราวกับมีกระแสน้ำวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่รอบตัวนาง พร้อมกับพลังอันน่ากลัวได้ก่อตัวขึ้น โดยชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามนางกำลังเดินเข้าไปในวังน้ำวนทีละก้าวและเดินเข้ามาหานาง

เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของลู่เจี้ย

ราวกับว่าจักรวาลแห่งดวงดาวนคลานอยู่ใต้แทบเท้าเขาและขอร้องให้เขามองกลับไป

“เจียงหลี”

เขาเดินเข้ามาหานางและเรียกชื่อนางกะทันหัน ซึ่งเสียงนั้นดูเหมือนจะมาจากถิ่นทุรกันดารโบราณก็ไม่ปาน

เจียงหลีเบิกตากว้างและมองตรงไปที่เขาและรอว่าเขาจะพูดอะไรต่อด้วยความกังวลเล็กน้อย เขาจะพูดว่าไร จะลบความทรงจำของชาติที่แล้วหรือ

ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้แค่นี้แล้ว…

ความเจ็บปวดบีบคั้นออกมาจากหัวใจของเจียงหลี นางจ้องมองใบหน้าที่เฉยเมยของชายผู้นี้ โดยการแสดงออกเช่นนี้ ช่างเหมือนกับรูปปั้นแกะสลักของเทพเจ้าทั้งหลายที่นางเคยเห็นตามวิหาร

ดวงตาของพวกเขารำพึงฟ้าเวทนาคน แต่พวกเขากลับเย็นชาและไร้ความรู้สึกมากที่สุดเช่นกัน

เพราะเต๋าไร้จิต!

พวกเขามองความรักบนโลกมนุษย์อย่างเข้าใจ บรรลุจริยธรรมที่ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นเทพเจ้าที่สรรพสิ่งเคารพและศรัทธา

ตัดขาดจากชาติที่แล้วรึ นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่นางต้องการ! นางประเมินเสน่ห์ของตนสูงเกินไป หรือประเมินความต้องการของเขาต่ำเกินไปกันแน่

รอยยิ้มมุมปากปรากฏความขมขื่นเล็กน้อย

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเสียใจ วันนี้นางไม่ควรบีบบังคับเขาเช่นนี้ หากไม่บีบบังคับและคลุมเครือกันต่อไป ไม่แน่ นางอาจจะทำให้หัวใจที่สงบนิ่งมาเป็นหมื่นปีของเขาสั่นไหวก็เป็นได้

น่าเสียดายที่เสียใจในเวลาที่สายเกินไป

รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏที่มุมปากของนาง ซึ่งอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด เขารู้สึกถึงความกังวลในใจของนาง รู้สึกถึงความไม่สบายใจและความหวาดกลัวของนางด้วย

“เจียงหลี จำชื่อข้าไว้นะ”

อืมหรือ

ทันใดนั้น เจียงหลีได้เบิกตากว้างและมองหน้าเขาด้วยความตกใจ

“ข้ามีพระนามอิสริยศักดิ์เป็นเซ่า จักรพรรดิเซ่าตี้” เขาพูดกับนาง

จักรพรรดิเซ่าตี้!

จักรพรรดิเซ่าตี้หรือ

เขาบอกพระนามอิสริยศักดิ์ให้กับนาง บอกตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยหรือ นี่…นี่มันหมายความว่าอะไร

เจียงหลีมองเขาอย่างเหม่อลอย ซึ่งแตกต่างจากที่นางคาดคิดไว้ และตอนนี้นางถูกกระตุ้นจากคำพูดของชายผู้นี้จนสูญเสียความสามารถในการนึกคิดไปเสียแล้ว ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยความตะลึงงัน

ท่าทางที่ตกตะลึงของนางทำให้คนประดุจเทพเจ้ากักเก็บลมหายใจของเขาเอาไว้ และทั้งหมดก็กลับคืนสู่ที่พักแห่งนั้น

เขาจับแก้มของนางด้วยสองมือและพูดเสียงเบาว่า “เจ้าสามารถเรียกข้าว่า…ลู่เจี้ยต่อไปได้”

เจียงหลียังคงสับสนเช่นเดิม…

นางรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของตนค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น และใบหน้าของชายผู้สง่างามก็ขยายใหญ่ขึ้นต่อหน้าของนาง ทันใดนั้น ก็มีความนุ่มนวลที่เย็นเล็กน้อยลอยกระทบใส่หน้าผากของนาง ราวกับว่าริมฝีปากลอยลงมาอย่างนุ่มนวล…

ริมฝีปากของชายผู้นั้นทาบลงบนหน้าผากของนางโดยที่นางมองไม่เห็น และรอยพิเศษนั้น ได้ประทับอยู่ที่กลางหน้าผากตามริมฝีปากของชายผู้นั้นและจางหายไปในที่สุด

ในขณะนั้น นางดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างเพิ่มขึ้นในวิญญาณของนาง

“เจียงหลี เจ้าเป็นภรรยาของข้าและเป็นนายหญิงของวังเซ่าตี้” ริมฝีปากของเขาละออกจากหน้าผากของนาง และพูดบางอย่างที่ทำให้เจียงหลีถึงกับตกใจ

เขา…เขาพูดว่าอะไรนะ

ใบหน้าเล็กๆ ที่ทำให้สรรพสิ่งยอมสยบกลับเต็มไปด้วยความตกใจ เจียงหลีรู้สึกราวกับว่าตนลอยเข้าไปในก้อนเมฆ และเหมือนกับว่ากำลังดำดิ่งลงสู่ก้นน้ำในคราเดียวกัน

ทันใดนั้น นางรู้สึกว่าร่างกายของนางเบา และถูกชายหนุ่มโอบกอด นางกางแขนออกโดยไม่รู้ตัวและโอบรอบคอเขาไว้ และปล่อยให้เขาอุ้มตนไปยังเตียงหลังที่พัก

ข้างหูของนางได้ยินเพียงเสียงของผู้ชายขาดๆ หายๆ ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนอยู่ไกลและเหมือนอยู่ใกล้…

“วิญญาณของเจ้าได้รับการตราตรึงเป็นภรรยาของข้าเซ่าตี้แล้ว เจ้าจะเป็นได้เพียงชายาของข้าเซ่าตี้ในทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด ข้าก็จะหาเจ้าจนเจอ เจ้าหนีไม่รอด เลี่ยงไม่ได้…หลีเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ และไม่มีประโยชน์แล้ว หากเจ้าจะเสียใจในภายหลัง…”

ร่างกายของเจียงหลีถูกวางลงบนผ้าปูเตียงอย่างนุ่มนวล นางเบิกตากว้างและจ้องมองชายที่เข้าใกล้นางด้วยความงุนงง นางรู้สึกได้ถึงรอยจูบอันแสนละเมียดละไมไปที่ระหว่างคิ้ว จมูก ริมฝีปาก แก้ม และถึงขั้นย้ายลงไปที่ลำคอของนาง

เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างง่ายดายและเผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีขาว…

จนกระทั่งสายลมเย็นโบกพัดมายังเสื้อที่ถูกเปิดออก ทันใดนั้น นางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยผลักชายผู้นั้นออกไป “เดี๋ยว ท่านพูดว่าอะไรนะ ข้าเป็นภรรยาของท่านหรือ ในที่สุดท่านก็ยอมรับแล้วรึ”

“…” ใบหน้าของเซ่าตี้หมองลงเล็กน้อย

ดังนั้น เมื่อชั่วครู่ เขาพูดและทำมากเช่นนั้น กลับถูกมองข้ามไปอย่างนั้นหรือ

ท่าทางที่เย้ายวนของหญิงสาวซึ่งเสื้อเผยให้เนื้อท่อนบน ทำให้ดวงตาของเขาเศร้าหมอง เขายื่นมือออกมา โดยนิ้วที่เรียวยาวและงดงามลูบไล้ไปทั่วผิวอันบอบบางของนาง “ใช่ เจ้าเป็นภรรยาของข้า แต่เจ้าต้องเดินเข้าไปในพระราชวังตี้กงด้วยตัวของเจ้าเอง”

“ข้าเข้าใจ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างแรงและแววตาเผยความจริงจังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ยิ่งสูงยิ่งหนาว นางไม่รู้ว่าโลกที่เซ่าตี้อาศัยอยู่นั้นเป็นเช่นไร แต่มันคงเป็นสิ่งที่นางคาดเดาไม่ถูกในตอนนี้เป็นแน่

นางบอบบางมากจนไม่ว่าใครก็สามารถบดขยี้นางออกเป็นชิ้นเล็กๆ แม้ว่านางจะเข้าไปในตี้กงได้แล้ว จะทำอะไรได้ จะเป็นเพียงภาระของเขาเท่านั้น และไม่สามารถครองคู่กับเขาไปตลอดชั่วชีวิต

เพียงเพื่อจะอยู่กับเขาตลอดไป นางต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างไม่ลดละต่อไป!

“หนทางสายนี้ ช่างทรหดนัก” เซ่าตี้พูดอย่างจริงจังเช่นกัน

หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้นางต้องเดินบนถนนที่ขรุขระเช่นนี้ เพียงแต่หลีเอ๋อร์ของเขาไม่ใช่ดอกไม้ที่บอบบาง นางคือหงส์แท้ที่โบยบินกลางนภา

“เมื่อข้าเดินทางไปถึงพระราชวังตี้กง เราก็จะแต่งงานกัน” เจียงหลียิ้มอย่างสดใส และสาบานกับชายผู้นั้น

เดิมทีนางเคยพูดว่ารอลู่เจี้ยกลับมา พวกเขาจะแต่งงานกัน ตอนนี้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าและต้องทำอีกมากยังรอนางอยู่ข้างหน้า นางจึงเปลี่ยนใจ

เซ่าตี้เผยรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก โดยมิได้โต้ตอบแต่ย่างใด “ได้” อย่างไรก็ตามดวงตาของเขากลับจดจ้องไปที่ผิวที่เปลือยอยู่ ดวงตาของเขาปรากฏเป็นสีแดงเข้ม

เจียงหลีรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในใจของเขาทันที จึงดึงเสื้อผ้าขึ้นปิดร่างกายของนางและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ใส่เขา “ในเมื่อตกลงวันแต่งงานไว้แล้ว เรื่องบางเรื่องไว้ค่อยทำในวันแต่งงาน อีกอย่าง ตอนนี้ข้ายังเด็กอยู่”

“…” เซ่าตี้มองไปที่นาง แววตาของเขาดำมืด

เจ้ามันผู้หญิงเจ้าเล่ห์!

การประนีประนอมของฝ่ายชาย ทำให้เจียงหลียิ้มอย่างมีชัย นางมิได้รีบเดินจากไป นางหมุนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของชายผู้นั้นอย่างไม่กลัวตาย

“จริงสิ วิญญาณจักรพรรดิที่ท่านพูดถึงครั้งที่แล้วคืออะไรหรือ” นิ้วของนางวนรอบหน้าอกของเขาโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่กลับถามคำถามที่จริงจังอย่างมากออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 322 วิญญาณจักรพรรดิคืออะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางกล้าลืมเขาจริงๆ ด้วย!

ความโกรธที่ไม่เคยมีมาก่อนถาโถมเข้ากลางใจ

“เจ้ากล้ารึ! ”

ทันใดนั้น เจียงหลีก็รู้สึกได้ถึงแรงกดทรงพลังไร้รูปร่างอยู่รอบตัวและพุ่งเข้าใส่นางจนติดกับอยู่ด้านในโดยมิได้ทำร้ายตน แต่กลับทำให้นางขยับตัวไม่ได้

นางมองไปที่ชายผู้เกรี้ยวโกรธและยืนตรงอย่างภาคภูมิใจ

ท่ามกลางแรงบีบอัดที่รุนแรง นางดูเหมือนบอบบางและไร้ที่พึ่ง กระดูกของนางถูกบีบจนดัง “กร๊อบ” แต่นางมิได้พูดอะไรออกมาสักคำ ดวงตาของนางยังคงมองเขาอย่างสดใส

ลู่เจี้ย…ลู่เจี้ย…

ในสายตาของนาง ร่างของเขาปรากฏให้เห็นชัดเจนมาก เข้าใกล้มากและห่างไกลออกไป

ลืมเขาอย่างนั้นหรือ

นางทำได้อย่างไร หลังจากพูดออกไปอย่างสง่าผ่าเผย ก็เป็นเพียงการเก็บซ่อนศักดิ์ศรีของตนไว้เท่านั้น

เจียงหลีไม่สามารถขยับตัวได้ ราวกับมีกระแสน้ำวนที่ไม่มีที่สิ้นสุดอยู่รอบตัวนาง พร้อมกับพลังอันน่ากลัวได้ก่อตัวขึ้น โดยชายที่ยืนอยู่ตรงข้ามนางกำลังเดินเข้าไปในวังน้ำวนทีละก้าวและเดินเข้ามาหานาง

เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกได้อย่างชัดเจนถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่ของลู่เจี้ย

ราวกับว่าจักรวาลแห่งดวงดาวนคลานอยู่ใต้แทบเท้าเขาและขอร้องให้เขามองกลับไป

“เจียงหลี”

เขาเดินเข้ามาหานางและเรียกชื่อนางกะทันหัน ซึ่งเสียงนั้นดูเหมือนจะมาจากถิ่นทุรกันดารโบราณก็ไม่ปาน

เจียงหลีเบิกตากว้างและมองตรงไปที่เขาและรอว่าเขาจะพูดอะไรต่อด้วยความกังวลเล็กน้อย เขาจะพูดว่าไร จะลบความทรงจำของชาติที่แล้วหรือ

ดูเหมือนว่าจะมีความเป็นไปได้แค่นี้แล้ว…

ความเจ็บปวดบีบคั้นออกมาจากหัวใจของเจียงหลี นางจ้องมองใบหน้าที่เฉยเมยของชายผู้นี้ โดยการแสดงออกเช่นนี้ ช่างเหมือนกับรูปปั้นแกะสลักของเทพเจ้าทั้งหลายที่นางเคยเห็นตามวิหาร

ดวงตาของพวกเขารำพึงฟ้าเวทนาคน แต่พวกเขากลับเย็นชาและไร้ความรู้สึกมากที่สุดเช่นกัน

เพราะเต๋าไร้จิต!

พวกเขามองความรักบนโลกมนุษย์อย่างเข้าใจ บรรลุจริยธรรมที่ยิ่งใหญ่ และกลายเป็นเทพเจ้าที่สรรพสิ่งเคารพและศรัทธา

ตัดขาดจากชาติที่แล้วรึ นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่นางต้องการ! นางประเมินเสน่ห์ของตนสูงเกินไป หรือประเมินความต้องการของเขาต่ำเกินไปกันแน่

รอยยิ้มมุมปากปรากฏความขมขื่นเล็กน้อย

ทันใดนั้น นางก็รู้สึกเสียใจ วันนี้นางไม่ควรบีบบังคับเขาเช่นนี้ หากไม่บีบบังคับและคลุมเครือกันต่อไป ไม่แน่ นางอาจจะทำให้หัวใจที่สงบนิ่งมาเป็นหมื่นปีของเขาสั่นไหวก็เป็นได้

น่าเสียดายที่เสียใจในเวลาที่สายเกินไป

รอยยิ้มอันขมขื่นปรากฏที่มุมปากของนาง ซึ่งอยู่ในสายตาของเขาทั้งหมด เขารู้สึกถึงความกังวลในใจของนาง รู้สึกถึงความไม่สบายใจและความหวาดกลัวของนางด้วย

“เจียงหลี จำชื่อข้าไว้นะ”

อืมหรือ

ทันใดนั้น เจียงหลีได้เบิกตากว้างและมองหน้าเขาด้วยความตกใจ

“ข้ามีพระนามอิสริยศักดิ์เป็นเซ่า จักรพรรดิเซ่าตี้” เขาพูดกับนาง

จักรพรรดิเซ่าตี้!

จักรพรรดิเซ่าตี้หรือ

เขาบอกพระนามอิสริยศักดิ์ให้กับนาง บอกตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยหรือ นี่…นี่มันหมายความว่าอะไร

เจียงหลีมองเขาอย่างเหม่อลอย ซึ่งแตกต่างจากที่นางคาดคิดไว้ และตอนนี้นางถูกกระตุ้นจากคำพูดของชายผู้นี้จนสูญเสียความสามารถในการนึกคิดไปเสียแล้ว ดังนั้น นางจึงทำได้เพียงจ้องมองเขาด้วยความตะลึงงัน

ท่าทางที่ตกตะลึงของนางทำให้คนประดุจเทพเจ้ากักเก็บลมหายใจของเขาเอาไว้ และทั้งหมดก็กลับคืนสู่ที่พักแห่งนั้น

เขาจับแก้มของนางด้วยสองมือและพูดเสียงเบาว่า “เจ้าสามารถเรียกข้าว่า…ลู่เจี้ยต่อไปได้”

เจียงหลียังคงสับสนเช่นเดิม…

นางรู้สึกเพียงว่าใบหน้าของตนค่อยๆ เขยิบเข้าใกล้กันมากขึ้น และใบหน้าของชายผู้สง่างามก็ขยายใหญ่ขึ้นต่อหน้าของนาง ทันใดนั้น ก็มีความนุ่มนวลที่เย็นเล็กน้อยลอยกระทบใส่หน้าผากของนาง ราวกับว่าริมฝีปากลอยลงมาอย่างนุ่มนวล…

ริมฝีปากของชายผู้นั้นทาบลงบนหน้าผากของนางโดยที่นางมองไม่เห็น และรอยพิเศษนั้น ได้ประทับอยู่ที่กลางหน้าผากตามริมฝีปากของชายผู้นั้นและจางหายไปในที่สุด

ในขณะนั้น นางดูเหมือนจะรู้สึกว่ามีบางอย่างเพิ่มขึ้นในวิญญาณของนาง

“เจียงหลี เจ้าเป็นภรรยาของข้าและเป็นนายหญิงของวังเซ่าตี้” ริมฝีปากของเขาละออกจากหน้าผากของนาง และพูดบางอย่างที่ทำให้เจียงหลีถึงกับตกใจ

เขา…เขาพูดว่าอะไรนะ

ใบหน้าเล็กๆ ที่ทำให้สรรพสิ่งยอมสยบกลับเต็มไปด้วยความตกใจ เจียงหลีรู้สึกราวกับว่าตนลอยเข้าไปในก้อนเมฆ และเหมือนกับว่ากำลังดำดิ่งลงสู่ก้นน้ำในคราเดียวกัน

ทันใดนั้น นางรู้สึกว่าร่างกายของนางเบา และถูกชายหนุ่มโอบกอด นางกางแขนออกโดยไม่รู้ตัวและโอบรอบคอเขาไว้ และปล่อยให้เขาอุ้มตนไปยังเตียงหลังที่พัก

ข้างหูของนางได้ยินเพียงเสียงของผู้ชายขาดๆ หายๆ ไม่ต่อเนื่อง ซึ่งดูเหมือนอยู่ไกลและเหมือนอยู่ใกล้…

“วิญญาณของเจ้าได้รับการตราตรึงเป็นภรรยาของข้าเซ่าตี้แล้ว เจ้าจะเป็นได้เพียงชายาของข้าเซ่าตี้ในทุกภพทุกชาติ ไม่ว่าเจ้าจะอยู่ ณ แห่งหนใด ข้าก็จะหาเจ้าจนเจอ เจ้าหนีไม่รอด เลี่ยงไม่ได้…หลีเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนเริ่มก่อนเองนะ และไม่มีประโยชน์แล้ว หากเจ้าจะเสียใจในภายหลัง…”

ร่างกายของเจียงหลีถูกวางลงบนผ้าปูเตียงอย่างนุ่มนวล นางเบิกตากว้างและจ้องมองชายที่เข้าใกล้นางด้วยความงุนงง นางรู้สึกได้ถึงรอยจูบอันแสนละเมียดละไมไปที่ระหว่างคิ้ว จมูก ริมฝีปาก แก้ม และถึงขั้นย้ายลงไปที่ลำคอของนาง

เสื้อผ้าของนางถูกถอดออกอย่างง่ายดายและเผยให้เห็นเสื้อชั้นในสีขาว…

จนกระทั่งสายลมเย็นโบกพัดมายังเสื้อที่ถูกเปิดออก ทันใดนั้น นางก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วโดยผลักชายผู้นั้นออกไป “เดี๋ยว ท่านพูดว่าอะไรนะ ข้าเป็นภรรยาของท่านหรือ ในที่สุดท่านก็ยอมรับแล้วรึ”

“…” ใบหน้าของเซ่าตี้หมองลงเล็กน้อย

ดังนั้น เมื่อชั่วครู่ เขาพูดและทำมากเช่นนั้น กลับถูกมองข้ามไปอย่างนั้นหรือ

ท่าทางที่เย้ายวนของหญิงสาวซึ่งเสื้อเผยให้เนื้อท่อนบน ทำให้ดวงตาของเขาเศร้าหมอง เขายื่นมือออกมา โดยนิ้วที่เรียวยาวและงดงามลูบไล้ไปทั่วผิวอันบอบบางของนาง “ใช่ เจ้าเป็นภรรยาของข้า แต่เจ้าต้องเดินเข้าไปในพระราชวังตี้กงด้วยตัวของเจ้าเอง”

“ข้าเข้าใจ” เจียงหลีพยักหน้าอย่างแรงและแววตาเผยความจริงจังที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน

ยิ่งสูงยิ่งหนาว นางไม่รู้ว่าโลกที่เซ่าตี้อาศัยอยู่นั้นเป็นเช่นไร แต่มันคงเป็นสิ่งที่นางคาดเดาไม่ถูกในตอนนี้เป็นแน่

นางบอบบางมากจนไม่ว่าใครก็สามารถบดขยี้นางออกเป็นชิ้นเล็กๆ แม้ว่านางจะเข้าไปในตี้กงได้แล้ว จะทำอะไรได้ จะเป็นเพียงภาระของเขาเท่านั้น และไม่สามารถครองคู่กับเขาไปตลอดชั่วชีวิต

เพียงเพื่อจะอยู่กับเขาตลอดไป นางต้องฝึกฝนและพัฒนาตัวเองอย่างไม่ลดละต่อไป!

“หนทางสายนี้ ช่างทรหดนัก” เซ่าตี้พูดอย่างจริงจังเช่นกัน

หากเป็นไปได้ เขาไม่อยากให้นางต้องเดินบนถนนที่ขรุขระเช่นนี้ เพียงแต่หลีเอ๋อร์ของเขาไม่ใช่ดอกไม้ที่บอบบาง นางคือหงส์แท้ที่โบยบินกลางนภา

“เมื่อข้าเดินทางไปถึงพระราชวังตี้กง เราก็จะแต่งงานกัน” เจียงหลียิ้มอย่างสดใส และสาบานกับชายผู้นั้น

เดิมทีนางเคยพูดว่ารอลู่เจี้ยกลับมา พวกเขาจะแต่งงานกัน ตอนนี้เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าและต้องทำอีกมากยังรอนางอยู่ข้างหน้า นางจึงเปลี่ยนใจ

เซ่าตี้เผยรอยยิ้มที่หาดูได้ยาก โดยมิได้โต้ตอบแต่ย่างใด “ได้” อย่างไรก็ตามดวงตาของเขากลับจดจ้องไปที่ผิวที่เปลือยอยู่ ดวงตาของเขาปรากฏเป็นสีแดงเข้ม

เจียงหลีรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงในใจของเขาทันที จึงดึงเสื้อผ้าขึ้นปิดร่างกายของนางและยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ใส่เขา “ในเมื่อตกลงวันแต่งงานไว้แล้ว เรื่องบางเรื่องไว้ค่อยทำในวันแต่งงาน อีกอย่าง ตอนนี้ข้ายังเด็กอยู่”

“…” เซ่าตี้มองไปที่นาง แววตาของเขาดำมืด

เจ้ามันผู้หญิงเจ้าเล่ห์!

การประนีประนอมของฝ่ายชาย ทำให้เจียงหลียิ้มอย่างมีชัย นางมิได้รีบเดินจากไป นางหมุนตัวเข้าไปในอ้อมแขนของชายผู้นั้นอย่างไม่กลัวตาย

“จริงสิ วิญญาณจักรพรรดิที่ท่านพูดถึงครั้งที่แล้วคืออะไรหรือ” นิ้วของนางวนรอบหน้าอกของเขาโดยตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม แต่กลับถามคำถามที่จริงจังอย่างมากออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+