ราชินีพลิกสวรรค์ 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผิดแล้ว เป็นข้าเอง ที่ต้องการล้มล้างตระกูลหรงของเจ้า และเป็นตระกูลหรงของเจ้าต่างหากที่สร้างความพินาศให้ตัวเอง!

น้ำเสียงของเจียงหลีราวกับว่าทะลุผ่านท้องฟ้ายามค่ำเข้าไปในหูของทุกคนในตระกูลหรง หรงเทียนเผิงตัวแข็งทื่อ สายตาที่มองไปยังจักรพรรดินีสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“ฆ่ามันนน!”

เมื่อเจียงหลีออกคําสั่ง เหล่าลูกธนูที่เตรียมไว้ก็ยิงออกไปพร้อมกันมุ่งตรงไปยังทุกคนในตระกูลหรง

ฆ่ากันเองหรือ

นอกเหนือจากการฆ่าคนของตัวเองในเส้นทางนี้แล้วมันจะทำเยี่ยงไรได้อีกเล่า

เกรงว่า เมื่อกำแพงถูกทำลายโดยการฆ่าฟันกันเอง คนตระกูลหรงที่อยู่ข้างในก็ตายไปเกือบหมดแล้ว

หรงเทียนเผิงหันหน้าไปทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลูกธนู และมองไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าเย็นชา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีสาวผู้นี้ไม่อาจต่อกรได้ง่ายอย่างที่คิด

การสังหารเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในบริเวณเส้นทางตรงไปยังพระราชวัง

ตระกูลหรงจัดเตรียมมาเป็นเวลานานเพื่อรอวันนี้ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจียงหลีคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง

การแย่งชิงอำนาจในวังนั้นทําให้คนรู้สึกหน่ายแหนงเป็นที่สุด เจียงหลียืนบนกําแพงอย่างเคร่งขรึม สีหน้าดูโดดเดี่ยว

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหรงวิ่งกรูเข้ามาหวังจะฆ่านาง แต่ถูกเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมืดหยุดไว้

เจียงหลีเหลือบมองสนามรบที่กําลังดําเนินอยู่อย่างเฉยเมย ภายในใจไม่มีคลื่นแห่งชัยชนะ เรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำให้นางมีความยินดีเลยจริงๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหรงในวันนี้ ล้วนเป็นlสิ่งที่เขาเลือกด้วยตัวเขาเอง

เพื่อจะสงบความโกลาหลนี้ ตําแหน่งของนางในราชวงศ์จยาเซียนก็จะไม่มีใครโค่นล้มได้

ในฐานะจักรพรรดิที่ทํางานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ตราบใดที่นางสามารถนําประเทศและประชาชนให้สู่ความสงบสุขได้ ใครจะสนใจว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

ต่อให้จะมีผู้ที่ใจโลภมากก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ และยากที่จะกลับมาได้!

เมื่อเสียงการสังหารค่อยๆ เบาลง เจียงหลีก็หันหลังกลับและออกคําสั่งขณะเดินออกไปด้านนอก “คนที่เหลือ ขังมันไว้ก่อน แล้วค่อยประหารชีวิตพรุ่งนี้”

ก่อนที่จะลงมือ นางได้สั่งการล่วงหน้าแล้วว่าต้องเก็บประมุขตระกูลหรงไว้ก่อน เพื่อข่มขู่ผู้คนโง่เง่าที่มีใจก่อกบฏในราชวงศ์จยาเซียน

การกบฏที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าได้ดำเนินการในเวลามืดค่ำ

มันควรจะกล่าวว่า ยังไม่ทันที่ได้เริ่มก็ต้องมาสิ้นสุดลงเสียแล้วถูกบีบจนตายในฝ่ามือของจักรพรรดินีจยาเซียน

เมื่อฟ้ารุ่งสาง อวี้ซูและลู่จ้านนําคําสารภาพที่ถูกสอบสวนในยามค่ำคืนและความสัมพันธ์ระหว่างหลายฝ่ายพร้อมด้วยหลักฐานของตระกูลอื่นๆ ที่น่าสงสัยมาเข้าเฝ้าเจียงหลี

เจียงหลีไม่ได้นอนทั้งคืน พึ่งเสร็จจากการฝึกฝนไปเมื่อ

นางมองกองกระดาษที่ทั้งสองคนยกมา หลับตาลงอย่างปวดหัว “ของพวกนี้ พวกเจ้าจัดการเองก็พอแล้ว ไม่ต้องนำมาให้ข้าดู”

“ฝ่าบาท ยังไงท่านพระองค์ก็ต้องลงลายพระหัตถ์ก่อนเพคะ” อวี้ซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ลู่จ้านก็ถามขึ้นว่า “คนตระกูลหรงถูกขังอยู่ในคุกหลวง รอให้ฝ่าบาทตัดสินโทษ”

เจียงหลีประคองศีรษะขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังกองฎีกาเหล่านั้น มืออีกข้างพลิกไปมาอย่างสบายๆ นางถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างว่าราชกิจในวันนี้บ้าง”

“ทุกอย่างยังสงบดีพ่ะย่ะค่ะ” ลู่จ้านตอบ

เจียงหลีเอามือวางบนกระดาษเหล่านั้นและเงยหน้ามองทั้งสอง “นำหลักฐานที่รวบรวมได้ เผยแพร่ไปทั่วแผ่นดิน ทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ต้องจัดการให้หมด ตระกูลของพวกเขาต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และต้องถูกยึดคืนทรัพย์สิน ”

“เพคะ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งสองพยักหน้า

“แล้ว…ตระกูลหรงล่ะเพคะ” อวี้ซูเอ่ยถามเสียงแผ่ว

เจียงหลีหรี่ตาลง ครู่ต่อมาก็กล่าวกับอวี้ซูว่า “เอากระดาษและพู่กันมา”

อวี้ซูก้าวไปข้างหน้าวางกระดาษให้เจียงหลี หลังจากฝนหมึกแล้วนางจึงยื่นพู่กันที่จุ่มหมึกให้กับเจียงหลี

เจียงหลีเขียนลงบนหนังสือสักพัก

ไม่รอให้อวี้ซูและลู่จ้านได้เห็นชัดเจน นางก็ทิ้งพู่กันลงแล้วออกคําสั่งกับอวี้ซูว่า “ส่งคนไปที่จวนตระกูลหรง ให้หรงจิ่งอ่านจดหมาย อืม ส่วนจวนตระกูลหรง…อย่างพึ่งทำอะไรแล้วให้หรงจิ่งตอบจดหมายก่อน”

“เพคะ” อวี้ซูพับกระดาษให้เรียบร้อยและถอยออกไป

เจียงหลีมองไปที่ลู่จ้าน มุมปากของลู่จ้านโค้งขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ส่วนข้าจะไปจัดการเรื่องอื่น”

ภายในจวนตระกูลหรง หรงจิ่งยังอยู่ในเรือนของตน ใช้ชีวิตอย่างเอื่อยเฉื่อย

จวนตระกูลหรงเงียบสงัดทั้งคืน หลังจากฟ้าสางก็ไม่มีข่าวการเปลี่ยนแปลงของราชสํานัก เขาดูไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไร้ซึ่งความกังวล

ความเฉยชาของเขาทําให้อาเฉวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“คุณชายจิ่งอยู่หรือไม่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงถามดังมาจากนอกเรือน

เสียงนี้ไม่คุ้นหูเลย อาเฉวียนสะดุ้งโหยงลนลานรีบเดินออกจากประตู หรงจิ่งได้ยินเสียงนี้ ก็วางของในมือลงเช่นกัน

“พวกเจ้าเป็นใครกัน เข้ามาได้อย่างไร” เมื่ออาเฉวียนเห็นคนข้างนอกก็เอ่ยถามกระโชกโฮกฮาก

เซียวเซียวยืนอยู่ที่ด้านหน้า ด้านหลังเขาคือกองทัพที่ตรวจยึดจวนตระกูลหรง ใบหน้าต่างนิ่งขรึมและเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

เมื่ออาเฉวียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว

เซียวเซียวหยิบจดหมายที่เจียงหลีเขียนออกมาแล้วกล่าวกับอาเฉวียนว่า “ฝ่าบาททรงมีจดหมายลายพระหัตถ์ที่ต้องมอบการมอบให้คุณชายจิ่ง ขอให้ท่านออกมารับด้วย”

“นี่มัน…” อาเฉวียนลังเลเล็กน้อย

“มอบให้อาเฉวียนเถอะ” เสียงหรงจิ่งดังขึ้นมา

เซียวเซียวขมวดคิ้ว

อาเฉวียนยืดเอวขึ้นตรงทันทีแล้วพูดกับเซียวเซียวว่า “เอาจดหมายมาให้ข้า ข้าจะนำไปให้คุณชาย พวกเจ้า… พวกเจ้าจะบุกเข้ามาโดยพละกาลไม่ได้เด็ดขาด”

เซียวเซียวยิ้มเย็น “ก่อนที่ฝ่าบาทจะออกราชโองการ จวนตระกูลหรงถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว”

หลังจากพูดจบเขาก็ยื่นจดหมายในมือให้อาเฉวียน

อาเฉวียนรับมาแล้วรีบหันหลังเดินจากไป

หรงจิ่งรับจดหมายจากอาเฉวียน แล้วจึงให้อาเฉวียนถอยไปรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีเขียนจดหมายถึงเขา ตอนที่เขาแกะมันออก เขาดูระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดจดหมายดู​ มีเพียงสามคําเท่านั้น

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งหรี่ตาลงทันที เขาอ่านเนื้อหาจดหมายในใจ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา จากนั้นเขาพึมพํากับตัวเองท่ามกลางสีหน้าฉงนสงสัยของอาเฉวียน “เจียงหลีนะเจียงหลี เจ้ากับลู่เจี้ยเกิดมาเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกันจริงๆ รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังจะบีบบังคับข้า”

“คุณชายจิ่ง ฝ่าบาททรงให้ท่านตอบจดหมายกลับ” เสียงของเซียวเซียวดังขึ้นอีกครั้ง

อาเฉวียนมองออกไปนอกเรือน ม่านตาของหรงจิ่งหดเล็กลงอีกครั้ง เขามองไปที่ตัวอักษรสามคําบนจดหมาย เขาจะทําลงได้อย่างไร

เจียงหลีมอบชะตาลิขิตของตระกูลหรงให้กับเขา!

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งยิ้มเจื่อนๆ ราวกับมีชีวิตมาหลายปีแต่ไม่เคยต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากเข็นที่จะเลือกไม่ได้เช่นนี้มาก่อน

ไม่ฆ่า…ตระกูลหรงจะรอดจากความตายจริงๆ หรือ

ส่วนคําตอบนางรู้ดีอยู่แล้วแต่ต้องการให้เขาเลือก

หรงจิ่งยกมือขึ้นช้าๆ กัดปลายนิ้วตัวเองจนแตก

“คุณชาย!” อาเฉวียนมองเขาด้วยความตกใจ

แต่เห็นเพียงเขาใช้นิ้วที่เปื้อนเลือด ค่อยๆ ใช้แรงเขียนอีกสองสามขีดลงไปที่ไหนสักแห่งบนกระดาษจดหมายนั้น

“อาเฉวียน” หรงจิ่งยัดกระดาษจดหมายกลับเข้าไปในซองแล้วยื่นให้เขา “ส่งจดหมายกลับไปเถอะ” ”

“ขอรับ” อาเฉวียนรับด้วยมือทั้งสองข้าง

เขาอยากรู้ว่าคุณชายตอบอะไรในจดหมายนั้น แต่ก็ไม่ได้เปิดดูอย่างถือวิสาสะ

หลังจากออกไป เขาส่งจดหมายคืนไปให้เซียวเซียวและกลับไปยังเรือนของหรงจิ่ง

ทหารที่ล้อมจวนตระกูลหรงไว้ไม่ได้ขยับ ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางสู้ที่เหลือในจวนตระกูลหรงล้วนถูกควบคุมไว้รอการพิจารณาคดีขั้นสุดท้าย

ในเวลานี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าความปรารถนาจะที่ขึ้นสู่บัลลังก์ของตระกูลหรงนั้นได้ล่มสลายไปเสียแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผิดแล้ว เป็นข้าเอง ที่ต้องการล้มล้างตระกูลหรงของเจ้า และเป็นตระกูลหรงของเจ้าต่างหากที่สร้างความพินาศให้ตัวเอง!

น้ำเสียงของเจียงหลีราวกับว่าทะลุผ่านท้องฟ้ายามค่ำเข้าไปในหูของทุกคนในตระกูลหรง หรงเทียนเผิงตัวแข็งทื่อ สายตาที่มองไปยังจักรพรรดินีสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“ฆ่ามันนน!”

เมื่อเจียงหลีออกคําสั่ง เหล่าลูกธนูที่เตรียมไว้ก็ยิงออกไปพร้อมกันมุ่งตรงไปยังทุกคนในตระกูลหรง

ฆ่ากันเองหรือ

นอกเหนือจากการฆ่าคนของตัวเองในเส้นทางนี้แล้วมันจะทำเยี่ยงไรได้อีกเล่า

เกรงว่า เมื่อกำแพงถูกทำลายโดยการฆ่าฟันกันเอง คนตระกูลหรงที่อยู่ข้างในก็ตายไปเกือบหมดแล้ว

หรงเทียนเผิงหันหน้าไปทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลูกธนู และมองไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าเย็นชา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีสาวผู้นี้ไม่อาจต่อกรได้ง่ายอย่างที่คิด

การสังหารเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในบริเวณเส้นทางตรงไปยังพระราชวัง

ตระกูลหรงจัดเตรียมมาเป็นเวลานานเพื่อรอวันนี้ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจียงหลีคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง

การแย่งชิงอำนาจในวังนั้นทําให้คนรู้สึกหน่ายแหนงเป็นที่สุด เจียงหลียืนบนกําแพงอย่างเคร่งขรึม สีหน้าดูโดดเดี่ยว

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหรงวิ่งกรูเข้ามาหวังจะฆ่านาง แต่ถูกเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมืดหยุดไว้

เจียงหลีเหลือบมองสนามรบที่กําลังดําเนินอยู่อย่างเฉยเมย ภายในใจไม่มีคลื่นแห่งชัยชนะ เรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำให้นางมีความยินดีเลยจริงๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหรงในวันนี้ ล้วนเป็นlสิ่งที่เขาเลือกด้วยตัวเขาเอง

เพื่อจะสงบความโกลาหลนี้ ตําแหน่งของนางในราชวงศ์จยาเซียนก็จะไม่มีใครโค่นล้มได้

ในฐานะจักรพรรดิที่ทํางานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ตราบใดที่นางสามารถนําประเทศและประชาชนให้สู่ความสงบสุขได้ ใครจะสนใจว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

ต่อให้จะมีผู้ที่ใจโลภมากก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ และยากที่จะกลับมาได้!

เมื่อเสียงการสังหารค่อยๆ เบาลง เจียงหลีก็หันหลังกลับและออกคําสั่งขณะเดินออกไปด้านนอก “คนที่เหลือ ขังมันไว้ก่อน แล้วค่อยประหารชีวิตพรุ่งนี้”

ก่อนที่จะลงมือ นางได้สั่งการล่วงหน้าแล้วว่าต้องเก็บประมุขตระกูลหรงไว้ก่อน เพื่อข่มขู่ผู้คนโง่เง่าที่มีใจก่อกบฏในราชวงศ์จยาเซียน

การกบฏที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าได้ดำเนินการในเวลามืดค่ำ

มันควรจะกล่าวว่า ยังไม่ทันที่ได้เริ่มก็ต้องมาสิ้นสุดลงเสียแล้วถูกบีบจนตายในฝ่ามือของจักรพรรดินีจยาเซียน

เมื่อฟ้ารุ่งสาง อวี้ซูและลู่จ้านนําคําสารภาพที่ถูกสอบสวนในยามค่ำคืนและความสัมพันธ์ระหว่างหลายฝ่ายพร้อมด้วยหลักฐานของตระกูลอื่นๆ ที่น่าสงสัยมาเข้าเฝ้าเจียงหลี

เจียงหลีไม่ได้นอนทั้งคืน พึ่งเสร็จจากการฝึกฝนไปเมื่อ

นางมองกองกระดาษที่ทั้งสองคนยกมา หลับตาลงอย่างปวดหัว “ของพวกนี้ พวกเจ้าจัดการเองก็พอแล้ว ไม่ต้องนำมาให้ข้าดู”

“ฝ่าบาท ยังไงท่านพระองค์ก็ต้องลงลายพระหัตถ์ก่อนเพคะ” อวี้ซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ลู่จ้านก็ถามขึ้นว่า “คนตระกูลหรงถูกขังอยู่ในคุกหลวง รอให้ฝ่าบาทตัดสินโทษ”

เจียงหลีประคองศีรษะขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังกองฎีกาเหล่านั้น มืออีกข้างพลิกไปมาอย่างสบายๆ นางถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างว่าราชกิจในวันนี้บ้าง”

“ทุกอย่างยังสงบดีพ่ะย่ะค่ะ” ลู่จ้านตอบ

เจียงหลีเอามือวางบนกระดาษเหล่านั้นและเงยหน้ามองทั้งสอง “นำหลักฐานที่รวบรวมได้ เผยแพร่ไปทั่วแผ่นดิน ทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ต้องจัดการให้หมด ตระกูลของพวกเขาต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และต้องถูกยึดคืนทรัพย์สิน ”

“เพคะ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งสองพยักหน้า

“แล้ว…ตระกูลหรงล่ะเพคะ” อวี้ซูเอ่ยถามเสียงแผ่ว

เจียงหลีหรี่ตาลง ครู่ต่อมาก็กล่าวกับอวี้ซูว่า “เอากระดาษและพู่กันมา”

อวี้ซูก้าวไปข้างหน้าวางกระดาษให้เจียงหลี หลังจากฝนหมึกแล้วนางจึงยื่นพู่กันที่จุ่มหมึกให้กับเจียงหลี

เจียงหลีเขียนลงบนหนังสือสักพัก

ไม่รอให้อวี้ซูและลู่จ้านได้เห็นชัดเจน นางก็ทิ้งพู่กันลงแล้วออกคําสั่งกับอวี้ซูว่า “ส่งคนไปที่จวนตระกูลหรง ให้หรงจิ่งอ่านจดหมาย อืม ส่วนจวนตระกูลหรง…อย่างพึ่งทำอะไรแล้วให้หรงจิ่งตอบจดหมายก่อน”

“เพคะ” อวี้ซูพับกระดาษให้เรียบร้อยและถอยออกไป

เจียงหลีมองไปที่ลู่จ้าน มุมปากของลู่จ้านโค้งขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ส่วนข้าจะไปจัดการเรื่องอื่น”

ภายในจวนตระกูลหรง หรงจิ่งยังอยู่ในเรือนของตน ใช้ชีวิตอย่างเอื่อยเฉื่อย

จวนตระกูลหรงเงียบสงัดทั้งคืน หลังจากฟ้าสางก็ไม่มีข่าวการเปลี่ยนแปลงของราชสํานัก เขาดูไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไร้ซึ่งความกังวล

ความเฉยชาของเขาทําให้อาเฉวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“คุณชายจิ่งอยู่หรือไม่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงถามดังมาจากนอกเรือน

เสียงนี้ไม่คุ้นหูเลย อาเฉวียนสะดุ้งโหยงลนลานรีบเดินออกจากประตู หรงจิ่งได้ยินเสียงนี้ ก็วางของในมือลงเช่นกัน

“พวกเจ้าเป็นใครกัน เข้ามาได้อย่างไร” เมื่ออาเฉวียนเห็นคนข้างนอกก็เอ่ยถามกระโชกโฮกฮาก

เซียวเซียวยืนอยู่ที่ด้านหน้า ด้านหลังเขาคือกองทัพที่ตรวจยึดจวนตระกูลหรง ใบหน้าต่างนิ่งขรึมและเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

เมื่ออาเฉวียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว

เซียวเซียวหยิบจดหมายที่เจียงหลีเขียนออกมาแล้วกล่าวกับอาเฉวียนว่า “ฝ่าบาททรงมีจดหมายลายพระหัตถ์ที่ต้องมอบการมอบให้คุณชายจิ่ง ขอให้ท่านออกมารับด้วย”

“นี่มัน…” อาเฉวียนลังเลเล็กน้อย

“มอบให้อาเฉวียนเถอะ” เสียงหรงจิ่งดังขึ้นมา

เซียวเซียวขมวดคิ้ว

อาเฉวียนยืดเอวขึ้นตรงทันทีแล้วพูดกับเซียวเซียวว่า “เอาจดหมายมาให้ข้า ข้าจะนำไปให้คุณชาย พวกเจ้า… พวกเจ้าจะบุกเข้ามาโดยพละกาลไม่ได้เด็ดขาด”

เซียวเซียวยิ้มเย็น “ก่อนที่ฝ่าบาทจะออกราชโองการ จวนตระกูลหรงถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว”

หลังจากพูดจบเขาก็ยื่นจดหมายในมือให้อาเฉวียน

อาเฉวียนรับมาแล้วรีบหันหลังเดินจากไป

หรงจิ่งรับจดหมายจากอาเฉวียน แล้วจึงให้อาเฉวียนถอยไปรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีเขียนจดหมายถึงเขา ตอนที่เขาแกะมันออก เขาดูระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดจดหมายดู​ มีเพียงสามคําเท่านั้น

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งหรี่ตาลงทันที เขาอ่านเนื้อหาจดหมายในใจ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา จากนั้นเขาพึมพํากับตัวเองท่ามกลางสีหน้าฉงนสงสัยของอาเฉวียน “เจียงหลีนะเจียงหลี เจ้ากับลู่เจี้ยเกิดมาเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกันจริงๆ รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังจะบีบบังคับข้า”

“คุณชายจิ่ง ฝ่าบาททรงให้ท่านตอบจดหมายกลับ” เสียงของเซียวเซียวดังขึ้นอีกครั้ง

อาเฉวียนมองออกไปนอกเรือน ม่านตาของหรงจิ่งหดเล็กลงอีกครั้ง เขามองไปที่ตัวอักษรสามคําบนจดหมาย เขาจะทําลงได้อย่างไร

เจียงหลีมอบชะตาลิขิตของตระกูลหรงให้กับเขา!

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งยิ้มเจื่อนๆ ราวกับมีชีวิตมาหลายปีแต่ไม่เคยต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากเข็นที่จะเลือกไม่ได้เช่นนี้มาก่อน

ไม่ฆ่า…ตระกูลหรงจะรอดจากความตายจริงๆ หรือ

ส่วนคําตอบนางรู้ดีอยู่แล้วแต่ต้องการให้เขาเลือก

หรงจิ่งยกมือขึ้นช้าๆ กัดปลายนิ้วตัวเองจนแตก

“คุณชาย!” อาเฉวียนมองเขาด้วยความตกใจ

แต่เห็นเพียงเขาใช้นิ้วที่เปื้อนเลือด ค่อยๆ ใช้แรงเขียนอีกสองสามขีดลงไปที่ไหนสักแห่งบนกระดาษจดหมายนั้น

“อาเฉวียน” หรงจิ่งยัดกระดาษจดหมายกลับเข้าไปในซองแล้วยื่นให้เขา “ส่งจดหมายกลับไปเถอะ” ”

“ขอรับ” อาเฉวียนรับด้วยมือทั้งสองข้าง

เขาอยากรู้ว่าคุณชายตอบอะไรในจดหมายนั้น แต่ก็ไม่ได้เปิดดูอย่างถือวิสาสะ

หลังจากออกไป เขาส่งจดหมายคืนไปให้เซียวเซียวและกลับไปยังเรือนของหรงจิ่ง

ทหารที่ล้อมจวนตระกูลหรงไว้ไม่ได้ขยับ ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางสู้ที่เหลือในจวนตระกูลหรงล้วนถูกควบคุมไว้รอการพิจารณาคดีขั้นสุดท้าย

ในเวลานี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าความปรารถนาจะที่ขึ้นสู่บัลลังก์ของตระกูลหรงนั้นได้ล่มสลายไปเสียแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผิดแล้ว เป็นข้าเอง ที่ต้องการล้มล้างตระกูลหรงของเจ้า และเป็นตระกูลหรงของเจ้าต่างหากที่สร้างความพินาศให้ตัวเอง!

น้ำเสียงของเจียงหลีราวกับว่าทะลุผ่านท้องฟ้ายามค่ำเข้าไปในหูของทุกคนในตระกูลหรง หรงเทียนเผิงตัวแข็งทื่อ สายตาที่มองไปยังจักรพรรดินีสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“ฆ่ามันนน!”

เมื่อเจียงหลีออกคําสั่ง เหล่าลูกธนูที่เตรียมไว้ก็ยิงออกไปพร้อมกันมุ่งตรงไปยังทุกคนในตระกูลหรง

ฆ่ากันเองหรือ

นอกเหนือจากการฆ่าคนของตัวเองในเส้นทางนี้แล้วมันจะทำเยี่ยงไรได้อีกเล่า

เกรงว่า เมื่อกำแพงถูกทำลายโดยการฆ่าฟันกันเอง คนตระกูลหรงที่อยู่ข้างในก็ตายไปเกือบหมดแล้ว

หรงเทียนเผิงหันหน้าไปทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลูกธนู และมองไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าเย็นชา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีสาวผู้นี้ไม่อาจต่อกรได้ง่ายอย่างที่คิด

การสังหารเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในบริเวณเส้นทางตรงไปยังพระราชวัง

ตระกูลหรงจัดเตรียมมาเป็นเวลานานเพื่อรอวันนี้ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจียงหลีคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง

การแย่งชิงอำนาจในวังนั้นทําให้คนรู้สึกหน่ายแหนงเป็นที่สุด เจียงหลียืนบนกําแพงอย่างเคร่งขรึม สีหน้าดูโดดเดี่ยว

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหรงวิ่งกรูเข้ามาหวังจะฆ่านาง แต่ถูกเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมืดหยุดไว้

เจียงหลีเหลือบมองสนามรบที่กําลังดําเนินอยู่อย่างเฉยเมย ภายในใจไม่มีคลื่นแห่งชัยชนะ เรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำให้นางมีความยินดีเลยจริงๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหรงในวันนี้ ล้วนเป็นlสิ่งที่เขาเลือกด้วยตัวเขาเอง

เพื่อจะสงบความโกลาหลนี้ ตําแหน่งของนางในราชวงศ์จยาเซียนก็จะไม่มีใครโค่นล้มได้

ในฐานะจักรพรรดิที่ทํางานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ตราบใดที่นางสามารถนําประเทศและประชาชนให้สู่ความสงบสุขได้ ใครจะสนใจว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

ต่อให้จะมีผู้ที่ใจโลภมากก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ และยากที่จะกลับมาได้!

เมื่อเสียงการสังหารค่อยๆ เบาลง เจียงหลีก็หันหลังกลับและออกคําสั่งขณะเดินออกไปด้านนอก “คนที่เหลือ ขังมันไว้ก่อน แล้วค่อยประหารชีวิตพรุ่งนี้”

ก่อนที่จะลงมือ นางได้สั่งการล่วงหน้าแล้วว่าต้องเก็บประมุขตระกูลหรงไว้ก่อน เพื่อข่มขู่ผู้คนโง่เง่าที่มีใจก่อกบฏในราชวงศ์จยาเซียน

การกบฏที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าได้ดำเนินการในเวลามืดค่ำ

มันควรจะกล่าวว่า ยังไม่ทันที่ได้เริ่มก็ต้องมาสิ้นสุดลงเสียแล้วถูกบีบจนตายในฝ่ามือของจักรพรรดินีจยาเซียน

เมื่อฟ้ารุ่งสาง อวี้ซูและลู่จ้านนําคําสารภาพที่ถูกสอบสวนในยามค่ำคืนและความสัมพันธ์ระหว่างหลายฝ่ายพร้อมด้วยหลักฐานของตระกูลอื่นๆ ที่น่าสงสัยมาเข้าเฝ้าเจียงหลี

เจียงหลีไม่ได้นอนทั้งคืน พึ่งเสร็จจากการฝึกฝนไปเมื่อ

นางมองกองกระดาษที่ทั้งสองคนยกมา หลับตาลงอย่างปวดหัว “ของพวกนี้ พวกเจ้าจัดการเองก็พอแล้ว ไม่ต้องนำมาให้ข้าดู”

“ฝ่าบาท ยังไงท่านพระองค์ก็ต้องลงลายพระหัตถ์ก่อนเพคะ” อวี้ซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ลู่จ้านก็ถามขึ้นว่า “คนตระกูลหรงถูกขังอยู่ในคุกหลวง รอให้ฝ่าบาทตัดสินโทษ”

เจียงหลีประคองศีรษะขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังกองฎีกาเหล่านั้น มืออีกข้างพลิกไปมาอย่างสบายๆ นางถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างว่าราชกิจในวันนี้บ้าง”

“ทุกอย่างยังสงบดีพ่ะย่ะค่ะ” ลู่จ้านตอบ

เจียงหลีเอามือวางบนกระดาษเหล่านั้นและเงยหน้ามองทั้งสอง “นำหลักฐานที่รวบรวมได้ เผยแพร่ไปทั่วแผ่นดิน ทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ต้องจัดการให้หมด ตระกูลของพวกเขาต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และต้องถูกยึดคืนทรัพย์สิน ”

“เพคะ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งสองพยักหน้า

“แล้ว…ตระกูลหรงล่ะเพคะ” อวี้ซูเอ่ยถามเสียงแผ่ว

เจียงหลีหรี่ตาลง ครู่ต่อมาก็กล่าวกับอวี้ซูว่า “เอากระดาษและพู่กันมา”

อวี้ซูก้าวไปข้างหน้าวางกระดาษให้เจียงหลี หลังจากฝนหมึกแล้วนางจึงยื่นพู่กันที่จุ่มหมึกให้กับเจียงหลี

เจียงหลีเขียนลงบนหนังสือสักพัก

ไม่รอให้อวี้ซูและลู่จ้านได้เห็นชัดเจน นางก็ทิ้งพู่กันลงแล้วออกคําสั่งกับอวี้ซูว่า “ส่งคนไปที่จวนตระกูลหรง ให้หรงจิ่งอ่านจดหมาย อืม ส่วนจวนตระกูลหรง…อย่างพึ่งทำอะไรแล้วให้หรงจิ่งตอบจดหมายก่อน”

“เพคะ” อวี้ซูพับกระดาษให้เรียบร้อยและถอยออกไป

เจียงหลีมองไปที่ลู่จ้าน มุมปากของลู่จ้านโค้งขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ส่วนข้าจะไปจัดการเรื่องอื่น”

ภายในจวนตระกูลหรง หรงจิ่งยังอยู่ในเรือนของตน ใช้ชีวิตอย่างเอื่อยเฉื่อย

จวนตระกูลหรงเงียบสงัดทั้งคืน หลังจากฟ้าสางก็ไม่มีข่าวการเปลี่ยนแปลงของราชสํานัก เขาดูไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไร้ซึ่งความกังวล

ความเฉยชาของเขาทําให้อาเฉวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“คุณชายจิ่งอยู่หรือไม่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงถามดังมาจากนอกเรือน

เสียงนี้ไม่คุ้นหูเลย อาเฉวียนสะดุ้งโหยงลนลานรีบเดินออกจากประตู หรงจิ่งได้ยินเสียงนี้ ก็วางของในมือลงเช่นกัน

“พวกเจ้าเป็นใครกัน เข้ามาได้อย่างไร” เมื่ออาเฉวียนเห็นคนข้างนอกก็เอ่ยถามกระโชกโฮกฮาก

เซียวเซียวยืนอยู่ที่ด้านหน้า ด้านหลังเขาคือกองทัพที่ตรวจยึดจวนตระกูลหรง ใบหน้าต่างนิ่งขรึมและเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

เมื่ออาเฉวียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว

เซียวเซียวหยิบจดหมายที่เจียงหลีเขียนออกมาแล้วกล่าวกับอาเฉวียนว่า “ฝ่าบาททรงมีจดหมายลายพระหัตถ์ที่ต้องมอบการมอบให้คุณชายจิ่ง ขอให้ท่านออกมารับด้วย”

“นี่มัน…” อาเฉวียนลังเลเล็กน้อย

“มอบให้อาเฉวียนเถอะ” เสียงหรงจิ่งดังขึ้นมา

เซียวเซียวขมวดคิ้ว

อาเฉวียนยืดเอวขึ้นตรงทันทีแล้วพูดกับเซียวเซียวว่า “เอาจดหมายมาให้ข้า ข้าจะนำไปให้คุณชาย พวกเจ้า… พวกเจ้าจะบุกเข้ามาโดยพละกาลไม่ได้เด็ดขาด”

เซียวเซียวยิ้มเย็น “ก่อนที่ฝ่าบาทจะออกราชโองการ จวนตระกูลหรงถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว”

หลังจากพูดจบเขาก็ยื่นจดหมายในมือให้อาเฉวียน

อาเฉวียนรับมาแล้วรีบหันหลังเดินจากไป

หรงจิ่งรับจดหมายจากอาเฉวียน แล้วจึงให้อาเฉวียนถอยไปรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีเขียนจดหมายถึงเขา ตอนที่เขาแกะมันออก เขาดูระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดจดหมายดู​ มีเพียงสามคําเท่านั้น

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งหรี่ตาลงทันที เขาอ่านเนื้อหาจดหมายในใจ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา จากนั้นเขาพึมพํากับตัวเองท่ามกลางสีหน้าฉงนสงสัยของอาเฉวียน “เจียงหลีนะเจียงหลี เจ้ากับลู่เจี้ยเกิดมาเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกันจริงๆ รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังจะบีบบังคับข้า”

“คุณชายจิ่ง ฝ่าบาททรงให้ท่านตอบจดหมายกลับ” เสียงของเซียวเซียวดังขึ้นอีกครั้ง

อาเฉวียนมองออกไปนอกเรือน ม่านตาของหรงจิ่งหดเล็กลงอีกครั้ง เขามองไปที่ตัวอักษรสามคําบนจดหมาย เขาจะทําลงได้อย่างไร

เจียงหลีมอบชะตาลิขิตของตระกูลหรงให้กับเขา!

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งยิ้มเจื่อนๆ ราวกับมีชีวิตมาหลายปีแต่ไม่เคยต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากเข็นที่จะเลือกไม่ได้เช่นนี้มาก่อน

ไม่ฆ่า…ตระกูลหรงจะรอดจากความตายจริงๆ หรือ

ส่วนคําตอบนางรู้ดีอยู่แล้วแต่ต้องการให้เขาเลือก

หรงจิ่งยกมือขึ้นช้าๆ กัดปลายนิ้วตัวเองจนแตก

“คุณชาย!” อาเฉวียนมองเขาด้วยความตกใจ

แต่เห็นเพียงเขาใช้นิ้วที่เปื้อนเลือด ค่อยๆ ใช้แรงเขียนอีกสองสามขีดลงไปที่ไหนสักแห่งบนกระดาษจดหมายนั้น

“อาเฉวียน” หรงจิ่งยัดกระดาษจดหมายกลับเข้าไปในซองแล้วยื่นให้เขา “ส่งจดหมายกลับไปเถอะ” ”

“ขอรับ” อาเฉวียนรับด้วยมือทั้งสองข้าง

เขาอยากรู้ว่าคุณชายตอบอะไรในจดหมายนั้น แต่ก็ไม่ได้เปิดดูอย่างถือวิสาสะ

หลังจากออกไป เขาส่งจดหมายคืนไปให้เซียวเซียวและกลับไปยังเรือนของหรงจิ่ง

ทหารที่ล้อมจวนตระกูลหรงไว้ไม่ได้ขยับ ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางสู้ที่เหลือในจวนตระกูลหรงล้วนถูกควบคุมไว้รอการพิจารณาคดีขั้นสุดท้าย

ในเวลานี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าความปรารถนาจะที่ขึ้นสู่บัลลังก์ของตระกูลหรงนั้นได้ล่มสลายไปเสียแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 313 จะฆ่าหรือไม่ฆ่าดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผิดแล้ว เป็นข้าเอง ที่ต้องการล้มล้างตระกูลหรงของเจ้า และเป็นตระกูลหรงของเจ้าต่างหากที่สร้างความพินาศให้ตัวเอง!

น้ำเสียงของเจียงหลีราวกับว่าทะลุผ่านท้องฟ้ายามค่ำเข้าไปในหูของทุกคนในตระกูลหรง หรงเทียนเผิงตัวแข็งทื่อ สายตาที่มองไปยังจักรพรรดินีสาวเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อน

“ฆ่ามันนน!”

เมื่อเจียงหลีออกคําสั่ง เหล่าลูกธนูที่เตรียมไว้ก็ยิงออกไปพร้อมกันมุ่งตรงไปยังทุกคนในตระกูลหรง

ฆ่ากันเองหรือ

นอกเหนือจากการฆ่าคนของตัวเองในเส้นทางนี้แล้วมันจะทำเยี่ยงไรได้อีกเล่า

เกรงว่า เมื่อกำแพงถูกทำลายโดยการฆ่าฟันกันเอง คนตระกูลหรงที่อยู่ข้างในก็ตายไปเกือบหมดแล้ว

หรงเทียนเผิงหันหน้าไปทางท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยลูกธนู และมองไปที่หญิงสาวด้วยสีหน้าเย็นชา เป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าจักรพรรดินีสาวผู้นี้ไม่อาจต่อกรได้ง่ายอย่างที่คิด

การสังหารเกิดขึ้นอย่างเงียบๆ ในบริเวณเส้นทางตรงไปยังพระราชวัง

ตระกูลหรงจัดเตรียมมาเป็นเวลานานเพื่อรอวันนี้ แต่พวกเขากลับไม่รู้ว่าแท้ที่จริงแล้วเจียงหลีคือคนที่อยู่เบื้องหลังทุกอย่าง

การแย่งชิงอำนาจในวังนั้นทําให้คนรู้สึกหน่ายแหนงเป็นที่สุด เจียงหลียืนบนกําแพงอย่างเคร่งขรึม สีหน้าดูโดดเดี่ยว

ผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลหรงวิ่งกรูเข้ามาหวังจะฆ่านาง แต่ถูกเงาที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดมืดหยุดไว้

เจียงหลีเหลือบมองสนามรบที่กําลังดําเนินอยู่อย่างเฉยเมย ภายในใจไม่มีคลื่นแห่งชัยชนะ เรื่องเช่นนี้ไม่ได้ทำให้นางมีความยินดีเลยจริงๆ

สิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลหรงในวันนี้ ล้วนเป็นlสิ่งที่เขาเลือกด้วยตัวเขาเอง

เพื่อจะสงบความโกลาหลนี้ ตําแหน่งของนางในราชวงศ์จยาเซียนก็จะไม่มีใครโค่นล้มได้

ในฐานะจักรพรรดิที่ทํางานเพื่อประเทศชาติและประชาชน ตราบใดที่นางสามารถนําประเทศและประชาชนให้สู่ความสงบสุขได้ ใครจะสนใจว่าเป็นบุรุษหรือสตรี

ต่อให้จะมีผู้ที่ใจโลภมากก็ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไร้ซึ่งคนช่วยเหลือ และยากที่จะกลับมาได้!

เมื่อเสียงการสังหารค่อยๆ เบาลง เจียงหลีก็หันหลังกลับและออกคําสั่งขณะเดินออกไปด้านนอก “คนที่เหลือ ขังมันไว้ก่อน แล้วค่อยประหารชีวิตพรุ่งนี้”

ก่อนที่จะลงมือ นางได้สั่งการล่วงหน้าแล้วว่าต้องเก็บประมุขตระกูลหรงไว้ก่อน เพื่อข่มขู่ผู้คนโง่เง่าที่มีใจก่อกบฏในราชวงศ์จยาเซียน

การกบฏที่ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าได้ดำเนินการในเวลามืดค่ำ

มันควรจะกล่าวว่า ยังไม่ทันที่ได้เริ่มก็ต้องมาสิ้นสุดลงเสียแล้วถูกบีบจนตายในฝ่ามือของจักรพรรดินีจยาเซียน

เมื่อฟ้ารุ่งสาง อวี้ซูและลู่จ้านนําคําสารภาพที่ถูกสอบสวนในยามค่ำคืนและความสัมพันธ์ระหว่างหลายฝ่ายพร้อมด้วยหลักฐานของตระกูลอื่นๆ ที่น่าสงสัยมาเข้าเฝ้าเจียงหลี

เจียงหลีไม่ได้นอนทั้งคืน พึ่งเสร็จจากการฝึกฝนไปเมื่อ

นางมองกองกระดาษที่ทั้งสองคนยกมา หลับตาลงอย่างปวดหัว “ของพวกนี้ พวกเจ้าจัดการเองก็พอแล้ว ไม่ต้องนำมาให้ข้าดู”

“ฝ่าบาท ยังไงท่านพระองค์ก็ต้องลงลายพระหัตถ์ก่อนเพคะ” อวี้ซูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

ลู่จ้านก็ถามขึ้นว่า “คนตระกูลหรงถูกขังอยู่ในคุกหลวง รอให้ฝ่าบาทตัดสินโทษ”

เจียงหลีประคองศีรษะขึ้น ดวงตาจับจ้องไปยังกองฎีกาเหล่านั้น มืออีกข้างพลิกไปมาอย่างสบายๆ นางถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างว่าราชกิจในวันนี้บ้าง”

“ทุกอย่างยังสงบดีพ่ะย่ะค่ะ” ลู่จ้านตอบ

เจียงหลีเอามือวางบนกระดาษเหล่านั้นและเงยหน้ามองทั้งสอง “นำหลักฐานที่รวบรวมได้ เผยแพร่ไปทั่วแผ่นดิน ทุกคนที่เกี่ยวข้องในคดีนี้ต้องจัดการให้หมด ตระกูลของพวกเขาต้องตรวจสอบอย่างละเอียด และต้องถูกยึดคืนทรัพย์สิน ”

“เพคะ!”

“พ่ะย่ะค่ะ!”

ทั้งสองพยักหน้า

“แล้ว…ตระกูลหรงล่ะเพคะ” อวี้ซูเอ่ยถามเสียงแผ่ว

เจียงหลีหรี่ตาลง ครู่ต่อมาก็กล่าวกับอวี้ซูว่า “เอากระดาษและพู่กันมา”

อวี้ซูก้าวไปข้างหน้าวางกระดาษให้เจียงหลี หลังจากฝนหมึกแล้วนางจึงยื่นพู่กันที่จุ่มหมึกให้กับเจียงหลี

เจียงหลีเขียนลงบนหนังสือสักพัก

ไม่รอให้อวี้ซูและลู่จ้านได้เห็นชัดเจน นางก็ทิ้งพู่กันลงแล้วออกคําสั่งกับอวี้ซูว่า “ส่งคนไปที่จวนตระกูลหรง ให้หรงจิ่งอ่านจดหมาย อืม ส่วนจวนตระกูลหรง…อย่างพึ่งทำอะไรแล้วให้หรงจิ่งตอบจดหมายก่อน”

“เพคะ” อวี้ซูพับกระดาษให้เรียบร้อยและถอยออกไป

เจียงหลีมองไปที่ลู่จ้าน มุมปากของลู่จ้านโค้งขึ้นแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ส่วนข้าจะไปจัดการเรื่องอื่น”

ภายในจวนตระกูลหรง หรงจิ่งยังอยู่ในเรือนของตน ใช้ชีวิตอย่างเอื่อยเฉื่อย

จวนตระกูลหรงเงียบสงัดทั้งคืน หลังจากฟ้าสางก็ไม่มีข่าวการเปลี่ยนแปลงของราชสํานัก เขาดูไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยและยิ่งไร้ซึ่งความกังวล

ความเฉยชาของเขาทําให้อาเฉวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี

“คุณชายจิ่งอยู่หรือไม่”

ทันใดนั้นก็มีเสียงถามดังมาจากนอกเรือน

เสียงนี้ไม่คุ้นหูเลย อาเฉวียนสะดุ้งโหยงลนลานรีบเดินออกจากประตู หรงจิ่งได้ยินเสียงนี้ ก็วางของในมือลงเช่นกัน

“พวกเจ้าเป็นใครกัน เข้ามาได้อย่างไร” เมื่ออาเฉวียนเห็นคนข้างนอกก็เอ่ยถามกระโชกโฮกฮาก

เซียวเซียวยืนอยู่ที่ด้านหน้า ด้านหลังเขาคือกองทัพที่ตรวจยึดจวนตระกูลหรง ใบหน้าต่างนิ่งขรึมและเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก

เมื่ออาเฉวียนเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเขาก็เต้นรัว

เซียวเซียวหยิบจดหมายที่เจียงหลีเขียนออกมาแล้วกล่าวกับอาเฉวียนว่า “ฝ่าบาททรงมีจดหมายลายพระหัตถ์ที่ต้องมอบการมอบให้คุณชายจิ่ง ขอให้ท่านออกมารับด้วย”

“นี่มัน…” อาเฉวียนลังเลเล็กน้อย

“มอบให้อาเฉวียนเถอะ” เสียงหรงจิ่งดังขึ้นมา

เซียวเซียวขมวดคิ้ว

อาเฉวียนยืดเอวขึ้นตรงทันทีแล้วพูดกับเซียวเซียวว่า “เอาจดหมายมาให้ข้า ข้าจะนำไปให้คุณชาย พวกเจ้า… พวกเจ้าจะบุกเข้ามาโดยพละกาลไม่ได้เด็ดขาด”

เซียวเซียวยิ้มเย็น “ก่อนที่ฝ่าบาทจะออกราชโองการ จวนตระกูลหรงถูกปิดล้อมเอาไว้แล้ว”

หลังจากพูดจบเขาก็ยื่นจดหมายในมือให้อาเฉวียน

อาเฉวียนรับมาแล้วรีบหันหลังเดินจากไป

หรงจิ่งรับจดหมายจากอาเฉวียน แล้วจึงให้อาเฉวียนถอยไปรอ นี่เป็นครั้งแรกที่เจียงหลีเขียนจดหมายถึงเขา ตอนที่เขาแกะมันออก เขาดูระมัดระวังและรอบคอบเป็นพิเศษ

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเปิดจดหมายดู​ มีเพียงสามคําเท่านั้น

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งหรี่ตาลงทันที เขาอ่านเนื้อหาจดหมายในใจ ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา จากนั้นเขาพึมพํากับตัวเองท่ามกลางสีหน้าฉงนสงสัยของอาเฉวียน “เจียงหลีนะเจียงหลี เจ้ากับลู่เจี้ยเกิดมาเป็นคู่บุพเพสันนิวาสกันจริงๆ รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ยังจะบีบบังคับข้า”

“คุณชายจิ่ง ฝ่าบาททรงให้ท่านตอบจดหมายกลับ” เสียงของเซียวเซียวดังขึ้นอีกครั้ง

อาเฉวียนมองออกไปนอกเรือน ม่านตาของหรงจิ่งหดเล็กลงอีกครั้ง เขามองไปที่ตัวอักษรสามคําบนจดหมาย เขาจะทําลงได้อย่างไร

เจียงหลีมอบชะตาลิขิตของตระกูลหรงให้กับเขา!

ฆ่าหรือไม่

หรงจิ่งยิ้มเจื่อนๆ ราวกับมีชีวิตมาหลายปีแต่ไม่เคยต้องเผชิญกับสถานการณ์ยากเข็นที่จะเลือกไม่ได้เช่นนี้มาก่อน

ไม่ฆ่า…ตระกูลหรงจะรอดจากความตายจริงๆ หรือ

ส่วนคําตอบนางรู้ดีอยู่แล้วแต่ต้องการให้เขาเลือก

หรงจิ่งยกมือขึ้นช้าๆ กัดปลายนิ้วตัวเองจนแตก

“คุณชาย!” อาเฉวียนมองเขาด้วยความตกใจ

แต่เห็นเพียงเขาใช้นิ้วที่เปื้อนเลือด ค่อยๆ ใช้แรงเขียนอีกสองสามขีดลงไปที่ไหนสักแห่งบนกระดาษจดหมายนั้น

“อาเฉวียน” หรงจิ่งยัดกระดาษจดหมายกลับเข้าไปในซองแล้วยื่นให้เขา “ส่งจดหมายกลับไปเถอะ” ”

“ขอรับ” อาเฉวียนรับด้วยมือทั้งสองข้าง

เขาอยากรู้ว่าคุณชายตอบอะไรในจดหมายนั้น แต่ก็ไม่ได้เปิดดูอย่างถือวิสาสะ

หลังจากออกไป เขาส่งจดหมายคืนไปให้เซียวเซียวและกลับไปยังเรือนของหรงจิ่ง

ทหารที่ล้อมจวนตระกูลหรงไว้ไม่ได้ขยับ ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กที่ไร้ทางสู้ที่เหลือในจวนตระกูลหรงล้วนถูกควบคุมไว้รอการพิจารณาคดีขั้นสุดท้าย

ในเวลานี้ พวกเขาก็รู้แล้วว่าความปรารถนาจะที่ขึ้นสู่บัลลังก์ของตระกูลหรงนั้นได้ล่มสลายไปเสียแล้ว…

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+