ราชินีพลิกสวรรค์ 241 พลังแห่งอวี้ซาน

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 241 พลังแห่งอวี้ซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ได้เป็นศัตรูกับนางอย่างนั้นหรือ น้ำเสียงราวกับสร้างบุญสร้างคุณเยี่ยงนี้ เอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ พวกขายังมีศักดิ์ศรีอยู่ได้อย่างไร เจียงหลียิ้มและรอยยิ้มของนางช่างดูเย้ยหยันแต่กลับดูบาดตาเป็นพิเศษ “ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเจ้าที่ไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ทำได้พียง” เจียงหลีหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฆ่าพวกเจ้าซะ!” การทดสอบคราวนี้มีรายนามแค่สามคนที่ผ่านก็พอแล้ว ตราบใดที่นางสามารถฆ่าทุกคนก่อนกฎการทดสอบจะสะท้อนออกมา นางก็จะสามารถทำให้ทุกคนตกรอบไปได้ทั้งหมด ฆ่าพวกเจ้าซะ! เมื่อสี่คำนี้หลุดออกจากปากนาง ท่าทางของเจียงหลีก็เปลี่ยนไปทันที บัดนี้นางไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์อีกต่อไป แต่นางคือราชินีที่ใต้หล้าต้องศิโรราบ ผู้คนที่เหลือรวมถึงเฉียนจวิ้นมองไปที่นางอย่างสั่นผวา คนบ้า! นี่มันคนบ้าชัดๆ! “พวกเจ้าตายๆ ไปพร้อมกันซะ!” เจียงหลีก้าวออกมาอย่างดุดัน เรือนผมสีหมึกปลิวทะยานสู่ห้วงอากาศ อาภรณ์บิดพลิ้วส่งเสียงสะบัด ทันทีที่ความโกรธของจักรพรรดิปรากฏ ทุกคนรู้สึกว่าถูกกักขังเคลื่อนไหวไม่ได้และทำได้เพียงยอมถูกเชือด “ฆ่า!” ฆ่า! ฆ่า! คำว่าฆ่าที่พ่นออกมาจากปากของเจียงหลีกลายเป็นเจตนาฆ่าพุ่งไปยังฝูงชนไม่มีที่สิ้นสุด อ้ากกก! เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่หยุด แต่หลายคนยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ตกรอบไปเสียแล้ว เงาร่างของเจียงหลีวูบไหวแล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าเฉียนจวิ้นกับหู่อี้ สายตาเย็นชามองไปยังสองคนนั้นด้วยความอำมหิตอย่างปิดไม่มิดจึงทำให้เฉียนจวิ้นใจสั่นผวาและพิโรธยิ่งกว่าเดิม “องค์ชายรอง รีบถอยออกมา” หู่อี้ผลักเฉียนจวิ้นออกอย่างแรงแล้วเอาตัวเองมาบังข้างหน้าเจียงหลีเอาไว้ เจียงหลีกระตุกยิ้มมุมปากและรอยยิ้มนั้นช่างดูประหลาดเหลือเกิน หู่อี้นึกหวาดหวั่นโดยไม่มีเหตุผล “เจ้ายิ้มอะไร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแค่หลิงเจี้ยงคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะหลิงไซว่ได้อย่างนั้นหรือ” “หากอยากเอาชนะเจ้า ไม่จำเป็นต้องสู้กับเจ้า” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้น ในขณะที่หู่อี้กำลังสงสัยว่าคำพูดของเจียงหลีหมายถึงอะไร ทันใดนั้นเฉียนจวิ้นที่อยู่ข้างหลังเขาก็ส่งเสียงร้องตกใจ “อ้าก! หู่อี้ช่วยข้าด้วย” แย่แล้ว! หู่อี้หันกลับไปทันควัน ดันไปเห็นเฉียนจวิ้นที่เขาผลักไปข้างหลังอย่างปลอดภัยแต่แล้วกลับล้มตัวอยู่บนพื้น ราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นกดทับเอาไว้บนร่างของเขา เฉียนจวิ้นพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายแต่กลับมิสามารถหลุดพ้น ภูเขาลูกใหญ่ที่ทับร่างเขาดูเหมือนจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ กดทับเสียจนอวัยวะภายในแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังทรมานเขา จะหนีก็หนีไม่พ้น แต่ก็ยังตายตอนนี้ไม่ได้ อัปยศ! อดสู! บททดสอบครั้งหนึ่ง เขาเป็นถึงองค์ชายผู้สง่างาม แต่เขากลับถูกเจียงหลีหยามเกียรติด้วยกลอุบายแบบเดียวกัน ยามนี้ เฉียนจวิ้นมิเพียงแต่เจ็บปวดร่างกายเท่านั้น แต่ในใจเขาเกลียดแค้นยิ่งกว่า “องค์ชาย!” หู่อี้ตื่นตะลึง เขามิสามารถทำให้เฉียนจวิ้นต้องมาตายภายใต้ความคุ้มครองของเขาอีกครั้งเป็นอันขาด เขาต้องเข้าไปช่วยแต่พบว่าตัวเองกลับขยับไม่ได้ ตู้ม! ทันใดนั้นร่างของเขาก็จมลงและเท้าของเขาจมลงไปที่พื้น เขาหันศีรษะไปมองเจียงหลีด้วยความตกใจ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าหญิงสาวสะท้อนในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง “กด!” เจียงหลีจิกมือแน่น เทือกเขาไร้รูปธรรมรวมตัวออกมาจากด้านหลังของนางอีกครั้งแล้วกดทับร่างของหู่อี้อย่างแรง อวี้ซาน อวี้ซาน! ดูดซับวิญญาณแห่งขุนเขา ปราบปรามทุกสรรพสิ่งบนโลก “กด!” “กด!” “กด!” เจียงหลพูดติดกันสามครั้ง ทุกครั้งทำให้หู่อี้รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เพิ่มขึ้นและความหวาดผวาในดวงตาของเขาก็ชัดเจนมากขึ้น “คาถา!” ในที่สุดเขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ อ้ากกก! และเมื่อเขากำลังตอบสนอง ขณะเดียวกันเฉียนจวิ้นก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เขาถูกกดทับอีกครั้งจนกระทั่งตาย เมื่อถูกทับจนตายเขาจึงตกรอบอย่างแท้จริง นัยน์ตาหู่อี้สั่นไหวหันมามองเจียงหลีที่มีสีหน้าเย็นชา “เจ้าจะต้องเสียใจ เจ้าชนะบททดสอบแล้วแต่กลับลบหลู่ราชวงศ์!” นางเพียงแค่ยิ้มเย้ยหยันกลับไปให้เขา ภายใต้กฎเกณฑ์เมื่อผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบผู้ช่วยก็ต้องตกรอบไปด้วย ฉะนั้นเงาร่างของหู่อี้จึงหายไปด้วย เวลานี้สีหน้าของเจียงหลีซีดเซียวพลันตกลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นางกำลังจะตกสู่พื้นเงาร่างอาภรณ์สีแดงอันคุ้นเคยก็โฉบตวัดเขารับร่างนางพร้อมทั้งเอายาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดกรอกปากนางทันที “เป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถามด้วยความเป็นห่วง เจียงหลียิ้มให้ “มียาวิเศษของเจ้า ดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว” “ปากคอเราะร้ายให้น้อยหน่อย” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เจียงหลีหัวเราะลั่น “ความพิโรธของจักรพรรดิและคาถาจากทักษะการต่อสู้ระดับหายากถูกใช้ในเวลาเดียวกัน นี่สิ้นเปลืองพลังอย่างมาก” ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายพิเศษของนาง เกรงว่าป่านนี้นางคงถูกเผาผลาญตายไปแล้ว ตู้มๆ! ทันใดนั้นจัตุรัสเกิดการสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะถล่มลงมา เจียงหลีหันสายตาและมองไปรอบๆ เพียงเพื่อรับรู้ว่ามีเพียงสี่คนที่เหลืออยู่บนจัตุรัส จูเสียก็กลายเป็นลำแสงและกลับไปที่ข้อมือของเจียงหลี “เจ้ากล้าแหกกฎ!” น้ำเสียงแก่และดุดันปรากฏขึ้นอีกครั้ง จัตุรัสเริ่มพังทลายและเศษชิ้นส่วนยังคงตกลงมา พวกของเจียงหลีทั้งสี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกันมองไปยังทิศทางของเสียง เจียงหลียิ้มและกล่าวว่า “ข้าฆ่าคนตามกฎ แต่ท่านไม่สามารถตอบสนองได้แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า” “บททดสอบขั้นสุดท้าย ไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ ต่อสู้กันเอง นี่ไม่ใช่กฎหรอกหรือ พวกเราทำผิดกฎอันใด” เจียงเฮ่าเองก็ยืนออกมาถามขึ้น “ท่านแก่เอง โทษใครไม่ได้ก็เลยมาโทษพวกเราอย่างนั้นหรือ” ลู่เสวียนเอ่ยยิ้มเยาะ “บังอาจ!” น้ำเสียงของผู้เฒ่าตอบกลับมา ดูเหมือนความพิโรธของเขาทำให้จัตุรัสพลังทลายเร็วขึ้น “ไอ้พวกที่ถูกคัดออกทำให้ท่านผู้อาวุโสสนใจมากขนาดนั้นเชียวหรือ สิบอันดับแรกเป็นแค่คำพูดสวยหรูก็ช่างเถอะ เหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงยึดติดกับกฎเกณฑ์เช่นนี้” เจียงหลีเอ่ยถาม เสียงของผู้เฒ่าเงียบไปนาน จัตุรัสพังทลายเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือเพียงส่วนที่เท้าทั้งสี่คนยืนอยู่ “เจ้ามาจากไหน” ทันใดนั้นเสียงของผู้เฒ่าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่พุ่งเป้าไปยังมู่ชิงเกอที่เงียบอยู่ตลอดเวลา มู่ชิงเกอยิ้ม “ท่านควรประกาศผลตัดสินได้แล้ว” นางไม่ตอบอีกฝ่าย ด้านนั้นจึงเงียบอีกครั้ง หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดอีกครั้ง “ข้าขอประกาศว่ามีเพียงเจียงหลี เจียงเฮ่าและลู่เสวียนสามคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ คะแนนที่ได้รับสามารถสะสมได้ในการทดสอบครั้งต่อไป” เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกแล้วเผยรอยยิ้มออกมา เพื่อให้มีคุณสมบัติเข้าสู่อำนาจที่ยิ่งใหญ่ต้องเข้าร่วมการทดสอบสามครั้งและสิบอันดับแรกที่สะสมคะแนนได้สามครั้งจะต้องแข่งขันอีกครั้งในตอนท้าย สุดท้ายผ่านเข้ารอบรับเลือกได้เพียงสามรายชื่อเท่านั้น “อาหลี ดูเหมือนคะแนนสะสมของเจ้าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมบททดสอบ สามารถผ่านคัดเลือกได้เลย” เจียงเฮ่ากระซิบเสียงเบาข้างหูของนาง ก่อนหน้านี้พวกเขามีคะแนนเยอะ อีกทั้งยังฆ่าคนจำนวนมากจนได้คะแนนมากตามไปด้วย เกรงว่าเมื่อคะแนนของเจียงหลีถูกเผยออกมาจะทำลายสถิติของสถาบันทั้งหมด “พวกเจ้าก็เช่นกัน” มุมปากของเจียงหลีเจือความยินดี “ควรไปกันได้แล้ว” เสียงของผู้เฒ่าประกาศผลครั้งสุดท้าย ลำแสงตกลงมาจากอากาศครอบคลุมทั้งสี่ ท่ามกลางแสงสีทอง เจียงหลีหยอกล้อมู่ชิงเกออย่างนึกสนุก “อีกฝ่ายต้องยอมเพราะเจ้าแน่ๆ” มู่ชิงเกอยิ้มแต่ไม่ตอบ จึงทำให้เจียงหลีบ่นอุบในใจ ความแข็งแกร่งยิ่งใหญ่มันดีจริงๆ เมื่อไหร่ข้าสามารถกวาดทะเลดาวได้ถึงจะอยู่เหนือใต้หล้าได้อย่างแท้จริง แสงสีทองสลายหายไป พวกเขาทั้งสี่ก็มาปรากฏตัวยังสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกเขาจากมา เพียงแต่ทันทีที่ปรากฏตัวพวกเขารู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากรอบด้าน …………………

ไม่ได้เป็นศัตรูกับนางอย่างนั้นหรือ

น้ำเสียงราวกับสร้างบุญสร้างคุณเยี่ยงนี้ เอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ พวกขายังมีศักดิ์ศรีอยู่ได้อย่างไร

เจียงหลียิ้มและรอยยิ้มของนางช่างดูเย้ยหยันแต่กลับดูบาดตาเป็นพิเศษ

“ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเจ้าที่ไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ทำได้พียง” เจียงหลีหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฆ่าพวกเจ้าซะ!”

การทดสอบคราวนี้มีรายนามแค่สามคนที่ผ่านก็พอแล้ว

ตราบใดที่นางสามารถฆ่าทุกคนก่อนกฎการทดสอบจะสะท้อนออกมา นางก็จะสามารถทำให้ทุกคนตกรอบไปได้ทั้งหมด

ฆ่าพวกเจ้าซะ!

เมื่อสี่คำนี้หลุดออกจากปากนาง ท่าทางของเจียงหลีก็เปลี่ยนไปทันที

บัดนี้นางไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์อีกต่อไป แต่นางคือราชินีที่ใต้หล้าต้องศิโรราบ

ผู้คนที่เหลือรวมถึงเฉียนจวิ้นมองไปที่นางอย่างสั่นผวา

คนบ้า!

นี่มันคนบ้าชัดๆ!

“พวกเจ้าตายๆ ไปพร้อมกันซะ!” เจียงหลีก้าวออกมาอย่างดุดัน เรือนผมสีหมึกปลิวทะยานสู่ห้วงอากาศ

อาภรณ์บิดพลิ้วส่งเสียงสะบัด

ทันทีที่ความโกรธของจักรพรรดิปรากฏ ทุกคนรู้สึกว่าถูกกักขังเคลื่อนไหวไม่ได้และทำได้เพียงยอมถูกเชือด

“ฆ่า!”

ฆ่า!

ฆ่า!

คำว่าฆ่าที่พ่นออกมาจากปากของเจียงหลีกลายเป็นเจตนาฆ่าพุ่งไปยังฝูงชนไม่มีที่สิ้นสุด

อ้ากกก!

เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่หยุด แต่หลายคนยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ตกรอบไปเสียแล้ว

เงาร่างของเจียงหลีวูบไหวแล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าเฉียนจวิ้นกับหู่อี้ สายตาเย็นชามองไปยังสองคนนั้นด้วยความอำมหิตอย่างปิดไม่มิดจึงทำให้เฉียนจวิ้นใจสั่นผวาและพิโรธยิ่งกว่าเดิม

“องค์ชายรอง รีบถอยออกมา” หู่อี้ผลักเฉียนจวิ้นออกอย่างแรงแล้วเอาตัวเองมาบังข้างหน้าเจียงหลีเอาไว้

เจียงหลีกระตุกยิ้มมุมปากและรอยยิ้มนั้นช่างดูประหลาดเหลือเกิน

หู่อี้นึกหวาดหวั่นโดยไม่มีเหตุผล “เจ้ายิ้มอะไร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแค่หลิงเจี้ยงคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะหลิงไซว่ได้อย่างนั้นหรือ”

“หากอยากเอาชนะเจ้า ไม่จำเป็นต้องสู้กับเจ้า” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้น

ในขณะที่หู่อี้กำลังสงสัยว่าคำพูดของเจียงหลีหมายถึงอะไร ทันใดนั้นเฉียนจวิ้นที่อยู่ข้างหลังเขาก็ส่งเสียงร้องตกใจ

“อ้าก! หู่อี้ช่วยข้าด้วย”

แย่แล้ว!

หู่อี้หันกลับไปทันควัน ดันไปเห็นเฉียนจวิ้นที่เขาผลักไปข้างหลังอย่างปลอดภัยแต่แล้วกลับล้มตัวอยู่บนพื้น ราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นกดทับเอาไว้บนร่างของเขา

เฉียนจวิ้นพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายแต่กลับมิสามารถหลุดพ้น ภูเขาลูกใหญ่ที่ทับร่างเขาดูเหมือนจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ กดทับเสียจนอวัยวะภายในแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังทรมานเขา จะหนีก็หนีไม่พ้น แต่ก็ยังตายตอนนี้ไม่ได้

อัปยศ! อดสู!

บททดสอบครั้งหนึ่ง เขาเป็นถึงองค์ชายผู้สง่างาม แต่เขากลับถูกเจียงหลีหยามเกียรติด้วยกลอุบายแบบเดียวกัน

ยามนี้ เฉียนจวิ้นมิเพียงแต่เจ็บปวดร่างกายเท่านั้น แต่ในใจเขาเกลียดแค้นยิ่งกว่า

“องค์ชาย!” หู่อี้ตื่นตะลึง

เขามิสามารถทำให้เฉียนจวิ้นต้องมาตายภายใต้ความคุ้มครองของเขาอีกครั้งเป็นอันขาด

เขาต้องเข้าไปช่วยแต่พบว่าตัวเองกลับขยับไม่ได้

ตู้ม!

ทันใดนั้นร่างของเขาก็จมลงและเท้าของเขาจมลงไปที่พื้น เขาหันศีรษะไปมองเจียงหลีด้วยความตกใจ

รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าหญิงสาวสะท้อนในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง

“กด!” เจียงหลีจิกมือแน่น เทือกเขาไร้รูปธรรมรวมตัวออกมาจากด้านหลังของนางอีกครั้งแล้วกดทับร่างของหู่อี้อย่างแรง

อวี้ซาน อวี้ซาน!

ดูดซับวิญญาณแห่งขุนเขา ปราบปรามทุกสรรพสิ่งบนโลก

“กด!”

“กด!”

“กด!”

เจียงหลพูดติดกันสามครั้ง ทุกครั้งทำให้หู่อี้รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เพิ่มขึ้นและความหวาดผวาในดวงตาของเขาก็ชัดเจนมากขึ้น

“คาถา!” ในที่สุดเขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ

อ้ากกก!

และเมื่อเขากำลังตอบสนอง ขณะเดียวกันเฉียนจวิ้นก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เขาถูกกดทับอีกครั้งจนกระทั่งตาย เมื่อถูกทับจนตายเขาจึงตกรอบอย่างแท้จริง

นัยน์ตาหู่อี้สั่นไหวหันมามองเจียงหลีที่มีสีหน้าเย็นชา “เจ้าจะต้องเสียใจ เจ้าชนะบททดสอบแล้วแต่กลับลบหลู่ราชวงศ์!”

นางเพียงแค่ยิ้มเย้ยหยันกลับไปให้เขา

ภายใต้กฎเกณฑ์เมื่อผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบผู้ช่วยก็ต้องตกรอบไปด้วย ฉะนั้นเงาร่างของหู่อี้จึงหายไปด้วย

เวลานี้สีหน้าของเจียงหลีซีดเซียวพลันตกลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่นางกำลังจะตกสู่พื้นเงาร่างอาภรณ์สีแดงอันคุ้นเคยก็โฉบตวัดเขารับร่างนางพร้อมทั้งเอายาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดกรอกปากนางทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถามด้วยความเป็นห่วง

เจียงหลียิ้มให้ “มียาวิเศษของเจ้า ดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว”

“ปากคอเราะร้ายให้น้อยหน่อย” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

เจียงหลีหัวเราะลั่น “ความพิโรธของจักรพรรดิและคาถาจากทักษะการต่อสู้ระดับหายากถูกใช้ในเวลาเดียวกัน นี่สิ้นเปลืองพลังอย่างมาก” ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายพิเศษของนาง เกรงว่าป่านนี้นางคงถูกเผาผลาญตายไปแล้ว

ตู้มๆ!

ทันใดนั้นจัตุรัสเกิดการสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะถล่มลงมา

เจียงหลีหันสายตาและมองไปรอบๆ เพียงเพื่อรับรู้ว่ามีเพียงสี่คนที่เหลืออยู่บนจัตุรัส จูเสียก็กลายเป็นลำแสงและกลับไปที่ข้อมือของเจียงหลี

“เจ้ากล้าแหกกฎ!” น้ำเสียงแก่และดุดันปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จัตุรัสเริ่มพังทลายและเศษชิ้นส่วนยังคงตกลงมา

พวกของเจียงหลีทั้งสี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกันมองไปยังทิศทางของเสียง เจียงหลียิ้มและกล่าวว่า “ข้าฆ่าคนตามกฎ แต่ท่านไม่สามารถตอบสนองได้แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า”

“บททดสอบขั้นสุดท้าย ไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ ต่อสู้กันเอง นี่ไม่ใช่กฎหรอกหรือ พวกเราทำผิดกฎอันใด” เจียงเฮ่าเองก็ยืนออกมาถามขึ้น

“ท่านแก่เอง โทษใครไม่ได้ก็เลยมาโทษพวกเราอย่างนั้นหรือ” ลู่เสวียนเอ่ยยิ้มเยาะ

“บังอาจ!” น้ำเสียงของผู้เฒ่าตอบกลับมา

ดูเหมือนความพิโรธของเขาทำให้จัตุรัสพลังทลายเร็วขึ้น

“ไอ้พวกที่ถูกคัดออกทำให้ท่านผู้อาวุโสสนใจมากขนาดนั้นเชียวหรือ สิบอันดับแรกเป็นแค่คำพูดสวยหรูก็ช่างเถอะ เหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงยึดติดกับกฎเกณฑ์เช่นนี้” เจียงหลีเอ่ยถาม

เสียงของผู้เฒ่าเงียบไปนาน

จัตุรัสพังทลายเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือเพียงส่วนที่เท้าทั้งสี่คนยืนอยู่

“เจ้ามาจากไหน” ทันใดนั้นเสียงของผู้เฒ่าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่พุ่งเป้าไปยังมู่ชิงเกอที่เงียบอยู่ตลอดเวลา

มู่ชิงเกอยิ้ม “ท่านควรประกาศผลตัดสินได้แล้ว”

นางไม่ตอบอีกฝ่าย ด้านนั้นจึงเงียบอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดอีกครั้ง “ข้าขอประกาศว่ามีเพียงเจียงหลี เจียงเฮ่าและลู่เสวียนสามคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ คะแนนที่ได้รับสามารถสะสมได้ในการทดสอบครั้งต่อไป”

เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกแล้วเผยรอยยิ้มออกมา

เพื่อให้มีคุณสมบัติเข้าสู่อำนาจที่ยิ่งใหญ่ต้องเข้าร่วมการทดสอบสามครั้งและสิบอันดับแรกที่สะสมคะแนนได้สามครั้งจะต้องแข่งขันอีกครั้งในตอนท้าย สุดท้ายผ่านเข้ารอบรับเลือกได้เพียงสามรายชื่อเท่านั้น

“อาหลี ดูเหมือนคะแนนสะสมของเจ้าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมบททดสอบ สามารถผ่านคัดเลือกได้เลย” เจียงเฮ่ากระซิบเสียงเบาข้างหูของนาง

ก่อนหน้านี้พวกเขามีคะแนนเยอะ อีกทั้งยังฆ่าคนจำนวนมากจนได้คะแนนมากตามไปด้วย

เกรงว่าเมื่อคะแนนของเจียงหลีถูกเผยออกมาจะทำลายสถิติของสถาบันทั้งหมด

“พวกเจ้าก็เช่นกัน” มุมปากของเจียงหลีเจือความยินดี

“ควรไปกันได้แล้ว” เสียงของผู้เฒ่าประกาศผลครั้งสุดท้าย ลำแสงตกลงมาจากอากาศครอบคลุมทั้งสี่

ท่ามกลางแสงสีทอง เจียงหลีหยอกล้อมู่ชิงเกออย่างนึกสนุก “อีกฝ่ายต้องยอมเพราะเจ้าแน่ๆ”

มู่ชิงเกอยิ้มแต่ไม่ตอบ

จึงทำให้เจียงหลีบ่นอุบในใจ ความแข็งแกร่งยิ่งใหญ่มันดีจริงๆ เมื่อไหร่ข้าสามารถกวาดทะเลดาวได้ถึงจะอยู่เหนือใต้หล้าได้อย่างแท้จริง

แสงสีทองสลายหายไป พวกเขาทั้งสี่ก็มาปรากฏตัวยังสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกเขาจากมา

เพียงแต่ทันทีที่ปรากฏตัวพวกเขารู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากรอบด้าน

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ราชินีพลิกสวรรค์ 241 พลังแห่งอวี้ซาน

Now you are reading ราชินีพลิกสวรรค์ Chapter 241 พลังแห่งอวี้ซาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไม่ได้เป็นศัตรูกับนางอย่างนั้นหรือ น้ำเสียงราวกับสร้างบุญสร้างคุณเยี่ยงนี้ เอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ พวกขายังมีศักดิ์ศรีอยู่ได้อย่างไร เจียงหลียิ้มและรอยยิ้มของนางช่างดูเย้ยหยันแต่กลับดูบาดตาเป็นพิเศษ “ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเจ้าที่ไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ทำได้พียง” เจียงหลีหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฆ่าพวกเจ้าซะ!” การทดสอบคราวนี้มีรายนามแค่สามคนที่ผ่านก็พอแล้ว ตราบใดที่นางสามารถฆ่าทุกคนก่อนกฎการทดสอบจะสะท้อนออกมา นางก็จะสามารถทำให้ทุกคนตกรอบไปได้ทั้งหมด ฆ่าพวกเจ้าซะ! เมื่อสี่คำนี้หลุดออกจากปากนาง ท่าทางของเจียงหลีก็เปลี่ยนไปทันที บัดนี้นางไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์อีกต่อไป แต่นางคือราชินีที่ใต้หล้าต้องศิโรราบ ผู้คนที่เหลือรวมถึงเฉียนจวิ้นมองไปที่นางอย่างสั่นผวา คนบ้า! นี่มันคนบ้าชัดๆ! “พวกเจ้าตายๆ ไปพร้อมกันซะ!” เจียงหลีก้าวออกมาอย่างดุดัน เรือนผมสีหมึกปลิวทะยานสู่ห้วงอากาศ อาภรณ์บิดพลิ้วส่งเสียงสะบัด ทันทีที่ความโกรธของจักรพรรดิปรากฏ ทุกคนรู้สึกว่าถูกกักขังเคลื่อนไหวไม่ได้และทำได้เพียงยอมถูกเชือด “ฆ่า!” ฆ่า! ฆ่า! คำว่าฆ่าที่พ่นออกมาจากปากของเจียงหลีกลายเป็นเจตนาฆ่าพุ่งไปยังฝูงชนไม่มีที่สิ้นสุด อ้ากกก! เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่หยุด แต่หลายคนยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ตกรอบไปเสียแล้ว เงาร่างของเจียงหลีวูบไหวแล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าเฉียนจวิ้นกับหู่อี้ สายตาเย็นชามองไปยังสองคนนั้นด้วยความอำมหิตอย่างปิดไม่มิดจึงทำให้เฉียนจวิ้นใจสั่นผวาและพิโรธยิ่งกว่าเดิม “องค์ชายรอง รีบถอยออกมา” หู่อี้ผลักเฉียนจวิ้นออกอย่างแรงแล้วเอาตัวเองมาบังข้างหน้าเจียงหลีเอาไว้ เจียงหลีกระตุกยิ้มมุมปากและรอยยิ้มนั้นช่างดูประหลาดเหลือเกิน หู่อี้นึกหวาดหวั่นโดยไม่มีเหตุผล “เจ้ายิ้มอะไร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแค่หลิงเจี้ยงคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะหลิงไซว่ได้อย่างนั้นหรือ” “หากอยากเอาชนะเจ้า ไม่จำเป็นต้องสู้กับเจ้า” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้น ในขณะที่หู่อี้กำลังสงสัยว่าคำพูดของเจียงหลีหมายถึงอะไร ทันใดนั้นเฉียนจวิ้นที่อยู่ข้างหลังเขาก็ส่งเสียงร้องตกใจ “อ้าก! หู่อี้ช่วยข้าด้วย” แย่แล้ว! หู่อี้หันกลับไปทันควัน ดันไปเห็นเฉียนจวิ้นที่เขาผลักไปข้างหลังอย่างปลอดภัยแต่แล้วกลับล้มตัวอยู่บนพื้น ราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นกดทับเอาไว้บนร่างของเขา เฉียนจวิ้นพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายแต่กลับมิสามารถหลุดพ้น ภูเขาลูกใหญ่ที่ทับร่างเขาดูเหมือนจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ กดทับเสียจนอวัยวะภายในแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังทรมานเขา จะหนีก็หนีไม่พ้น แต่ก็ยังตายตอนนี้ไม่ได้ อัปยศ! อดสู! บททดสอบครั้งหนึ่ง เขาเป็นถึงองค์ชายผู้สง่างาม แต่เขากลับถูกเจียงหลีหยามเกียรติด้วยกลอุบายแบบเดียวกัน ยามนี้ เฉียนจวิ้นมิเพียงแต่เจ็บปวดร่างกายเท่านั้น แต่ในใจเขาเกลียดแค้นยิ่งกว่า “องค์ชาย!” หู่อี้ตื่นตะลึง เขามิสามารถทำให้เฉียนจวิ้นต้องมาตายภายใต้ความคุ้มครองของเขาอีกครั้งเป็นอันขาด เขาต้องเข้าไปช่วยแต่พบว่าตัวเองกลับขยับไม่ได้ ตู้ม! ทันใดนั้นร่างของเขาก็จมลงและเท้าของเขาจมลงไปที่พื้น เขาหันศีรษะไปมองเจียงหลีด้วยความตกใจ รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าหญิงสาวสะท้อนในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง “กด!” เจียงหลีจิกมือแน่น เทือกเขาไร้รูปธรรมรวมตัวออกมาจากด้านหลังของนางอีกครั้งแล้วกดทับร่างของหู่อี้อย่างแรง อวี้ซาน อวี้ซาน! ดูดซับวิญญาณแห่งขุนเขา ปราบปรามทุกสรรพสิ่งบนโลก “กด!” “กด!” “กด!” เจียงหลพูดติดกันสามครั้ง ทุกครั้งทำให้หู่อี้รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เพิ่มขึ้นและความหวาดผวาในดวงตาของเขาก็ชัดเจนมากขึ้น “คาถา!” ในที่สุดเขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ อ้ากกก! และเมื่อเขากำลังตอบสนอง ขณะเดียวกันเฉียนจวิ้นก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เขาถูกกดทับอีกครั้งจนกระทั่งตาย เมื่อถูกทับจนตายเขาจึงตกรอบอย่างแท้จริง นัยน์ตาหู่อี้สั่นไหวหันมามองเจียงหลีที่มีสีหน้าเย็นชา “เจ้าจะต้องเสียใจ เจ้าชนะบททดสอบแล้วแต่กลับลบหลู่ราชวงศ์!” นางเพียงแค่ยิ้มเย้ยหยันกลับไปให้เขา ภายใต้กฎเกณฑ์เมื่อผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบผู้ช่วยก็ต้องตกรอบไปด้วย ฉะนั้นเงาร่างของหู่อี้จึงหายไปด้วย เวลานี้สีหน้าของเจียงหลีซีดเซียวพลันตกลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็ว ในขณะที่นางกำลังจะตกสู่พื้นเงาร่างอาภรณ์สีแดงอันคุ้นเคยก็โฉบตวัดเขารับร่างนางพร้อมทั้งเอายาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดกรอกปากนางทันที “เป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถามด้วยความเป็นห่วง เจียงหลียิ้มให้ “มียาวิเศษของเจ้า ดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว” “ปากคอเราะร้ายให้น้อยหน่อย” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว เจียงหลีหัวเราะลั่น “ความพิโรธของจักรพรรดิและคาถาจากทักษะการต่อสู้ระดับหายากถูกใช้ในเวลาเดียวกัน นี่สิ้นเปลืองพลังอย่างมาก” ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายพิเศษของนาง เกรงว่าป่านนี้นางคงถูกเผาผลาญตายไปแล้ว ตู้มๆ! ทันใดนั้นจัตุรัสเกิดการสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะถล่มลงมา เจียงหลีหันสายตาและมองไปรอบๆ เพียงเพื่อรับรู้ว่ามีเพียงสี่คนที่เหลืออยู่บนจัตุรัส จูเสียก็กลายเป็นลำแสงและกลับไปที่ข้อมือของเจียงหลี “เจ้ากล้าแหกกฎ!” น้ำเสียงแก่และดุดันปรากฏขึ้นอีกครั้ง จัตุรัสเริ่มพังทลายและเศษชิ้นส่วนยังคงตกลงมา พวกของเจียงหลีทั้งสี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกันมองไปยังทิศทางของเสียง เจียงหลียิ้มและกล่าวว่า “ข้าฆ่าคนตามกฎ แต่ท่านไม่สามารถตอบสนองได้แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า” “บททดสอบขั้นสุดท้าย ไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ ต่อสู้กันเอง นี่ไม่ใช่กฎหรอกหรือ พวกเราทำผิดกฎอันใด” เจียงเฮ่าเองก็ยืนออกมาถามขึ้น “ท่านแก่เอง โทษใครไม่ได้ก็เลยมาโทษพวกเราอย่างนั้นหรือ” ลู่เสวียนเอ่ยยิ้มเยาะ “บังอาจ!” น้ำเสียงของผู้เฒ่าตอบกลับมา ดูเหมือนความพิโรธของเขาทำให้จัตุรัสพลังทลายเร็วขึ้น “ไอ้พวกที่ถูกคัดออกทำให้ท่านผู้อาวุโสสนใจมากขนาดนั้นเชียวหรือ สิบอันดับแรกเป็นแค่คำพูดสวยหรูก็ช่างเถอะ เหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงยึดติดกับกฎเกณฑ์เช่นนี้” เจียงหลีเอ่ยถาม เสียงของผู้เฒ่าเงียบไปนาน จัตุรัสพังทลายเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือเพียงส่วนที่เท้าทั้งสี่คนยืนอยู่ “เจ้ามาจากไหน” ทันใดนั้นเสียงของผู้เฒ่าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่พุ่งเป้าไปยังมู่ชิงเกอที่เงียบอยู่ตลอดเวลา มู่ชิงเกอยิ้ม “ท่านควรประกาศผลตัดสินได้แล้ว” นางไม่ตอบอีกฝ่าย ด้านนั้นจึงเงียบอีกครั้ง หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดอีกครั้ง “ข้าขอประกาศว่ามีเพียงเจียงหลี เจียงเฮ่าและลู่เสวียนสามคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ คะแนนที่ได้รับสามารถสะสมได้ในการทดสอบครั้งต่อไป” เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกแล้วเผยรอยยิ้มออกมา เพื่อให้มีคุณสมบัติเข้าสู่อำนาจที่ยิ่งใหญ่ต้องเข้าร่วมการทดสอบสามครั้งและสิบอันดับแรกที่สะสมคะแนนได้สามครั้งจะต้องแข่งขันอีกครั้งในตอนท้าย สุดท้ายผ่านเข้ารอบรับเลือกได้เพียงสามรายชื่อเท่านั้น “อาหลี ดูเหมือนคะแนนสะสมของเจ้าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมบททดสอบ สามารถผ่านคัดเลือกได้เลย” เจียงเฮ่ากระซิบเสียงเบาข้างหูของนาง ก่อนหน้านี้พวกเขามีคะแนนเยอะ อีกทั้งยังฆ่าคนจำนวนมากจนได้คะแนนมากตามไปด้วย เกรงว่าเมื่อคะแนนของเจียงหลีถูกเผยออกมาจะทำลายสถิติของสถาบันทั้งหมด “พวกเจ้าก็เช่นกัน” มุมปากของเจียงหลีเจือความยินดี “ควรไปกันได้แล้ว” เสียงของผู้เฒ่าประกาศผลครั้งสุดท้าย ลำแสงตกลงมาจากอากาศครอบคลุมทั้งสี่ ท่ามกลางแสงสีทอง เจียงหลีหยอกล้อมู่ชิงเกออย่างนึกสนุก “อีกฝ่ายต้องยอมเพราะเจ้าแน่ๆ” มู่ชิงเกอยิ้มแต่ไม่ตอบ จึงทำให้เจียงหลีบ่นอุบในใจ ความแข็งแกร่งยิ่งใหญ่มันดีจริงๆ เมื่อไหร่ข้าสามารถกวาดทะเลดาวได้ถึงจะอยู่เหนือใต้หล้าได้อย่างแท้จริง แสงสีทองสลายหายไป พวกเขาทั้งสี่ก็มาปรากฏตัวยังสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกเขาจากมา เพียงแต่ทันทีที่ปรากฏตัวพวกเขารู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากรอบด้าน …………………

ไม่ได้เป็นศัตรูกับนางอย่างนั้นหรือ

น้ำเสียงราวกับสร้างบุญสร้างคุณเยี่ยงนี้ เอ่ยวาจาเยี่ยงนี้ พวกขายังมีศักดิ์ศรีอยู่ได้อย่างไร

เจียงหลียิ้มและรอยยิ้มของนางช่างดูเย้ยหยันแต่กลับดูบาดตาเป็นพิเศษ

“ถ้าอย่างนั้น เพื่อเป็นการตอบแทนพวกเจ้าที่ไม่เป็นศัตรูกับข้า ข้าก็ทำได้พียง” เจียงหลีหรี่ตาแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ฆ่าพวกเจ้าซะ!”

การทดสอบคราวนี้มีรายนามแค่สามคนที่ผ่านก็พอแล้ว

ตราบใดที่นางสามารถฆ่าทุกคนก่อนกฎการทดสอบจะสะท้อนออกมา นางก็จะสามารถทำให้ทุกคนตกรอบไปได้ทั้งหมด

ฆ่าพวกเจ้าซะ!

เมื่อสี่คำนี้หลุดออกจากปากนาง ท่าทางของเจียงหลีก็เปลี่ยนไปทันที

บัดนี้นางไม่ใช่สาวน้อยมหัศจรรย์อีกต่อไป แต่นางคือราชินีที่ใต้หล้าต้องศิโรราบ

ผู้คนที่เหลือรวมถึงเฉียนจวิ้นมองไปที่นางอย่างสั่นผวา

คนบ้า!

นี่มันคนบ้าชัดๆ!

“พวกเจ้าตายๆ ไปพร้อมกันซะ!” เจียงหลีก้าวออกมาอย่างดุดัน เรือนผมสีหมึกปลิวทะยานสู่ห้วงอากาศ

อาภรณ์บิดพลิ้วส่งเสียงสะบัด

ทันทีที่ความโกรธของจักรพรรดิปรากฏ ทุกคนรู้สึกว่าถูกกักขังเคลื่อนไหวไม่ได้และทำได้เพียงยอมถูกเชือด

“ฆ่า!”

ฆ่า!

ฆ่า!

คำว่าฆ่าที่พ่นออกมาจากปากของเจียงหลีกลายเป็นเจตนาฆ่าพุ่งไปยังฝูงชนไม่มีที่สิ้นสุด

อ้ากกก!

เสียงกรีดร้องน่าเวทนาดังขึ้นไม่หยุด แต่หลายคนยังไม่ทันได้ส่งเสียงร้องก็ตกรอบไปเสียแล้ว

เงาร่างของเจียงหลีวูบไหวแล้วไปปรากฏตัวต่อหน้าเฉียนจวิ้นกับหู่อี้ สายตาเย็นชามองไปยังสองคนนั้นด้วยความอำมหิตอย่างปิดไม่มิดจึงทำให้เฉียนจวิ้นใจสั่นผวาและพิโรธยิ่งกว่าเดิม

“องค์ชายรอง รีบถอยออกมา” หู่อี้ผลักเฉียนจวิ้นออกอย่างแรงแล้วเอาตัวเองมาบังข้างหน้าเจียงหลีเอาไว้

เจียงหลีกระตุกยิ้มมุมปากและรอยยิ้มนั้นช่างดูประหลาดเหลือเกิน

หู่อี้นึกหวาดหวั่นโดยไม่มีเหตุผล “เจ้ายิ้มอะไร เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นแค่หลิงเจี้ยงคนหนึ่งจะสามารถเอาชนะหลิงไซว่ได้อย่างนั้นหรือ”

“หากอยากเอาชนะเจ้า ไม่จำเป็นต้องสู้กับเจ้า” จู่ๆ เจียงหลีก็เอ่ยขึ้น

ในขณะที่หู่อี้กำลังสงสัยว่าคำพูดของเจียงหลีหมายถึงอะไร ทันใดนั้นเฉียนจวิ้นที่อยู่ข้างหลังเขาก็ส่งเสียงร้องตกใจ

“อ้าก! หู่อี้ช่วยข้าด้วย”

แย่แล้ว!

หู่อี้หันกลับไปทันควัน ดันไปเห็นเฉียนจวิ้นที่เขาผลักไปข้างหลังอย่างปลอดภัยแต่แล้วกลับล้มตัวอยู่บนพื้น ราวกับมีภูเขาลูกใหญ่ที่มองไม่เห็นกดทับเอาไว้บนร่างของเขา

เฉียนจวิ้นพยายามดิ้นรนตะเกียกตะกายแต่กลับมิสามารถหลุดพ้น ภูเขาลูกใหญ่ที่ทับร่างเขาดูเหมือนจะยิ่งหนักขึ้นเรื่อยๆ หนักขึ้นเรื่อยๆ กดทับเสียจนอวัยวะภายในแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ

ความเจ็บปวดที่ไม่สามารถอธิบายได้กำลังทรมานเขา จะหนีก็หนีไม่พ้น แต่ก็ยังตายตอนนี้ไม่ได้

อัปยศ! อดสู!

บททดสอบครั้งหนึ่ง เขาเป็นถึงองค์ชายผู้สง่างาม แต่เขากลับถูกเจียงหลีหยามเกียรติด้วยกลอุบายแบบเดียวกัน

ยามนี้ เฉียนจวิ้นมิเพียงแต่เจ็บปวดร่างกายเท่านั้น แต่ในใจเขาเกลียดแค้นยิ่งกว่า

“องค์ชาย!” หู่อี้ตื่นตะลึง

เขามิสามารถทำให้เฉียนจวิ้นต้องมาตายภายใต้ความคุ้มครองของเขาอีกครั้งเป็นอันขาด

เขาต้องเข้าไปช่วยแต่พบว่าตัวเองกลับขยับไม่ได้

ตู้ม!

ทันใดนั้นร่างของเขาก็จมลงและเท้าของเขาจมลงไปที่พื้น เขาหันศีรษะไปมองเจียงหลีด้วยความตกใจ

รอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าหญิงสาวสะท้อนในดวงตาของเขาอย่างลึกซึ้ง

“กด!” เจียงหลีจิกมือแน่น เทือกเขาไร้รูปธรรมรวมตัวออกมาจากด้านหลังของนางอีกครั้งแล้วกดทับร่างของหู่อี้อย่างแรง

อวี้ซาน อวี้ซาน!

ดูดซับวิญญาณแห่งขุนเขา ปราบปรามทุกสรรพสิ่งบนโลก

“กด!”

“กด!”

“กด!”

เจียงหลพูดติดกันสามครั้ง ทุกครั้งทำให้หู่อี้รู้สึกถึงความหนักอึ้งที่เพิ่มขึ้นและความหวาดผวาในดวงตาของเขาก็ชัดเจนมากขึ้น

“คาถา!” ในที่สุดเขาก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ

อ้ากกก!

และเมื่อเขากำลังตอบสนอง ขณะเดียวกันเฉียนจวิ้นก็ส่งเสียงร้องออกมาอย่างสิ้นหวัง เขาถูกกดทับอีกครั้งจนกระทั่งตาย เมื่อถูกทับจนตายเขาจึงตกรอบอย่างแท้จริง

นัยน์ตาหู่อี้สั่นไหวหันมามองเจียงหลีที่มีสีหน้าเย็นชา “เจ้าจะต้องเสียใจ เจ้าชนะบททดสอบแล้วแต่กลับลบหลู่ราชวงศ์!”

นางเพียงแค่ยิ้มเย้ยหยันกลับไปให้เขา

ภายใต้กฎเกณฑ์เมื่อผู้เข้าร่วมทดสอบตกรอบผู้ช่วยก็ต้องตกรอบไปด้วย ฉะนั้นเงาร่างของหู่อี้จึงหายไปด้วย

เวลานี้สีหน้าของเจียงหลีซีดเซียวพลันตกลงมาจากอากาศอย่างรวดเร็ว

ในขณะที่นางกำลังจะตกสู่พื้นเงาร่างอาภรณ์สีแดงอันคุ้นเคยก็โฉบตวัดเขารับร่างนางพร้อมทั้งเอายาอายุวัฒนะหนึ่งเม็ดกรอกปากนางทันที

“เป็นอย่างไรบ้าง” มู่ชิงเกอถามด้วยความเป็นห่วง

เจียงหลียิ้มให้ “มียาวิเศษของเจ้า ดีจนไม่รู้จะดีอย่างไรแล้ว”

“ปากคอเราะร้ายให้น้อยหน่อย” มู่ชิงเกอขมวดคิ้ว

เจียงหลีหัวเราะลั่น “ความพิโรธของจักรพรรดิและคาถาจากทักษะการต่อสู้ระดับหายากถูกใช้ในเวลาเดียวกัน นี่สิ้นเปลืองพลังอย่างมาก” ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายพิเศษของนาง เกรงว่าป่านนี้นางคงถูกเผาผลาญตายไปแล้ว

ตู้มๆ!

ทันใดนั้นจัตุรัสเกิดการสั่นสะเทือนราวกับกำลังจะถล่มลงมา

เจียงหลีหันสายตาและมองไปรอบๆ เพียงเพื่อรับรู้ว่ามีเพียงสี่คนที่เหลืออยู่บนจัตุรัส จูเสียก็กลายเป็นลำแสงและกลับไปที่ข้อมือของเจียงหลี

“เจ้ากล้าแหกกฎ!” น้ำเสียงแก่และดุดันปรากฏขึ้นอีกครั้ง

จัตุรัสเริ่มพังทลายและเศษชิ้นส่วนยังคงตกลงมา

พวกของเจียงหลีทั้งสี่เงยหน้าขึ้นพร้อมกันมองไปยังทิศทางของเสียง เจียงหลียิ้มและกล่าวว่า “ข้าฆ่าคนตามกฎ แต่ท่านไม่สามารถตอบสนองได้แล้วเกี่ยวอะไรกับข้า”

“บททดสอบขั้นสุดท้าย ไม่คำนึงถึงวิธีการ ไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์ ต่อสู้กันเอง นี่ไม่ใช่กฎหรอกหรือ พวกเราทำผิดกฎอันใด” เจียงเฮ่าเองก็ยืนออกมาถามขึ้น

“ท่านแก่เอง โทษใครไม่ได้ก็เลยมาโทษพวกเราอย่างนั้นหรือ” ลู่เสวียนเอ่ยยิ้มเยาะ

“บังอาจ!” น้ำเสียงของผู้เฒ่าตอบกลับมา

ดูเหมือนความพิโรธของเขาทำให้จัตุรัสพลังทลายเร็วขึ้น

“ไอ้พวกที่ถูกคัดออกทำให้ท่านผู้อาวุโสสนใจมากขนาดนั้นเชียวหรือ สิบอันดับแรกเป็นแค่คำพูดสวยหรูก็ช่างเถอะ เหตุใดท่านผู้อาวุโสจึงยึดติดกับกฎเกณฑ์เช่นนี้” เจียงหลีเอ่ยถาม

เสียงของผู้เฒ่าเงียบไปนาน

จัตุรัสพังทลายเรื่อยๆ จนในที่สุดเหลือเพียงส่วนที่เท้าทั้งสี่คนยืนอยู่

“เจ้ามาจากไหน” ทันใดนั้นเสียงของผู้เฒ่าก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่พุ่งเป้าไปยังมู่ชิงเกอที่เงียบอยู่ตลอดเวลา

มู่ชิงเกอยิ้ม “ท่านควรประกาศผลตัดสินได้แล้ว”

นางไม่ตอบอีกฝ่าย ด้านนั้นจึงเงียบอีกครั้ง

หลังจากผ่านไปสักพักเขาก็พูดอีกครั้ง “ข้าขอประกาศว่ามีเพียงเจียงหลี เจียงเฮ่าและลู่เสวียนสามคนเท่านั้นที่ผ่านการทดสอบ คะแนนที่ได้รับสามารถสะสมได้ในการทดสอบครั้งต่อไป”

เจียงหลีสูดหายใจเข้าลึกแล้วเผยรอยยิ้มออกมา

เพื่อให้มีคุณสมบัติเข้าสู่อำนาจที่ยิ่งใหญ่ต้องเข้าร่วมการทดสอบสามครั้งและสิบอันดับแรกที่สะสมคะแนนได้สามครั้งจะต้องแข่งขันอีกครั้งในตอนท้าย สุดท้ายผ่านเข้ารอบรับเลือกได้เพียงสามรายชื่อเท่านั้น

“อาหลี ดูเหมือนคะแนนสะสมของเจ้าคงไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมบททดสอบ สามารถผ่านคัดเลือกได้เลย” เจียงเฮ่ากระซิบเสียงเบาข้างหูของนาง

ก่อนหน้านี้พวกเขามีคะแนนเยอะ อีกทั้งยังฆ่าคนจำนวนมากจนได้คะแนนมากตามไปด้วย

เกรงว่าเมื่อคะแนนของเจียงหลีถูกเผยออกมาจะทำลายสถิติของสถาบันทั้งหมด

“พวกเจ้าก็เช่นกัน” มุมปากของเจียงหลีเจือความยินดี

“ควรไปกันได้แล้ว” เสียงของผู้เฒ่าประกาศผลครั้งสุดท้าย ลำแสงตกลงมาจากอากาศครอบคลุมทั้งสี่

ท่ามกลางแสงสีทอง เจียงหลีหยอกล้อมู่ชิงเกออย่างนึกสนุก “อีกฝ่ายต้องยอมเพราะเจ้าแน่ๆ”

มู่ชิงเกอยิ้มแต่ไม่ตอบ

จึงทำให้เจียงหลีบ่นอุบในใจ ความแข็งแกร่งยิ่งใหญ่มันดีจริงๆ เมื่อไหร่ข้าสามารถกวาดทะเลดาวได้ถึงจะอยู่เหนือใต้หล้าได้อย่างแท้จริง

แสงสีทองสลายหายไป พวกเขาทั้งสี่ก็มาปรากฏตัวยังสถาบันไป๋หยวนแห่งซีเฉียนซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกเขาจากมา

เพียงแต่ทันทีที่ปรากฏตัวพวกเขารู้สึกได้ถึงการจ้องมองจากรอบด้าน

…………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+